Advent of the Archmage - 660: การปิดล้อมป้อมโอริด้าครั้งที่สอง (6)
Chapter
ข้างในป่าทมิฬ
“นักเวทย์ของเฟิร์ดต้องบินมาที่นี่ผ่านเรือเหาะนั่นแน่ๆ”
ราชามอร์เดอร์น่าชี้ไปยังเรือที่อยู่ไกลๆมีรอยยิ้มแปลกๆกำลังแสดงอยู่บนใบหน้าของเขา
ยูจินกำลังยืนอยู่ข้างเขาผิวสีขาวนวลของเธอดูตัดกับเสื้อคลุมสีดำที่เธอสวม ด้วยความที่เธอยังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้ไม่เต็มที่, ยูจินจึงดูโทรมกว่าตอนแรก เหล่าการ์ดดาร์คเอลฟ์ของเธอต่างก็จับจ้องมาที่เธอจากข้างหลัง, ไม่กล้าที่จะหันไปดูทางอื่น, เพราะกว่าว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธออีก
พอเห็นเรือเหาะที่กำลังมุ่งหน้ามา,เธอก็ขมวดคิ้ว “หรือว่าลิงค์จะอยู่ในนั้นด้วย?”
“เป็นไปไม่ได้”โมลิน่าพูด, เอวของเธอส่ายไปมาอย่างนุ่มนวลในขณะที่เดินมาหาพวกเขา จากนั้นเธอก็โค้งทักทายโมเดอร์น่ากับยูจิน
โมเดอร์น่ายักคิ้วแล้วถามแทนยูจิน“เจ้ามั่นใจได้ยังไง?”
“นายท่านบอกข้าว่าอย่างนั้นเขาบอกด้วยว่าถึงลอร์ดเฟิร์ดจะกลับมาที่ฟิรุแมนได้, มันก็คงจะไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับพวกเราอีกต่อไป, เพราะมันได้รับความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงในทะเลแห่งความว่างเปล่า!”
“สูญเสียหรอ?ช่วยขยายความหน่อยได้ไหม?” ยูจินถาม ความทรงจำจากการถูกลิงค์ฆ่ายังคงสดใหม่สำหรับเธอ เหมือนที่เขาว่ากันว่า, ครั้งเดียวก็เกินพอ ตอนนี้ยูจินระวังลอร์ดเฟิร์ดมากๆ
โมลิน่าพูดด้วยรอยยิ้ม“มันสูญเสียพลังไปสองในสาม แถมร่างมังกรของมันก็ใช้การไม่ได้อย่างสมบูรณ์แล้วด้วย”
โมเดอร์น่าหัวเราะคิกคัก“ดูเหมือนว่าการเดินทางไปทะเลแห่งความว่างเปล่าของลอร์ดเฟิร์ดในครานี้จะไม่เป็นไปตามแผนนะ”
“นั่นสินะ,ช่างน่าสมเพสจริงๆ, แต่เราก็ยังวางใจไม่ได้, ต่อให้ตอนนี้มันจะอ่อนแอลงไปแค่ไหนก็ตาม” ยูจินพูด ถึงแม้ว่าเธอจะพูดออกไปแบบนั้น, แต่สีหน้าของเธอก็ดูผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่มีวันสู้กับลอร์ดเฟิร์ดที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมได้ อย่างไรก็ตาม, ดูเหมือนว่าตอนนี้โชคจะเข้าข้างเธอ ถ้าเธอยังเอาชนะลิงค์ที่อยู่ในสภาพอ่อนแอไม่ได้, เธอก็คงไม่มีสิทธิเรียกตัวเองว่านักเวทย์แล้ว
พวกเขาทั้งสามคนเงียบไปพักนึงหลังจากนั้น, โมเดอร์น่าก็ถามขึ้น “องค์หญิง, ตอนนี้ท่านคิดจะเอายังไงกับป้อมโอริด้าต่อ?”
ยูจินหัวเราะคิกคักจากนั้นเธอก็เหลือบมองโมลิน่า “นักบวชแนะนำให้ข้ารักษาสภาพของป้อมปราการเอาไว้และไว้ชีวิตพวกมนุษย์สัตว์ที่อยู่ข้างใน แต่นี่จำเป็นต้องใช้เวทมนตร์ที่แข็งแกร่งพอในส่วนของข้า ดังนั้นเพื่อที่จะฆ่านักรบมนุษย์ส่วนใหญ่ที่อยู่ในป้อม, ข้าตั้งใจจะใช้เวทย์หนังสือแห่งความตาย”
หนังสือแห่งความตาย
เวทย์ระดับตำนานลึกลับเลเวล13
ผล:ปลุกหนังสือเวทมนตร์เล่มนึงขึ้นมาด้วยพลังแห่งความมืดปริมาณมหาศาล ถ้าเขียนชื่อลงไปในหนังสือเล่มนี้, วิญญาณของเขาหรือเธอคนนั้นจะถูกบังคับสกัดออกจากร่าง แล้วมันก็จะถูกผนึกอยู่ในหนังสือเล่มนี้
(หมายเหตุ:ความตายเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางเท่านั้น)
โมเดอร์น่าขมวดคิ้วให้กับแผนนี้“เวทย์นี้ดูเหมือนจะมีข้อจำกัดที่ใหญ่มากเลยนะ พวกเราจะรู้รายชื่อของนักรบทุกคนที่อยู่ในป้อมได้ยังไง?”
โมลิน่าหัวเราะออกมาดังลั่นแล้วเธอก็เอาสมุดจดเล่มหนาออกมา “ข้าได้เตรียมรายชื่อเผื่อไว้สำหรับโอกาสนี้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“แล้วเวทย์นี้จะทำงานได้เมื่อไหร่?”
