Advent of the Archmage - 674: ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป, รีบหนีในตอนที่ยังทำได้เถอะ
Chapter
“เขากำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเขาต้องไปที่เกาะรุ่งอรุณแน่ๆ”
ห่างออกไปไม่ไกลจากป้อมเงา,เอเลียร์ดสามารถคิดข้อสรุปนี้ขึ้นมาได้หลังจากที่สังเกตสภาพรอบๆของป้อมผ่านกระจกเวทมนตร์
ลิงค์ลุกขึ้นพร้อมกับถือดาบอยู่ในมือในขณะที่มองไปยังทิศทางที่เกาะรุ่งอรุณตั้งอยู่, เขาก็พูดออกมา, “ไฮเอลฟ์ต้องใช้เทคนิคบางอย่างอัญเชิญเข้ามาพร้อมกับพลังที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภพแน่ๆ เขาน่าจะกำลังรีบกลับไปที่อารากู่ผ่านทางเกาะรุ่งอรุณ
ณตอนนี้, สายลมกำลังส่งเสียงโหยหวนผ่านหุบเขาอย่างน่ากลัว แม้ว่าสภาพอากาศทางใต้จะอบอุ่นและป่าที่นี่จะหนาทึบ, แต่การต่อสู้ระหว่างพวกเขากับมอร์เฟียสได้ทำให้ต้นไม้ที่อยู่รอบๆป้อมเหี่ยวเฉาจนหมด ใบไม้สีเหลืองมากมายที่อยู่รอบตัวพวกเขาถูกสายลมพัดปลิวไป
เอเลียร์ดเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเขาแล้วมองไปทางเกาะรุ่งอรุณเหมือนกัน“นายคิดว่าพวกเราจะหยุดเขาได้ไหม?”
ลิงค์ส่ายหัว“คิดว่าไม่ได้นะ…แต่มันก็คุ้มที่จะลอง”
ศัตรูของพวกเขาไร้ซึ่งความเมตตาเหมือนกับพลังธรรมชาติวิธีเดียวที่พวกเขาจะสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือเผชิญหน้ากับอัศวินลาวาตรงๆ มีแค่ฝ่ายเดียวเท่านั้นที่จะสามารถมีชีวิตรอดกลับไปได้
และในเมื่อเป็นเช่นนี้,สิ่งเดียวที่พวกเขาจะทำได้ในตอนนี้ก็คือการจัดการโค่นอัศวินลาวาด้วยทุกสิ่งที่พวกเขามี
ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทของลิงค์,เอเลียร์ดสามารถบ่งบอกถึงความแน่วแน่จากน้ำเสียงของเขาได้ในทันที เขายิ้มอย่างอ่อนแรง “นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราเจอกับศัตรูที่อันตรายขนาดนี้ มันจะต้องสนุกแน่!” ตั้งแต่ที่เอเลียร์ดเริ่มศึกษาเวทมนตร์มาภายใต้ร่มเงาของลิงค์,เขาแทบจะไม่มีโอกาสได้รับผิดชอบเรื่องใหญ่ๆด้วยตัวเองเลย อย่างไรก็ตาม, ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้, เขาสามารถต่อสู้เคียงบ่าเคี่ยงไหล่กับลิงค์ได้ นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการมาโดยตลอด และแน่นอนว่า, เขารู้สึกยินดีกับโอกาสที่กำลังอ้าแขนรอเขาอยู่นี้
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานนั้น,เอเลียร์ดได้เชี่ยวชาญเทคนิคเดินอากาศของลิงค์แล้ว ในตอนที่พวกเขาใช้เดินอากาศพร้อมกัน, พวกเขาก็เหมือนกับริ้วแสงสองเส้นที่กำลังพุ่งผ่านอากาศ
