Advent of the Archmage - 641 ราชันแห่งแสง?
Chapter
นี่มันมีปัญหาแล้ว
ลิงค์นอนเหยียดอยู่ที่พื้นในหุบเขาเขากำลังคิดถึงข้อมูลที่ได้มาจากปีศาจทั้งสอง เรือข้ามความว่างเปล่านั้นมีปีศาจระดับตำนานอยู่มากกว่า 3,000 ตน โนโซม่าต้องการลงมาจัดการกับเขาด้วยตัวเอง และที่น่าตกใจกว่านั้น คนพวกนี้เองก็มาที่นี่เพื่อตามหาเฟืองปริศนา
สถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับเฟืองปริศนาถ้าเกิดพวกปีศาจตามหาทุกซอกทุกมุม พวกมันก็อาจจะเจอมันจริงๆก็ได้ แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกมันเจอเฟืองเข้าหล่ะ?
ลิงค์ไม่รู้ว่าพวกปีศาจจะได้รับพลังอันมหาศาลหรือความรู้อันน่าเหลือเชื่อทั้งหมดที่เขารู้คือเขาจะให้โนโซม่าเจอมันไม่ได้
แต่ว่าตอนนี้เขาจะทำอะไรได้หล่ะ?ลิงค์ไม่มีเบาะแสเลย ในขณะที่เขากำลังใช้สมอง คนรับใช้เวทมนตร์ของเขา, ดาดาร่าก็เดินเข้ามาพร้อมกับหนังสือเวทมนตร์หนาๆเล่มนึง “มาสเตอร์ ข้าเตรียมสิ่งที่ท่านขอมาเรียบร้อยแล้วครับ”
“เข้ามาอ่านให้ข้าฟังใกล้ๆซิ”สายตาของลิงค์มองลงมาที่ดาดาร่า เขายังคงนอนเหยียดอยู่ที่พื้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาพบกันแต่ไม่ว่าครั้งใดก็ตามที่ดาดาร่าเข้ามาใกล้เขา เขาก็จะรู้สึกประหม่า เขาเว้นระยะห่างจากลิงค์ 50 ฟุตและเริ่มทำการอ่าน
“ภพที่พวกเราอาศัยอยู่มีชื่อว่าเฟดาร่าในอดีตอันไกลโพ้น มันเคยเป็นดินแดนที่แห้งแล้ง ไม่มีน้ำ ไม่มีอากาศ ไม่มีชีวิต แต่แล้ววันหนึ่ง ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ก็มาถึง เขาเห็นว่าโลกนี้เงียบเกินไปจึงตัดสินใจเพิ่มชีวิตเข้าไปให้ เขาใช้เวลาทั้งหมด 7 วันในการสร้างจ้าวแห่งสิ่งมีชีวิตขึ้นมา ตำนานนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีป ข้าไม่สามารถรับรองได้ว่ามันจริงหรือไม่ แต่ว่าโดยส่วนตัวนั้นข้าไม่เชื่อในเรื่องนี้”
ลิงค์ไม่ได้เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเขาพ่นลมออกมาจนเกิดเป็นลมหนาวในหุบเขา “อ่านต่อไป อย่าเพิ่มเรื่องไร้สาระของเจ้าเข้าไปด้วย ความรู้ของเจ้ามันไม่มากพอที่จะมาตัดสินประวัติศาสตร์ได้”
ดาดาร่ารู้สึกว่าโดนดูถูกแต่เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ เขาเลียปากแตกๆของตัวเองและอ่านต่อ “หลังจากที่ท่านเทพสร้างชีวิต เขาก็อาศัยอยู่ที่เฟดาร่าเป็นเวลาหลายปี เขาจัดแจงกฎระเบียบของโลกนี้ใหม่ และเพยแพร่ภาษาเขียนกับภาษาพูด ในตอนที่เขาจากไป เขาชี้ไปยังบรรพบุรุษของมนุษย์และพูดว่า ‘จากนี้ไปเจ้าจะต้องปกครองโลกนี้แทนข้า นี่คือคทาเวทมนตร์ของข้า, ซึ่งข้าจะมอบมันให้แก่เจ้า’”
ตำนานนี้มีเนื้อหาสำคัญเพียงเล็กน้อยมีบางส่วนของตำนานที่คล้ายกับฟิรุแมน ซึ่งรายละเอียดโดยส่วนใหญ่นั้นเชื่อถือไม่ได้ แต่ก็ยังมีอยู่บางส่วนที่ถูกเหลือทิ้งไว้ในประวัติศาสตร์ พอมาถึงจุดนี้ ลิงค์ก็ถามขึ้นมา “เทพองค์นั้นมีชื่อเรียกไหม?”