“ภายในสามวันในระหว่างนั้น, ข้าอยากให้ท่านอยู่เคียงข้างข้าและคอยคุ้มกันข้า” ยูจินพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง, ซึ่งถ้านำมารวมกับสภาพที่ทรุดโทรมของเธอแล้ว นี่น่าจะเพียงพอที่จะชักจูงจิตใจของราชาเอลฟ์ได้
โมเดอร์น่ายอมรับอยู่ในใจว่าเจ้าหญิงดาร์คเอลฟ์คนนี้เป็นหนึ่งในคนที่มีเสน่ห์มากจริงๆ“ได้สิ, ข้ารับปากจะอยู่เคียงข้างท่าน, องค์หญิง, ข้ากับนักเวทย์ที่ข้าพามาด้วยจะปกป้องท่านอย่างสุดความสามารถ”
…
ป้อมโอริด้า
เอเลียร์ดกำลังตรวจสอบอาการบาดเจ็บของนักรบระดับตำนานทั้งสามคนโดยเฉพาะคาร์โนสที่บาดเจ็บหนักเป็นพิเศษ ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะหมดทางเยียวยาแล้ว
ในตอนที่เอเลียร์ดตรวจสอบเสร็จ,เจ้าหญิงแอนนี่ก็รีบถามขึ้นมาในทันที “ยังพอมีทางช่วยเขาอยู่ไหม?”
เอเลียร์ดพยักหน้า“มีครับ, เขายังพอมีหวังอยู่ แต่ผมเกรงว่าคงจะไม่สามารถฟื้นฟูเขาจนกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมได้ ผมกลัวว่า…ท่านแม่ทัพจะต้องกลายเป็นคนธรรมดาไปตลอดชีวิตที่เหลือครับ”
“ไม่เป็นไร,แค่นี้ก็ดีแล้ว ขอแค่เขามีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว” แอนนี่รู้สึกโล่งอกกับเรื่องนี้อย่างบอกไม่ถูก
จากนั้นเอเลียร์ดก็ไปตรวจดูอาการของแจ็คเกอร์กับราชามนุษย์สัตว์อวตาร์พวกเขาทั้งคู่อยู่ในสภาพที่ดีกว่ามาก, ซึ่งก็ต้องขอบคุณพลังชีวิตที่แข็งแกร่งและอัตราการฟื้นฟูที่รวดเร็วผิดธรรมชาติของพวกเขา โดยเฉพาะแจ็คเกอร์ที่โชคดีมีโล่คอยรับแรงกระแทกส่วนใหญ่จากอุกกาบาตเอาไว้ แม้ว่าบาดแผลของเขาจะร้ายแรง, แต่แจ็คเกอร์ก็น่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ได้หลังจากได้พักฟื้นสังเสืองเดือน และนี่ก็น่าจะเป็นเหมือนกันกับราชามนุษย์สัตว์
มันถือเป็นหนึ่งในเรื่องดีๆสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเขา ในตอนที่เอเลียร์ดดูอาการของนักรบทั้งสองเสร็จ,เขาก็ฟังเจ้าหญิงแอนนี่เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เขาถามพร้อมขมวดคิ้ว “องค์หญิงไม่รู้เลยหรอว่าใครอยู่เบื้องหลังอุกกาบาตนี้? แล้ว MI3 ได้เงื่อนงำอะไรบ้างรึเปล่า?”
เจ้าหญิงแอนนี่ส่ายหัว“ไม่เลย ศัตรูทำการโจมตีล้างบางในช่วงที่เราเปราะบางที่สุดโดยไม่ทิ้งร่องรอยให้ย้อนไปถึงตัวของอีกฝ่ายได้เลย”
เอเลียร์ดยิ้มอย่างขมขื่นจากนั้นเขาก็หันไปหามิโรส, ที่พึ่งจะกลับมาจากการตรวจสอบสถานที่ที่อุกกาบาตตก “เจออะไรบ้างรึเปล่า?”
มิโรสถอนหายใจ“ข้าไม่เจออะไรที่เป็นประโยชน์จากการโจมตีของศัตรูเลย แต่ว่า, พอตรวจสอบดูดีๆ, ข้าก็พบออร่าที่คุ้นเคยอยู่รอบๆที่เกิดเหตุ”
อีโลแวนเข้าใจในทันที“หรือว่าจะมาจากเกาะรุ่งอรุณ?” “ถึงจะไม่อยากเชื่อ,แต่ก็ตามนั้นแหล่ะ” มิโรสพูด มีความกระอักกระอ่วนบนใบหน้าของเขา ถึงยังไงแต่เดิมแล้วเขาก็เกิดที่เกาะรุ่งอรุณ ไฮเอลฟ์เคยเป็นพันธมิตรของแผ่นดินใหญ่ในการต่อกรกับกองทัพแห่งการทำลาย แต่ตอนนี้, เกาะรุ่งอรุณเปลี่ยนฝ่ายแล้ว, และพวกเขาก็เหิมเกริมไปไกลจนถึงขั้นช่วยเหลือกองทัพแห่งการทำลายในการบุกยึดป้อมโอริด้า มิโรสรู้สึกอับอายกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่างเกาะรุ่งอรุณกับเฟิร์ด
เอเลียร์ดถอนหายใจ“ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจอะไร ไฮเอลฟ์เป็นพวกเดียวในฟิรุแมนที่สามารถทำการโจมตีด้วยเวทมนตร์ล้างผลาญระดับนั้นได้ เมื่อก่อน, พวกเราเคยเป็นพันธมิตรกัน แต่ตอนนี้, อีกฝ่ายย้ายข้างแล้ว ไม่มีฝ่ายไหนเลวหรือดีอย่างแท้จริงในสงครามนี้ ทุกคนก็แค่ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้องตัวเอง”
จากนั้นเขาก็พูดต่อ“กองทัพแห่งการทำลายยังได้รับความช่วยเหลือจากเทพแห่งการทำลายอยู่, และฉันก็คิดว่าเจ้าหญิงดาร์คเอลฟ์ที่โดนทะลวงหัวใจไปนั้นก็คงจะไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีซักเท่าไหร่ อย่างน้อยเธอก็น่าจะใช้เวลาสองสามวันในการฟื้นพลังของตัวเองกลับมา และเมื่อถึงเวลานั้น, พวกเราคงต้องเผชิญหน้ากับนักเวทย์ระดับตำนานเลเวล 14 และอาจจะมีนักเวทย์ของเกาะรุ่งอรุณด้วย นี่จะเป็นการต่อสู้ที่สาหัสสำหรับพวกเราอย่างแน่นอน!”