นักรบนั้นไม่มีทางชนะนักเวทย์ในแง่ของความว่องไวได้อัศวินลาวาโมเซอร์เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานเลเวล 15 แล้ว แม้ว่าทั้งลิงค์กับเอเลียร์ดจะแพ้เขาในด้านพลังอย่างเทียบไม่ติด, แต่การที่นักรบไม่สามารถใช้พลังได้ช่ำชองเท่านักเวทย์นั้นก็ยังคงเป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นักรบที่มีเลเวลต่ำกว่า17 จะไม่สามารถบินบนฟ้าโดยไม่พึงอุปกรณ์พิเศษหรือออร่าต่อสู้ได้ การเคลื่อนไหวของเขาถูกจำกัดอยู่บนพื้น เขาอาจจะรวดเร็วกว่านักเวทย์คนไหนๆเมื่ออยู่บนบก, แต่ภูมิศาสตร์ที่ไม่เอื้ออำนวยในเส้นทองของเขานั้นจะต้องจำกัดการเคลื่อนไหวของเขาอย่างแน่นอน
ลิงค์กับเอเลียร์ดเพียงแค่ต้องตรงไปตามทางทิศที่จะไปเกาะรุ่งอรุณหลังจากที่บินบนฟ้าไปไกลกว่า100ไมล์ ในที่สุดลิงค์ก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
“นายสัมผัสได้รึเปล่า?”ลิงค์กระซิบ
เอเลียร์ดเองก็สามารถสัมผัสถึงความผิดปกติบนพื้นดินได้โดยไม่ต้องลดความเร็วลงครึ่งนาทีต่อมา เขาก็ตอบด้วยเสียงอันแผ่วเบา “นี่มันพลังเพลิงนรก และมันก็เคลื่อนไหวเร็วมากเลยด้วย นั่นจะต้องเป็นโมเซอร์แน่ๆ!”
ลิงค์พยักหน้าตอนนี้พลังเพลิงนรกที่สัมผัสได้นั้นเบาบาง และยังไม่เห็นวี่แววของโมเซอร์ในบริเวณใกล้เคียงเลย ยังไงก็ตามเขาคิดว่าอัศวินลาวานั้นน่าจะอยู่ห่างจากพวกเขาไม่เกิน 20 ไมล์อย่างแน่นอน
หลังจากที่สังเกตดูว่าพลังเพลิงนรกมาจากตรงไหนลิงค์กับเอเลียร์ดก็รีบเปลี่ยนเส้นทางและตรงไปยังจุดที่โมเซอร์อยู่
3 นาทีต่อมา เอเลียร์ดก็พูด “ฉันสัมผัสถึงเขาไม่ได้แล้ว มันเหมือนกับว่าเขาหายไปทั้งอย่างนั้นเลย”
ลิงค์เองก็รู้สึกเหมือนกันตอนนี้เขาลอยอยู่บนฟ้า เขามองลงไปในป่าด้านล่างที่เต็มไปด้วยหิน มีหินหลากหลายรูปร่างหลากหลายขนาดตั้งอยู่บนพื้น หินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนั้นมีความสูงกว่า 100 ฟุต ในขณะที่อันที่มีขนาดเล็กกว่ามีขนาดแค่ 3 ถึง 4 ฟุตเท่านั้น มีจุดบอดมากมายภายในป่าแห่งนี้
“มันคงจะรู้ถึงตัวตนของพวกเราแล้วแน่ๆและมันก็น่าจะรู้แล้วว่าไม่สามารถแข่งความเร็วกับพวกเราได้ บางทีมันน่าจะซ่อนตัวอยู่หลังหินพวกนี้แหล่ะ รอจังหวะที่มันโจมตีมาแล้วกัน” ดิโลเซ่นบอกพวกเขาว่าอัศวินลาวาโมเซอร์นั้นมีพลังระเบิดที่น่าหวาดหวั่นและทักษะในการลอบโจมตีที่เหนือชั้นถ้าเกิดพวกเขาไม่ระวังตัวให้ดี พวกเขาอาจจะถูกฆ่าภายในเสี้ยววินาทีได้
เอเลียร์ดเข้าใจสถานการณ์ดีจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “ในเมื่อพวกเราไม่สามารถลงไปหาตัวมันได้โดยที่หัวยังไม่หลุดจากบ่า ถ้างั้นฉันว่าพวกเราควรรักษาระดับความสูงเอาไว้ให้เหนือป่าหินพวกนี้นะ!”
