Advent of the Archmage - 614: ในนามแห่งภพนี้, ฉันขอตัดสินให้แกไปตายซะ!
Chapter
การพิพากษาศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในตอนที่เทพตัดสินใจจะลงโทษผู้กระทำผิดในภพมนุษย์โดยตรง
ซึ่งมีอยู่สองวิธีที่เทพจะทำแบบนี้ได้วิธีแรกก็คือ, จุติลงมาบนภพมนุษย์ผ่านแท่นบูชา โดยปกติแล้วเทพมักจะถูกอัญเชิญมาที่แท่นบูชาเพื่อที่จะลงโทษผู้ติดตามที่กระทำผิดในลัทธิของเทพองค์นั้นๆ วิธีที่สองก็คือ, เทพสามารถตัดสินโทษของเขาผ่านผู้ส่งสารได้ โดยสิ่งที่จำเป็นต้องทำก็มีแค่การถ่ายพลังศักดิ์สิทธิ์ลงไปในร่างของตัวแทนที่เต็มใจรับพลัง, และให้เขาหรือเธอคนนั้นลงทัณฑ์เทพต่อศัตรูของพวกเขาในภพมนุษย์
มันเห็นได้ชัดว่าเรือเหาะจากเฟิร์ดนั้นกำลังจะพบจุดจบจากการพิพากษาศักดิ์สิทธิ์รูปแบบที่สอง
ตลอดประวัติศาสตร์ของฟิรุแมนนั้น,มีตัวอย่างการพิพากษาศักดิ์สิทธิ์กว่า 15 ครั้ง, ซึ่งแปดครั้งในนั้นถูกดำเนินการโดยผู้ส่งสารของเทพ
การลงทัณฑ์เทพในแต่ละครั้งนั้น,ผลลัพธ์มักจะออกมาเหมือนกันเสมอ: มันคือการกำจัดคนๆนั้นทิ้งอย่างสมบูรณ์
ไม่เคยมีบันทึกที่บ่งบอกว่ามีมนุษย์เอาตัวรอดมาได้จากการเผชิญหน้ากับเทพเลย
เหล่านักเวทย์,นักรบมังกรและนักรบแสงอรุณที่อยู่บนเรือเหาะเมืองลอยฟ้าต่างก็รู้ดีถึงโอกาสของพวกเขาในการต่อกรกับพลังของเทพ การปรากฎตัวของผู้ส่งสารมีปีกสูง 33 ฟุตเบื้องหน้าพวกเขานั้นได้สลักความกลัวเทพพระเจ้าลงในหัวใจทุกคนอย่างแท้จริง
“ท่านเทพแห่งแสง,ช่วยพวกเราด้วย!” หนึ่งในนักเวทย์คุกเข่าลงและเริ่มสวดภาวนาด้วยความสิ้นหวัง
“ไม่นะ,ข้ายังไม่อยากตาย!”
“โอ้พระเจ้า,ข้าควรทำยังไงดีเนี่ย? มันมีทางออกจากสถานการณ์นี้รึเปล่า!”
ตอนนี้เรือเหาะตกอยู่ในความโกลาหลผ่านเสียงคร่ำครวญทั้งหลาย, กัปตันเรือเหาะเมอร์ลินก็ตะโกนออกมา “ลอร์ดครับ, ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดีครับ?”
ลิงค์ไม่ได้ตอบเขาในทันทีเขารออยู่ไม่กี่วินาทีก่อนที่จะออกคำสั่ง “เตรียมปืนใหญ่แล้วยิงได้เลย!”
ในตอนที่เขาออกคำสั่ง,ก็มีเสียงครืนดังขึ้น จากนั้น, ลำแสงสีขาวก็ถูกยิงออกไปทางผู้ส่งสารของเทพที่อยู่บนพื้น
ในตอนที่ลำแสงกำลังจะโดนเป้าหมาย,ผู้ส่งสารก็ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างกระทันหันแล้วแทงหอกสายฟ้าสีแดงที่อยู่ในมือไปข้างหน้า
ในขณะที่หอกเริ่มเพิ่มความเร็ว,ประกายสายฟ้าสีแดงรอบๆปลายดาบก็ค่อยๆหนาขึ้นจนก่อตัวเป็นบาเรียสายฟ้าที่มีลักษณะเหมือนกับตาข่ายซึ่งปกป้องร่างของผู้ส่งสารเอาไว้ทั้งตัว ในวินาทีต่อมา,การโจมตีจากปืนใหญ่ก็ปะทะกับบาเรียสายฟ้า
เปรี้ยง!ตูม!
ระลอกมิติกระจายออกมาจากจุดที่เกิดการปะทะจากนั้นก็เกิดฟ้าร้องและแผ่นดินสะเทือนในขณะที่ปืนใหญ่เวทมนตร์เลเวล 16 ปะทะกับโล่ของผู้ส่งสาร
ในตอนนั้นเอง,ลิงค์ก็ออกคำสั่งที่สอง “สละเรือ, ทุกคนรีบออกจากเรือเดี๋ยวนี้เลย!”
“ว่าไงนะครับ!?”