เจ้าหญิงดาร์คเอลฟ์คนเดียวก็ถือว่าเกินมือพวกเขาแล้วและพอมีไฮเอลฟ์มาผสมโรงด้วยอีก, เหตุการณ์มันจึงซับซ้อนขึ้นมาก ตอนนี้เอเลียร์ดเริ่มกังวลแล้วว่าเขาจะรับการโจมตีระลอกต่อไปจากกองกำลังผสมไฮเอลฟ์และกองทัพแห่งการทำลายไหวรึเปล่า
อย่างไรก็ตาม,เขาก็รีบส่ายหัวให้กับความไม่มั่นใจในตัวเอง นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่? ลิงค์ฝากฝังให้ฉันปกป้องทุกคนก่อนที่จะออกไปจากฟิรุแมนไม่ใช่หรอ ฉันก็แค่ต้องทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อทุกคนที่อยู่ที่นี่, ไม่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไงก็ตาม!
จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับแอนนี่“องค์หญิง, พวกเราต้องรู้ให้ได้ว่าตอนนี้ศัตรูแข็งแกร่งแค่ไหน คุณพอจะมีความคิดดีๆบ้างรึเปล่า?”
ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของหน่วยMI3 ในป้อมโอริด้า, จึงเป็นธรรมดาที่เจ้าหญิงแอนนี่จะเป็นสุดยอดนักสอดแนมผู้มีพรสวรรค์ในการรวบรวมข้อมูลที่ซึ่งไม่เป็นสองรองใคร
เจ้าหญิงแอนนี่เงียบไปสองสามนาทีแล้วเธอก็ตอบ “ขอเวลาข้าหนึ่งคืน ข้าจะเตรียมข้อมูลที่เจ้าต้องการให้พร้อมในวันพรุ่งนี้”
“ต้องการให้พวกเราช่วยอะไรรึเปล่าครับ?”เอเลียร์ดถาม
แอนนี่พยักหน้าหลังจากที่คิดเรื่องนี้อยู่พักนึง, เธอก็พูดออกมา “ช่วยพยายามทำลายกระบวนทัพของศัตรูให้ฉันด้วยการโจมตีอีกระลอกนึงให้หน่อยสิ” เอเลียร์ด,อีโลแวน, แล้วก็มิโรสมองหน้ากัน จากนั้นเอเลียร์ดก็ยิ้มออกมา “ช่างบังเอิญจริงๆ, พวกเราพึ่งจะเอาปืนใหญ่เวทมนตร์รุ่นใหม่มาเพื่อโอกาสนี้โดยเฉพาะเลย ผมรับประกันเลยว่าศัตรูจะไม่รู้แน่ว่าอะไรโจมตีพวกมัน”
พอทุกอย่างลงตัวแล้ว,เจ้าหญิงแอนนี่ก็เคลื่อนไหวในทันทีหลังจากที่ตรวจสอบสภาพของคาร์โนสอีกรอบนึง ไม่นานนัก, เธอก็แอบออกจากป้อมโอริด้าไปอย่างเงียบๆพร้อมกับทหารสอดแนมระดับสูงอีกกว่าหนึ่งร้อยคน
ไม่มีเสียงดังออกมาจากป้อมโอริด้าเป็นเวลายี่สิบนาทีแล้วยี่สิบนาทีต่อมา, เสียงระเบิดก็ดังก้องจากชั้นบนสุดของกำแพงป้อม จากนั้นบอลเพลิงสีขาวก็ปรากฎขึ้นที่กลางค่ายของดาร์คเอลฟ์ที่อยู่ห่างจากป้อมไป 10,000 ฟุต ซึ่งคลื่นกระแทกที่เกิดจากมันนั้นได้ซัดเข้าใส่ทั่วทั้งค่ายในทันที
ในตอนที่บอลเพลิงสลายไป,ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็คือศพปีศาจนับร้อยที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น การโจมตีนี้มีพลังสูงสุดที่เลเวล 8 อย่างไรก็ตาม, สิ่งที่ทำให้มันดูน่ากลัวยิ่งขึ้นก็คือระยะโจมตีของมัน!