ในเมื่อศัตรูของพวกเขายังคงรอโอกาสลอบโจมตีอยู่ทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดของพวกเขาก็คือการใช้เวทย์วงกว้างเพื่อทำลายสถานที่ซ่อนทุกจุดที่เป็นไปได้และทำให้เขาเผยตัวออกมา ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่นักเวทย์อย่างพวกเขาถนัดอยู่แล้ว
ยังไงก็ตามการจะทำแบบนั้นมีค่าใช้จ่ายมหาศาล เอเลียร์ดจะต้องใช้พลังงานอย่างมากเพื่อร่ายเวทย์ขนาดใหญ่ระดับนั้น เขาอาจจะให้ความช่วยเหลือในศึกปะทะกับอัศวินลาวาที่กำลังจะมาถึงได้ไม่มาก พูดอีกนัยนึงก็คือ หลังจากที่ไล่โมเซอร์จนโผล่ออกมาจากที่ซ่อนแล้ว ลิงค์จะถูกบังคับให้ต่อสู้กับเขาตัวต่อตัว
เกี่ยวกับโอกาสที่เขาจะรอดจากการปะทะตัวต่อตัวกับมาสเตอร์เลเวล15 นั้น, ลิงค์ไม่ได้มองโลกในแง่ดีนัก
หลังจากที่คิดถึงข้อเสนอของเอเลียร์ดอยู่พักนึงในที่สุดลิงค์ก็พยักหน้า “มาลุยกันเลย!”
เขาจะลงมือในทันทีที่อัศวินลาวาถูกเอเลียร์ดบังคับให้ออกมาจากที่ซ่อนแม้ว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าพวกเขา แต่ถ้าลิงค์ลงมือได้ก่อน เขาก็อาจจะสามารถเพิ่มโอกาสชนะได้
เอเลียร์ดสูดหายใจเข้าลึกๆพลังในร่างของเขาเริ่มไหลเวียนจนทั่วทั้งร่างของเขาเปล่งแสงออกมา ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น, เขาก็หยิบคทาออกมาและชี้ไปทางป่าหินด้านล่างเขา “พายุแสง!” พายุแสง
เวทย์แสงอรุณเลเวล 11
คำธิบาย:สร้างพายุอันรุนแรงที่สามารถทำลายทุกอย่างที่อยู่ในเส้นทางของมันได้โดยการทำให้กระแสลมปั่นป่วนด้วยพลังแสงอรุณที่มีความเข้มข้นสูง
(หมายเหตุ:ไม่มีต้นหญ้าหรือก้อนหินใดๆจะหลงเหลืออยู่หลังจากที่พายุพัดผ่านไป!)
แสงสว่างสดใสพุ่งออกมาจากคทาของเอเลียร์ดและขยายออกเป็นบอลแสงกว้าง10ฟุตที่แทบจะมองด้วยตาเปล่าไม่ได้ หลังจากนั้นบอลแสงก็พุ่งออกมาจากปลายคทาและตกลงไปที่พื้น มันเหมือนกับการดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเลย
ในขณะที่ลูกบอลกำลังตกลงมาอย่างรวดเร็วขนาดของมันก็ขยายขึ้นอย่างน่ากลัว บอลแสงเริ่มหมุน และดูดเอาลมใกล้ๆเข้ามาจนกลายเป็นพายุสีทอง มันค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นและทอดยาวจากพื้นดินขึ้นไปบนฟ้า ฟิ้วฟิ้ว สายลมที่รุนแรงนี้ไม่ได้เย็นเหมือนกับลมทั่วๆไป กลับกันมันมาพร้อมกับความร้อนที่สูงมากๆ ซึ่งนี่เป็นผลของพลังแสงอรุณ
พายุเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างไม่ปราณีมันละลายก้อนหินทุกก้อนตามทางที่มันผ่าน
ไม่มีต้นหญ้าหรือก้อนหินใดๆหลงเหลืออยู่หลังจากที่พายุผ่านไปหลักฐานเดียวที่หลงเหลืออยู่ในเส้นทางของมันก็คือของเหลวเละๆสีแดง
ในระหว่างที่พายุกำลังพัดลิงค์ก็รออยู่บนฟ้าอย่างใจเย็น เขากำดาบในมือแน่น ในทันทีที่โมเซอร์โผล่หัวออกมาจากหิน เขาจะพุ่งไปหาและโจมตีด้วยทุกอย่างที่มี!
