Advent of the Archmage - 638 ผู้พิทักษ์แห่งภพ
Chapter
“มาสเตอร์พวกเราจะเอายังไงดีครับ? ฆ่าไอ้พวกนี้ให้หมดเลยดีไหม?”
ที่ยืนอยู่ข้างกลินคือปีศาจดาบไทรอสที่ชื่อว่ากอลล์พลังดั้งเดิมของปีศาจตัวนี้คือเลเวล 11 แต่ว่าตอนนี้มันถูกลดลงเหลือเลเวล 7
ยังไงก็ตามเขายังมีเรี่ยวแรงเต็มที่อยู่ และนักอัญเชิญที่เรียกเขามานั้นก็มีเลเวลแค่ 6 แถมพวกเขาก็ใช้พลังส่วนใหญ่ไปกับการอัญเชิญพวกเขามาที่ภพนี้แล้วด้วย สำหรัลกอลล์ นักเวทย์พวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปกับแกะที่กำลังรอให้เชือดอยู่
สายตาของกอลล์กวาดไปรอบๆอย่างกระตือรือร้นในตอนที่เขาพูดเขาถือดาบฟันปลาคู่อยู่ในมือทั้งสองข้าง ในทันทีที่กลินออกคำสั่ง เขาจะฆ่าคนพวกนี้ในทันที
กลินสบัดมือ“อย่าพึ่งรีบร้อนไป พวกเราอาจจะยังต้องใช้ประโยชน์จากคนพวกนี้อยู่” “จากไอ้แมลงพวกนี้เนี่ยนะ?”ปีศาจตัวที่สามพูด เธอคือซัคคิวบัสที่มีเกล็ดสวยงามที่ชื่อว่ากันย่า แต่เดิมนั้นเธอมีเลเวล 10 แต่ตอนนี้พลังของเธอถูกลดลงมาเหลือเลเวล 7 ซึ่งมันยังมากพอที่จะฆ่าคนพวกนี้ได้
กลินพยักหน้าจากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชา “หัดยับยั้งอารมณ์ของตัวเองบ้าง ตอนนี้ข้าเป็นหัวหน้า ซึ่งก็หมายความว่าข้าจะเป็นคนออกคำสั่ง ถ้าเกิดว่าพวกเจ้าทำสิ่งที่ข้าไม่ชอบใจมากเกินไป ข้าจะตัดจมูกของพวกเจ้าทิ้งซะ!”
พวกปีศาจนั้นไม่มีคำว่ามารยาทมีเพียงพละกำลังล้วนๆที่เป็นตัวตัดสินว่าใครมีประสิทธิภาพในการจะเป็นผู้นำ
“รับทราบครับ/ค่ะมาสเตอร์กลิน” ปีศาจทั้งสองพูดพึมพำ พวกเขาหดตัวลงหลังจากที่ถูกกลินหยุดเอาไว้
“ดีจากนี้ไป พวกเจ้าห้ามพูดอะไรออกมาจนกว่าข้าจะสั่งให้พูด ตอนนี้ข้าขอไปคุยกับคนพวกนี้ก่อน” กลินเดินไปหาหนึ่งในชาวพื้นเมืองที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำและถามเขา“มนุษย์เอ๋ย บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการอะไร!”
ด้วยความที่เป็นปีศาจนักเวทย์กลินจึงตัวสูงมาก ความสูงในตอนที่ยืนเต็มที่ของเขานั้นอยู่ที่ประมาน 10 ฟุต มีรูนเวทมนตร์ถูกสลักเอาไว้ที่มือของเขา และมีหินอัญมณีแห่งความมืดเม็ดใหญ่เท่ากำปั้นติดเอาไว้ที่ปลายของคทาของเขาด้วย มีคลื่นมานาหนาแน่นแผ่ออกมาจากคทานั้น และมันก็แผ่คลื่นออกมาในอากาศ
สิ่งเหล่านี้เป็นตัวบ่งบอกถึงปริมาณพลังที่เขาครอบครองอยู่
เนื่องจากเขาถูกภพนี้ปฏิเสธอย่างรุนแรงนักเวทย์ที่อยู่ตรงหน้ากลินจึงอ้วกออกมาเป็นเลือด แม้ว่าเขาพยายามจะพูด แต่ชายคนนั้นก็ทำได้แค่ส่งเสียงอู้อี้พร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมา มันดูเหมือนกับว่าเขากำลังจะตายเลย
พอเห็นสภาพของนักเวทย์พื้นเมืองกลินก็ขมวดคิ้ว นักอัญเชิญพวกนี้จะตายต่อหน้าเขาตอนนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะรับพลังปฏิเสธจากภพนี้เต็มๆ แม้ว่าผลของมันจะไม่ทำให้พวกเขาถูกขับไล่ออกจากภพ แต่ระดับพลังของพวกเขาจะลดฮวบอย่างมาก และถ้าเป็นเช่นนั้น อย่าว่าแต่ทำภารกิจของนายท่านให้สำเร็จเลย แค่รอดออกจากภพนี้ไปได้ก็ถือว่าเป็นปาฏิหารย์แล้ว
กลินยกคทาขึ้นมาและพูดพึมพำเบาๆหลังจากนั้น ลำแสงสีม่วงก็เปล่งออกมาจากคทาของเขา และสัมผัสเข้ากับนักเวทย์ที่ได้รับบาดเจ็บทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้
มันคือเวทย์เลเวล8 เงารักษา
ในตอนที่โดนลำแสงสีม่วงจากคทาของกลินร่างกายของนักเวทย์แต่ละคนก็เริ่มเปล่งแสงสีม่วงออกมา หลังจากนั้นพวกเขาก็ตัวสั่นและครางออกมาประมาณ 30 วินาที ในเวลาเดียวกันนั้นเอง รูนเวทมนตร์ที่คล้ายกับของกลินก็โผล่ขึ้นมาที่ผิวหนังของพวกเขา ซึ่งตอนนี้มันเริ่มเปลงแสงออกมาเป็นสีม่วง ดวงตาของพวกเขาเองก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด และมีแสงสีม่วงกระพริบออกจากลูกตาของพวกเขา
ไม่กี่นาทีต่อมานักเวทย์ที่อยู่ตรงหน้ากลินก็ตอบสนอง เขาหมอบลงเบื้องหน้าปีศาจและตะโกน “ช่วยพวกเราด้วยเถิด ท่านนักเวทย์ผู้แข็งแกร่งจากความว่างเปล่า!”