“พระองค์ไม่เคยพูดชื่อจริงออกมาครับแต่ว่า, ผู้คนในสมัยก่อนเรียกเขาว่าราชันแห่งแสง ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน เขาก็จะถูกปกคลุมด้วยแสงอันไร้ที่สิ้นสุด และด้วยเหตุนั้นเองผู้คนจึงเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดเจน” ดาดาร่าพูด
“ราชันแห่งแสงหรอ?”ลิงค์ค่อนข้างตกใจ ราชันแห่งแสงนั้นค่อนข้างใกล้เคียงกับเทพแห่งแสงของฟิรุแมน พิอาสเซ่เองก็เคยบอกว่าเฟืองปริศนาที่อยู่ในทะเลแห่งความว่างเปล่านั้นถูกปกคลุมด้วยแสงสว่าง หรือว่าทั้ง 3 สิ่งนี้จะมีความเกี่ยวข้องกันบางอย่าง?
ยังไงก็ตามข้อมูลยังไม่มากเพียงพอ ลิงค์ไม่สามารถสรุปอะไรได้
“อ่านต่อไป”เขาสั่ง
“หลังจากที่ท่านเทพจากไปบรรพบุรุษก็ใช้เวทมนตร์ที่ได้รับมาจากท่านเทพและก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกนี้อย่างรวดเร็ว ในตอนแรก หลายคนเชื่อว่าท่านเทพจะกลับมาและบรรพบุรุษคนนั้นก็เป็นแค่คนที่ทำหน้าที่รักษากฎของโลกนี้แทนเขาเฉยๆ และด้วยเหตุนั้นเอง โลกจึงสงบสุขและทุกคนก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ยังไงก็ตาม ท่านเทพก็ไม่เคยกลับมา กาลเวลาได้ล่วงเลยไป และกฎก็เริ่มเสื่อมสภาพ ประมาณ 9,000 ปีก่อน สงครามเวทมนตร์อุบัติขึ้นในเฟดาร่า มีนักเวทย์ที่แข็งแกร่งมากมายได้สถาปนาตัวเองเป็นราชันนักเวทย์ พวกเขาต่อสู้กันเองเพื่อแย่งคทาที่ได้รับมาจากท่านเทพ ซึ่งยุคมืดนี้ยาวนานถึง 30 ปีเต็ม โดยเหตุการณ์นั้นเป็นที่รู้จักในชื่อสงครามราชัน”
“หืม?นี่เป็นตำนานหรือประวัติศาสตร์กันแน่?” ลิงค์รู้สึกสนใจ
“มันเป็นประวัติศาสตร์จริงๆครับ”ดาดาร่าพูด
“มีหลักฐานมั้ยหล่ะ?”ลิงค์ถาม
ดาดาร่าไม่ได้เป็นแค่นักเวทย์เฉยๆแต่เขายังเป็นนักวิชาการด้วย เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเฟดาร่า
ในทันทีที่ลิงค์ถามเขาก็ตอบ “ในทวีปนี้มีโบราณวัตถุอยู่มากมาย และที่โด่งดังที่สุดเลยก็คือแท่นดูดาวที่อยู่ทางใต้ นักวิชาการในสมัยโบราณได้ดูเส้นทางของดวงดาวจากที่นั่น และยังมีภาพวาดอันโด่งดังที่ชื่อว่ารุ่งสางแห่งทวยเทพ โดยที่ส่วนล่างของภาพวาดนั้นมีบทกลอนโบราณ 5,389 บท มันบันทึกเหตุการณ์สงครามในอดีตเอาไว้ครับ”
“นอกจากนี้,ยังมีผนึกเวทมนตร์นิรันด์ที่แท่นดูดาวและร่างที่ถูกแช่แข็งเอาไว้อีก 5 ร่างด้วย และทั้งหมดนี้เองก็คือสิ่งที่พิสูจน์ว่าสงครามแห่งราชานั้นเคยเกิดขึ้นจริงๆเมื่อ 9,000 ปีก่อน อ้างอิงจากงานวิจัยของข้า เวลาที่แน่ชัดของเหตุการณ์นั้นน่าจะประมาณเมื่อ 9,155 ปีก่อน”
มันเป็นคำตอบที่ละเอียดมากหลังจากที่ได้ฟัง ลิงค์ก็รู้สึกว่าเขาจะต้องไปที่แท่นดูดาวนั้นให้ได้ แต่ว่าเขาจะต้องเรียนรู้เวทมนตร์ของโลกนี้ให้มากที่สุดก่อนที่จะไปที่นั่น
พอคิดได้ลิงค์ก็พูดขึ้นมา “อ่านต่อได้เลย หลังจากที่อ่านจบแล้ว ข้าอยากจะรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ของพวกเจ้าด้วย” “ตามประสงค์ครับนายท่าน” ดาดาร่าอ่านต่อ
ในขณะที่ลิงค์มีสมาธิอยู่กับการเรียนรู้เรื่องของเฟดาร่ากลินก็กำลังหนีอยู่กับแฟลงค์แลน
เขาหนีไปไกลกว่า1,000 ไมล์โดยไม่หยุดพักเลย และพอมาถึงใจกลางของอาณาจักรทรอยม์เขาก็ได้พักในที่สุด
ในตอนที่เขากำลังจะไปพักผ่อนเสียงก็ดังมาจากท้องฟ้า “หยุดก่อน เจ้าปีศาจ”
กลินเงยหน้าขึ้นเสียงนั้นมาจากผู้พิทักษ์โรเมออนที่หนีมาทางเดียวกัน เขาดูค่อนข้างน่าสมเพศ เสื้อผ้าของเขาขาดหลุดรุ่ย ทรงผมที่เคยได้ทรงของเขายุ่งเหยิง คิ้วสวยๆของเขาเองตกลงมาแทนที่จะโค้งขึ้น เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นได้ทำลายความมั่นใจของเขา
“ท่านผู้พิทักษ์ข้าเป็นแค่คนที่ถูกอัญเชิญมาจากอีกภพนึง ทำไมท่านถึงไม่ปล่อยข้าไปหล่ะ?” กลินรู้สึกกลัว ยังไงซะอีกฝ่ายก็อยู่ระดับตำนาน ถ้าเกิดพวกเขาต่อสู้กัน เขาคงไม่สามารถสู้ได้
โรเมออนส่ายหัว“ไม่ ไม่ ไม่ ข้ารู้ว่าเจ้ามีแผนอื่น แต่ข้าจะไม่หาเรื่องใส่ตัวตอนนี้ ข้าอยากรู้เรื่องของมังกรดำนั่น พลังของมันน่ากลัวมาก มันเหนือกว่าสัตว์ประหลาดทุกตัวที่เคยปรากฏตัวขึ้นในประวัติศาสตร์ของเฟดาร่า แม้กระทั่งราชันเวทมนตร์ในอดีตเองก็คงเทียบกับมันไม่ติด มันคงไม่ใช่มังกรไร้ชื่อแน่ๆ ปีศาจเอ๋ย จงเล่าเรื่องราวของมันมาซะ”
พอได้ยินแบบนี้กลินก็โล่งใจ ถ้าเกิดชายคนนี้อยากหาเรื่องเขาจริงๆ กลินก็คงแย่ ดังนั้นเรื่องมันเป็นแบบนี้จึงดีกว่าเยอะ แต่เขาก็เล่าเรื่องของลอร์ดเฟิร์ดได้ไม่มากนัก ไม่อย่างนั้น ถ้าตัดสินจากการพูดคุยของพวกเขาที่สนามรบก่อนหน้านี้ ใครจะไปรู้หล่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้น?
พอคิดได้กลินก็พูดขึ้น “ท่านผู้พิทักษ์ ข้าแค่เคยได้ยินชื่อของมันเฉยๆ มันแข็งแกร่งมากจริงๆ แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเคยสู้กับมัน ข้าเองก็เหมือนกับท่านนั่นแหล่ะ” “งั้นหรอ?”โรเมออนเขม่นตาใส่กลิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
กลินเคยถูกสงสัยแบบนี้มาหลายครั้งแล้วเขากรีดร้องอยู่ในใจ ไอ้ลอร์ดเฟิร์ดระยำนั่นทำลายความมั่นใจของผู้พิทักษ์ไปจนหมดเลย การปะทะกันไม่ได้รุนแรงอย่างที่เขาคิด ผู้พิทักษ์เริ่มสงสัยกลินและพยายามจะพิสูจน์ความสงสัยของเขา
ถ้ารวมปีศาจทั้งสองตนที่ทรยศไปด้วยพวกเขาก็คงจะถูกเปิดโปงในไม่ช้า
ณจุดนี้ ภารกิจของโนโซม่าคงเป็นไปไม่ได้แล้ว วิธีที่ฉลาดที่สุดก็คงจะเป็นการยอมแพ้และกลับไปที่ความว่างเปล่าเพื่อเริ่มต้นใหม่ มันมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกลงโทษอย่างแสนสาหัส แต่ว่ามันก็ยังคงดีกว่าพ่ายแพ้และตายอยู่ที่นี่
กลินเป็นคนที่ตัดสินใจเด็ดขาดพอเขาตัดสินใจได้แล้ว เขาก็ทำทันทีโดยไม่รอช้า
แต่ก็แน่นอนว่าเขาต้องหาเวลาที่เหมาะสมในการออกจากภพนี้แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เขาก็จะไม่ถอยอีก “ท่านผู้พิทักษ์” เขาพึมพำ “จากข่าวลือทั้งหมดเกี่ยวกับมังกรดำที่ข้าเคยได้ยินมา มันเป็นมังกรที่โหดร้ายและเหลี่ยมจัด บางที่ท่านอาจจะคิดว่ามันไม่ได้อันตรายนักและคงคิดจะเข้าไปคุยกับมัน แต่ถ้าถึงตอนที่มันฆ่าคนในโลกนี้ไปมากกว่า 100,000 คนเมื่อไหร่หล่ะก็ท่านจะต้องเสียใจแน่”
“แต่ในการต่อสู้เมื่อซักครู่นี้มีคนตายเพราะมันไม่ถึง20 คนด้วยซ้ำนะ” โรเมออนพูด เขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “แถมคนบาดเจ็บก็ไม่ถึง 100 คน เขาดูไม่เห็นเหมาะกับชื่อผู้ปกครองที่โหดร้ายเลย”