ในระหว่างที่พายุกำลังพัดอยู่หินในป่าก็หายไปเยอะแล้ว และนี่ก็ทำให้โมเซอร์เหลือที่ซ่อนไม่มาก ตอนนี้พลังของลิงค์กำลังเดือดอยู่ภายในร่าง มันเริ่มส่องแสงที่อ่อนโยนเหมือนพระจันทร์ออกมา ถึงแม้ว่าแสงนี้จะดูไม่สะดุดตา แต่พลังที่ส่งออกมานั้นรุนแรงมาก 10วินาทีต่อมา ก็มีจุดแสงสีแดงทองกระพริบขึ้นจากพื้นดิน
ดาบเพลิงขนาดยาว100 ฟุตยืดออกมาจากจุดแสงตรงนั้นและพุ่งไปทางพายุแสง
ตู้ม!
ด้วยเสียงระเบิดอย่างรุนแรงดาบเพลิงก็พุ่งทะลุพายุในพริบตา เหมือนกับมังกรที่โดนแทงหัวใจ พายุแสงส่งเสียงโหยหวนเหมือนร้องไห้ออกมาก่อนที่จะกระจายออกเป็นจุดแสงสีทองมากมาย
เอเลียร์ดสัมผัสได้ในทันทีว่าผลของเวทย์มนตร์ที่เขาร่ายถูกอัศวินลาบังคับให้หายไปใบหน้าของเขาซีดเผือด และร่างของเขาก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ การตอบโต้ของอัศวินทำให้การไหลเวียนของพลังภายในตัวเขาปั่นป่วนอย่างสมบูรณ์ วินาทีต่อมา เอเลียร์ดก็อ้วกออกมาเป็นเลือด
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะรุนแรงมากแต่ตอนนี้ลิงค์ไม่สามารถหันไปดูได้เลย ณ เวลานี้, อัศวินลาวาคือสิ่งเดียวที่เขาต้องให้ความสนใจ
ด้วยการระเบิดพลังลิงค์ก็ปล่อยพระจันทร์สีเงินอ่อนออกมาในอากาศทันที พระจันทร์นี้ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้า
พริบตาต่อมาก็มีแสงสว่างพุ่งออกมาจากดาบลำนำจันทร์เต็มดวงที่อยู่ในมือของเขาอย่างท่วมท้น ตอนนี้ใบดาบของเขามีคุณสมบัติเป็นคริสตัลเรืองแสง รูนนับไม่ถ้วนกำลังกระพริบอยู่ที่บริเวณปลายดาบ
จากนั้นลิงค์ก็แทงดาบเข้าไปในความว่างเปล่ายังไงก็ตาม มันไม่เห็นว่าเขาใช้ลูกบอลความสิ้นหวังเลย เพราะว่าลิงค์ได้รวมมันเข้ากับเทคนิคดาบของเขาอย่างลงตัว
ในเวลาเดียวกันนั้นเองดาบลำนำจันทร์เต็มดวงก็ปรากฏขึ้นที่พื้นดิน มันกำลังจะแทงเข้าไปตรงหน้าผากของโมเซอร์
การโจมตีของลิงค์นั้นแทบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบมันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าลิงค์ได้ใช้พลังทั้งหมดไปกับการโจมตีใส่อัศวินลาวาในครั้งนี้โดยมีความช่วยเหลือจากแสงรอบตัวเขา
“น่าเหลือเชื่อจริงๆ!”โมเซอร์รู้สึกว่าวิญญาณของเขากำลังถูกพลังของลิงค์กดดัน ถ้าตัวเขาเมื่อ 3 ปีที่แล้วมาเจอกับการการโจมตีแบบนี้ เขาก็คงจะตายคาที่ไปแล้ว
ยังไงก็ตามเขาเชี่ยวชาญเขตแดนเพลิงผลาญของเขาแล้ว หลังจากที่ปัดเป่าพายุแสงทิ้งไป เขาก็เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีของลิงค์ที่จะตามมาแล้ว
”เพลิงลาวา!”
