Advent of the Archmage - 673 พลังอันรุนแรงของลาวา
Chapter
พรึ่บ!ด้วยเสียงพรึ่บเบาๆ ลิงค์, เอเลียร์ดและดิโลเซ่นก็ปรากฏตัวขึ้นในระยะห่างออกมาหลายไมล์
มีป่าเขตใต้รายล้อมพวกเขาอยู่มันหนาแน่นมากและปกคลุมพื้นที่แทบทั้งหมด
ที่ด้านล่างมีแอ่งน้ำที่มีหญ้าขึ้นเป็นหย่อมๆ
ทั้ง3 คนปรากฏตัวขึ้นเหนือพื้นดินไม่กี่ฟุต ในตอนที่พวกเขาปรากฏตัว ลิงค์กับเอเลียร์ดได้ปรับท่าทางการยืนเล็กน้อยและลงมาที่พื้นอย่างมั่นคง ทางด้านของดิโลเซ่นนั้น, เขาอาการหนักมาก ร่างของเขาเป็นสีดำและมีควันออกมา
ในตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้นเขาก็ร่วงลงไปเหมือนกับศพที่ตายไปแล้ว
ลิงค์หัวใจเต้นแรงเขารู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายแค่ไหน, ถ้าดิโลเซ่นตกลงไปเขาจะต้องตายแน่ๆ เขารีบร่ายเวทย์สนามพลังระดับต่ำและหยุดตัวดิโลเซ่นที่กำลังร่วงเอาไว้
เขากับเอเลียร์ดรีบสงบสติอารมณ์ของตัวเองจากนั้นเอเลียร์ดก็รีบไปตรวจดูอาการของดิโลเซ่น “สาหัสมาก” เขาพึมพำ “นี่เขาโดนย่างสดของแท้เลย!”
ลิงค์หยุดการลอบโจมตีเอาไว้ได้ครึ่งทางแต่ว่าดิโลเซ่นก็ยังไม่สามารถหลบได้ เขาโดนโจมตีอย่างรุนแรงและกำลังจะตาย เห็นได้ชัดว่าอัศวินลาวา เลเวล 15 คนนี้แข็งแกร่งมาก
ลิงค์เองก็มาดูอาการของดิโลเซ่นเหมือนกัน
ที่ระยะห่างออกมา3 ฟุต เขาก็ได้กลิ่นเหม็นของเนื้อไหม้แล้ว ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะรุนแรงมาก และพอสังเกตดูดีๆ ลิงค์ก็เห็นว่าผ้าคลุมของดิโลเซ่นหายไปหมดแล้ว มันเหลือแค่ชิ้นส่วนเล็กๆที่ละลายยังติดกับผิวหนังของเขา ร่างกายของเขาไหม้เกรียม และผิวหนังก็หายไปจนเกือบหมด เขาลองเอานิ้วอังจมูกของดิโลเซ่นแต่เขาแทบสัมผัสถึงลมหายใจไม่ได้เลยลมหายใจของเขาแผ่วเบา ทุกอาการที่แสดงออกมานั้นเป็นตัวบ่งบอกว่าดิโลเซ่นกำลังใกล้ตายและสามารถจากไปได้ทุกเมื่อ
ลิงค์ร่ายเวทย์แก่นแท้แห่งชีวิตของมังกรให้กับดิโลเซ่นหลังจากที่มานาเข้าไปในตัวดิโลเซ่นไม่กี่วินาที เขาก็อ้าปากและปล่อยลมที่ร้อนจัดออกมา จากนั้นการหายใจของเขาก็รุนแรงขึ้น
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ลืมตาขึ้น ประโยคแรกของเขาคือ “มันได้สิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว!”