“เหอะข้าแค่บอกท่านเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าเคยได้ยินมา ท่านจะเชื่อหรือไม่มันก็ไม่เกี่ยวกับข้า ถ้าเกิดว่าท่านมีความกล้ามากพอ ท่านก็ลองไปถามมันที่หุบเขาด้วยตัวเองสิ เอาเถอะ ข้าคิดว่าข้าคงอยู่ภพนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ยังไงซะ ข้าก็เป็นแขกที่ถูกอัญเชิญมาจากอีกโลกนึงนี่นะ” “งั้นหรอถ้างั้นเจ้าก็ไปเถอะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะ แล้วก็อีกอย่างนึง ภพนี้ไม่ได้ต้อนรับเจ้าเหมือนกัน อย่ากลับมาอีกหล่ะ ถ้าเกิดว่าข้าพบเจ้าอีกเป็นครั้งที่สอง ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”
กลินยักไหล่“ข้าเองก็หวังว่าพวกเราจะไม่ได้เจอกันอีก”
โรเมออนไม่ได้คิดอะไรมากเวทย์อัญเชิญจบลงแล้ว ดังนั้นการที่จะกลับไปที่ความว่างเปล่านั้นจึงเป็นเรื่องปกติ พอคิดว่าเขาจะไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มจากปีศาจแล้ว เขาก็จากไป
บางทีมันคงถึงเวลาที่จะไปหามังกรดำแล้วหล่ะโรเมออนคิด อีกฝ่ายไม่ได้สร้างความเสียหายมากนักแถมยังกลับไปในภูเขาด้วย ดูเหมือนว่าเรื่องต่อสู้คงต้องพักไว้ก่อนสินะ
อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้ความต้องการของอีกฝ่ายก่อน
อีกด้านนึงไม่นานหลังจากที่เขาจากไปกลินก็จับคอของแฟลงค์แลน “มนุษย์ ข้าขอโทษนะ แต่ว่าข้าไม่ต้องการเจ้าอีกแล้ว” “นี่แก”แฟลงค์แลนตกใจ
กร๊อบ!เสียงกระดูกหัก และคอของแฟลงแลนก็พับลง เขาตายในทันที
เขาเป็นผู้อัญเชิญหลักของกลินในตอนที่เขาตาย กลินก็รู้สึกได้ถึงแรงต้านจากภพนี้อย่างรุนแรง พลังเลเวล 9 ของเขาตอนนี้เหลือแค่เลเวล 6 เท่านั้น
แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาแล้วเขาไม่คิดจะอยู่ในภพนี้ต่อ ด้วยการใช้แรงต่อต้าน กลินก็ร่ายเวทย์ประตูมิติ
พรึ่บเกิดแสงสีขาวขึ้น และด้วยการใช้พลัง กลินก็ส่งตัวเองออกจากภพนี้
ทุกอย่างในทัศนวิสัยของเขาเบลอไม่กี่นาทีต่อมา ไอน้ำสีเขียวเข้มก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา เขากลับมาที่ทะเลแห่งความว่างเปล่า
ไม่มีอะไรมายับยั้งเขาอีกต่อไปแล้วพลังของเขากลับมาที่เลเวล 15 พลังแห่งความว่างเปล่าไหลมาหาเขา แต่ว่าเขาก็หยุดมันได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้นไม่นานจานบินขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา มันส่งสัญญาณพิกัดออกมาที่ด้านล่าง
กลินส่งที่อยู่ของเขาไปทันทีเกิดแสงสีขาวขึ้น และเขาก็กลับเข้ามาในเรือท่องความว่างเปล่า
เสียงของโนโซม่าดังขึ้น“กลิน เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก”
นี่มันมีปัญหาแล้ว
ลิงค์นอนเหยียดอยู่ที่พื้นในหุบเขาเขากำลังคิดถึงข้อมูลที่ได้มาจากปีศาจทั้งสอง เรือข้ามความว่างเปล่านั้นมีปีศาจระดับตำนานอยู่มากกว่า 3,000 ตน โนโซม่าต้องการลงมาจัดการกับเขาด้วยตัวเอง และที่น่าตกใจกว่านั้น คนพวกนี้เองก็มาที่นี่เพื่อตามหาเฟืองปริศนา
สถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับเฟืองปริศนาถ้าเกิดพวกปีศาจตามหาทุกซอกทุกมุม พวกมันก็อาจจะเจอมันจริงๆก็ได้ แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกมันเจอเฟืองเข้าหล่ะ?