โมเซอร์ปล่อยพลังเขตแดนเพลิงผลาญขึ้นไปบนฟ้าด้วยการเหวี่ยงดาบอย่างรุนแรงในพริบตานั้นเอง เปลวเพลิงก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ
ในเวลาเดียวกันนั้นเองน้ำพุลาวาก็ผุดขึ้นมาจากพื้น มันทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงและทำให้พระจันทร์ที่ลิงค์สร้างขึ้นเกิดรอยร้าว
หลังจากนั้นไม่นานพลังระดับตำนานทั้งสองก็ปะทะกัน
ชิ้งเสียงแหลมสูงจนฟังไม่ได้ดังขึ้นในอากาศ เกิดระลอกคลื่นรุนแรงไปทั่วทั้งพื้นที่ที่เกิดการปะทะ มีเศษเสี้ยวของมิติปรากฏขึ้นใกล้ๆกับจุดที่ระลอกคลื่นรุนแรงที่สุดด้วย
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับแรงกระแทกที่เกิดจากการปะทะ
คลื่นความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างลิงค์ในตอนที่เขาได้รับแรงกระแทกดูเหมือนว่าโมเซอร์ก็จะโดนด้วยเหมือนกัน แม้ว่าการโจมตีของเขาจะสุดยอด แต่มันก็เป็นความจริงที่เขารีบปล่อยออกมาและใช้พลังไปแค่ 60% จากพลังสูงสุดเท่านั้น ด้วยความที่เตรียมตัวไม่ดีพอ ร่างกายของเขาจึงชาไปทั้งตัวในตอนที่เขาโดนแรงกระแทก ด้วยความที่เขาทนแรงของมันไม่ได้ พื้นดินใต้เท้าเขาจึงยุบลงไป และนี่ก็ทำให้ขาทั้งสองข้างของเขาจมลงไปในหิน
ยังไงก็ตามในฐานะมาสเตอร์เลเวล 15 โมเซอร์มีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าลิงค์ เขาฟื้นฟูได้รวดเร็วกว่ามาก หลังจากที่การไหลเวียนของพลังในร่างของเขากลับมาเสถียรขึ้น เขาก็ใส่พลังลงไปที่เท้า ทำลายหินที่อยู่รอบตัวเป็นเสี่ยงๆ แล้วกระโดดออกมาจากหลุม
เขาหัวเราะออกมาดังลั่นและกระโดดขึ้นไปบนฟ้าพุ่งตรงไปทางลิงค์เขาตั้งใจจะรีบจบให้เร็วที่สุด!
ยังไงก็ตามดูเหมือนเขาจะลืมไปว่าลิงค์เป็นนักเวทย์มิติ
แม้ว่าร่างกายของเขาจะโดนคลื่นกระแทกเข้าไปเต็มๆแต่จิตใจของเขาไม่ได้รับผลกระทบไปด้วยเลย ในตอนที่โมเซอร์เข้ามาใกล้พวกเขา แสงสีขาวก็ปกคลุมร่างกายของนักเวทย์ทั้งสอง และในพริบตานั้นเอง ลิงค์กับเอเลียร์ดก็เทเลพอร์ทไป
พวกเขาไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้วพอเห็นว่าอัศวินสามารถปัดป้องการโจมตีของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ทางเลือกเดียวของพวกเขาก็คือหนีกลับไปต้องหลักและค่อยมาลุยกับเขาใหม่พร้อมกับแผนโจมตีที่ดีกว่านี้ ในตอนที่เป้าหมายหายไปโมเซอร์ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทิ้งตัวให้ร่วงลงมาจากฟ้า
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ว่างเปล่าและขมวดคิ้ว“ข้าไม่ชอบแบบนี้เลยซักนิด”