ลิงค์รู้อยู่แล้วแต่ว่าพวกเขากำลังรีบ และการข้ามมิติก็ใช้ไม่ได้กับชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์ เขาต้องยอมทิ้งมันเพื่อช่วยดิโลเซ่น พวกเขาค่อยสนใจมันทีหลังก็ได้
“นี่นายใกล้จะตายอยู่แล้วนะยังจะมาห่วงเรื่องของมันอยู่อีกหรอ?” เอเลียร์ดพูด
“ไม่ไม่ ถึงข้าตายก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์จะต้องไปถึงมือของอาร์คเมจภูผาน้ำแข็งให้ได้ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะจบสิ้น เร็วเข้าเถอะ ลอร์ดเฟิร์ด ท่านจะต้องไปชิงมันกลับคืนมา!”
ใบหน้าที่ถูกเผาของดิโลเซ่นปริออกทำให้มันดูน่ากลัวมากๆ เขากำลังวิตกกังวลและร่างกายของเขาก็บิดเบี้ยวตาม เขาดูเหมือนกับปีศาจเลย คนธรรมดาอาจจะกลัวเขาจนหัวหดเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าลิงค์กับเอเลียร์ดไม่ใช่คนธรรมดา จิตใจของพวกเขาแข็งแกร่ง สำหรับดิโลเซ่น ชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์นั้นสำคัญมากกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้ ถ้าไม่มีมัน ทุกอย่างก็จะจบสิ้น
ยังไงก็ตามพลังของอัศวินลาวานั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะต่อกรได้ ตัดสินจากที่เขาลอบโจมตี ชายคนนี้ไม่ได้โง่ ตอนนี้ดิโลเซ่นเองก็ได้รับบาดเจ็บ ลิงค์กับเอเลียร์ดแค่สองคนไม่มีทางสู้กับเขาได้อย่างแน่นอน การไปชิงชิ้นส่วนคืนมาก็ไม่ต่างอะไรไปจากการหาเรื่องตาย แน่นอนว่าดิโลเซ่นเองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เหมือนกันเขาถอนหายใจออกมาและพูดอย่างยากลำบาก “ข้ารู้จักอัศวินลาวาคนนั้น มันมีชื่อว่าโมเซอร์ มันเป็นที่รู้จักในชื่อดยุคระเบิด พลังไฟของมันน่าเกรงขามมากและสามารถระเบิดได้ด้วย มีคนไม่ถึง 10 คนในอารากู่ที่สามารถป้องกันการลอบโจมตีของมันได้ แต่ถึงอย่างนั้น, มันก็มีจุดอ่อนอยู่เหมือนกัน”
“จุดอ่อนแรกคือพลังระเบิดของมันควบคุมยากมันต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วินาทีในการสะสมพลังใหม่ จุดอ่อนที่สองก็คือมันหลงรักสตรีศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเพลิงมากๆและไม่สามารถทนฟังคนอื่นดูถูกเธอได้ ท่านสามารถใช้เรื่องนี้ยั่วโมโหมันได้นะ”
การรู้ว่าพลังระเบิดของเขาไม่สามารถใช้ได้ตลอดนั้นสำคัญมากลิงค์สามารถใช้มันวางแผนหลีกเลี่ยงการโดนโจมตีเต็มๆได้ ส่วนจุด่อนที่สอง มันเกินกว่าที่จะเป็นจุดอ่อนของนักรบระดับสูงด้วยซ้ำ เพราะนั่นหมายความว่าอารมณ์ของเขาสามารถถูกปั่นป่วนจากภายนอกได้
อารมณ์นั้นเสมือนกับระลอกคลื่นของวิญญาณจุดอ่อนของโมเซอร์นั้นคือจุดอ่อนในวิญญาณของเขา
นักเวทย์วิญญาณสามารถชักจูงวิญญาณเขาได้ง่ายๆหลังจากที่รู้จุดอ่อนนี้แม้ว่าเขาจะไม่ตาย แต่ทักษะการต่อสู้ของเขาก็จะลดลงอย่างมาก
และช่างบังเอิญที่ลิงค์ได้ศึกษาเวทย์วิญญาณไปเยอะแล้วหลังจากที่ได้หนังสือแห่งการเปิดเผยมา ตอนนี้เขาเป็นนักเวทย์วิญญาณที่เก่งกาจคนนึง
หลังจากที่ได้ยินสิ่งนี้เอเลียร์ดก็มองมาทางลิงค์ เขาคิดว่าพวกเขาน่าจะมีโอกาสจัดการกับอัศวินลาวาและชิงชิ้นส่วนกลับคืนมาได้ พูดตามตรง, เรื่องนี้มีความสำคัญกับเฟิร์ดเหมือนกัน
การรวมภพกำลังจะเกิดขึ้นและสตรีศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรหยางก็คือเจ้าหญิงมิลด้าของไฮเอลฟ์ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่ฝั่งเกาะรุ่งอรุณ ซึ่งนี่จะทำให้เฟิร์ดต้องเจอกับศัตรูที่คาดไม่ถึง ถ้าเกิดว่าพวกเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอาร์คเมจภูผาน้ำแข็ง มันก็ไม่มีทางที่เฟิร์ดจะต่อสู้กับอาร์คเมจเลเวล 19 ที่กำลังจะกลายเป็นเทพได้เลย!
ตอนนี้มันยังมีโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์อยู่พวกเขาสามารถเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อคว้าโอกาสนี้ได้
ลิงค์ไม่ได้รีบตัดสินใจเขาถามต่อ “โมเซอร์มีเทคนิคเด่นๆอย่างอื่นๆอีกมั้ย?”
“ข้ากำลังจะบอกท่านอยู่เลย!”ดิโลเซ่นสูดหายใจเข้าลึกๆ “มันเพิ่งใช้ท่าที่น่ากลัวที่สุดไป นั่นก็คือดาบที่ตัดบาเรียมิติของท่านเมื่อก่อนหน้านี้ มันมีชื่อว่าเพลิงลาวา มันสามารถทำลายการป้องกันทุกอย่างที่มีเลเวลต่ำกว่า 16 ได้ ถ้าเกิดมันใส่พลังเข้าไปอย่างเต็มที่ มันสามารถทำลายได้แม้กระทั่งเวทย์เลเวล 16 ด้วยซ้ำ และมันยังมีอีกสกิลนึงที่ชื่อว่าลาวาแฝด” “ลาวาแฝด?”เอเลียร์ดถาม “เหมือนกับตัวตายตัวแทนหรอ?”
“ใช่”ดิโลเซ่นหายใจออกอย่างรุนแรง สภาพของเขาตอนนี้ย่ำแย่มาก การหายใจออกของเขามีแต่ลมร้อน มีแสงของเปลวเพลิงกระพริบอยู่ในเนื้อที่ถูกเผาไหม้ของเขา เขาดูน่ากลัวมาก
“ไหวไหม?”ลิงค์ร่ายแก่นแท้แห่งชีวิตให้เขาอีกครั้ง
ด้วยเวทย์รักษาของมังกรดิโลเซ่นฟื้นตัวกลับมาเล็กน้อยและพูดต่อ “ไม่มีเวลาแล้ว ดาบของมันมีชื่อว่าลาวาเดือด และลาวาแฝดก็คือการทำให้ดาบของมันตายแทน ดังนั้นท่านจะต้องกำจัดมันถึง 2 ครั้ง!”
ผลของแก่นแท้แห่งชีวิตอยู่ได้แค่ไม่กี่วินาทีดิโลเซ่นเริ่มไอออกมาอีกครั้ง ลมหายใจของเขาเป็นลมร้อน ความรู้สึกไม่ดีเริ่มพุ่งขึ้นมาในใจวลิงค์ ไฟของอัศวินลาวาโมเซอร์นั้นแข็งแกร่งมากจนผิดปกติ เขาไม่สามารถยับยั้งมันได้เลย ดูเหมือนว่าดิโลเซ่นคงจะหมดทางเยียวยาจริงๆ
ตอนนี้เขากำลังหายใจออกมาเป็นไฟซึ่งมันเป็นเพราะเนื้อและอวัยวะภายในของเขากำลังไหม้อยู่ เขาเหมือนกับภูเขาไฟที่ยังไม่ดับเลย
“ขะ…ข้ากำลังจะตายแล้วนี่คือสิ่งที่ข้าเดิมพันเอาไว้ หน่ะ…ในตอนที่เจ้าไปเจอกับอาร์คเมจภูผาน้ำแข็ง ฝากบอกเขาด้วยว่าข้าได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว” พรึ่บ
ไฟพุ่งออกมาจากปากของดิโลเซ่นของเหลวที่เหมือนกับลาวาไหลออกมาจากรอยแตกทั่วร่างของเขา ของเหลวในร่างเดือดปุดๆและระเหยไป ร่างของดิโลเซ่นเองก็ถูกเผาจนหายไปในพริบตา สิ่งที่เหลืออยู่มีแค่รอยไหม้รูปร่างคนที่พื้นและแหวนมิติ นี่คือจุดจบตำนานของดิโลเซ่น
“เป็นไฟที่น่ากลัวจริงๆ!”ลิงค์ถอนหายใจ ถ้าเขาโดนไฟนี้ เขาก็คงจะต้องตายไม่ต่างกัน เขาคุกเข่าลงและหยิบแหวนของดิโลเซ่นขึ้นมาตรวจสอบดู มันใส่วัตถุดิบสำหรับร่ายเวทย์หนังสือเวทมนตร์ และอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์จันทราโกลาหลเอาไว้
แม้ว่าดิโลเซ่นบอกว่าจะให้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เลเวล19 กับพวกเขา 3 ชิ้น แต่อีก 2 ชิ้นนั้นเป็นแค่ไอเทมสนับสนุน อย่างเช่น แตรรบที่สามารถเพิ่มขวัญกำลังใจของทหารและทำให้พวกเขาฮึกเหิมได้ มันส่งผลให้ได้มากถึง 1 ล้านคนและเป็นอาวุธที่ดีสำหรับใช้ในการต่อสู้ระหว่างสองกองทัพ แต่ว่ามันไม่มีประโยชน์ในการต่อสู้ระดับสูง
ส่วนจันทราโกลาหลนั้นถือว่าเป็นของดีแต่ว่ามันสามารถใช้ได้ในอีก 1 เดือนหลังจากนี้
พูดอีกนัยนึงก็คือถ้าพวกเขาต้องการจะจัดการกับอัศวินลาวาและชิงชิ้นส่วนกลับคืนมา เอเลียร์ดกับลิงค์มีแต่จะต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น
เอเลียร์ดหัวเราะแปลกๆ“ดูเหมือนจะอันตรายกว่าที่พวกเราต่อสู้กับมอร์เฟียสอีกนะเนี่ย” ถ้าพวกเขาไม่สามารถล้มมอร์เฟียสได้พวกเขายังสามารถหนีอยู่แต่ถ้าพวกเขาจัดการโมเซอร์ไม่ได้ พวกเขาจะต้องจบชีวิตแบบดิโลเซ่นอย่างแน่นอน
“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วศัตรูอาจจะมีเขตแดน แต่ว่าเขาก็เป็นแค่นักรบ พวกเราอาจจะไม่แพ้ก็ได้!” ลิงค์ยิ้มอ่อนๆ แต่ว่าสายตาของเขาเยือกเย็นมาก
พอเห็นเขาในสภาพนี้เอเลียร์ดก็รู้แล้วว่าเพื่อนสนิทของเขานั้นพร้อมที่จะเสี่ยงทุกอย่างแล้ว เขาปรับท่าทางของตัวเองและพูดขึ้นมา “แด่เฟิร์ด!”
พรึ่บ!ด้วยเสียงพรึ่บเบาๆ ลิงค์, เอเลียร์ดและดิโลเซ่นก็ปรากฏตัวขึ้นในระยะห่างออกมาหลายไมล์
มีป่าเขตใต้รายล้อมพวกเขาอยู่มันหนาแน่นมากและปกคลุมพื้นที่แทบทั้งหมด
ที่ด้านล่างมีแอ่งน้ำที่มีหญ้าขึ้นเป็นหย่อมๆ
ทั้ง3 คนปรากฏตัวขึ้นเหนือพื้นดินไม่กี่ฟุต ในตอนที่พวกเขาปรากฏตัว ลิงค์กับเอเลียร์ดได้ปรับท่าทางการยืนเล็กน้อยและลงมาที่พื้นอย่างมั่นคง ทางด้านของดิโลเซ่นนั้น, เขาอาการหนักมาก ร่างของเขาเป็นสีดำและมีควันออกมา
ในตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้นเขาก็ร่วงลงไปเหมือนกับศพที่ตายไปแล้ว
ลิงค์หัวใจเต้นแรงเขารู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายแค่ไหน, ถ้าดิโลเซ่นตกลงไปเขาจะต้องตายแน่ๆ เขารีบร่ายเวทย์สนามพลังระดับต่ำและหยุดตัวดิโลเซ่นที่กำลังร่วงเอาไว้
เขากับเอเลียร์ดรีบสงบสติอารมณ์ของตัวเองจากนั้นเอเลียร์ดก็รีบไปตรวจดูอาการของดิโลเซ่น “สาหัสมาก” เขาพึมพำ “นี่เขาโดนย่างสดของแท้เลย!”
ลิงค์หยุดการลอบโจมตีเอาไว้ได้ครึ่งทางแต่ว่าดิโลเซ่นก็ยังไม่สามารถหลบได้ เขาโดนโจมตีอย่างรุนแรงและกำลังจะตาย เห็นได้ชัดว่าอัศวินลาวา เลเวล 15 คนนี้แข็งแกร่งมาก
ลิงค์เองก็มาดูอาการของดิโลเซ่นเหมือนกัน
ที่ระยะห่างออกมา3 ฟุต เขาก็ได้กลิ่นเหม็นของเนื้อไหม้แล้ว ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะรุนแรงมาก และพอสังเกตดูดีๆ ลิงค์ก็เห็นว่าผ้าคลุมของดิโลเซ่นหายไปหมดแล้ว มันเหลือแค่ชิ้นส่วนเล็กๆที่ละลายยังติดกับผิวหนังของเขา ร่างกายของเขาไหม้เกรียม และผิวหนังก็หายไปจนเกือบหมด เขาลองเอานิ้วอังจมูกของดิโลเซ่นแต่เขาแทบสัมผัสถึงลมหายใจไม่ได้เลยลมหายใจของเขาแผ่วเบา ทุกอาการที่แสดงออกมานั้นเป็นตัวบ่งบอกว่าดิโลเซ่นกำลังใกล้ตายและสามารถจากไปได้ทุกเมื่อ
ลิงค์ร่ายเวทย์แก่นแท้แห่งชีวิตของมังกรให้กับดิโลเซ่นหลังจากที่มานาเข้าไปในตัวดิโลเซ่นไม่กี่วินาที เขาก็อ้าปากและปล่อยลมที่ร้อนจัดออกมา จากนั้นการหายใจของเขาก็รุนแรงขึ้น
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ลืมตาขึ้น ประโยคแรกของเขาคือ “มันได้สิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว!”
ลิงค์รู้อยู่แล้วแต่ว่าพวกเขากำลังรีบ และการข้ามมิติก็ใช้ไม่ได้กับชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์ เขาต้องยอมทิ้งมันเพื่อช่วยดิโลเซ่น พวกเขาค่อยสนใจมันทีหลังก็ได้
“นี่นายใกล้จะตายอยู่แล้วนะยังจะมาห่วงเรื่องของมันอยู่อีกหรอ?” เอเลียร์ดพูด
“ไม่ไม่ ถึงข้าตายก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์จะต้องไปถึงมือของอาร์คเมจภูผาน้ำแข็งให้ได้ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะจบสิ้น เร็วเข้าเถอะ ลอร์ดเฟิร์ด ท่านจะต้องไปชิงมันกลับคืนมา!”
ใบหน้าที่ถูกเผาของดิโลเซ่นปริออกทำให้มันดูน่ากลัวมากๆ เขากำลังวิตกกังวลและร่างกายของเขาก็บิดเบี้ยวตาม เขาดูเหมือนกับปีศาจเลย คนธรรมดาอาจจะกลัวเขาจนหัวหดเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าลิงค์กับเอเลียร์ดไม่ใช่คนธรรมดา จิตใจของพวกเขาแข็งแกร่ง สำหรับดิโลเซ่น ชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์นั้นสำคัญมากกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้ ถ้าไม่มีมัน ทุกอย่างก็จะจบสิ้น
ยังไงก็ตามพลังของอัศวินลาวานั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะต่อกรได้ ตัดสินจากที่เขาลอบโจมตี ชายคนนี้ไม่ได้โง่ ตอนนี้ดิโลเซ่นเองก็ได้รับบาดเจ็บ ลิงค์กับเอเลียร์ดแค่สองคนไม่มีทางสู้กับเขาได้อย่างแน่นอน การไปชิงชิ้นส่วนคืนมาก็ไม่ต่างอะไรไปจากการหาเรื่องตาย แน่นอนว่าดิโลเซ่นเองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เหมือนกันเขาถอนหายใจออกมาและพูดอย่างยากลำบาก “ข้ารู้จักอัศวินลาวาคนนั้น มันมีชื่อว่าโมเซอร์ มันเป็นที่รู้จักในชื่อดยุคระเบิด พลังไฟของมันน่าเกรงขามมากและสามารถระเบิดได้ด้วย มีคนไม่ถึง 10 คนในอารากู่ที่สามารถป้องกันการลอบโจมตีของมันได้ แต่ถึงอย่างนั้น, มันก็มีจุดอ่อนอยู่เหมือนกัน”
“จุดอ่อนแรกคือพลังระเบิดของมันควบคุมยากมันต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วินาทีในการสะสมพลังใหม่ จุดอ่อนที่สองก็คือมันหลงรักสตรีศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเพลิงมากๆและไม่สามารถทนฟังคนอื่นดูถูกเธอได้ ท่านสามารถใช้เรื่องนี้ยั่วโมโหมันได้นะ”
การรู้ว่าพลังระเบิดของเขาไม่สามารถใช้ได้ตลอดนั้นสำคัญมากลิงค์สามารถใช้มันวางแผนหลีกเลี่ยงการโดนโจมตีเต็มๆได้ ส่วนจุด่อนที่สอง มันเกินกว่าที่จะเป็นจุดอ่อนของนักรบระดับสูงด้วยซ้ำ เพราะนั่นหมายความว่าอารมณ์ของเขาสามารถถูกปั่นป่วนจากภายนอกได้
อารมณ์นั้นเสมือนกับระลอกคลื่นของวิญญาณจุดอ่อนของโมเซอร์นั้นคือจุดอ่อนในวิญญาณของเขา
นักเวทย์วิญญาณสามารถชักจูงวิญญาณเขาได้ง่ายๆหลังจากที่รู้จุดอ่อนนี้แม้ว่าเขาจะไม่ตาย แต่ทักษะการต่อสู้ของเขาก็จะลดลงอย่างมาก
และช่างบังเอิญที่ลิงค์ได้ศึกษาเวทย์วิญญาณไปเยอะแล้วหลังจากที่ได้หนังสือแห่งการเปิดเผยมา ตอนนี้เขาเป็นนักเวทย์วิญญาณที่เก่งกาจคนนึง
หลังจากที่ได้ยินสิ่งนี้เอเลียร์ดก็มองมาทางลิงค์ เขาคิดว่าพวกเขาน่าจะมีโอกาสจัดการกับอัศวินลาวาและชิงชิ้นส่วนกลับคืนมาได้ พูดตามตรง, เรื่องนี้มีความสำคัญกับเฟิร์ดเหมือนกัน
การรวมภพกำลังจะเกิดขึ้นและสตรีศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรหยางก็คือเจ้าหญิงมิลด้าของไฮเอลฟ์ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่ฝั่งเกาะรุ่งอรุณ ซึ่งนี่จะทำให้เฟิร์ดต้องเจอกับศัตรูที่คาดไม่ถึง ถ้าเกิดว่าพวกเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอาร์คเมจภูผาน้ำแข็ง มันก็ไม่มีทางที่เฟิร์ดจะต่อสู้กับอาร์คเมจเลเวล 19 ที่กำลังจะกลายเป็นเทพได้เลย!
ตอนนี้มันยังมีโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์อยู่พวกเขาสามารถเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อคว้าโอกาสนี้ได้
ลิงค์ไม่ได้รีบตัดสินใจเขาถามต่อ “โมเซอร์มีเทคนิคเด่นๆอย่างอื่นๆอีกมั้ย?”
“ข้ากำลังจะบอกท่านอยู่เลย!”ดิโลเซ่นสูดหายใจเข้าลึกๆ “มันเพิ่งใช้ท่าที่น่ากลัวที่สุดไป นั่นก็คือดาบที่ตัดบาเรียมิติของท่านเมื่อก่อนหน้านี้ มันมีชื่อว่าเพลิงลาวา มันสามารถทำลายการป้องกันทุกอย่างที่มีเลเวลต่ำกว่า 16 ได้ ถ้าเกิดมันใส่พลังเข้าไปอย่างเต็มที่ มันสามารถทำลายได้แม้กระทั่งเวทย์เลเวล 16 ด้วยซ้ำ และมันยังมีอีกสกิลนึงที่ชื่อว่าลาวาแฝด” “ลาวาแฝด?”เอเลียร์ดถาม “เหมือนกับตัวตายตัวแทนหรอ?”
“ใช่”ดิโลเซ่นหายใจออกอย่างรุนแรง สภาพของเขาตอนนี้ย่ำแย่มาก การหายใจออกของเขามีแต่ลมร้อน มีแสงของเปลวเพลิงกระพริบอยู่ในเนื้อที่ถูกเผาไหม้ของเขา เขาดูน่ากลัวมาก
“ไหวไหม?”ลิงค์ร่ายแก่นแท้แห่งชีวิตให้เขาอีกครั้ง
ด้วยเวทย์รักษาของมังกรดิโลเซ่นฟื้นตัวกลับมาเล็กน้อยและพูดต่อ “ไม่มีเวลาแล้ว ดาบของมันมีชื่อว่าลาวาเดือด และลาวาแฝดก็คือการทำให้ดาบของมันตายแทน ดังนั้นท่านจะต้องกำจัดมันถึง 2 ครั้ง!”
ผลของแก่นแท้แห่งชีวิตอยู่ได้แค่ไม่กี่วินาทีดิโลเซ่นเริ่มไอออกมาอีกครั้ง ลมหายใจของเขาเป็นลมร้อน ความรู้สึกไม่ดีเริ่มพุ่งขึ้นมาในใจวลิงค์ ไฟของอัศวินลาวาโมเซอร์นั้นแข็งแกร่งมากจนผิดปกติ เขาไม่สามารถยับยั้งมันได้เลย ดูเหมือนว่าดิโลเซ่นคงจะหมดทางเยียวยาจริงๆ
ตอนนี้เขากำลังหายใจออกมาเป็นไฟซึ่งมันเป็นเพราะเนื้อและอวัยวะภายในของเขากำลังไหม้อยู่ เขาเหมือนกับภูเขาไฟที่ยังไม่ดับเลย
“ขะ…ข้ากำลังจะตายแล้วนี่คือสิ่งที่ข้าเดิมพันเอาไว้ หน่ะ…ในตอนที่เจ้าไปเจอกับอาร์คเมจภูผาน้ำแข็ง ฝากบอกเขาด้วยว่าข้าได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว” พรึ่บ
ไฟพุ่งออกมาจากปากของดิโลเซ่นของเหลวที่เหมือนกับลาวาไหลออกมาจากรอยแตกทั่วร่างของเขา ของเหลวในร่างเดือดปุดๆและระเหยไป ร่างของดิโลเซ่นเองก็ถูกเผาจนหายไปในพริบตา สิ่งที่เหลืออยู่มีแค่รอยไหม้รูปร่างคนที่พื้นและแหวนมิติ นี่คือจุดจบตำนานของดิโลเซ่น
“เป็นไฟที่น่ากลัวจริงๆ!”ลิงค์ถอนหายใจ ถ้าเขาโดนไฟนี้ เขาก็คงจะต้องตายไม่ต่างกัน เขาคุกเข่าลงและหยิบแหวนของดิโลเซ่นขึ้นมาตรวจสอบดู มันใส่วัตถุดิบสำหรับร่ายเวทย์หนังสือเวทมนตร์ และอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์จันทราโกลาหลเอาไว้
แม้ว่าดิโลเซ่นบอกว่าจะให้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เลเวล19 กับพวกเขา 3 ชิ้น แต่อีก 2 ชิ้นนั้นเป็นแค่ไอเทมสนับสนุน อย่างเช่น แตรรบที่สามารถเพิ่มขวัญกำลังใจของทหารและทำให้พวกเขาฮึกเหิมได้ มันส่งผลให้ได้มากถึง 1 ล้านคนและเป็นอาวุธที่ดีสำหรับใช้ในการต่อสู้ระหว่างสองกองทัพ แต่ว่ามันไม่มีประโยชน์ในการต่อสู้ระดับสูง
ส่วนจันทราโกลาหลนั้นถือว่าเป็นของดีแต่ว่ามันสามารถใช้ได้ในอีก 1 เดือนหลังจากนี้
พูดอีกนัยนึงก็คือถ้าพวกเขาต้องการจะจัดการกับอัศวินลาวาและชิงชิ้นส่วนกลับคืนมา เอเลียร์ดกับลิงค์มีแต่จะต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น
เอเลียร์ดหัวเราะแปลกๆ“ดูเหมือนจะอันตรายกว่าที่พวกเราต่อสู้กับมอร์เฟียสอีกนะเนี่ย” ถ้าพวกเขาไม่สามารถล้มมอร์เฟียสได้พวกเขายังสามารถหนีอยู่แต่ถ้าพวกเขาจัดการโมเซอร์ไม่ได้ พวกเขาจะต้องจบชีวิตแบบดิโลเซ่นอย่างแน่นอน
“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วศัตรูอาจจะมีเขตแดน แต่ว่าเขาก็เป็นแค่นักรบ พวกเราอาจจะไม่แพ้ก็ได้!” ลิงค์ยิ้มอ่อนๆ แต่ว่าสายตาของเขาเยือกเย็นมาก
พอเห็นเขาในสภาพนี้เอเลียร์ดก็รู้แล้วว่าเพื่อนสนิทของเขานั้นพร้อมที่จะเสี่ยงทุกอย่างแล้ว เขาปรับท่าทางของตัวเองและพูดขึ้นมา “แด่เฟิร์ด!”