เมอร์ลินตกตะลึงกับสิ่งที่พึ่งได้ยินเรือเหาะเมืองลอยฟ้านั้นเต็มไปด้วยนวัตกรรมทางเวทมนตร์ที่เฟิร์ดกับเผ่ายับบ้าช่วยกันคิดค้นขึ้นมา มันคือหนึ่งในเรือเหาะที่ทันสมัยที่สุดในประวัติศาสตร์ สำหรับเมอร์ลิน, เรือเหาะลำนี้มีความสำคัญสำหรับเขายิ่งกว่าครอบครัวของตัวเองซะอีก เขาเพิ่งได้มันมาไม่ถึงเดือนแต่ก็รู้จักมันแทบทุกซอกทุกมุมแล้ว ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับความตาย, เมอร์ลินก็ไม่สามารถทิ้งเรือลำนี้ได้ “สละเรือเดี๋ยวนี้!”ลิงค์พูดด้วยการเน้นเสียงทุกๆคำ
พอพูดจบ,เขาก็เปิดใช้เวทย์เทเลพอร์ท แสงสีขาวปกคลุมทั่วทั้งห้องบัญชาการ และหลังจากนั้นในทันที, ก็เหลือแค่ลิงค์คนเดียวที่ยังอยู่ในห้อง ส่วนคนที่เหลือนั้นถูกเขาเทเลพอร์ทพาออกไปข้างนอกแล้ว
ผู้โดยสารคนอื่นๆที่อยู่นอกห้องบัญชาการเองก็กลัวผู้ส่งสารของเทพจนแทบจะเป็นบ้าในตอนที่ได้ยินคำสั่งของลิงค์, ไม่มีใครลังเลเลยสักนิดก่อนที่จะพากันหนีออกจากเรือ
ด้วยความมั่นใจในพลังกายของตัวเอง,นักรบแสงอรุณที่อยู่บนดาดฟ้าเรือต่างก็พากันกระโดดออกจากเรือ ส่วนนักเวทย์ที่อยู่บนเรือนั้นก็ร่ายเวทย์ลอยใส่ตัวเอง ในขณะที่สมาชิกลูกเรือของยับบ้าพากันปล่อยร่มชูชีพในตอนที่กระโดดออกจากเรือ
สามวินาทีหลังจากที่ทุกคนสละเรือ,คลื่นกระแทกจากการปะทะของปืนใหญ่กับโล่ก็โดนเข้ากับตัวเรือ ในตอนที่รู้สึกได้ถึงคลื่นกระแทก, ทุกคนที่กระโดดออกจากเรือต่างก็ถูกพัดออกไปและสามารถหนีออกมาได้โดยไม่ค่อยได้รับบาดเจ็บ
แต่นี่ก็ไม่สามารถพูดได้กับเรือเหาะเมืองลอยฟ้า
ตัวเรือที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นมีน้ำหนักมากการโจมตีด้วยคลื่นกระแทกก็เหมือนกับค้อนยักษ์ที่เดินทางด้วยความเร็วเสียง
ตู้ม!
ด้วยเสียงดังสนั่น,รอยแตกก็กระจายไปทั่วกำแพงห้องบัญชาการ เรือทั้งลำสั่นกลางอากาศอย่างรุนแรงในขณะที่มันถูกดันถอยไปจากแรงกระแทก
ก่อนหน้านี้โครงสร้างของเรือเหาะก็พังทลายไปมากแล้วจากพายุและตอนนี้มันก็ดูเหมือนกำลังจะแยกเป็นสองส่วนหลังจากได้รับคลื่นกระแทก
มันเหมือนกับมีมือล่องหนมาโจมตีเรือเหาะ,และทำให้มันหมดสภาพในทันที
ในจังหวะนั้นเอง,ก็มีแสงวาบสีขาวสว่างขึ้นบนพื้นดินใต้เรือเหาะห่างออกไปราวๆหนึ่งพันฟุต ในตอนที่แสงหายไปก็เผยให้เห็นเซลีน, เฟลิน่า, เมอร์ลินและคนอื่นๆที่อยู่ข้างในห้องบัญชาการเมื่อก่อนหน้านี้
พวกเขาเหลือบไปเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรือเหาะที่ลอยอยู่บนฟ้าได้ทันเวลาพอดี
เซลีนมองไปรอบๆแล้วตะโกนออกมาอย่างกระทันหัน“ลอร์ดไปไหน? ลิงค์อยู่ที่ไหน? ทำไมเขาถึงไม่อยู่ที่นี่?”
เฟลิน่าเองก็มองไปรอบๆเหมือนกันทันใดนั้นเอง, เธอก็นึงถึงสิ่งสุดท้ายที่เธอเห็นก่อนที่จะถูกพาเทเลพอร์ทออกมาจากห้องบัญชาการ แสงสีขาวนั้นห่อหุ้มทุกคนเอาไว้, ยกเว้นลิงค์
เธอตะโกนตอบ“ลอร์ดไม่ได้เทเลพอร์ทตัวเองออกมาจากเรือเหาะด้วย เขายังอยู่ข้างใน!” พอได้ยินสิ่งที่เธอพูด,เซลีนก็สัมผัสได้ถึงออร่าจากเรือเหาะซึ่งเธอรู้ว่าเป็นของลิงค์เพียงคนเดียวในทันที, เธอเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องไปยังเรือเหาะที่กำลังหมุนอยู่บนฟ้าอย่างไม่สามารถควบคุมได้ แล้วตะโกนออกมา “เขายังมีอะไรต้องทำในเรื่อเหาะอีกเนี่ย!?”