เขาต่อสู้กับนักเวทย์2 คน ความกังวลเริ่มเกิดขึ้นในใจเขา เขาไม่อาจเอาชนะนักเวทย์สองคนนี้ได้ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ยอมปล่อยให้เขาเดินทางกลับดีๆด้วย ณ จุดนี้ เขาทำได้แค่หวังว่าเขาจะขัดขวางการลอบโจมตีของพวกเขาได้โดยที่ตัวเองไม่พลาดเอง
“ไม่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ข้าจะต้องคิดแผนอะไรซักอย่าง”
“เขากำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเขาต้องไปที่เกาะรุ่งอรุณแน่ๆ”
ห่างออกไปไม่ไกลจากป้อมเงา,เอเลียร์ดสามารถคิดข้อสรุปนี้ขึ้นมาได้หลังจากที่สังเกตสภาพรอบๆของป้อมผ่านกระจกเวทมนตร์
ลิงค์ลุกขึ้นพร้อมกับถือดาบอยู่ในมือในขณะที่มองไปยังทิศทางที่เกาะรุ่งอรุณตั้งอยู่, เขาก็พูดออกมา, “ไฮเอลฟ์ต้องใช้เทคนิคบางอย่างอัญเชิญเข้ามาพร้อมกับพลังที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภพแน่ๆ เขาน่าจะกำลังรีบกลับไปที่อารากู่ผ่านทางเกาะรุ่งอรุณ
ณตอนนี้, สายลมกำลังส่งเสียงโหยหวนผ่านหุบเขาอย่างน่ากลัว แม้ว่าสภาพอากาศทางใต้จะอบอุ่นและป่าที่นี่จะหนาทึบ, แต่การต่อสู้ระหว่างพวกเขากับมอร์เฟียสได้ทำให้ต้นไม้ที่อยู่รอบๆป้อมเหี่ยวเฉาจนหมด ใบไม้สีเหลืองมากมายที่อยู่รอบตัวพวกเขาถูกสายลมพัดปลิวไป
เอเลียร์ดเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเขาแล้วมองไปทางเกาะรุ่งอรุณเหมือนกัน“นายคิดว่าพวกเราจะหยุดเขาได้ไหม?”
ลิงค์ส่ายหัว“คิดว่าไม่ได้นะ…แต่มันก็คุ้มที่จะลอง”
ศัตรูของพวกเขาไร้ซึ่งความเมตตาเหมือนกับพลังธรรมชาติวิธีเดียวที่พวกเขาจะสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือเผชิญหน้ากับอัศวินลาวาตรงๆ มีแค่ฝ่ายเดียวเท่านั้นที่จะสามารถมีชีวิตรอดกลับไปได้
และในเมื่อเป็นเช่นนี้,สิ่งเดียวที่พวกเขาจะทำได้ในตอนนี้ก็คือการจัดการโค่นอัศวินลาวาด้วยทุกสิ่งที่พวกเขามี
ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทของลิงค์,เอเลียร์ดสามารถบ่งบอกถึงความแน่วแน่จากน้ำเสียงของเขาได้ในทันที เขายิ้มอย่างอ่อนแรง “นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราเจอกับศัตรูที่อันตรายขนาดนี้ มันจะต้องสนุกแน่!” ตั้งแต่ที่เอเลียร์ดเริ่มศึกษาเวทมนตร์มาภายใต้ร่มเงาของลิงค์,เขาแทบจะไม่มีโอกาสได้รับผิดชอบเรื่องใหญ่ๆด้วยตัวเองเลย อย่างไรก็ตาม, ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้, เขาสามารถต่อสู้เคียงบ่าเคี่ยงไหล่กับลิงค์ได้ นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการมาโดยตลอด และแน่นอนว่า, เขารู้สึกยินดีกับโอกาสที่กำลังอ้าแขนรอเขาอยู่นี้
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานนั้น,เอเลียร์ดได้เชี่ยวชาญเทคนิคเดินอากาศของลิงค์แล้ว ในตอนที่พวกเขาใช้เดินอากาศพร้อมกัน, พวกเขาก็เหมือนกับริ้วแสงสองเส้นที่กำลังพุ่งผ่านอากาศ