กองทัพแห่งการทำลายรับการโจมตีนี้เข้าเป็นเต็มๆไม่กี่วินาทีต่อมา, ในตอนที่บอลเพลิงลูกที่สามระเบิด, เสียงแตรก็ดังขึ้น, และส่งสัญญาณให้ทุกคนถอย
“ถอยทัพ!ทุกคนถอยทัพ!” พวกเขาทุกคนจะตกเป็นเป้านิ่งถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อไป ด้วยความที่แม่ทัพของพวกเขายังได้รับบาดเจ็บอยู่, ทั้งกองทัพจึงไม่อยู่ในจุดที่จะทำการโจมตีส่วนใส่ป้อมปราการได้ สำหรับตอนนี้, พวกเขาทำได้แค่หนีลึกเข้าไปในป่าทมิฬเท่านั้น
จากในเงามืด,หน่วยสอดแน่มของ MI3 เห็นว่าตอนนี้กองทัพแห่งการทำลายตกอยู่ในสภาพวุ่นวาย พวกเขาส่วนนึงเอากล้องส่องทางไกลออกมาเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของศัตรูอย่างละเอียดขึ้น
สองชั่วโมงต่อมา,เจ้าหญิงแอนนี่ก็มาส่งข้อมูลที่เธอสามารถรวบรวมได้ให้เอเลียร์ด “ภารกิจสอดแนมในครั้งนี้เป็นไปได้อย่างราบลื่น ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะออกมาดีกว่าที่ข้าคิดเอาไว้อีกนะเนี่ย”
เอเลียร์ดเปิดคำภีร์ที่แอนนี่ส่งให้เขาเขาขมวดคิ้วในตอนที่อ่านรายงานของเธอ ในตอนที่เขาอ่านจบ, เขาก็ส่งคำภีร์ต่อให้มิโรส “เลวร้ายกว่าที่ฉันนึกเอาไว้อีกนะเนี่ย มีไฮเอลฟ์นักเวทย์กว่า 100 คนเข้าร่วมสงครามนี้ด้วย และในหมู่นักเวทย์เหล่านั้นก็มีระดับตำนานอย่างน้อยห้าคน แถมดูเหมือนว่าราชาโมเดอร์น่าจะตัดสินใจลงมาลุยในสนามรบด้วยตัวเองด้วย”
ทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาถอนหายใจออกมาในตอนที่ได้ยินข่าว
“พวกเราจะเอายังไงดี?ตอนนี้พวกเราไม่มีนักเวทย์เยอะขนาดนั้นหรอกนะ”
เอเลียร์ดคิดอยู่พักนึงแล้วพูดออกมา “ฉันจะบอกให้เฟิร์ดส่งนักเวทย์มาเสริมให้กับที่นี่อีก ด้วยวิธีนี้, พวกเราก็จะไม่แพ้เรื่องจำนวนขนาดนั้น ในส่วนของนักเวทย์ระดับตำนานของศัตรู, พวกเราสามคนน่าจะยังพอรับมือได้อยู่ด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์ของเฟิร์ด”
ชุดอุปกรณ์เวทมนตร์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาจากวิญญาณของไร้กายที่พวกเขาจับมา,ซึ่งนี่ทำให้นักเวทย์ธรรมดาก็สามารถใช้พลังระดับตำนานได้ เฟิร์ดได้กักตุนขุมพลังเหล่านี้เอาไว้เพื่อสงครามแบบนี้โดยเฉพาะ
พอได้ฟังกลยุทธ์ของเอเลียร์ดทุกคนที่อยู่ณ ที่นี้ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
จากนั้นนายพลคนนึงก็พูดขึ้นมา“ข้าได้ยินมาว่ามนุษย์สัตว์มีขุนศึกอีกคนนึงที่ยังอยู่ในทุ่งหญ้าสีทอง บางทีพวกเราน่าจะขอให้เขามาร่วมสงครามด้วยได้นะ”
“เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยแต่ว่าสำหรับเรื่องนี้, พวกเราต้องขอความเห็นชอบจากมนุษย์สัตว์ก่อนนะ” เอเลียร์ดตอบกลับพร้อมพยักหน้า
จากนั้นแอนนี่ก็พูดเสริม“ข้าจะส่งหน่วยนักฆ่าระดับสูงออกไปเตรียมการรอนอกป้อมนักฆ่าเหล่านี้ต่างก็สวมอุปกรณ์ต้านทานเวทมนตร์ที่แข็งแกร่ง ในทันทีที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น, พวกเราจะกำจัดนักเวทย์ศัตรูให้เยอะที่สุดจากเงามืด!”
เอเลียร์ดพยักหน้า“เป็นความคิดที่วิเศษมากเลยครับ”
ตอนนี้ศัตรูคงจะมีมาตรการป้องกันการลอบโจมตีที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากที่โดนโจมตีจากฝ่ายโอริด้าอย่างกระทันหันอย่างไรก็ตาม, ไม่มีการป้องกันไหนที่สมบูรณ์แบบจนไร้จุดอ่อน การลอบโจมตีอีกครั้งนึงอาจเป็นสิ่งสำคัญในการเปลี่ยนกระแสสงครามให้พวกเขากลับมาเป็นฝ่ายนำอีกครั้งนึงก็ได้
นักรบมังกรแดงเฟลิน่าก็มาที่นี่ด้วยเหมือนกันมันพูดได้เลยว่าตอนนี้เธอเข้าใกล้ระดับตำนานมากแล้ว
“ส่วนพวกเราจะบินวนบนท้องฟ้าแล้วทิ้งรูนเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งกับระเบิดลงมาใส่ศัตรูในตอนที่พวกมันไม่ทันระวังตัว”เฟลิน่าพูดเสริม ณตอนนี้มีมังกรแดงอยู่ในป้อมโอริด้าน้อยเกินกว่าที่จะใช้ลงสนามรบอย่างเต็มขั้นได้ อย่างไรก็ตาม, พวกเขาก็ยังสามารถให้การสนับสนุนทางอากาศได้อยู่
“เดี๋ยวข้าเตรียมรูนกับระเบิดให้เจ้าเอง”อีโลแวนพูดพร้อมพยักหน้า
ในเวลาไม่นาน,แผนการที่เกือบจะสมบูรณ์แบบก็เกิดขึ้นด้วยการแลกเปลี่ยนความคิดของทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้
เอเลียร์ดตบมือแล้วพูดขึ้นมา“เอาหล่ะทุกคน, การต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นตัวตัดสินชะตากรรมของทุกเผ่าพันธุ์แห่งแสง พวกเรามาลุยกันให้เต็มที่เถอะ”
หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ที่จะมาถึงในทันที
และแล้ว,เวลาก็ผ่านไปอีกสาม, ทั้งสองฝ่ายเริ่มเตรียมตัวจะปะทะกันเป็นครั้งที่สองแล้ว ในช่วงเช้าของวันที่สาม, มีชั้นหิมะหนากองถมกันอยู่บนพื้น พื้นสีขาวนี้ทอดยาวตัดป่าทมิฬไปสุดเส้นขอบฟ้า ด้วยสายลมอันหนาวเหน็บกัดผิวหนัง,เอเลียร์ดที่พึ่งลุกขึ้นจากเตียง, ก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของเวทมนตร์ที่ไม่สามารถอธิบายได้อย่างกระทันหัน
“กำลังจะมีการโจมตีด้วยเวทมนตร์เข้ามา!”