ทันใดนั้นเองเธอก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เขาพยายามซื้อเวลาให้พวกเราหนีด้วยการหลอกล่อผู้ส่งสารของเทพหรอ? แต่นั่นมันเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆเลยนะ! เขาเสียสติไปแล้วรึไง? ถ้าเขาตาย, ใครจะอยู่ปกป้องเฟิร์ดจากเกาะรุ่งอรุณหล่ะ? แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับฉันถ้าเขาตาย? เซลีนคิด, ตอนนี้ความกลัวกำลังครอบงำหัวใจของเธอ ก่อนที่เธอจะได้ตอบสนอง, เงาคนที่เปล่งแสงสีแดงก็พุ่งตัดอากาศ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, เสียงที่ดังสนั่นก็ระเบิดออกมา
“มนุษย์,เจ้ากล้าท้าทายเทพอย่างงั้นหรอ?”
มันคือเสียงของผู้ส่งสารแห่งเทพ! จากนั้นทั้งท้องฟ้าและผืนดินก็ถูกย้อมด้วยเงาสีแดงในทันทีสิ่งเดียวที่ยังไม่ได้ถูกย้อมไปด้วยก็คือเรือเหาะของลิงค์
มีแสงสีขาวกำลังขยายตัวขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะแม้ว่าแสงนั้นจะริบหรี่เมื่อเจอกับแสงสีแดงก่ำ, แต่ผู้ชมก็ยังสามารถมองเห็นความแตกต่างของพลังทั้งสองฝั่งได้ อย่างไรก็ตาม, มันคงจะอีกไม่นานก่อนที่แสงสีแดงจะกลืนเรือเหาะไป Aileen-novel
“ไม่นะ!ไม่ไม่!” เซลีนตะโกนอย่างสิ้นหวัง เธอเอาไรเฟิลออกมา, แล้วใส่กระสุนคริสตัลเงินเข้าไปอย่างรวดเร็วและยิงใส่ร่างสีแดงเลือดนั้นสองสามนัด
อย่างไรก็ตาม,กระสุนของเธอไม่โดนเป้าหมายเลยสักนัด
ผู้ส่งสารยังคงมุ่งหน้าไปยังเรือเหาะโดยไม่พยายามหลบกระสุนของเซลีนเลยด้วยซ้ำ
แม้กระทั่งพลังทำนายของเธอก็ยังทำอะไรไม่ได้เมื่อเจอกับพลังของเทพ เฟลิน่ากับคนอื่นๆแปลงร่างเป็นมังกรแล้วรีบบินขึ้นไปช่วยลิงค์,แต่ไม่ว่าพวกเขาจะบินเร็วแค่ไหน, พวกเขาก็ไม่สามารถตามร่างสีแดงเลือดนั้นทันได้
ผู้ส่งสารของเทพแข็งแกร่งจนพวกเขาเทียบไม่ติดทั้งในแง่ของพลังและความเร็ว
…
ข้างในห้องบัญชาการของเรือเหาะ
แม้ว่าเรือเหาะจะแยกเป็นสองส่วนและกำแพงห้องบัญชาการก็มีรอยแตกแล้ว,แต่ห้องบัญชาการก็ยังคงเป็นส่วนที่เชื่อมติดกันดีของเรือเหาะและเป็นส่วนเดียวที่ยังอยู่ดีจากทั่วทั้งเรือที่พังไปแล้วอย่างสมบูรณ์
ลิงค์ยังคงยืนบนพื้นได้อย่างมั่นคงเขาถือดาบลำนำจันทร์เต็มดวงเอาไว้ในมือขวาและหนังสือแห่งการเปิดเผยของผู้ปกครองวิญญาณเอาไว้ในมือซ้าย
ในขณะที่ผู้ส่งสารของเทพกำลังเข้าใกล้เขาขึ้นเรื่อยๆ,ลิงค์ก็เริ่มเปิดหน้าหนังสือด้วยมือแห่งนักเวทย์และส่งพลังเข้าไปในเวลาเดียวกัน
ลิงค์ใช้พลังแก่นภพไปมากกว่า33,000 แต้มเพื่อที่จะร่ายเวทย์ดวงตาแห่งอกราม่าและคงสภาพของมันเอาไว้ตลอดเวลา พลังของเขาถูกผลาญไปอย่างมากจนตอนนี้เขามีพลังที่สามารถส่งเข้าไปในหนังสือแห่งการเปิดเผยได้ไม่ถึง 10,000 แต้มด้วยซ้ำ
เวทย์ทำนายโชคชะตาของหนังสือแห่งการเปิดเผยไม่น่าจะสามารถใช้ฆ่าผู้ส่งสารได้,แต่มันน่าจะพอซื้อเวลาให้ฉันได้อยู่นะ, ลิงค์คิด