นักรบนั้นไม่มีทางชนะนักเวทย์ในแง่ของความว่องไวได้อัศวินลาวาโมเซอร์เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานเลเวล 15 แล้ว แม้ว่าทั้งลิงค์กับเอเลียร์ดจะแพ้เขาในด้านพลังอย่างเทียบไม่ติด, แต่การที่นักรบไม่สามารถใช้พลังได้ช่ำชองเท่านักเวทย์นั้นก็ยังคงเป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นักรบที่มีเลเวลต่ำกว่า17 จะไม่สามารถบินบนฟ้าโดยไม่พึงอุปกรณ์พิเศษหรือออร่าต่อสู้ได้ การเคลื่อนไหวของเขาถูกจำกัดอยู่บนพื้น เขาอาจจะรวดเร็วกว่านักเวทย์คนไหนๆเมื่ออยู่บนบก, แต่ภูมิศาสตร์ที่ไม่เอื้ออำนวยในเส้นทองของเขานั้นจะต้องจำกัดการเคลื่อนไหวของเขาอย่างแน่นอน
ลิงค์กับเอเลียร์ดเพียงแค่ต้องตรงไปตามทางทิศที่จะไปเกาะรุ่งอรุณหลังจากที่บินบนฟ้าไปไกลกว่า100ไมล์ ในที่สุดลิงค์ก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
“นายสัมผัสได้รึเปล่า?”ลิงค์กระซิบ
เอเลียร์ดเองก็สามารถสัมผัสถึงความผิดปกติบนพื้นดินได้โดยไม่ต้องลดความเร็วลงครึ่งนาทีต่อมา เขาก็ตอบด้วยเสียงอันแผ่วเบา “นี่มันพลังเพลิงนรก และมันก็เคลื่อนไหวเร็วมากเลยด้วย นั่นจะต้องเป็นโมเซอร์แน่ๆ!”
ลิงค์พยักหน้าตอนนี้พลังเพลิงนรกที่สัมผัสได้นั้นเบาบาง และยังไม่เห็นวี่แววของโมเซอร์ในบริเวณใกล้เคียงเลย ยังไงก็ตามเขาคิดว่าอัศวินลาวานั้นน่าจะอยู่ห่างจากพวกเขาไม่เกิน 20 ไมล์อย่างแน่นอน
หลังจากที่สังเกตดูว่าพลังเพลิงนรกมาจากตรงไหนลิงค์กับเอเลียร์ดก็รีบเปลี่ยนเส้นทางและตรงไปยังจุดที่โมเซอร์อยู่
3 นาทีต่อมา เอเลียร์ดก็พูด “ฉันสัมผัสถึงเขาไม่ได้แล้ว มันเหมือนกับว่าเขาหายไปทั้งอย่างนั้นเลย”
ลิงค์เองก็รู้สึกเหมือนกันตอนนี้เขาลอยอยู่บนฟ้า เขามองลงไปในป่าด้านล่างที่เต็มไปด้วยหิน มีหินหลากหลายรูปร่างหลากหลายขนาดตั้งอยู่บนพื้น หินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนั้นมีความสูงกว่า 100 ฟุต ในขณะที่อันที่มีขนาดเล็กกว่ามีขนาดแค่ 3 ถึง 4 ฟุตเท่านั้น มีจุดบอดมากมายภายในป่าแห่งนี้
“มันคงจะรู้ถึงตัวตนของพวกเราแล้วแน่ๆและมันก็น่าจะรู้แล้วว่าไม่สามารถแข่งความเร็วกับพวกเราได้ บางทีมันน่าจะซ่อนตัวอยู่หลังหินพวกนี้แหล่ะ รอจังหวะที่มันโจมตีมาแล้วกัน” ดิโลเซ่นบอกพวกเขาว่าอัศวินลาวาโมเซอร์นั้นมีพลังระเบิดที่น่าหวาดหวั่นและทักษะในการลอบโจมตีที่เหนือชั้นถ้าเกิดพวกเขาไม่ระวังตัวให้ดี พวกเขาอาจจะถูกฆ่าภายในเสี้ยววินาทีได้
เอเลียร์ดเข้าใจสถานการณ์ดีจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “ในเมื่อพวกเราไม่สามารถลงไปหาตัวมันได้โดยที่หัวยังไม่หลุดจากบ่า ถ้างั้นฉันว่าพวกเราควรรักษาระดับความสูงเอาไว้ให้เหนือป่าหินพวกนี้นะ!”