ข้างในป่าทมิฬ
“นักเวทย์ของเฟิร์ดต้องบินมาที่นี่ผ่านเรือเหาะนั่นแน่ๆ”
ราชามอร์เดอร์น่าชี้ไปยังเรือที่อยู่ไกลๆมีรอยยิ้มแปลกๆกำลังแสดงอยู่บนใบหน้าของเขา
ยูจินกำลังยืนอยู่ข้างเขาผิวสีขาวนวลของเธอดูตัดกับเสื้อคลุมสีดำที่เธอสวม ด้วยความที่เธอยังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้ไม่เต็มที่, ยูจินจึงดูโทรมกว่าตอนแรก เหล่าการ์ดดาร์คเอลฟ์ของเธอต่างก็จับจ้องมาที่เธอจากข้างหลัง, ไม่กล้าที่จะหันไปดูทางอื่น, เพราะกว่าว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธออีก
พอเห็นเรือเหาะที่กำลังมุ่งหน้ามา,เธอก็ขมวดคิ้ว “หรือว่าลิงค์จะอยู่ในนั้นด้วย?”
“เป็นไปไม่ได้”โมลิน่าพูด, เอวของเธอส่ายไปมาอย่างนุ่มนวลในขณะที่เดินมาหาพวกเขา จากนั้นเธอก็โค้งทักทายโมเดอร์น่ากับยูจิน
โมเดอร์น่ายักคิ้วแล้วถามแทนยูจิน“เจ้ามั่นใจได้ยังไง?”
“นายท่านบอกข้าว่าอย่างนั้นเขาบอกด้วยว่าถึงลอร์ดเฟิร์ดจะกลับมาที่ฟิรุแมนได้, มันก็คงจะไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับพวกเราอีกต่อไป, เพราะมันได้รับความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงในทะเลแห่งความว่างเปล่า!”
“สูญเสียหรอ?ช่วยขยายความหน่อยได้ไหม?” ยูจินถาม ความทรงจำจากการถูกลิงค์ฆ่ายังคงสดใหม่สำหรับเธอ เหมือนที่เขาว่ากันว่า, ครั้งเดียวก็เกินพอ ตอนนี้ยูจินระวังลอร์ดเฟิร์ดมากๆ
โมลิน่าพูดด้วยรอยยิ้ม“มันสูญเสียพลังไปสองในสาม แถมร่างมังกรของมันก็ใช้การไม่ได้อย่างสมบูรณ์แล้วด้วย”
โมเดอร์น่าหัวเราะคิกคัก“ดูเหมือนว่าการเดินทางไปทะเลแห่งความว่างเปล่าของลอร์ดเฟิร์ดในครานี้จะไม่เป็นไปตามแผนนะ”
“นั่นสินะ,ช่างน่าสมเพสจริงๆ, แต่เราก็ยังวางใจไม่ได้, ต่อให้ตอนนี้มันจะอ่อนแอลงไปแค่ไหนก็ตาม” ยูจินพูด ถึงแม้ว่าเธอจะพูดออกไปแบบนั้น, แต่สีหน้าของเธอก็ดูผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่มีวันสู้กับลอร์ดเฟิร์ดที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมได้ อย่างไรก็ตาม, ดูเหมือนว่าตอนนี้โชคจะเข้าข้างเธอ ถ้าเธอยังเอาชนะลิงค์ที่อยู่ในสภาพอ่อนแอไม่ได้, เธอก็คงไม่มีสิทธิเรียกตัวเองว่านักเวทย์แล้ว
พวกเขาทั้งสามคนเงียบไปพักนึงหลังจากนั้น, โมเดอร์น่าก็ถามขึ้น “องค์หญิง, ตอนนี้ท่านคิดจะเอายังไงกับป้อมโอริด้าต่อ?”
ยูจินหัวเราะคิกคักจากนั้นเธอก็เหลือบมองโมลิน่า “นักบวชแนะนำให้ข้ารักษาสภาพของป้อมปราการเอาไว้และไว้ชีวิตพวกมนุษย์สัตว์ที่อยู่ข้างใน แต่นี่จำเป็นต้องใช้เวทมนตร์ที่แข็งแกร่งพอในส่วนของข้า ดังนั้นเพื่อที่จะฆ่านักรบมนุษย์ส่วนใหญ่ที่อยู่ในป้อม, ข้าตั้งใจจะใช้เวทย์หนังสือแห่งความตาย”
หนังสือแห่งความตาย
เวทย์ระดับตำนานลึกลับเลเวล13
ผล:ปลุกหนังสือเวทมนตร์เล่มนึงขึ้นมาด้วยพลังแห่งความมืดปริมาณมหาศาล ถ้าเขียนชื่อลงไปในหนังสือเล่มนี้, วิญญาณของเขาหรือเธอคนนั้นจะถูกบังคับสกัดออกจากร่าง แล้วมันก็จะถูกผนึกอยู่ในหนังสือเล่มนี้
(หมายเหตุ:ความตายเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางเท่านั้น)
โมเดอร์น่าขมวดคิ้วให้กับแผนนี้“เวทย์นี้ดูเหมือนจะมีข้อจำกัดที่ใหญ่มากเลยนะ พวกเราจะรู้รายชื่อของนักรบทุกคนที่อยู่ในป้อมได้ยังไง?”
โมลิน่าหัวเราะออกมาดังลั่นแล้วเธอก็เอาสมุดจดเล่มหนาออกมา “ข้าได้เตรียมรายชื่อเผื่อไว้สำหรับโอกาสนี้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“แล้วเวทย์นี้จะทำงานได้เมื่อไหร่?”
“ภายในสามวันในระหว่างนั้น, ข้าอยากให้ท่านอยู่เคียงข้างข้าและคอยคุ้มกันข้า” ยูจินพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง, ซึ่งถ้านำมารวมกับสภาพที่ทรุดโทรมของเธอแล้ว นี่น่าจะเพียงพอที่จะชักจูงจิตใจของราชาเอลฟ์ได้
โมเดอร์น่ายอมรับอยู่ในใจว่าเจ้าหญิงดาร์คเอลฟ์คนนี้เป็นหนึ่งในคนที่มีเสน่ห์มากจริงๆ“ได้สิ, ข้ารับปากจะอยู่เคียงข้างท่าน, องค์หญิง, ข้ากับนักเวทย์ที่ข้าพามาด้วยจะปกป้องท่านอย่างสุดความสามารถ”
…
ป้อมโอริด้า
เอเลียร์ดกำลังตรวจสอบอาการบาดเจ็บของนักรบระดับตำนานทั้งสามคนโดยเฉพาะคาร์โนสที่บาดเจ็บหนักเป็นพิเศษ ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะหมดทางเยียวยาแล้ว
ในตอนที่เอเลียร์ดตรวจสอบเสร็จ,เจ้าหญิงแอนนี่ก็รีบถามขึ้นมาในทันที “ยังพอมีทางช่วยเขาอยู่ไหม?”
เอเลียร์ดพยักหน้า“มีครับ, เขายังพอมีหวังอยู่ แต่ผมเกรงว่าคงจะไม่สามารถฟื้นฟูเขาจนกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมได้ ผมกลัวว่า…ท่านแม่ทัพจะต้องกลายเป็นคนธรรมดาไปตลอดชีวิตที่เหลือครับ”
“ไม่เป็นไร,แค่นี้ก็ดีแล้ว ขอแค่เขามีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว” แอนนี่รู้สึกโล่งอกกับเรื่องนี้อย่างบอกไม่ถูก
จากนั้นเอเลียร์ดก็ไปตรวจดูอาการของแจ็คเกอร์กับราชามนุษย์สัตว์อวตาร์พวกเขาทั้งคู่อยู่ในสภาพที่ดีกว่ามาก, ซึ่งก็ต้องขอบคุณพลังชีวิตที่แข็งแกร่งและอัตราการฟื้นฟูที่รวดเร็วผิดธรรมชาติของพวกเขา โดยเฉพาะแจ็คเกอร์ที่โชคดีมีโล่คอยรับแรงกระแทกส่วนใหญ่จากอุกกาบาตเอาไว้ แม้ว่าบาดแผลของเขาจะร้ายแรง, แต่แจ็คเกอร์ก็น่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ได้หลังจากได้พักฟื้นสังเสืองเดือน และนี่ก็น่าจะเป็นเหมือนกันกับราชามนุษย์สัตว์
มันถือเป็นหนึ่งในเรื่องดีๆสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเขา ในตอนที่เอเลียร์ดดูอาการของนักรบทั้งสองเสร็จ,เขาก็ฟังเจ้าหญิงแอนนี่เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เขาถามพร้อมขมวดคิ้ว “องค์หญิงไม่รู้เลยหรอว่าใครอยู่เบื้องหลังอุกกาบาตนี้? แล้ว MI3 ได้เงื่อนงำอะไรบ้างรึเปล่า?”
เจ้าหญิงแอนนี่ส่ายหัว“ไม่เลย ศัตรูทำการโจมตีล้างบางในช่วงที่เราเปราะบางที่สุดโดยไม่ทิ้งร่องรอยให้ย้อนไปถึงตัวของอีกฝ่ายได้เลย”
เอเลียร์ดยิ้มอย่างขมขื่นจากนั้นเขาก็หันไปหามิโรส, ที่พึ่งจะกลับมาจากการตรวจสอบสถานที่ที่อุกกาบาตตก “เจออะไรบ้างรึเปล่า?”
มิโรสถอนหายใจ“ข้าไม่เจออะไรที่เป็นประโยชน์จากการโจมตีของศัตรูเลย แต่ว่า, พอตรวจสอบดูดีๆ, ข้าก็พบออร่าที่คุ้นเคยอยู่รอบๆที่เกิดเหตุ”
อีโลแวนเข้าใจในทันที“หรือว่าจะมาจากเกาะรุ่งอรุณ?” “ถึงจะไม่อยากเชื่อ,แต่ก็ตามนั้นแหล่ะ” มิโรสพูด มีความกระอักกระอ่วนบนใบหน้าของเขา ถึงยังไงแต่เดิมแล้วเขาก็เกิดที่เกาะรุ่งอรุณ ไฮเอลฟ์เคยเป็นพันธมิตรของแผ่นดินใหญ่ในการต่อกรกับกองทัพแห่งการทำลาย แต่ตอนนี้, เกาะรุ่งอรุณเปลี่ยนฝ่ายแล้ว, และพวกเขาก็เหิมเกริมไปไกลจนถึงขั้นช่วยเหลือกองทัพแห่งการทำลายในการบุกยึดป้อมโอริด้า มิโรสรู้สึกอับอายกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่างเกาะรุ่งอรุณกับเฟิร์ด
เอเลียร์ดถอนหายใจ“ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจอะไร ไฮเอลฟ์เป็นพวกเดียวในฟิรุแมนที่สามารถทำการโจมตีด้วยเวทมนตร์ล้างผลาญระดับนั้นได้ เมื่อก่อน, พวกเราเคยเป็นพันธมิตรกัน แต่ตอนนี้, อีกฝ่ายย้ายข้างแล้ว ไม่มีฝ่ายไหนเลวหรือดีอย่างแท้จริงในสงครามนี้ ทุกคนก็แค่ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้องตัวเอง”
จากนั้นเขาก็พูดต่อ“กองทัพแห่งการทำลายยังได้รับความช่วยเหลือจากเทพแห่งการทำลายอยู่, และฉันก็คิดว่าเจ้าหญิงดาร์คเอลฟ์ที่โดนทะลวงหัวใจไปนั้นก็คงจะไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีซักเท่าไหร่ อย่างน้อยเธอก็น่าจะใช้เวลาสองสามวันในการฟื้นพลังของตัวเองกลับมา และเมื่อถึงเวลานั้น, พวกเราคงต้องเผชิญหน้ากับนักเวทย์ระดับตำนานเลเวล 14 และอาจจะมีนักเวทย์ของเกาะรุ่งอรุณด้วย นี่จะเป็นการต่อสู้ที่สาหัสสำหรับพวกเราอย่างแน่นอน!”
เจ้าหญิงดาร์คเอลฟ์คนเดียวก็ถือว่าเกินมือพวกเขาแล้วและพอมีไฮเอลฟ์มาผสมโรงด้วยอีก, เหตุการณ์มันจึงซับซ้อนขึ้นมาก ตอนนี้เอเลียร์ดเริ่มกังวลแล้วว่าเขาจะรับการโจมตีระลอกต่อไปจากกองกำลังผสมไฮเอลฟ์และกองทัพแห่งการทำลายไหวรึเปล่า
อย่างไรก็ตาม,เขาก็รีบส่ายหัวให้กับความไม่มั่นใจในตัวเอง นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่? ลิงค์ฝากฝังให้ฉันปกป้องทุกคนก่อนที่จะออกไปจากฟิรุแมนไม่ใช่หรอ ฉันก็แค่ต้องทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อทุกคนที่อยู่ที่นี่, ไม่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไงก็ตาม!
จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับแอนนี่“องค์หญิง, พวกเราต้องรู้ให้ได้ว่าตอนนี้ศัตรูแข็งแกร่งแค่ไหน คุณพอจะมีความคิดดีๆบ้างรึเปล่า?”
ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของหน่วยMI3 ในป้อมโอริด้า, จึงเป็นธรรมดาที่เจ้าหญิงแอนนี่จะเป็นสุดยอดนักสอดแนมผู้มีพรสวรรค์ในการรวบรวมข้อมูลที่ซึ่งไม่เป็นสองรองใคร
เจ้าหญิงแอนนี่เงียบไปสองสามนาทีแล้วเธอก็ตอบ “ขอเวลาข้าหนึ่งคืน ข้าจะเตรียมข้อมูลที่เจ้าต้องการให้พร้อมในวันพรุ่งนี้”
“ต้องการให้พวกเราช่วยอะไรรึเปล่าครับ?”เอเลียร์ดถาม
แอนนี่พยักหน้าหลังจากที่คิดเรื่องนี้อยู่พักนึง, เธอก็พูดออกมา “ช่วยพยายามทำลายกระบวนทัพของศัตรูให้ฉันด้วยการโจมตีอีกระลอกนึงให้หน่อยสิ” เอเลียร์ด,อีโลแวน, แล้วก็มิโรสมองหน้ากัน จากนั้นเอเลียร์ดก็ยิ้มออกมา “ช่างบังเอิญจริงๆ, พวกเราพึ่งจะเอาปืนใหญ่เวทมนตร์รุ่นใหม่มาเพื่อโอกาสนี้โดยเฉพาะเลย ผมรับประกันเลยว่าศัตรูจะไม่รู้แน่ว่าอะไรโจมตีพวกมัน”
พอทุกอย่างลงตัวแล้ว,เจ้าหญิงแอนนี่ก็เคลื่อนไหวในทันทีหลังจากที่ตรวจสอบสภาพของคาร์โนสอีกรอบนึง ไม่นานนัก, เธอก็แอบออกจากป้อมโอริด้าไปอย่างเงียบๆพร้อมกับทหารสอดแนมระดับสูงอีกกว่าหนึ่งร้อยคน
ไม่มีเสียงดังออกมาจากป้อมโอริด้าเป็นเวลายี่สิบนาทีแล้วยี่สิบนาทีต่อมา, เสียงระเบิดก็ดังก้องจากชั้นบนสุดของกำแพงป้อม จากนั้นบอลเพลิงสีขาวก็ปรากฎขึ้นที่กลางค่ายของดาร์คเอลฟ์ที่อยู่ห่างจากป้อมไป 10,000 ฟุต ซึ่งคลื่นกระแทกที่เกิดจากมันนั้นได้ซัดเข้าใส่ทั่วทั้งค่ายในทันที
ในตอนที่บอลเพลิงสลายไป,ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็คือศพปีศาจนับร้อยที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น การโจมตีนี้มีพลังสูงสุดที่เลเวล 8 อย่างไรก็ตาม, สิ่งที่ทำให้มันดูน่ากลัวยิ่งขึ้นก็คือระยะโจมตีของมัน!
กองทัพแห่งการทำลายรับการโจมตีนี้เข้าเป็นเต็มๆไม่กี่วินาทีต่อมา, ในตอนที่บอลเพลิงลูกที่สามระเบิด, เสียงแตรก็ดังขึ้น, และส่งสัญญาณให้ทุกคนถอย
“ถอยทัพ!ทุกคนถอยทัพ!” พวกเขาทุกคนจะตกเป็นเป้านิ่งถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อไป ด้วยความที่แม่ทัพของพวกเขายังได้รับบาดเจ็บอยู่, ทั้งกองทัพจึงไม่อยู่ในจุดที่จะทำการโจมตีส่วนใส่ป้อมปราการได้ สำหรับตอนนี้, พวกเขาทำได้แค่หนีลึกเข้าไปในป่าทมิฬเท่านั้น
จากในเงามืด,หน่วยสอดแน่มของ MI3 เห็นว่าตอนนี้กองทัพแห่งการทำลายตกอยู่ในสภาพวุ่นวาย พวกเขาส่วนนึงเอากล้องส่องทางไกลออกมาเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของศัตรูอย่างละเอียดขึ้น
สองชั่วโมงต่อมา,เจ้าหญิงแอนนี่ก็มาส่งข้อมูลที่เธอสามารถรวบรวมได้ให้เอเลียร์ด “ภารกิจสอดแนมในครั้งนี้เป็นไปได้อย่างราบลื่น ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะออกมาดีกว่าที่ข้าคิดเอาไว้อีกนะเนี่ย”
เอเลียร์ดเปิดคำภีร์ที่แอนนี่ส่งให้เขาเขาขมวดคิ้วในตอนที่อ่านรายงานของเธอ ในตอนที่เขาอ่านจบ, เขาก็ส่งคำภีร์ต่อให้มิโรส “เลวร้ายกว่าที่ฉันนึกเอาไว้อีกนะเนี่ย มีไฮเอลฟ์นักเวทย์กว่า 100 คนเข้าร่วมสงครามนี้ด้วย และในหมู่นักเวทย์เหล่านั้นก็มีระดับตำนานอย่างน้อยห้าคน แถมดูเหมือนว่าราชาโมเดอร์น่าจะตัดสินใจลงมาลุยในสนามรบด้วยตัวเองด้วย”
ทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาถอนหายใจออกมาในตอนที่ได้ยินข่าว
“พวกเราจะเอายังไงดี?ตอนนี้พวกเราไม่มีนักเวทย์เยอะขนาดนั้นหรอกนะ”
เอเลียร์ดคิดอยู่พักนึงแล้วพูดออกมา “ฉันจะบอกให้เฟิร์ดส่งนักเวทย์มาเสริมให้กับที่นี่อีก ด้วยวิธีนี้, พวกเราก็จะไม่แพ้เรื่องจำนวนขนาดนั้น ในส่วนของนักเวทย์ระดับตำนานของศัตรู, พวกเราสามคนน่าจะยังพอรับมือได้อยู่ด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์ของเฟิร์ด”
ชุดอุปกรณ์เวทมนตร์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาจากวิญญาณของไร้กายที่พวกเขาจับมา,ซึ่งนี่ทำให้นักเวทย์ธรรมดาก็สามารถใช้พลังระดับตำนานได้ เฟิร์ดได้กักตุนขุมพลังเหล่านี้เอาไว้เพื่อสงครามแบบนี้โดยเฉพาะ
พอได้ฟังกลยุทธ์ของเอเลียร์ดทุกคนที่อยู่ณ ที่นี้ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
จากนั้นนายพลคนนึงก็พูดขึ้นมา“ข้าได้ยินมาว่ามนุษย์สัตว์มีขุนศึกอีกคนนึงที่ยังอยู่ในทุ่งหญ้าสีทอง บางทีพวกเราน่าจะขอให้เขามาร่วมสงครามด้วยได้นะ”
“เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยแต่ว่าสำหรับเรื่องนี้, พวกเราต้องขอความเห็นชอบจากมนุษย์สัตว์ก่อนนะ” เอเลียร์ดตอบกลับพร้อมพยักหน้า
จากนั้นแอนนี่ก็พูดเสริม“ข้าจะส่งหน่วยนักฆ่าระดับสูงออกไปเตรียมการรอนอกป้อมนักฆ่าเหล่านี้ต่างก็สวมอุปกรณ์ต้านทานเวทมนตร์ที่แข็งแกร่ง ในทันทีที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น, พวกเราจะกำจัดนักเวทย์ศัตรูให้เยอะที่สุดจากเงามืด!”
เอเลียร์ดพยักหน้า“เป็นความคิดที่วิเศษมากเลยครับ”
ตอนนี้ศัตรูคงจะมีมาตรการป้องกันการลอบโจมตีที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากที่โดนโจมตีจากฝ่ายโอริด้าอย่างกระทันหันอย่างไรก็ตาม, ไม่มีการป้องกันไหนที่สมบูรณ์แบบจนไร้จุดอ่อน การลอบโจมตีอีกครั้งนึงอาจเป็นสิ่งสำคัญในการเปลี่ยนกระแสสงครามให้พวกเขากลับมาเป็นฝ่ายนำอีกครั้งนึงก็ได้
นักรบมังกรแดงเฟลิน่าก็มาที่นี่ด้วยเหมือนกันมันพูดได้เลยว่าตอนนี้เธอเข้าใกล้ระดับตำนานมากแล้ว
“ส่วนพวกเราจะบินวนบนท้องฟ้าแล้วทิ้งรูนเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งกับระเบิดลงมาใส่ศัตรูในตอนที่พวกมันไม่ทันระวังตัว”เฟลิน่าพูดเสริม ณตอนนี้มีมังกรแดงอยู่ในป้อมโอริด้าน้อยเกินกว่าที่จะใช้ลงสนามรบอย่างเต็มขั้นได้ อย่างไรก็ตาม, พวกเขาก็ยังสามารถให้การสนับสนุนทางอากาศได้อยู่
“เดี๋ยวข้าเตรียมรูนกับระเบิดให้เจ้าเอง”อีโลแวนพูดพร้อมพยักหน้า
ในเวลาไม่นาน,แผนการที่เกือบจะสมบูรณ์แบบก็เกิดขึ้นด้วยการแลกเปลี่ยนความคิดของทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้
เอเลียร์ดตบมือแล้วพูดขึ้นมา“เอาหล่ะทุกคน, การต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นตัวตัดสินชะตากรรมของทุกเผ่าพันธุ์แห่งแสง พวกเรามาลุยกันให้เต็มที่เถอะ”
หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ที่จะมาถึงในทันที
และแล้ว,เวลาก็ผ่านไปอีกสาม, ทั้งสองฝ่ายเริ่มเตรียมตัวจะปะทะกันเป็นครั้งที่สองแล้ว ในช่วงเช้าของวันที่สาม, มีชั้นหิมะหนากองถมกันอยู่บนพื้น พื้นสีขาวนี้ทอดยาวตัดป่าทมิฬไปสุดเส้นขอบฟ้า ด้วยสายลมอันหนาวเหน็บกัดผิวหนัง,เอเลียร์ดที่พึ่งลุกขึ้นจากเตียง, ก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของเวทมนตร์ที่ไม่สามารถอธิบายได้อย่างกระทันหัน
“กำลังจะมีการโจมตีด้วยเวทมนตร์เข้ามา!”