ทันใดนั้นเอง,ก็มีแสงวาบขึ้นมาที่หางตาของเขา มันคือข้อความแจ้งภารกิจสำเร็จ, และเขาก็ได้รับรางวัลเป็นโจกุ 40 ชิ้น ตอนนี้เขามีโจกุรวมทั้งหมดมากกว่า 300 ชิ้นแล้ว
และพร้อมกันนั้น,ภารกิจใหม่ก็เด้งขึ้นมา
ผู้เล่นเปิดชุดภารกิจขั้นที่สอง:หลบหนีการพิพากษาศักดิ์สิทธิ์! รายละเอียด:หนีจากผู้ส่งสารของเทพแห่งการทำลายและข้ามไปที่ผนึกของรอยแยกภพ
รางวัลภารกิจ:หินดาราลับ
เนื่องจากว่าเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินลิงค์จึงเหลือบมองข้อความได้แค่แวบเดียวเท่านั้นก่อนที่เขาจะรับภารกิจใหม่ในทันทีโดยไม่ได้สนใจรางวัลภารกิจซักเท่าไหร่
จากนั้นเขาก็ถ่ายพลังเข้าไปในหนังสือแห่งการเปิดเผย,ซึ่งมันก็เริ่มเปล่งแสงแล้ว
แสงรอบๆหนังสือส่งกระแสคลื่นที่มีลักษณะเหมือนน้ำออกมาในอากาศถ้าสังเกตดูดีๆ, จะเห็นว่าจริงๆแล้วมันคือผนึกเวทมนตร์โปร่งแสงจำนวนนับไม่ถ้วนที่มารวมตัวกันอย่างหนาแน่น
ในตอนนี้,ลิงค์รู้สึกได้ว่ามีพลังที่ไม่สามารถอธิบายได้กำลังหลั่งไหลเข้ามาในร่างของเขา ไม่สิ, ที่เขารู้สึกมันไม่ใช่พลัง, แต่มันคล้ายกับอำนาจเหนือโชคชะตาของทุกสรรพสิ่งในภพนี้มากกว่า จากนั้นร่างกายของลิงค์ก็เริ่มลอยขึ้นมา,แต่ว่ามันไม่ใช่เพราะเขาร่ายเวทย์ลอยใส่ตัวเอง, มันคือการที่โลกยอมสยบอยู่เบื้องหน้าลิงค์เนื่องจากรับรู้ถึงอำนาจของเขามากกว่า
พูดอีกนัยนึงก็คือ,มันคือการที่โลกทั้งใบยกเขาขึ้นฟ้าด้วยความปิติยินดี
การจะเชี่ยวชาญเวทย์ทำนายได้นั้นมีแต่จะต้องได้รับพรจากภพจริงๆสินะตอนนี้ลิงค์เข้าใจความหมายของมันอย่างเต็มที่แล้ว
จากนั้นเขาก็เดินออกมาจากซากเรือเหาะ,เขาก้าวบนอากาศด้วยความเยือกเย็นในทุกๆก้าวราวกับว่าเขากำลังเดินอยู่บนพื้นราบ
ผู้ส่งสารของเทพแห่งการทำลายยังคงพุ่งตรงมาหาเขาด้วยพายุแห่งความพิโรธ
ด้วยเวทย์ดวงตาแห่งอกราม่า,ลิงค์สามารถทำนายการพัฒนาที่เป็นไปได้มากที่สุดในอนาคตอันใกล้ นับจากนี้ในอีก 2.3 วินาที, ผู้ส่งสารจะปล่อยการโจมตีใส่เขา, และเมื่อถึงตอนนั้นเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรเพื่อหยุดมันได้ ความเป็นไปได้เดียวที่จะเกิดขึ้นจากการโจมตีของผู้ส่งสารนั้นคงจะเป็นการกำจัดเขาอย่างสมบูรณ์
ถ้าเขาหวังจะรอดจากการโจมตีนี้,เขาจะต้องโจมตีผู้ส่งสารก่อน
และด้วยเหตุนั้นเอง,ลิงค์จึงทำแบบนั้น
ด้วยมือข้างนึงที่ถือหนังสือแห่งการเปิดเผยอยู่,มืออีกข้างก็ชี้ดาบลำนำจันทร์เต็มดวงไปทางผู้ส่งสาร, เขาประกาศออกมา “ในนามของภพนี้, ฉันขอตัดสินให้แกไปตายซะ!”
เสียงของเขานุ่มนวลในตอนแรก,แต่มันก็ค่อยๆดังขึ้นจนกระทั่งสะเทือนทั้งสวรรค์และแผ่นดินเหมือนกับฟ้าผ่า และมันยังคงดังก้องต่อไปเรื่อยๆ
“ฉันขอตัดสินให้แก…ตัดสินให้แก…ไปตายซะ!”