ในเมื่อศัตรูของพวกเขายังคงรอโอกาสลอบโจมตีอยู่ทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดของพวกเขาก็คือการใช้เวทย์วงกว้างเพื่อทำลายสถานที่ซ่อนทุกจุดที่เป็นไปได้และทำให้เขาเผยตัวออกมา ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่นักเวทย์อย่างพวกเขาถนัดอยู่แล้ว
ยังไงก็ตามการจะทำแบบนั้นมีค่าใช้จ่ายมหาศาล เอเลียร์ดจะต้องใช้พลังงานอย่างมากเพื่อร่ายเวทย์ขนาดใหญ่ระดับนั้น เขาอาจจะให้ความช่วยเหลือในศึกปะทะกับอัศวินลาวาที่กำลังจะมาถึงได้ไม่มาก พูดอีกนัยนึงก็คือ หลังจากที่ไล่โมเซอร์จนโผล่ออกมาจากที่ซ่อนแล้ว ลิงค์จะถูกบังคับให้ต่อสู้กับเขาตัวต่อตัว
เกี่ยวกับโอกาสที่เขาจะรอดจากการปะทะตัวต่อตัวกับมาสเตอร์เลเวล15 นั้น, ลิงค์ไม่ได้มองโลกในแง่ดีนัก
หลังจากที่คิดถึงข้อเสนอของเอเลียร์ดอยู่พักนึงในที่สุดลิงค์ก็พยักหน้า “มาลุยกันเลย!”
เขาจะลงมือในทันทีที่อัศวินลาวาถูกเอเลียร์ดบังคับให้ออกมาจากที่ซ่อนแม้ว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าพวกเขา แต่ถ้าลิงค์ลงมือได้ก่อน เขาก็อาจจะสามารถเพิ่มโอกาสชนะได้
เอเลียร์ดสูดหายใจเข้าลึกๆพลังในร่างของเขาเริ่มไหลเวียนจนทั่วทั้งร่างของเขาเปล่งแสงออกมา ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น, เขาก็หยิบคทาออกมาและชี้ไปทางป่าหินด้านล่างเขา “พายุแสง!” พายุแสง
เวทย์แสงอรุณเลเวล 11
คำธิบาย:สร้างพายุอันรุนแรงที่สามารถทำลายทุกอย่างที่อยู่ในเส้นทางของมันได้โดยการทำให้กระแสลมปั่นป่วนด้วยพลังแสงอรุณที่มีความเข้มข้นสูง
(หมายเหตุ:ไม่มีต้นหญ้าหรือก้อนหินใดๆจะหลงเหลืออยู่หลังจากที่พายุพัดผ่านไป!)
แสงสว่างสดใสพุ่งออกมาจากคทาของเอเลียร์ดและขยายออกเป็นบอลแสงกว้าง10ฟุตที่แทบจะมองด้วยตาเปล่าไม่ได้ หลังจากนั้นบอลแสงก็พุ่งออกมาจากปลายคทาและตกลงไปที่พื้น มันเหมือนกับการดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเลย
ในขณะที่ลูกบอลกำลังตกลงมาอย่างรวดเร็วขนาดของมันก็ขยายขึ้นอย่างน่ากลัว บอลแสงเริ่มหมุน และดูดเอาลมใกล้ๆเข้ามาจนกลายเป็นพายุสีทอง มันค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นและทอดยาวจากพื้นดินขึ้นไปบนฟ้า ฟิ้วฟิ้ว สายลมที่รุนแรงนี้ไม่ได้เย็นเหมือนกับลมทั่วๆไป กลับกันมันมาพร้อมกับความร้อนที่สูงมากๆ ซึ่งนี่เป็นผลของพลังแสงอรุณ
พายุเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างไม่ปราณีมันละลายก้อนหินทุกก้อนตามทางที่มันผ่าน
ไม่มีต้นหญ้าหรือก้อนหินใดๆหลงเหลืออยู่หลังจากที่พายุผ่านไปหลักