Advent of the Archmage - 617: แต่ละฝ่ายล้วนมีแผนของตัวเอง
Chapter
นายท่าน,โอเคไหมคะ? นานะพูด น้ำเสียงของเธอราบเรียบราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติ
ท่านลอร์ด! นักเวทย์กับนักรบของเฟิร์ดพูด พวกเขาจ้องมาที่ลิงค์ด้วยความนับถือ ความเทิดทูนถูกเขียนเอาไว้บนใบหน้าของพวกเขาทุกคน
ดยุค,เป็นยังไงบ้าง? เหล่านักรบมังกรแดงพูด มังกรนั้นเป็นที่รู้จักในฐานะเผ่าพันธุ์ระดับตำนาน, แต่พวกเขาก็ยังตกใจกับศักยภาพของลิงค์
นี่เป็นครั้งแรกที่ประวัติศาสตร์ของฟิรุแมนถูกบันทึกว่ามีคนสามารถเอาตัวรอดจากการเผชิญหน้ากับการพิพากษาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร้รอยขีดข่วน!
ลิงค์เองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกการปะทะกันก่อนหน้านี้น่ากลัวจริงๆ แม้ว่าเขาจะใช้เวทย์เลเวล 17 ไปแล้ว, แต่เขาก็ยังต้องใช้ความพยามสุดตัวในการคงสภาพของเวทมนตร์และยับยั้งผู้ส่งสารเอาไว้
ในระหว่างกระบวนการนี้,ถ้ามีความผิดพลาดเกิดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยมันก็จะทำให้ผู้ส่งสารเป็นอิสระและทำลายทุกอย่าง แถมเขาก็จะถูกฆ่าด้วย
แต่ก็โชคดีที่เขาทำสำเร็จ
ในตอนนั้นเอง,ฝูงชนก็เงียบลงอย่างกระทันหันแล้วขยับตัวหลบไปด้านข้าง เซลีนเดินเข้ามา ดวงตาของเธอเป็นสีแดงเล็กน้อย, และมีหยดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ เธอกำลังร้องไห้อยู่
แน่นอนว่าลิงค์สามารถเดาสาเหตุได้และโดยไม่พูดอะไร, เขาก็เดินเข้ามากอดเธอ พวกเขากอดกันอย่างเงียบๆ และผู้คนที่อยู่รอบๆก็ไม่ได้พูดอะไรเหมือนกัน
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ,เซลีนก็กระซิบ หลังจากที่กลับไปแล้ว, ฉันจะศึกษาเวทย์วิญญาณ! ฉันอยากแข็งแกร่งกว่านี้! ต่อให้พวกเราล้มเหลวในตอนสุดท้าย, มันก็จะเป็นการล้มเหลวหลังจากที่พวกเราร่วมมือกัน ฉันไม่อยากดูจากข้างสนามอีกต่อไปแล้ว
น้ำเสียงของเซลีนราบเรียบ,แต่ลิงค์ก็รู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
ลิงค์รู้จักนิสัยของเซลีนดีเธอเป็นคนที่จะทำอะไรให้สุดจนกว่ามันจะถึงจุดจบ เธอจะจะไม่หยุดต่อให้นั่นจะหมายถึงความพ่ายแพ้ของเธอก็ตาม
ภายในเกมส์,เธอไม่อยากกลายเป็นทาสของพ่อ, ดังนั้นเธอจึงหนีไปซ่อนตัวเพื่อทำทุกอย่างสำหรับการตอบโต้ ซึ่งในช่วงเวลานั้น, เธอก็ได้รับประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดและความทรมานที่ไม่สามารถจินตนาการได้ นิสัยของเธอค่อยๆบิดเบี้ยวขึ้นด้วยซ้ำ, แต่เธอก็ยังคงดิ้นรนต่อไป
ในเมื่อเธอตัดสินใจดีแล้ว,ลิงค์ก็จะไม่ขัด เขาจะพยายามช่วยทำให้เซลีนแข็งแกร่งขึ้นอย่างสุดความสามารถเพื่อให้เธอเดินทางผิดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยการตบไหล่ของเธอเบาๆ,ลิงค์ก็พึมพำ โอเค, ต้องงี้สิที่รักของฉัน!
มีหลายคนกำลังมองอยู่หลังจากที่ระเบิดอารมณ์ออกมาจนหมด, เซลีนก็ใจเย็นลง พอเห็นทุกคน, แก้มของเธอก็ร้อนฉ่า เธอพยายามทำตัวให้เป็นปกติและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่ผละออกมาจากลิงค์
ลิงค์เงยหน้ามองทุกคนและยิ้มให้ เอาหล่ะ, อันตรายจบลงแล้ว เรือเหาะของพวกเราถูกทำลาย, แต่วัตถุดิบเวทมนตร์ที่อยู่ข้างในนั้นยังมีสภาพดีอยู่ ไปรีไซเคิลพวกมันแล้วไปที่รอยแยกกันเถอะ
ครับลอร์ด! ไม่มีใครคัดค้าน
ทุกคนหันไปยังซากเรือเหาะลิงค์เดินเข้าไปในฝูงชน, แต่ความคิดของเขานั้นอยู่กับโจกุในแหวนมิติแล้ว
ตอนนี้เขามีอยู่309 ชิ้นในขณะที่เขาจำเป็นต้องใช้ 300 ชิ้นในการซ่อมแซมรอยแยกอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้เขาสามารถอัญเชิญนักเวทย์พเนจรไอเซนิสได้แล้ว ฉันจะอัญเชิญเขาหลังจากที่พวกเราเข้าไปในรอยแยกแล้ว,ลิงค์ตัดสินใจ
ในขณะที่พวกเขากำลังเคลียร์สนามรบ,กลินกับโมลิน่าก็มารวมตัวกันอีกครั้งที่พรมแดนระหว่างทุ่งหญ้าสีทองกับเทือกเขาเฮงดวน
โมลิน่ามีสภาพไม่ดีเลยใบหน้าของเธอซีดเผือดเหมือนกับศพ, และลมหายใจของเธอก็มีกลิ่นเลือดโชยออกมาด้วย ถ้าสังเกตุดูดีๆ, จะเห็นว่าผิวหนังของเธอมีรอยแตกระแหงเหมือนกับใยแมงมุม, พวกมันลึกมากและเผยให้เห็นเนื้อสีแดงสด
นี่คือผลข้างเคียงจากการฝืนเอาพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าร่าง,ก่อนหน้านี้เทพได้ใช้ร่างของเธอในฐานะผู้ส่งสาร
กลินเองก็สภาพไม่ดีเหมือนกันเขาฝืนเทเลพอร์ทภายใต้การแทรกแซงของโลกภายนอก แม้ว่าเขาจะทำสำเร็จในตอนสุดท้าย, แต่อวัยวะภายในของเขาก็ถูกย้ายมั่วซั่วไปหมด ที่ภายนอกเขาดูไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร, แต่บาดแผลภายในของเขาไม่ได้ดีกว่าโมลิน่าเลย เขาเป็นปีศาจ, แต่เขาเป็นนักเวทย์ ร่างกายของเขาอ่อนแอกว่าปีศาจนักรบ
ในตอนที่ทั้งสองกลับมาเจอกัน,พวกเขาก็มองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร ขนาดสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างการพิพากษาศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่สามารถฆ่าลอร์ดเฟิร์ดได้ แล้วมันจะมีอะไรให้พูดอีกหล่ะ?
หลังจากเงียบไปครึ่งนาที,เสียงร้องของนกอินทรีย์ตัวนึงก็ทำลายความเงียบอย่างกระทันหัน กลินไอออกมาเบาๆแล้วถาม ท่านนักบวช, บาดแผลเป็นยังไงบ้าง?
ข้าไม่เป็นไรถ้าได้พักสักหน่อยก็คงฟื้นตัวกลับมาได้ แล้วเจ้าหล่ะ? โมลิน่ารู้สึกอับอาย วันนี้เธอทำให้เจ้านายเสียชื่อ เพื่อที่จะปกปิดความกระอักกระอ่วนนี้, เธอจึงต้องพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ออกมา
ข้าเองก็ยังไหวอยู่
หลังจากนั้น,พวกเขาก็เงียบลงอีกครั้ง สายลมพัดผ่านไปหลังจากที่เงียบไป, กลินก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันคืออุบัติเหตุ ลอร์ดเฟิร์ดต้องเตรียมตัวรับมือเอาไว้แล้วแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงสามารถต่อกรกับการพิพากษาศักดิ์สิทธิ์ได้ และพื้นเพของเขาก็น่าจะไม่ธรรมดาเหมือนกัน
เจ้าหมายความว่ายังไง? โมลิน่าถาม
พวกมนุษย์พูดกันว่าเขาคือผู้ถูกเลือกของเทพแห่งแสง…
โมลิน่าตัวแข็งทื่อแล้วจากนั้นก็ส่ายหัว ข้าไม่คิดว่าเป็นแบบนั้นนะ เจ้านายของข้าไม่เห็นความยิ่งใหญ่ของผู้ถูกเลือกในตัวเขาเลย แถมเขาก็ไม่เคยสวดภาวนาถึงเทพแห่งแสงหรือติดต่อกับโบสถ์เลยด้วย
คือว่า… กลินไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี เห็นได้ชัดว่าเขารู้เรื่องศาสนาไม่เท่านักบวช แต่เขาก็มีเหตุผลของตัวเอง แล้วเจ้าจะอธิบายการเคลื่อนไหวสุดท้ายของเขายังไงหล่ะ?
คนยักษ์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์,น้ำเสียงของคนๆนั้น…ทุกอย่างมันดูเหมือนกับว่ามีเทพจุติลงมาบนโลกมนุษย์
ตอนนั้นกลินอยู่ห่างจากการต่อสู้สำหรับเขา, การต่อสู้ระหว่างลอร์ดเฟิร์ดกับโมลิน่านั้นดูเหมือนกับการต่อสู้ของตัวแทนเทพสององค์มากกว่าการพิพากษาศักดิ์สิทธิ์
ไม่,ไม่, ไม่ นั่นมันก็แค่เวทมนตร์ โมลิน่าอธิบาย เขาแค่ทำให้มันดูเว่อวังเท่านั้นเอง มันอยู่ที่ประมาณจุดสูงสุดของเลเวล 17 และมันก็ไม่ได้เก็บพลังศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เลยด้วย ข้าสัมผัสได้
กลินยิ่งตกใจมากกว่าเดิม จุดสูงสุดของเลเวล 17 หรอ? นี่เขาไปถึงจุดสูงสุดของเลเวล 17 แล้วหรอเนี่ย? นี่มัน…
การไปถึงเลเวล17 โดยใช้พลังศักดิ์สิทธิ์กับการไปถึงด้วยพลังของตัวเองนั้นเป็นวิธีการได้มาที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
สำหรับวิธีแรกนั้นมันก็เหมือนกับการที่คนธรรมดาได้รับปืนเวทมนตร์พวกเขาสามารถฆ่าคนธรรมดาได้อย่างง่ายดาย แม้กระทั่งคนที่แข็งแกร่งก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาแต่ว่าจุดอ่อนของพวกเขาก็เด่นชัดเหมือนกัน พวกเขาไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้จนถึงขีดสุด
ส่วนวิธีหลังนั้นก็เหมือนกับการที่คนที่ผ่านการฝึกมาอย่างเข้มงวดได้รับปืนเวทมนตร์แค่ความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็สามารถทำให้คนรู้สึกถึงความสิ้นหวังได้แล้ว! นักเวทย์เลเวล 17 คือคนที่สามารถทำให้คนอื่นรู้สึกสิ้นหวังได้ ในนรกกลินนั้นมีเลเวล 16, แต่เขาก็ทำได้แค่เงยหน้ามองคนที่อยู่จุดสูงสุดของเลเวล 17 และเขาก็ทำได้แค่ก้มกราบพวกที่มีเลเวล 19, เหมือนที่เขาก้มกราบโนโซม่า
ถ้ามนุษย์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้มีตัวตนอยู่จริงๆ,มันก็ไม่มีเหตุผลให้ก่อสงครามอีกแล้ว กองทัพแห่งการทำลายควรถอนตัว, ปีศาจควรกลับไปยังนรก, นากาควรล่าถอย, ดาร์คเอลฟ์ควรกลับไปที่ป่าทมิฬ, และไฮเอลฟ์ก็กลับไปที่เกาะรุ่งอรุณ ทุกคนควรซ่อนตัวพยายามไม่ให้ตัวเองถูกทำลาย, และเฝ้ารออย่างเจ็บปวดจนกว่าบุคคลระดับตำนานคนนี้จะตายจากไป
กลินรู้สึกขึ้นมาได้อย่างกระทันหันถึงแรงกระตุ้นให้กลับไปยังนรกและไม่ต้องหวนกลับมาที่ฟิรุแมนอีก Aileen-novel
โมลิน่าส่ายหัว ไม่, เขาไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นหรอก ข้ารู้สึกได้ว่าเขาใช้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์บางอย่างเพื่อเพิ่มพลังของตัวเองให้แข็งแกร่งไปจนถึงระดับนั้นเป็นการชั่วคราว มันไม่สามารถคงสภาพเอาไว้ได้, และเขาก็ต้องชดใช้กับสิ่งที่ได้รับมาด้วยวิธีการบางอย่างด้วย ข้ารู้สึกได้ว่ามีความบ้าคลั่งที่ไม่รู้จักเข้าไปในร่างของเขา แต่ถึงอย่างนั้น, เขาก็ยังคงเป็นพลังที่ยากจะต่อกรด้วยอยู่ดี
กลินโล่งอกขึ้นเล็กน้อย,แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจ จริงหรอ?
โมลิน่าพยักหน้าเล็กน้อย ใช่! นายท่านให้พลังกับข้าแล้วก็มอบความเข้าใจเหนือมนุษย์ให้ข้าด้วย ตอนนี้, ลอร์ดเฟิร์ดน่าจะอยู่ที่จุดสูงสุดของเลเวล 12 เขาแข็งแกร่ง, แต่ก็ใช่ว่าจะเอาชนะไม่ได้ มันยังต้องมีวิธีจัดการเขาอยู่อย่างแน่นอน แม้ว่าพวกเราจะทำไม่ได้, แต่องค์หญิงเอลลี่จะต้องทำได้อย่างแน่นอน เธอแข็งแกร่งมาก
ในที่สุดกลินก็โล่งอกเขารู้สึกกลัวจริงๆจากการที่เห็นศักยภาพของลิงค์ในการต่อสู้กับผู้ส่งสาร หลังจากที่คิด, เขาก็พูดออกมา แต่ไอ้หมอนั่นแข็งแกร่งจริงๆนะ ในลมพายุ, เขาสามารถหลบการลอบโจมตีของข้าและทำการสวนกลับมาได้ในทันทีด้วย เขาเกืบอจะฆ่าข้าด้วยซ้ำ โอย, บาดแผลของข้าหนักเกินไป ข้าต้องขอเวลาพักผ่อนซักหน่อย
เขาต้องรายงานสถานการณ์ของเจ้าหญิงกับเจ้านายของเขาโนโซม่ากำลังคิดถึงเจ้าหญิงเซลีน; เขาคงยินดีที่ได้ฟังข่าวนี้ นอกจากนี้เขายังต้องรายงานผลการต่อสู้ในวันนี้ด้วยเพื่อที่นายท่านของเขาจะได้สามารถเตรียมตัวได้
และด้วยเหตุนี้เอง,ร่างกายของเขาจึงกลายเป็นหมอกสีดำและหายเข้าไปในภูเขาแม้กระทั่งโมลิน่าก็ไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหน
พอเห็นกลินจากไป,โมลิน่าก็สบถ ไอ้ปีศาจเจ้าเล่ห์ หนีเก่งจังนะ, เห้อ
เธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้เหมือนกันหลังจากการพักฟื้นช่วงสั้นๆ, เธอก็วิ่งไปทางป่าทมิฬ เจ้าหญิงเอลลี่น่าจะรู้สถานการณ์แล้ว
ยังมีพลังศักดิ์สิทธิ์ตกค้างอยู่ในร่างของเธอเป็นจำนวนมากหลังจากนั้นสักพัก, บาดแผลของเธอก็ได้รับการรักษาแทบทั้งหมด, และเธอก็สามารถเร่งความเร็วได้แล้วด้วย ด้วยความเร็ว ณ ตอนนี้, เธอจะไปถึงป้อมโครงกระดูกทางตอนเหนือของป่าทมิฬได้ในช่วงเที่ยงของวันต่อไป
หลังจากที่เจอเจ้าหญิงเอลลี่,โมลิน่าก็รายงานผลการต่อสู้โดยละเอียด
ณตอนนี้, ยูจินกำลังอ่านหนังสืออยู่ในป้อมโครงกระดูก หลังจากที่ได้ฟังโมลิน่า, ร่างกายของเขาก็สั่นด้วยความไม่เชื่อ แม้กระทั่งการพิพากษาศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่ได้ผลงั้นหรอ? โมลิน่าไม่ได้ตอบยังไงซะ, นี่ก็เป็นการลบหลู่เทพแห่งการทำลาย
ยูจินเคาะโต๊ะโครงกระดูกและเงียบลงหลังจากผ่านไปไม่กี่นาที, เขาก็ถาม เจ้าบอกว่าลิงค์ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?
ใช่ค่ะ
เขาจะฟื้นตัวกลับมาในเร็วๆนี้รึเปล่า?
น่าจะอีกพักใหญ่ๆนะคะอาการบาดเจ็บในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับพลังแห่งกฏ ลอร์ดเฟิร์ดไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นหรอกค่ะ
งั้นหรอ ยูจินเงียบลง ไม่กี่นาทีต่อมา, เขาก็ถามอีกครั้ง พวกเราสามารถทำการพิพากษาศักดิ์สิทธิ์ใหม่ได้ไหม?
โมลิน่าตัวแข็งทื่อ,และสีหน้าของเธอก็หม่นหมอง องค์หญิง, ช่วยระวังคำพูดด้วยค่ะ! พวกเราอยู่ในภพมนุษย์ก็ควรจะเคารพยำเกรงเทพนะคะ!
การพิพากษาศักดิ์สิทธิ์นั้นใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เยอะมาก,แต่คนๆนี้กลับอยากให้ทำอีก นี่เธอคิดจะใช้เทพเหมือนกับเครื่องมืออย่างงั้นหรอ? นี่มันคือการดูหมิ่นชัดๆ
ถ้าพวกเขาทำแบบนั้นจริงๆ,โมลิน่าก็คงจะลงทัณฑ์เธอเป็นคนแรก!
ก็ได้,ก็ได้, พวกเราจะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ข้าจะหาทางอื่นดู ยูจินรีบแก้ตัว เธอรู้ว่าผู้ที่มีศรัทธาอย่างแรงกล้านั้นมักจะไม่มีเหตุผล พวกเขาจะโยนเหตุผลทั้งหมดทิ้งเพื่อศาสนาของพวกเขา
ด้วยการหลี่ตา,สมองของยูจินก็ทำงาน และในที่สุด, สายตาของเธอก็ไปจบที่มอร์เฟียส, จากทางใต้
ไอ้หมอนั่นยังเป็นมือใหม่,แต่เขาก็ยังแข็งแกร่ง บางทีข้าน่าจะขอยืมพลังจากเขามาได้บ้างนะ
ณเวลานี้, ยูจินไม่รู้ว่าลิงค์จัดการซากเรือเสร็จเรียบร้อยและไปถึงบาเรียรอยแยกแล้ว ลิงค์เองก็กำลังคิดบางอย่างคล้ายๆกัน
… ดีมาก,กองทัพแห่งการทำลาย ฉันอาจจะไม่สามารถหลอกนายได้ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้, นายได้ลิ้มรสพลังของฉันแน่!
ด้วยความคิดนี้,ลิงค์ก็เริ่มติดต่อกับไอเซนิส