ในตอนนั้นเอง,มันก็มีเรื่องที่อธิบายไม่ได้บางอย่างเกิดขึ้น
เงาสีแดงที่ปกคลุมท้องฟ้าเมื่อครู่ก่อนสลายไปอย่างกระทันหันและในจังหวะต่อมา,ผู้ส่งสารของเทพแห่งการทำลายก็ส่งเสียงกรีดร้องที่บาดไปถึงขั้วหัวใจออกมาในขณะที่เธอเริ่มร่วงจากท้องฟ้าเหมือนกับนางฟ้าที่ถูกเด็ดปีก
การพิพากษาศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในตอนที่เทพตัดสินใจจะลงโทษผู้กระทำผิดในภพมนุษย์โดยตรง
ซึ่งมีอยู่สองวิธีที่เทพจะทำแบบนี้ได้วิธีแรกก็คือ, จุติลงมาบนภพมนุษย์ผ่านแท่นบูชา โดยปกติแล้วเทพมักจะถูกอัญเชิญมาที่แท่นบูชาเพื่อที่จะลงโทษผู้ติดตามที่กระทำผิดในลัทธิของเทพองค์นั้นๆ วิธีที่สองก็คือ, เทพสามารถตัดสินโทษของเขาผ่านผู้ส่งสารได้ โดยสิ่งที่จำเป็นต้องทำก็มีแค่การถ่ายพลังศักดิ์สิทธิ์ลงไปในร่างของตัวแทนที่เต็มใจรับพลัง, และให้เขาหรือเธอคนนั้นลงทัณฑ์เทพต่อศัตรูของพวกเขาในภพมนุษย์
มันเห็นได้ชัดว่าเรือเหาะจากเฟิร์ดนั้นกำลังจะพบจุดจบจากการพิพากษาศักดิ์สิทธิ์รูปแบบที่สอง
ตลอดประวัติศาสตร์ของฟิรุแมนนั้น,มีตัวอย่างการพิพากษาศักดิ์สิทธิ์กว่า 15 ครั้ง, ซึ่งแปดครั้งในนั้นถูกดำเนินการโดยผู้ส่งสารของเทพ
การลงทัณฑ์เทพในแต่ละครั้งนั้น,ผลลัพธ์มักจะออกมาเหมือนกันเสมอ: มันคือการกำจัดคนๆนั้นทิ้งอย่างสมบูรณ์
ไม่เคยมีบันทึกที่บ่งบอกว่ามีมนุษย์เอาตัวรอดมาได้จากการเผชิญหน้ากับเทพเลย
เหล่านักเวทย์,นักรบมังกรและนักรบแสงอรุณที่อยู่บนเรือเหาะเมืองลอยฟ้าต่างก็รู้ดีถึงโอกาสของพวกเขาในการต่อกรกับพลังของเทพ การปรากฎตัวของผู้ส่งสารมีปีกสูง 33 ฟุตเบื้องหน้าพวกเขานั้นได้สลักความกลัวเทพพระเจ้าลงในหัวใจทุกคนอย่างแท้จริง
“ท่านเทพแห่งแสง,ช่วยพวกเราด้วย!” หนึ่งในนักเวทย์คุกเข่าลงและเริ่มสวดภาวนาด้วยความสิ้นหวัง
“ไม่นะ,ข้ายังไม่อยากตาย!”
“โอ้พระเจ้า,ข้าควรทำยังไงดีเนี่ย? มันมีทางออกจากสถานการณ์นี้รึเปล่า!”
ตอนนี้เรือเหาะตกอยู่ในความโกลาหลผ่านเสียงคร่ำครวญทั้งหลาย, กัปตันเรือเหาะเมอร์ลินก็ตะโกนออกมา “ลอร์ดครับ, ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดีครับ?”
ลิงค์ไม่ได้ตอบเขาในทันทีเขารออยู่ไม่กี่วินาทีก่อนที่จะออกคำสั่ง “เตรียมปืนใหญ่แล้วยิงได้เลย!”
ในตอนที่เขาออกคำสั่ง,ก็มีเสียงครืนดังขึ้น จากนั้น, ลำแสงสีขาวก็ถูกยิงออกไปทางผู้ส่งสารของเทพที่อยู่บนพื้น
ในตอนที่ลำแสงกำลังจะโดนเป้าหมาย,ผู้ส่งสารก็ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างกระทันหันแล้วแทงหอกสายฟ้าสีแดงที่อยู่ในมือไปข้างหน้า
ในขณะที่หอกเริ่มเพิ่มความเร็ว,ประกายสายฟ้าสีแดงรอบๆปลายดาบก็ค่อยๆหนาขึ้นจนก่อตัวเป็นบาเรียสายฟ้าที่มีลักษณะเหมือนกับตาข่ายซึ่งปกป้องร่างของผู้ส่งสารเอาไว้ทั้งตัว ในวินาทีต่อมา,การโจมตีจากปืนใหญ่ก็ปะทะกับบาเรียสายฟ้า
เปรี้ยง!ตูม!
ระลอกมิติกระจายออกมาจากจุดที่เกิดการปะทะจากนั้นก็เกิดฟ้าร้องและแผ่นดินสะเทือนในขณะที่ปืนใหญ่เวทมนตร์เลเวล 16 ปะทะกับโล่ของผู้ส่งสาร
ในตอนนั้นเอง,ลิงค์ก็ออกคำสั่งที่สอง “สละเรือ, ทุกคนรีบออกจากเรือเดี๋ยวนี้เลย!”
“ว่าไงนะครับ!?”
เมอร์ลินตกตะลึงกับสิ่งที่พึ่งได้ยินเรือเหาะเมืองลอยฟ้านั้นเต็มไปด้วยนวัตกรรมทางเวทมนตร์ที่เฟิร์ดกับเผ่ายับบ้าช่วยกันคิดค้นขึ้นมา มันคือหนึ่งในเรือเหาะที่ทันสมัยที่สุดในประวัติศาสตร์ สำหรับเมอร์ลิน, เรือเหาะลำนี้มีความสำคัญสำหรับเขายิ่งกว่าครอบครัวของตัวเองซะอีก เขาเพิ่งได้มันมาไม่ถึงเดือนแต่ก็รู้จักมันแทบทุกซอกทุกมุมแล้ว ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับความตาย, เมอร์ลินก็ไม่สามารถทิ้งเรือลำนี้ได้ “สละเรือเดี๋ยวนี้!”ลิงค์พูดด้วยการเน้นเสียงทุกๆคำ
พอพูดจบ,เขาก็เปิดใช้เวทย์เทเลพอร์ท แสงสีขาวปกคลุมทั่วทั้งห้องบัญชาการ และหลังจากนั้นในทันที, ก็เหลือแค่ลิงค์คนเดียวที่ยังอยู่ในห้อง ส่วนคนที่เหลือนั้นถูกเขาเทเลพอร์ทพาออกไปข้างนอกแล้ว
ผู้โดยสารคนอื่นๆที่อยู่นอกห้องบัญชาการเองก็กลัวผู้ส่งสารของเทพจนแทบจะเป็นบ้าในตอนที่ได้ยินคำสั่งของลิงค์, ไม่มีใครลังเลเลยสักนิดก่อนที่จะพากันหนีออกจากเรือ
ด้วยความมั่นใจในพลังกายของตัวเอง,นักรบแสงอรุณที่อยู่บนดาดฟ้าเรือต่างก็พากันกระโดดออกจากเรือ ส่วนนักเวทย์ที่อยู่บนเรือนั้นก็ร่ายเวทย์ลอยใส่ตัวเอง ในขณะที่สมาชิกลูกเรือของยับบ้าพากันปล่อยร่มชูชีพในตอนที่กระโดดออกจากเรือ
สามวินาทีหลังจากที่ทุกคนสละเรือ,คลื่นกระแทกจากการปะทะของปืนใหญ่กับโล่ก็โดนเข้ากับตัวเรือ ในตอนที่รู้สึกได้ถึงคลื่นกระแทก, ทุกคนที่กระโดดออกจากเรือต่างก็ถูกพัดออกไปและสามารถหนีออกมาได้โดยไม่ค่อยได้รับบาดเจ็บ
แต่นี่ก็ไม่สามารถพูดได้กับเรือเหาะเมืองลอยฟ้า
ตัวเรือที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นมีน้ำหนักมากการโจมตีด้วยคลื่นกระแทกก็เหมือนกับค้อนยักษ์ที่เดินทางด้วยความเร็วเสียง
ตู้ม!
ด้วยเสียงดังสนั่น,รอยแตกก็กระจายไปทั่วกำแพงห้องบัญชาการ เรือทั้งลำสั่นกลางอากาศอย่างรุนแรงในขณะที่มันถูกดันถอยไปจากแรงกระแทก
ก่อนหน้านี้โครงสร้างของเรือเหาะก็พังทลายไปมากแล้วจากพายุและตอนนี้มันก็ดูเหมือนกำลังจะแยกเป็นสองส่วนหลังจากได้รับคลื่นกระแทก
มันเหมือนกับมีมือล่องหนมาโจมตีเรือเหาะ,และทำให้มันหมดสภาพในทันที
ในจังหวะนั้นเอง,ก็มีแสงวาบสีขาวสว่างขึ้นบนพื้นดินใต้เรือเหาะห่างออกไปราวๆหนึ่งพันฟุต ในตอนที่แสงหายไปก็เผยให้เห็นเซลีน, เฟลิน่า, เมอร์ลินและคนอื่นๆที่อยู่ข้างในห้องบัญชาการเมื่อก่อนหน้านี้
พวกเขาเหลือบไปเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรือเหาะที่ลอยอยู่บนฟ้าได้ทันเวลาพอดี
เซลีนมองไปรอบๆแล้วตะโกนออกมาอย่างกระทันหัน“ลอร์ดไปไหน? ลิงค์อยู่ที่ไหน? ทำไมเขาถึงไม่อยู่ที่นี่?”
เฟลิน่าเองก็มองไปรอบๆเหมือนกันทันใดนั้นเอง, เธอก็นึงถึงสิ่งสุดท้ายที่เธอเห็นก่อนที่จะถูกพาเทเลพอร์ทออกมาจากห้องบัญชาการ แสงสีขาวนั้นห่อหุ้มทุกคนเอาไว้, ยกเว้นลิงค์
เธอตะโกนตอบ“ลอร์ดไม่ได้เทเลพอร์ทตัวเองออกมาจากเรือเหาะด้วย เขายังอยู่ข้างใน!” พอได้ยินสิ่งที่เธอพูด,เซลีนก็สัมผัสได้ถึงออร่าจากเรือเหาะซึ่งเธอรู้ว่าเป็นของลิงค์เพียงคนเดียวในทันที, เธอเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องไปยังเรือเหาะที่กำลังหมุนอยู่บนฟ้าอย่างไม่สามารถควบคุมได้ แล้วตะโกนออกมา “เขายังมีอะไรต้องทำในเรื่อเหาะอีกเนี่ย!?”
ทันใดนั้นเองเธอก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เขาพยายามซื้อเวลาให้พวกเราหนีด้วยการหลอกล่อผู้ส่งสารของเทพหรอ? แต่นั่นมันเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆเลยนะ! เขาเสียสติไปแล้วรึไง? ถ้าเขาตาย, ใครจะอยู่ปกป้องเฟิร์ดจากเกาะรุ่งอรุณหล่ะ? แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับฉันถ้าเขาตาย? เซลีนคิด, ตอนนี้ความกลัวกำลังครอบงำหัวใจของเธอ ก่อนที่เธอจะได้ตอบสนอง, เงาคนที่เปล่งแสงสีแดงก็พุ่งตัดอากาศ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, เสียงที่ดังสนั่นก็ระเบิดออกมา
“มนุษย์,เจ้ากล้าท้าทายเทพอย่างงั้นหรอ?”
มันคือเสียงของผู้ส่งสารแห่งเทพ! จากนั้นทั้งท้องฟ้าและผืนดินก็ถูกย้อมด้วยเงาสีแดงในทันทีสิ่งเดียวที่ยังไม่ได้ถูกย้อมไปด้วยก็คือเรือเหาะของลิงค์
มีแสงสีขาวกำลังขยายตัวขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะแม้ว่าแสงนั้นจะริบหรี่เมื่อเจอกับแสงสีแดงก่ำ, แต่ผู้ชมก็ยังสามารถมองเห็นความแตกต่างของพลังทั้งสองฝั่งได้ อย่างไรก็ตาม, มันคงจะอีกไม่นานก่อนที่แสงสีแดงจะกลืนเรือเหาะไป Aileen-novel
“ไม่นะ!ไม่ไม่!” เซลีนตะโกนอย่างสิ้นหวัง เธอเอาไรเฟิลออกมา, แล้วใส่กระสุนคริสตัลเงินเข้าไปอย่างรวดเร็วและยิงใส่ร่างสีแดงเลือดนั้นสองสามนัด
อย่างไรก็ตาม,กระสุนของเธอไม่โดนเป้าหมายเลยสักนัด
ผู้ส่งสารยังคงมุ่งหน้าไปยังเรือเหาะโดยไม่พยายามหลบกระสุนของเซลีนเลยด้วยซ้ำ
แม้กระทั่งพลังทำนายของเธอก็ยังทำอะไรไม่ได้เมื่อเจอกับพลังของเทพ เฟลิน่ากับคนอื่นๆแปลงร่างเป็นมังกรแล้วรีบบินขึ้นไปช่วยลิงค์,แต่ไม่ว่าพวกเขาจะบินเร็วแค่ไหน, พวกเขาก็ไม่สามารถตามร่างสีแดงเลือดนั้นทันได้
ผู้ส่งสารของเทพแข็งแกร่งจนพวกเขาเทียบไม่ติดทั้งในแง่ของพลังและความเร็ว
…
ข้างในห้องบัญชาการของเรือเหาะ
แม้ว่าเรือเหาะจะแยกเป็นสองส่วนและกำแพงห้องบัญชาการก็มีรอยแตกแล้ว,แต่ห้องบัญชาการก็ยังคงเป็นส่วนที่เชื่อมติดกันดีของเรือเหาะและเป็นส่วนเดียวที่ยังอยู่ดีจากทั่วทั้งเรือที่พังไปแล้วอย่างสมบูรณ์
ลิงค์ยังคงยืนบนพื้นได้อย่างมั่นคงเขาถือดาบลำนำจันทร์เต็มดวงเอาไว้ในมือขวาและหนังสือแห่งการเปิดเผยของผู้ปกครองวิญญาณเอาไว้ในมือซ้าย
ในขณะที่ผู้ส่งสารของเทพกำลังเข้าใกล้เขาขึ้นเรื่อยๆ,ลิงค์ก็เริ่มเปิดหน้าหนังสือด้วยมือแห่งนักเวทย์และส่งพลังเข้าไปในเวลาเดียวกัน
ลิงค์ใช้พลังแก่นภพไปมากกว่า33,000 แต้มเพื่อที่จะร่ายเวทย์ดวงตาแห่งอกราม่าและคงสภาพของมันเอาไว้ตลอดเวลา พลังของเขาถูกผลาญไปอย่างมากจนตอนนี้เขามีพลังที่สามารถส่งเข้าไปในหนังสือแห่งการเปิดเผยได้ไม่ถึง 10,000 แต้มด้วยซ้ำ
เวทย์ทำนายโชคชะตาของหนังสือแห่งการเปิดเผยไม่น่าจะสามารถใช้ฆ่าผู้ส่งสารได้,แต่มันน่าจะพอซื้อเวลาให้ฉันได้อยู่นะ, ลิงค์คิด
ทันใดนั้นเอง,ก็มีแสงวาบขึ้นมาที่หางตาของเขา มันคือข้อความแจ้งภารกิจสำเร็จ, และเขาก็ได้รับรางวัลเป็นโจกุ 40 ชิ้น ตอนนี้เขามีโจกุรวมทั้งหมดมากกว่า 300 ชิ้นแล้ว
และพร้อมกันนั้น,ภารกิจใหม่ก็เด้งขึ้นมา
ผู้เล่นเปิดชุดภารกิจขั้นที่สอง:หลบหนีการพิพากษาศักดิ์สิทธิ์! รายละเอียด:หนีจากผู้ส่งสารของเทพแห่งการทำลายและข้ามไปที่ผนึกของรอยแยกภพ
รางวัลภารกิจ:หินดาราลับ
เนื่องจากว่าเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินลิงค์จึงเหลือบมองข้อความได้แค่แวบเดียวเท่านั้นก่อนที่เขาจะรับภารกิจใหม่ในทันทีโดยไม่ได้สนใจรางวัลภารกิจซักเท่าไหร่
จากนั้นเขาก็ถ่ายพลังเข้าไปในหนังสือแห่งการเปิดเผย,ซึ่งมันก็เริ่มเปล่งแสงแล้ว
แสงรอบๆหนังสือส่งกระแสคลื่นที่มีลักษณะเหมือนน้ำออกมาในอากาศถ้าสังเกตดูดีๆ, จะเห็นว่าจริงๆแล้วมันคือผนึกเวทมนตร์โปร่งแสงจำนวนนับไม่ถ้วนที่มารวมตัวกันอย่างหนาแน่น
ในตอนนี้,ลิงค์รู้สึกได้ว่ามีพลังที่ไม่สามารถอธิบายได้กำลังหลั่งไหลเข้ามาในร่างของเขา ไม่สิ, ที่เขารู้สึกมันไม่ใช่พลัง, แต่มันคล้ายกับอำนาจเหนือโชคชะตาของทุกสรรพสิ่งในภพนี้มากกว่า จากนั้นร่างกายของลิงค์ก็เริ่มลอยขึ้นมา,แต่ว่ามันไม่ใช่เพราะเขาร่ายเวทย์ลอยใส่ตัวเอง, มันคือการที่โลกยอมสยบอยู่เบื้องหน้าลิงค์เนื่องจากรับรู้ถึงอำนาจของเขามากกว่า
พูดอีกนัยนึงก็คือ,มันคือการที่โลกทั้งใบยกเขาขึ้นฟ้าด้วยความปิติยินดี
การจะเชี่ยวชาญเวทย์ทำนายได้นั้นมีแต่จะต้องได้รับพรจากภพจริงๆสินะตอนนี้ลิงค์เข้าใจความหมายของมันอย่างเต็มที่แล้ว
จากนั้นเขาก็เดินออกมาจากซากเรือเหาะ,เขาก้าวบนอากาศด้วยความเยือกเย็นในทุกๆก้าวราวกับว่าเขากำลังเดินอยู่บนพื้นราบ
ผู้ส่งสารของเทพแห่งการทำลายยังคงพุ่งตรงมาหาเขาด้วยพายุแห่งความพิโรธ
ด้วยเวทย์ดวงตาแห่งอกราม่า,ลิงค์สามารถทำนายการพัฒนาที่เป็นไปได้มากที่สุดในอนาคตอันใกล้ นับจากนี้ในอีก 2.3 วินาที, ผู้ส่งสารจะปล่อยการโจมตีใส่เขา, และเมื่อถึงตอนนั้นเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรเพื่อหยุดมันได้ ความเป็นไปได้เดียวที่จะเกิดขึ้นจากการโจมตีของผู้ส่งสารนั้นคงจะเป็นการกำจัดเขาอย่างสมบูรณ์
ถ้าเขาหวังจะรอดจากการโจมตีนี้,เขาจะต้องโจมตีผู้ส่งสารก่อน
และด้วยเหตุนั้นเอง,ลิงค์จึงทำแบบนั้น
ด้วยมือข้างนึงที่ถือหนังสือแห่งการเปิดเผยอยู่,มืออีกข้างก็ชี้ดาบลำนำจันทร์เต็มดวงไปทางผู้ส่งสาร, เขาประกาศออกมา “ในนามของภพนี้, ฉันขอตัดสินให้แกไปตายซะ!”
เสียงของเขานุ่มนวลในตอนแรก,แต่มันก็ค่อยๆดังขึ้นจนกระทั่งสะเทือนทั้งสวรรค์และแผ่นดินเหมือนกับฟ้าผ่า และมันยังคงดังก้องต่อไปเรื่อยๆ
“ฉันขอตัดสินให้แก…ตัดสินให้แก…ไปตายซะ!”
ในตอนนั้นเอง,มันก็มีเรื่องที่อธิบายไม่ได้บางอย่างเกิดขึ้น
เงาสีแดงที่ปกคลุมท้องฟ้าเมื่อครู่ก่อนสลายไปอย่างกระทันหันและในจังหวะต่อมา,ผู้ส่งสารของเทพแห่งการทำลายก็ส่งเสียงกรีดร้องที่บาดไปถึงขั้วหัวใจออกมาในขณะที่เธอเริ่มร่วงจากท้องฟ้าเหมือนกับนางฟ้าที่ถูกเด็ดปีก