“ไหนเล่าเรื่องของพวกเจ้ามาซิ”กลินไม่ได้ตกใจกับการตอบสนองเช่นนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ผนึกเวทย์อัญเชิญที่อยู่เบื้องล่างพวกเขานั้นดูเรียบง่ายและไร้ซึ่งความละเอียดอ่อน มันเหมือนกับว่าพวกเขารีบทำมันขึ้นมาเพื่อให้ได้พลังที่พวกเขากำลังขาดอยู่ในตอนนี้
นักเวทย์ตอบในทันที“หน่วยสอดแนมของพวกเรารายงานมาว่าอาณาจักรแบล็คคแลนเป็นบ้าไปแล้ว พวกเขาสังเวยเชลยสงครามทั้งหมดเพื่ออัญเชิญปีศาจแห่งความว่างเปล่าที่แข็งแกร่งออกมาที่ภพเฟดาโร่ผ่านพิธีกรรมอัญเชิญต้องห้าม!”
“อาณาจักรแบล็คแลนหรอ?แล้วก็บูชายัญ?” กลินหันไปมองรอบตัวเขาเขาเห็นเศษหินแตกกระจายไปทั่วผนึกเวทมนตร์ที่เขายืนอยู่ เศษหินพวกนี้เหมือนกับคริสตัล มันยังมีร่องรอยพลังเวทย์หลงเหลืออยู่ในนั้น กลินคิดว่ามันน่าจะเป็นคริสตัลเวทมนตร์ มีหินพวกนี้อยู่ใต้เท้าเขาเต็มไปหมด พวกมันจะต้องเคยบรรจุพลังงานเวทมนตร์เอาไว้อย่างมหาศาลแน่ๆ ดูจากผนึกเวทย์ที่อยู่ใต้เขาแล้ว กลินประเมินได้ว่ามันน่าจะสามารถอัญเชิญสัตว์ประหลาดเลเวล 8 จากความว่างเปล่าได้
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพลังของข้าถึงถูกลดลงไปมากขนาดนี้พวกข้าทั้งสามคนอัดกันเข้ามาในภพนี้ผ่านผนึกอัญเชิญเลเวล 8 นี่เอง…เดี๋ยวก่อนนะ มนุษย์คนนี้บอกว่าอาณาจักรแบล็คแลนใช้พิธีกรรมบูชายัญเพื่ออัญเชิญสัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่างั้นหรอ?
พอทบทวนสิ่งที่เขาได้ยินกลินก็จ้องไปที่นักเวทย์ตรงหน้าเขาและถาม “พวกนั้นบูชายัญวิญญาณไปเท่าไหร่?” “อย่างน้อย4,000 คนครับ”
กลินหน้าซีดอาณาจักรแบล็คแลนจะต้องอัญเชิญลอร์ดเฟิร์ดมาด้วยการรวมพลังของวิญญาณ 4,000 ดวงแน่ๆ ไม่เพียงแค่พลังของลิงค์จะถูกจำกัดน้อยกว่าข้า แต่มันอาจจะยังมีพลังระดับตำนานอยู่ก็ได้!
แม้ว่าจะมีเลเวล9 แต่กลินก็ยังไม่สามารถต่อสู้กับบุคคลระดับตำนานอย่างลิงค์ที่ถูกเลื่อนระดับให้เป็นเลเวล 10 ได้ และที่อาจจะแย่ยิ่งไปกว่านั้น ลอร์ดเฟิร์ดน่าจะยังมีร่างมังกรอยู่ มันทำให้เขาตัวใหญ่มหาศาลและมีปีกที่กว้างถึง 100 ฟุต!
กลินอยากจะรีบออกจากภพบ้าๆนี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ยังไงก็ตาม เจ้านายของเขาให้คำสั่งมาแล้ว นอกจากนี้ ความจริงที่ว่าพวกเขาถูกอัญเชิญมายังภพนี้ก็หมายความว่าพวกเขาน่าจะทำพันธะสัญญากับผู้อัญเชิญไปแล้วด้วย ถ้าไม่ทำตามพันธะสัญญาที่ได้รับมา กลินกับคนอื่นๆก็คงจะออกจากภพนี้อย่างยากลำบาก บ้าจริงนี่มันกลายเป็นปัญหาซะแล้วสิ
ปกติลอร์ดเฟิร์ดก็เป็นคนที่จัดการยากอยู่แล้วเขาเคยเอาตัวรอดจากการพิพากษาของเทพแห่งการทำลายมาได้ด้วยซ้ำ แล้วข้าคนเดียวจะไปจัดการกับมันยังไงหล่ะเนี่ย?
ปีศาจสองตัวที่อยู่ข้างหลังเขาไม่เข้าใจเวทย์อัญเชิญยังไงก็ตาม พวกเขาค่อนค้างคุ้นเคยกับเวทย์บูชายัญและรายละเอียดของมัน ในตอนที่ได้ยินมาว่าอีกฝ่ายได้มอบวิญญาณ 4,000 ดวงเป็นเครื่องบูชาในพิธีอัญเชิญ ปีศาจทั้งสองคนก็หน้าถอดสี
ปีศาจทั้งสามเงียบไปเป็นเวลาพักใหญ่ๆในตอนที่สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ นักเวทย์ที่ยังทรุดอยู่กับพื้นก็พูดด้วยน้ำเสียงขี้ขลาด “ท่านนักเวทย์จากความว่างเปล่าผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีอะไรที่ท่านจะทำเพื่อพวกเราได้เลยหรอ?”
อยู่ๆก็มีความคิดนึงผุดขึ้นมาในหัวของเขากลินตอบ “ยังพอมีทางอยู่ แต่ต้องจ่ายเยอะหน่อยนะ” “บอกมาเถอะครับ”นักเวทย์พูดอย่างมีความหวัง
ความคิดของกลินนั้นง่ายมากเขาไม่สามารถหาวิธีกำจัดลิงค์ได้ แต่ว่าเจ้านายของเขาทำได้ และเขายังพูดว่าจะจัดการกับลิงค์ด้วยตัวเองอีก ด้วยการพาเขาเข้ามาในภพนี้ ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นเยอะ
“ในเมื่ออาณาจักรแบล็คแลนสามารถสังเวยวิญญาณ4,000 ดวงเพื่อประกอบพิธีกรรมอัญเชิญได้ แล้วทำไมพวกเจ้าถึงทำไม่ได้หล่ะ? ถ้าเกิดว่าพวกเจ้าเสนอวิญญาณให้มากกว่านี้ เจ้าก็จะสามารถพาปีศาจจากความว่างเปล่าที่แข็งแกร่งกว่านี้มาช่วยจัดการศัตรูได้นะ ถ้าเกิดว่าเจ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดีหล่ะก็….”
ก่อนที่เขาจะพูดจบนักเวทย์ที่ทรุดอยู่กับพื้นก็รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่ได้นะครับ มันเป็นเวทย์ต้องห้าม มันเป็นสิ่งที่อาณาจักรทรอยม์อย่างเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวเป็นอันขาด เพราะไม่อย่างนั้นท่านผู้พิทักษ์จะมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเรา”
กลินโกรธในตอนแรกที่เขาได้ยินสิ่งที่ชายคนนั้นพูดและกำลังคิดที่จะแสดงให้เขาดูว่าการบูชายัญที่แท้จริงมันเป็นยังไงยังไงก็ตาม พอได้ยินประโยคสุดท้าย เขาก็ขมวดคิ้ว “ผู้พิทักษ์อะไรหรอ?”
นักเวทย์ตอบ“สมาชิกของสภานักเวทย์แห่งความลับครับ สมาชิกแต่ละคนแข็งแกร่งมาก และเขายังว่ากันด้วยว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขามีพลังมหาศาล การกระทำของอาณาจักรแบล็คแลนนั้นอาจจะไปดึงความสนใจของผู้พิทักษ์เหล่านี้ก็ได้ คนพวกนั้นจะต้องถูกลงโทษสำหรับสิ่งที่ทำลงไปอย่างแน่นอน แต่ว่า มันอาจจะต้องใช้เวลา และจนกว่าจะถึงตอนนั้น พวกเราจะต้องคิดหาวิธีจัดการกับสัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่าที่พวกมันอัญเชิญออกมา”
หัวใจของกลินเต้นแรงในตอนที่ได้ยินคำว่า‘พลังมหาศาล’ เพราะนี่ก็หมายความว่าผู้พิทักษ์เหล่านี้จะต้องเป็นบุคคลระดับตำนานแน่ๆ ซึ่งมันก็ถือว่าโชคร้ายจริงๆที่เขาไม่ได้อยู่ในจุดที่จะจัดการกับคนที่อยู่ระดับตำนานได้
มันไม่มีทางออกให้กลินเลย
เดี๋ยวนะยังมีวิธีอยู่ กลินมองดูคริสตัลเวทมนตร์ที่กระจายอยู่บนพื้นรอบๆ
“ข้ารู้จักชื่อของสัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่านั่นถ้าเกิดว่าเจ้ารวบรวมคิรสตัลเวทมนตร์มาให้ข้าได้อีกซักกองนึง…”
นักเวทย์พูดขัดด้วยน้ำตา“คริสตัลเวทมนตร์กองนี้คือกองสุดท้ายที่อาณาจักรของพวกเราเก็บสะสัมมาอย่างน้อย 100 ปีแล้วครับ แถมพวกเรายังขอคริสตัลทั้งหมดมาจากเพื่อนบ้านของพวกเราด้วย”
กลินไม่เหลือวิธีแล้วดูเหมือนว่าในที่สุดเขาก็มาสะดุดเข้ากับทางตัน
กอลล์กับกันย่ามองหน้ากันในตอนที่ได้ยินสิ่งที่นักเวทย์พูด พวกเขาก็เห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว ในตอนนี้, การอัญเชิญเจ้านายของพวกเขาออกมาในเร็วๆนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย และที่แย่ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังต้องจัดการกับลอร์ดเฟิร์ดที่มีพลังระดับตำนานด้วย
แล้วพวกเขาแต่ละคนจะเอาตัวรอดยังไงหล่ะเนี่ย?
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดหาวิธีเอาตัวรอดอย่างบ้าคลั่งก็มีเสียงคำรามดังมาจากภูเขาที่อยู่ใกล้ๆพวกเขา
โฮก!!!
เสียงคำรามแยกแผ่นดินออกเหมือนกับสายฟ้าฟาดทำให้สิ่งมีชีวิตทุกตัวที่อยู่ในภูเขาหลบหนีด้วยความกลัว
ตู้ม!ตู้ม! ตู้ม!
จากนั้นก็มีเสียงก้าวเท้าหนักๆดังไปทั่วภูเขาจนทำให้แผ่นดินสะเทือนในตอนนั้น หัวใจของพวกเขาทุกคนเต้นแรงมาก มันพร้อมจะพุ่งออกมาจากคอของพวกเขาได้ตลอดเวลา
ลอร์ดเฟิร์ดมาถึงแล้ว “มาสเตอร์ลอร์ดเฟิร์ดมาถึงที่นี่แล้ว พวกเราจะเอายังไงกันดีครับ?” กอลล์พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ดาบของเขาส่งเสียงก้องกังวาลต่อเนื่องกัน
“มาสเตอร์ช่วยคิดอะไรซักอย่างเถอะ เขามาที่นี่แล้ว!” กันย่าวิงวอน ตอนนี้ร่างของเธอสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ากลินยังยืนอยู่ตรงนี้ เธอก็คงจะหนีไปจากที่นี่โดยไม่ลังเลแล้ว
“ท่านนักเวทย์ผู้แข็งแกร่งจากความว่างเปล่าสัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่ามาที่นี่แล้ว พวกเราจะทำยังไงกันดีครับ?” นักเวทย์พื้นเมืองที่ยังคงนอนอยู่ตรงหน้ากลินเป็นคนพูด เขาตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว
กลินเองก็จนปัญญาเขาจะใช้ความรู้จากแผนผังเวทมนตร์ทรงพลังมากมายได้ยังไงถ้าเกิดว่าเขาไม่มีพลังมากพอที่จะใช้มัน?
นี่พวกข้าทำได้แค่หนีจริงๆหรอ?กลินคิด เขายังลังเลที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ ตอนอยู่ในความว่างเปล่า เขายังมีพลังเลเวล 15 อยู่เลย แต่ตอนนี้เขากลับถูกไอเปี๊ยกเลเวล 13 ไล่ล่าอยู่ เขาคงไม่มีหน้าไปพบกับเจ้านายของเขาถ้าเกิดว่าเขาทำภารกิจในครั้งนี้ล้มเหลว
แต่ว่าเขามีทางเลือกไหนเหลืออยู่อีกหล่ะ?
ในตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้ยินเสียงมาจากท้องฟ้า “ข้าเห็นแล้วว่าพวกเจ้าอัญเชิญปีศาจ 3 ตัวที่มีพลังมหาศาลออกมา พวกมันใช้การได้แน่ แฟรงค์แลน เจ้าทำได้ดีมาก”
นักเวทย์เงยหน้าขึ้นและเห็นยูนิคอร์นสีขาวหิมะที่เปล่งแสงฟ้าอ่อนลอยอยู่บนฟ้าเหนือหัวเขา30 ฟุต บนหลังของยูนิคอร์นตัวนั้นมีเด็กหนุ่มอยู่คนนึง
เด็กคนนั้นมีอายุประมาณ15 ปี เขามีใบหน้าหล่อเหลา พร้อมกับผมสีเงินเงางาม เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์ที่มีริ้วสีเงินและมีอัญมณีมรกตที่สวยงามอยู่ที่หน้าผากของเขา แล้วเขาก็ถือคทาที่เปล่งแสงสีขาวออกมาด้วย เขาดูไม่เหมือนกับมนุษย์เลย
“เจ้าเป็นใคร?”แฟรงค์แลนถาม เขาตกใจกับการที่ถูกคนที่เขาไม่เคยเจอมาก่อนทักทายอย่างคุ้นเคย แล้วเขาก็สัมผัสออร่าคุกคามที่มาจากเด็กหนุ่มที่ขี่ยูนิคอร์นได้ด้วย
เด็กหนุ่มกวาดสายตามองกลินและคนอื่นๆหลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างชิวๆ “ข้าหรอ? ข้าชื่อโรเมออน ข้าเป็นผู้พิทักษ์”
“มาสเตอร์พวกเราจะเอายังไงดีครับ? ฆ่าไอ้พวกนี้ให้หมดเลยดีไหม?”
ที่ยืนอยู่ข้างกลินคือปีศาจดาบไทรอสที่ชื่อว่ากอลล์พลังดั้งเดิมของปีศาจตัวนี้คือเลเวล 11 แต่ว่าตอนนี้มันถูกลดลงเหลือเลเวล 7
ยังไงก็ตามเขายังมีเรี่ยวแรงเต็มที่อยู่ และนักอัญเชิญที่เรียกเขามานั้นก็มีเลเวลแค่ 6 แถมพวกเขาก็ใช้พลังส่วนใหญ่ไปกับการอัญเชิญพวกเขามาที่ภพนี้แล้วด้วย สำหรัลกอลล์ นักเวทย์พวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปกับแกะที่กำลังรอให้เชือดอยู่
สายตาของกอลล์กวาดไปรอบๆอย่างกระตือรือร้นในตอนที่เขาพูดเขาถือดาบฟันปลาคู่อยู่ในมือทั้งสองข้าง ในทันทีที่กลินออกคำสั่ง เขาจะฆ่าคนพวกนี้ในทันที
กลินสบัดมือ“อย่าพึ่งรีบร้อนไป พวกเราอาจจะยังต้องใช้ประโยชน์จากคนพวกนี้อยู่” “จากไอ้แมลงพวกนี้เนี่ยนะ?”ปีศาจตัวที่สามพูด เธอคือซัคคิวบัสที่มีเกล็ดสวยงามที่ชื่อว่ากันย่า แต่เดิมนั้นเธอมีเลเวล 10 แต่ตอนนี้พลังของเธอถูกลดลงมาเหลือเลเวล 7 ซึ่งมันยังมากพอที่จะฆ่าคนพวกนี้ได้
กลินพยักหน้าจากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชา “หัดยับยั้งอารมณ์ของตัวเองบ้าง ตอนนี้ข้าเป็นหัวหน้า ซึ่งก็หมายความว่าข้าจะเป็นคนออกคำสั่ง ถ้าเกิดว่าพวกเจ้าทำสิ่งที่ข้าไม่ชอบใจมากเกินไป ข้าจะตัดจมูกของพวกเจ้าทิ้งซะ!”
พวกปีศาจนั้นไม่มีคำว่ามารยาทมีเพียงพละกำลังล้วนๆที่เป็นตัวตัดสินว่าใครมีประสิทธิภาพในการจะเป็นผู้นำ
“รับทราบครับ/ค่ะมาสเตอร์กลิน” ปีศาจทั้งสองพูดพึมพำ พวกเขาหดตัวลงหลังจากที่ถูกกลินหยุดเอาไว้
“ดีจากนี้ไป พวกเจ้าห้ามพูดอะไรออกมาจนกว่าข้าจะสั่งให้พูด ตอนนี้ข้าขอไปคุยกับคนพวกนี้ก่อน” กลินเดินไปหาหนึ่งในชาวพื้นเมืองที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำและถามเขา“มนุษย์เอ๋ย บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการอะไร!”
ด้วยความที่เป็นปีศาจนักเวทย์กลินจึงตัวสูงมาก ความสูงในตอนที่ยืนเต็มที่ของเขานั้นอยู่ที่ประมาน 10 ฟุต มีรูนเวทมนตร์ถูกสลักเอาไว้ที่มือของเขา และมีหินอัญมณีแห่งความมืดเม็ดใหญ่เท่ากำปั้นติดเอาไว้ที่ปลายของคทาของเขาด้วย มีคลื่นมานาหนาแน่นแผ่ออกมาจากคทานั้น และมันก็แผ่คลื่นออกมาในอากาศ
สิ่งเหล่านี้เป็นตัวบ่งบอกถึงปริมาณพลังที่เขาครอบครองอยู่
เนื่องจากเขาถูกภพนี้ปฏิเสธอย่างรุนแรงนักเวทย์ที่อยู่ตรงหน้ากลินจึงอ้วกออกมาเป็นเลือด แม้ว่าเขาพยายามจะพูด แต่ชายคนนั้นก็ทำได้แค่ส่งเสียงอู้อี้พร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมา มันดูเหมือนกับว่าเขากำลังจะตายเลย
พอเห็นสภาพของนักเวทย์พื้นเมืองกลินก็ขมวดคิ้ว นักอัญเชิญพวกนี้จะตายต่อหน้าเขาตอนนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะรับพลังปฏิเสธจากภพนี้เต็มๆ แม้ว่าผลของมันจะไม่ทำให้พวกเขาถูกขับไล่ออกจากภพ แต่ระดับพลังของพวกเขาจะลดฮวบอย่างมาก และถ้าเป็นเช่นนั้น อย่าว่าแต่ทำภารกิจของนายท่านให้สำเร็จเลย แค่รอดออกจากภพนี้ไปได้ก็ถือว่าเป็นปาฏิหารย์แล้ว
กลินยกคทาขึ้นมาและพูดพึมพำเบาๆหลังจากนั้น ลำแสงสีม่วงก็เปล่งออกมาจากคทาของเขา และสัมผัสเข้ากับนักเวทย์ที่ได้รับบาดเจ็บทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้
มันคือเวทย์เลเวล8 เงารักษา
ในตอนที่โดนลำแสงสีม่วงจากคทาของกลินร่างกายของนักเวทย์แต่ละคนก็เริ่มเปล่งแสงสีม่วงออกมา หลังจากนั้นพวกเขาก็ตัวสั่นและครางออกมาประมาณ 30 วินาที ในเวลาเดียวกันนั้นเอง รูนเวทมนตร์ที่คล้ายกับของกลินก็โผล่ขึ้นมาที่ผิวหนังของพวกเขา ซึ่งตอนนี้มันเริ่มเปลงแสงออกมาเป็นสีม่วง ดวงตาของพวกเขาเองก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด และมีแสงสีม่วงกระพริบออกจากลูกตาของพวกเขา
ไม่กี่นาทีต่อมานักเวทย์ที่อยู่ตรงหน้ากลินก็ตอบสนอง เขาหมอบลงเบื้องหน้าปีศาจและตะโกน “ช่วยพวกเราด้วยเถิด ท่านนักเวทย์ผู้แข็งแกร่งจากความว่างเปล่า!”
“ไหนเล่าเรื่องของพวกเจ้ามาซิ”กลินไม่ได้ตกใจกับการตอบสนองเช่นนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ผนึกเวทย์อัญเชิญที่อยู่เบื้องล่างพวกเขานั้นดูเรียบง่ายและไร้ซึ่งความละเอียดอ่อน มันเหมือนกับว่าพวกเขารีบทำมันขึ้นมาเพื่อให้ได้พลังที่พวกเขากำลังขาดอยู่ในตอนนี้
นักเวทย์ตอบในทันที“หน่วยสอดแนมของพวกเรารายงานมาว่าอาณาจักรแบล็คคแลนเป็นบ้าไปแล้ว พวกเขาสังเวยเชลยสงครามทั้งหมดเพื่ออัญเชิญปีศาจแห่งความว่างเปล่าที่แข็งแกร่งออกมาที่ภพเฟดาโร่ผ่านพิธีกรรมอัญเชิญต้องห้าม!”
“อาณาจักรแบล็คแลนหรอ?แล้วก็บูชายัญ?” กลินหันไปมองรอบตัวเขาเขาเห็นเศษหินแตกกระจายไปทั่วผนึกเวทมนตร์ที่เขายืนอยู่ เศษหินพวกนี้เหมือนกับคริสตัล มันยังมีร่องรอยพลังเวทย์หลงเหลืออยู่ในนั้น กลินคิดว่ามันน่าจะเป็นคริสตัลเวทมนตร์ มีหินพวกนี้อยู่ใต้เท้าเขาเต็มไปหมด พวกมันจะต้องเคยบรรจุพลังงานเวทมนตร์เอาไว้อย่างมหาศาลแน่ๆ ดูจากผนึกเวทย์ที่อยู่ใต้เขาแล้ว กลินประเมินได้ว่ามันน่าจะสามารถอัญเชิญสัตว์ประหลาดเลเวล 8 จากความว่างเปล่าได้
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพลังของข้าถึงถูกลดลงไปมากขนาดนี้พวกข้าทั้งสามคนอัดกันเข้ามาในภพนี้ผ่านผนึกอัญเชิญเลเวล 8 นี่เอง…เดี๋ยวก่อนนะ มนุษย์คนนี้บอกว่าอาณาจักรแบล็คแลนใช้พิธีกรรมบูชายัญเพื่ออัญเชิญสัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่างั้นหรอ?
พอทบทวนสิ่งที่เขาได้ยินกลินก็จ้องไปที่นักเวทย์ตรงหน้าเขาและถาม “พวกนั้นบูชายัญวิญญาณไปเท่าไหร่?” “อย่างน้อย4,000 คนครับ”
กลินหน้าซีดอาณาจักรแบล็คแลนจะต้องอัญเชิญลอร์ดเฟิร์ดมาด้วยการรวมพลังของวิญญาณ 4,000 ดวงแน่ๆ ไม่เพียงแค่พลังของลิงค์จะถูกจำกัดน้อยกว่าข้า แต่มันอาจจะยังมีพลังระดับตำนานอยู่ก็ได้!
แม้ว่าจะมีเลเวล9 แต่กลินก็ยังไม่สามารถต่อสู้กับบุคคลระดับตำนานอย่างลิงค์ที่ถูกเลื่อนระดับให้เป็นเลเวล 10 ได้ และที่อาจจะแย่ยิ่งไปกว่านั้น ลอร์ดเฟิร์ดน่าจะยังมีร่างมังกรอยู่ มันทำให้เขาตัวใหญ่มหาศาลและมีปีกที่กว้างถึง 100 ฟุต!
กลินอยากจะรีบออกจากภพบ้าๆนี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ยังไงก็ตาม เจ้านายของเขาให้คำสั่งมาแล้ว นอกจากนี้ ความจริงที่ว่าพวกเขาถูกอัญเชิญมายังภพนี้ก็หมายความว่าพวกเขาน่าจะทำพันธะสัญญากับผู้อัญเชิญไปแล้วด้วย ถ้าไม่ทำตามพันธะสัญญาที่ได้รับมา กลินกับคนอื่นๆก็คงจะออกจากภพนี้อย่างยากลำบาก บ้าจริงนี่มันกลายเป็นปัญหาซะแล้วสิ
ปกติลอร์ดเฟิร์ดก็เป็นคนที่จัดการยากอยู่แล้วเขาเคยเอาตัวรอดจากการพิพากษาของเทพแห่งการทำลายมาได้ด้วยซ้ำ แล้วข้าคนเดียวจะไปจัดการกับมันยังไงหล่ะเนี่ย?
ปีศาจสองตัวที่อยู่ข้างหลังเขาไม่เข้าใจเวทย์อัญเชิญยังไงก็ตาม พวกเขาค่อนค้างคุ้นเคยกับเวทย์บูชายัญและรายละเอียดของมัน ในตอนที่ได้ยินมาว่าอีกฝ่ายได้มอบวิญญาณ 4,000 ดวงเป็นเครื่องบูชาในพิธีอัญเชิญ ปีศาจทั้งสองคนก็หน้าถอดสี
ปีศาจทั้งสามเงียบไปเป็นเวลาพักใหญ่ๆในตอนที่สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ นักเวทย์ที่ยังทรุดอยู่กับพื้นก็พูดด้วยน้ำเสียงขี้ขลาด “ท่านนักเวทย์จากความว่างเปล่าผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีอะไรที่ท่านจะทำเพื่อพวกเราได้เลยหรอ?”
อยู่ๆก็มีความคิดนึงผุดขึ้นมาในหัวของเขากลินตอบ “ยังพอมีทางอยู่ แต่ต้องจ่ายเยอะหน่อยนะ” “บอกมาเถอะครับ”นักเวทย์พูดอย่างมีความหวัง
ความคิดของกลินนั้นง่ายมากเขาไม่สามารถหาวิธีกำจัดลิงค์ได้ แต่ว่าเจ้านายของเขาทำได้ และเขายังพูดว่าจะจัดการกับลิงค์ด้วยตัวเองอีก ด้วยการพาเขาเข้ามาในภพนี้ ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นเยอะ
“ในเมื่ออาณาจักรแบล็คแลนสามารถสังเวยวิญญาณ4,000 ดวงเพื่อประกอบพิธีกรรมอัญเชิญได้ แล้วทำไมพวกเจ้าถึงทำไม่ได้หล่ะ? ถ้าเกิดว่าพวกเจ้าเสนอวิญญาณให้มากกว่านี้ เจ้าก็จะสามารถพาปีศาจจากความว่างเปล่าที่แข็งแกร่งกว่านี้มาช่วยจัดการศัตรูได้นะ ถ้าเกิดว่าเจ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดีหล่ะก็….”
ก่อนที่เขาจะพูดจบนักเวทย์ที่ทรุดอยู่กับพื้นก็รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่ได้นะครับ มันเป็นเวทย์ต้องห้าม มันเป็นสิ่งที่อาณาจักรทรอยม์อย่างเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวเป็นอันขาด เพราะไม่อย่างนั้นท่านผู้พิทักษ์จะมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเรา”
กลินโกรธในตอนแรกที่เขาได้ยินสิ่งที่ชายคนนั้นพูดและกำลังคิดที่จะแสดงให้เขาดูว่าการบูชายัญที่แท้จริงมันเป็นยังไงยังไงก็ตาม พอได้ยินประโยคสุดท้าย เขาก็ขมวดคิ้ว “ผู้พิทักษ์อะไรหรอ?”
นักเวทย์ตอบ“สมาชิกของสภานักเวทย์แห่งความลับครับ สมาชิกแต่ละคนแข็งแกร่งมาก และเขายังว่ากันด้วยว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขามีพลังมหาศาล การกระทำของอาณาจักรแบล็คแลนนั้นอาจจะไปดึงความสนใจของผู้พิทักษ์เหล่านี้ก็ได้ คนพวกนั้นจะต้องถูกลงโทษสำหรับสิ่งที่ทำลงไปอย่างแน่นอน แต่ว่า มันอาจจะต้องใช้เวลา และจนกว่าจะถึงตอนนั้น พวกเราจะต้องคิดหาวิธีจัดการกับสัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่าที่พวกมันอัญเชิญออกมา”
หัวใจของกลินเต้นแรงในตอนที่ได้ยินคำว่า‘พลังมหาศาล’ เพราะนี่ก็หมายความว่าผู้พิทักษ์เหล่านี้จะต้องเป็นบุคคลระดับตำนานแน่ๆ ซึ่งมันก็ถือว่าโชคร้ายจริงๆที่เขาไม่ได้อยู่ในจุดที่จะจัดการกับคนที่อยู่ระดับตำนานได้
มันไม่มีทางออกให้กลินเลย
เดี๋ยวนะยังมีวิธีอยู่ กลินมองดูคริสตัลเวทมนตร์ที่กระจายอยู่บนพื้นรอบๆ
“ข้ารู้จักชื่อของสัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่านั่นถ้าเกิดว่าเจ้ารวบรวมคิรสตัลเวทมนตร์มาให้ข้าได้อีกซักกองนึง…”
นักเวทย์พูดขัดด้วยน้ำตา“คริสตัลเวทมนตร์กองนี้คือกองสุดท้ายที่อาณาจักรของพวกเราเก็บสะสัมมาอย่างน้อย 100 ปีแล้วครับ แถมพวกเรายังขอคริสตัลทั้งหมดมาจากเพื่อนบ้านของพวกเราด้วย”
กลินไม่เหลือวิธีแล้วดูเหมือนว่าในที่สุดเขาก็มาสะดุดเข้ากับทางตัน
กอลล์กับกันย่ามองหน้ากันในตอนที่ได้ยินสิ่งที่นักเวทย์พูด พวกเขาก็เห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว ในตอนนี้, การอัญเชิญเจ้านายของพวกเขาออกมาในเร็วๆนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย และที่แย่ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังต้องจัดการกับลอร์ดเฟิร์ดที่มีพลังระดับตำนานด้วย
แล้วพวกเขาแต่ละคนจะเอาตัวรอดยังไงหล่ะเนี่ย?
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดหาวิธีเอาตัวรอดอย่างบ้าคลั่งก็มีเสียงคำรามดังมาจากภูเขาที่อยู่ใกล้ๆพวกเขา
โฮก!!!
เสียงคำรามแยกแผ่นดินออกเหมือนกับสายฟ้าฟาดทำให้สิ่งมีชีวิตทุกตัวที่อยู่ในภูเขาหลบหนีด้วยความกลัว
ตู้ม!ตู้ม! ตู้ม!
จากนั้นก็มีเสียงก้าวเท้าหนักๆดังไปทั่วภูเขาจนทำให้แผ่นดินสะเทือนในตอนนั้น หัวใจของพวกเขาทุกคนเต้นแรงมาก มันพร้อมจะพุ่งออกมาจากคอของพวกเขาได้ตลอดเวลา
ลอร์ดเฟิร์ดมาถึงแล้ว “มาสเตอร์ลอร์ดเฟิร์ดมาถึงที่นี่แล้ว พวกเราจะเอายังไงกันดีครับ?” กอลล์พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ดาบของเขาส่งเสียงก้องกังวาลต่อเนื่องกัน
“มาสเตอร์ช่วยคิดอะไรซักอย่างเถอะ เขามาที่นี่แล้ว!” กันย่าวิงวอน ตอนนี้ร่างของเธอสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ากลินยังยืนอยู่ตรงนี้ เธอก็คงจะหนีไปจากที่นี่โดยไม่ลังเลแล้ว
“ท่านนักเวทย์ผู้แข็งแกร่งจากความว่างเปล่าสัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่ามาที่นี่แล้ว พวกเราจะทำยังไงกันดีครับ?” นักเวทย์พื้นเมืองที่ยังคงนอนอยู่ตรงหน้ากลินเป็นคนพูด เขาตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว
กลินเองก็จนปัญญาเขาจะใช้ความรู้จากแผนผังเวทมนตร์ทรงพลังมากมายได้ยังไงถ้าเกิดว่าเขาไม่มีพลังมากพอที่จะใช้มัน?
นี่พวกข้าทำได้แค่หนีจริงๆหรอ?กลินคิด เขายังลังเลที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ ตอนอยู่ในความว่างเปล่า เขายังมีพลังเลเวล 15 อยู่เลย แต่ตอนนี้เขากลับถูกไอเปี๊ยกเลเวล 13 ไล่ล่าอยู่ เขาคงไม่มีหน้าไปพบกับเจ้านายของเขาถ้าเกิดว่าเขาทำภารกิจในครั้งนี้ล้มเหลว
แต่ว่าเขามีทางเลือกไหนเหลืออยู่อีกหล่ะ?
ในตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้ยินเสียงมาจากท้องฟ้า “ข้าเห็นแล้วว่าพวกเจ้าอัญเชิญปีศาจ 3 ตัวที่มีพลังมหาศาลออกมา พวกมันใช้การได้แน่ แฟรงค์แลน เจ้าทำได้ดีมาก”
นักเวทย์เงยหน้าขึ้นและเห็นยูนิคอร์นสีขาวหิมะที่เปล่งแสงฟ้าอ่อนลอยอยู่บนฟ้าเหนือหัวเขา30 ฟุต บนหลังของยูนิคอร์นตัวนั้นมีเด็กหนุ่มอยู่คนนึง
เด็กคนนั้นมีอายุประมาณ15 ปี เขามีใบหน้าหล่อเหลา พร้อมกับผมสีเงินเงางาม เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์ที่มีริ้วสีเงินและมีอัญมณีมรกตที่สวยงามอยู่ที่หน้าผากของเขา แล้วเขาก็ถือคทาที่เปล่งแสงสีขาวออกมาด้วย เขาดูไม่เหมือนกับมนุษย์เลย
“เจ้าเป็นใคร?”แฟรงค์แลนถาม เขาตกใจกับการที่ถูกคนที่เขาไม่เคยเจอมาก่อนทักทายอย่างคุ้นเคย แล้วเขาก็สัมผัสออร่าคุกคามที่มาจากเด็กหนุ่มที่ขี่ยูนิคอร์นได้ด้วย
เด็กหนุ่มกวาดสายตามองกลินและคนอื่นๆหลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างชิวๆ “ข้าหรอ? ข้าชื่อโรเมออน ข้าเป็นผู้พิทักษ์”