ลิงค์ไม่รู้ว่าพวกปีศาจจะได้รับพลังอันมหาศาลหรือความรู้อันน่าเหลือเชื่อทั้งหมดที่เขารู้คือเขาจะให้โนโซม่าเจอมันไม่ได้
แต่ว่าตอนนี้เขาจะทำอะไรได้หล่ะ?ลิงค์ไม่มีเบาะแสเลย ในขณะที่เขากำลังใช้สมอง คนรับใช้เวทมนตร์ของเขา, ดาดาร่าก็เดินเข้ามาพร้อมกับหนังสือเวทมนตร์หนาๆเล่มนึง “มาสเตอร์ ข้าเตรียมสิ่งที่ท่านขอมาเรียบร้อยแล้วครับ”
“เข้ามาอ่านให้ข้าฟังใกล้ๆซิ”สายตาของลิงค์มองลงมาที่ดาดาร่า เขายังคงนอนเหยียดอยู่ที่พื้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาพบกันแต่ไม่ว่าครั้งใดก็ตามที่ดาดาร่าเข้ามาใกล้เขา เขาก็จะรู้สึกประหม่า เขาเว้นระยะห่างจากลิงค์ 50 ฟุตและเริ่มทำการอ่าน
“ภพที่พวกเราอาศัยอยู่มีชื่อว่าเฟดาร่าในอดีตอันไกลโพ้น มันเคยเป็นดินแดนที่แห้งแล้ง ไม่มีน้ำ ไม่มีอากาศ ไม่มีชีวิต แต่แล้ววันหนึ่ง ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ก็มาถึง เขาเห็นว่าโลกนี้เงียบเกินไปจึงตัดสินใจเพิ่มชีวิตเข้าไปให้ เขาใช้เวลาทั้งหมด 7 วันในการสร้างจ้าวแห่งสิ่งมีชีวิตขึ้นมา ตำนานนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีป ข้าไม่สามารถรับรองได้ว่ามันจริงหรือไม่ แต่ว่าโดยส่วนตัวนั้นข้าไม่เชื่อในเรื่องนี้”
ลิงค์ไม่ได้เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเขาพ่นลมออกมาจนเกิดเป็นลมหนาวในหุบเขา “อ่านต่อไป อย่าเพิ่มเรื่องไร้สาระของเจ้าเข้าไปด้วย ความรู้ของเจ้ามันไม่มากพอที่จะมาตัดสินประวัติศาสตร์ได้”
ดาดาร่ารู้สึกว่าโดนดูถูกแต่เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ เขาเลียปากแตกๆของตัวเองและอ่านต่อ “หลังจากที่ท่านเทพสร้างชีวิต เขาก็อาศัยอยู่ที่เฟดาร่าเป็นเวลาหลายปี เขาจัดแจงกฎระเบียบของโลกนี้ใหม่ และเพยแพร่ภาษาเขียนกับภาษาพูด ในตอนที่เขาจากไป เขาชี้ไปยังบรรพบุรุษของมนุษย์และพูดว่า ‘จากนี้ไปเจ้าจะต้องปกครองโลกนี้แทนข้า นี่คือคทาเวทมนตร์ของข้า, ซึ่งข้าจะมอบมันให้แก่เจ้า’”
ตำนานนี้มีเนื้อหาสำคัญเพียงเล็กน้อยมีบางส่วนของตำนานที่คล้ายกับฟิรุแมน ซึ่งรายละเอียดโดยส่วนใหญ่นั้นเชื่อถือไม่ได้ แต่ก็ยังมีอยู่บางส่วนที่ถูกเหลือทิ้งไว้ในประวัติศาสตร์ พอมาถึงจุดนี้ ลิงค์ก็ถามขึ้นมา “เทพองค์นั้นมีชื่อเรียกไหม?”
“พระองค์ไม่เคยพูดชื่อจริงออกมาครับแต่ว่า, ผู้คนในสมัยก่อนเรียกเขาว่าราชันแห่งแสง ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน เขาก็จะถูกปกคลุมด้วยแสงอันไร้ที่สิ้นสุด และด้วยเหตุนั้นเองผู้คนจึงเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดเจน” ดาดาร่าพูด
“ราชันแห่งแสงหรอ?”ลิงค์ค่อนข้างตกใจ ราชันแห่งแสงนั้นค่อนข้างใกล้เคียงกับเทพแห่งแสงของฟิรุแมน พิอาสเซ่เองก็เคยบอกว่าเฟืองปริศนาที่อยู่ในทะเลแห่งความว่างเปล่านั้นถูกปกคลุมด้วยแสงสว่าง หรือว่าทั้ง 3 สิ่งนี้จะมีความเกี่ยวข้องกันบางอย่าง?
ยังไงก็ตามข้อมูลยังไม่มากเพียงพอ ลิงค์ไม่สามารถสรุปอะไรได้
“อ่านต่อไป”เขาสั่ง
“หลังจากที่ท่านเทพจากไปบรรพบุรุษก็ใช้เวทมนตร์ที่ได้รับมาจากท่านเทพและก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกนี้อย่างรวดเร็ว ในตอนแรก หลายคนเชื่อว่าท่านเทพจะกลับมาและบรรพบุรุษคนนั้นก็เป็นแค่คนที่ทำหน้าที่รักษากฎของโลกนี้แทนเขาเฉยๆ และด้วยเหตุนั้นเอง โลกจึงสงบสุขและทุกคนก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ยังไงก็ตาม ท่านเทพก็ไม่เคยกลับมา กาลเวลาได้ล่วงเลยไป และกฎก็เริ่มเสื่อมสภาพ ประมาณ 9,000 ปีก่อน สงครามเวทมนตร์อุบัติขึ้นในเฟดาร่า มีนักเวทย์ที่แข็งแกร่งมากมายได้สถาปนาตัวเองเป็นราชันนักเวทย์ พวกเขาต่อสู้กันเองเพื่อแย่งคทาที่ได้รับมาจากท่านเทพ ซึ่งยุคมืดนี้ยาวนานถึง 30 ปีเต็ม โดยเหตุการณ์นั้นเป็นที่รู้จักในชื่อสงครามราชัน”
“หืม?นี่เป็นตำนานหรือประวัติศาสตร์กันแน่?” ลิงค์รู้สึกสนใจ
“มันเป็นประวัติศาสตร์จริงๆครับ”ดาดาร่าพูด
“มีหลักฐานมั้ยหล่ะ?”ลิงค์ถาม
ดาดาร่าไม่ได้เป็นแค่นักเวทย์เฉยๆแต่เขายังเป็นนักวิชาการด้วย เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเฟดาร่า
ในทันทีที่ลิงค์ถามเขาก็ตอบ “ในทวีปนี้มีโบราณวัตถุอยู่มากมาย และที่โด่งดังที่สุดเลยก็คือแท่นดูดาวที่อยู่ทางใต้ นักวิชาการในสมัยโบราณได้ดูเส้นทางของดวงดาวจากที่นั่น และยังมีภาพวาดอันโด่งดังที่ชื่อว่ารุ่งสางแห่งทวยเทพ โดยที่ส่วนล่างของภาพวาดนั้นมีบทกลอนโบราณ 5,389 บท มันบันทึกเหตุการณ์สงครามในอดีตเอาไว้ครับ”
“นอกจากนี้,ยังมีผนึกเวทมนตร์นิรันด์ที่แท่นดูดาวและร่างที่ถูกแช่แข็งเอาไว้อีก 5 ร่างด้วย และทั้งหมดนี้เองก็คือสิ่งที่พิสูจน์ว่าสงครามแห่งราชานั้นเคยเกิดขึ้นจริงๆเมื่อ 9,000 ปีก่อน อ้างอิงจากงานวิจัยของข้า เวลาที่แน่ชัดของเหตุการณ์นั้นน่าจะประมาณเมื่อ 9,155 ปีก่อน”
มันเป็นคำตอบที่ละเอียดมากหลังจากที่ได้ฟัง ลิงค์ก็รู้สึกว่าเขาจะต้องไปที่แท่นดูดาวนั้นให้ได้ แต่ว่าเขาจะต้องเรียนรู้เวทมนตร์ของโลกนี้ให้มากที่สุดก่อนที่จะไปที่นั่น
พอคิดได้ลิงค์ก็พูดขึ้นมา “อ่านต่อได้เลย หลังจากที่อ่านจบแล้ว ข้าอยากจะรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ของพวกเจ้าด้วย” “ตามประสงค์ครับนายท่าน” ดาดาร่าอ่านต่อ
ในขณะที่ลิงค์มีสมาธิอยู่กับการเรียนรู้เรื่องของเฟดาร่ากลินก็กำลังหนีอยู่กับแฟลงค์แลน
เขาหนีไปไกลกว่า1,000 ไมล์โดยไม่หยุดพักเลย และพอมาถึงใจกลางของอาณาจักรทรอยม์เขาก็ได้พักในที่สุด
ในตอนที่เขากำลังจะไปพักผ่อนเสียงก็ดังมาจากท้องฟ้า “หยุดก่อน เจ้าปีศาจ”
กลินเงยหน้าขึ้นเสียงนั้นมาจากผู้พิทักษ์โรเมออนที่หนีมาทางเดียวกัน เขาดูค่อนข้างน่าสมเพศ เสื้อผ้าของเขาขาดหลุดรุ่ย ทรงผมที่เคยได้ทรงของเขายุ่งเหยิง คิ้วสวยๆของเขาเองตกลงมาแทนที่จะโค้งขึ้น เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นได้ทำลายความมั่นใจของเขา
“ท่านผู้พิทักษ์ข้าเป็นแค่คนที่ถูกอัญเชิญมาจากอีกภพนึง ทำไมท่านถึงไม่ปล่อยข้าไปหล่ะ?” กลินรู้สึกกลัว ยังไงซะอีกฝ่ายก็อยู่ระดับตำนาน ถ้าเกิดพวกเขาต่อสู้กัน เขาคงไม่สามารถสู้ได้
โรเมออนส่ายหัว“ไม่ ไม่ ไม่ ข้ารู้ว่าเจ้ามีแผนอื่น แต่ข้าจะไม่หาเรื่องใส่ตัวตอนนี้ ข้าอยากรู้เรื่องของมังกรดำนั่น พลังของมันน่ากลัวมาก มันเหนือกว่าสัตว์ประหลาดทุกตัวที่เคยปรากฏตัวขึ้นในประวัติศาสตร์ของเฟดาร่า แม้กระทั่งราชันเวทมนตร์ในอดีตเองก็คงเทียบกับมันไม่ติด มันคงไม่ใช่มังกรไร้ชื่อแน่ๆ ปีศาจเอ๋ย จงเล่าเรื่องราวของมันมาซะ”
พอได้ยินแบบนี้กลินก็โล่งใจ ถ้าเกิดชายคนนี้อยากหาเรื่องเขาจริงๆ กลินก็คงแย่ ดังนั้นเรื่องมันเป็นแบบนี้จึงดีกว่าเยอะ แต่เขาก็เล่าเรื่องของลอร์ดเฟิร์ดได้ไม่มากนัก ไม่อย่างนั้น ถ้าตัดสินจากการพูดคุยของพวกเขาที่สนามรบก่อนหน้านี้ ใครจะไปรู้หล่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้น?
พอคิดได้กลินก็พูดขึ้น “ท่านผู้พิทักษ์ ข้าแค่เคยได้ยินชื่อของมันเฉยๆ มันแข็งแกร่งมากจริงๆ แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเคยสู้กับมัน ข้าเองก็เหมือนกับท่านนั่นแหล่ะ” “งั้นหรอ?”โรเมออนเขม่นตาใส่กลิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
กลินเคยถูกสงสัยแบบนี้มาหลายครั้งแล้วเขากรีดร้องอยู่ในใจ ไอ้ลอร์ดเฟิร์ดระยำนั่นทำลายความมั่นใจของผู้พิทักษ์ไปจนหมดเลย การปะทะกันไม่ได้รุนแรงอย่างที่เขาคิด ผู้พิทักษ์เริ่มสงสัยกลินและพยายามจะพิสูจน์ความสงสัยของเขา
ถ้ารวมปีศาจทั้งสองตนที่ทรยศไปด้วยพวกเขาก็คงจะถูกเปิดโปงในไม่ช้า
ณจุดนี้ ภารกิจของโนโซม่าคงเป็นไปไม่ได้แล้ว วิธีที่ฉลาดที่สุดก็คงจะเป็นการยอมแพ้และกลับไปที่ความว่างเปล่าเพื่อเริ่มต้นใหม่ มันมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกลงโทษอย่างแสนสาหัส แต่ว่ามันก็ยังคงดีกว่าพ่ายแพ้และตายอยู่ที่นี่
กลินเป็นคนที่ตัดสินใจเด็ดขาดพอเขาตัดสินใจได้แล้ว เขาก็ทำทันทีโดยไม่รอช้า
แต่ก็แน่นอนว่าเขาต้องหาเวลาที่เหมาะสมในการออกจากภพนี้แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เขาก็จะไม่ถอยอีก “ท่านผู้พิทักษ์” เขาพึมพำ “จากข่าวลือทั้งหมดเกี่ยวกับมังกรดำที่ข้าเคยได้ยินมา มันเป็นมังกรที่โหดร้ายและเหลี่ยมจัด บางที่ท่านอาจจะคิดว่ามันไม่ได้อันตรายนักและคงคิดจะเข้าไปคุยกับมัน แต่ถ้าถึงตอนที่มันฆ่าคนในโลกนี้ไปมากกว่า 100,000 คนเมื่อไหร่หล่ะก็ท่านจะต้องเสียใจแน่”
“แต่ในการต่อสู้เมื่อซักครู่นี้มีคนตายเพราะมันไม่ถึง20 คนด้วยซ้ำนะ” โรเมออนพูด เขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “แถมคนบาดเจ็บก็ไม่ถึง 100 คน เขาดูไม่เห็นเหมาะกับชื่อผู้ปกครองที่โหดร้ายเลย”
“เหอะข้าแค่บอกท่านเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าเคยได้ยินมา ท่านจะเชื่อหรือไม่มันก็ไม่เกี่ยวกับข้า ถ้าเกิดว่าท่านมีความกล้ามากพอ ท่านก็ลองไปถามมันที่หุบเขาด้วยตัวเองสิ เอาเถอะ ข้าคิดว่าข้าคงอยู่ภพนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ยังไงซะ ข้าก็เป็นแขกที่ถูกอัญเชิญมาจากอีกโลกนึงนี่นะ” “งั้นหรอถ้างั้นเจ้าก็ไปเถอะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะ แล้วก็อีกอย่างนึง ภพนี้ไม่ได้ต้อนรับเจ้าเหมือนกัน อย่ากลับมาอีกหล่ะ ถ้าเกิดว่าข้าพบเจ้าอีกเป็นครั้งที่สอง ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”
กลินยักไหล่“ข้าเองก็หวังว่าพวกเราจะไม่ได้เจอกันอีก”
โรเมออนไม่ได้คิดอะไรมากเวทย์อัญเชิญจบลงแล้ว ดังนั้นการที่จะกลับไปที่ความว่างเปล่านั้นจึงเป็นเรื่องปกติ พอคิดว่าเขาจะไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มจากปีศาจแล้ว เขาก็จากไป
บางทีมันคงถึงเวลาที่จะไปหามังกรดำแล้วหล่ะโรเมออนคิด อีกฝ่ายไม่ได้สร้างความเสียหายมากนักแถมยังกลับไปในภูเขาด้วย ดูเหมือนว่าเรื่องต่อสู้คงต้องพักไว้ก่อนสินะ
อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้ความต้องการของอีกฝ่ายก่อน
อีกด้านนึงไม่นานหลังจากที่เขาจากไปกลินก็จับคอของแฟลงค์แลน “มนุษย์ ข้าขอโทษนะ แต่ว่าข้าไม่ต้องการเจ้าอีกแล้ว” “นี่แก”แฟลงค์แลนตกใจ
กร๊อบ!เสียงกระดูกหัก และคอของแฟลงแลนก็พับลง เขาตายในทันที
เขาเป็นผู้อัญเชิญหลักของกลินในตอนที่เขาตาย กลินก็รู้สึกได้ถึงแรงต้านจากภพนี้อย่างรุนแรง พลังเลเวล 9 ของเขาตอนนี้เหลือแค่เลเวล 6 เท่านั้น
แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาแล้วเขาไม่คิดจะอยู่ในภพนี้ต่อ ด้วยการใช้แรงต่อต้าน กลินก็ร่ายเวทย์ประตูมิติ
พรึ่บเกิดแสงสีขาวขึ้น และด้วยการใช้พลัง กลินก็ส่งตัวเองออกจากภพนี้
ทุกอย่างในทัศนวิสัยของเขาเบลอไม่กี่นาทีต่อมา ไอน้ำสีเขียวเข้มก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา เขากลับมาที่ทะเลแห่งความว่างเปล่า
ไม่มีอะไรมายับยั้งเขาอีกต่อไปแล้วพลังของเขากลับมาที่เลเวล 15 พลังแห่งความว่างเปล่าไหลมาหาเขา แต่ว่าเขาก็หยุดมันได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้นไม่นานจานบินขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา มันส่งสัญญาณพิกัดออกมาที่ด้านล่าง
กลินส่งที่อยู่ของเขาไปทันทีเกิดแสงสีขาวขึ้น และเขาก็กลับเข้ามาในเรือท่องความว่างเปล่า
เสียงของโนโซม่าดังขึ้น“กลิน เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก”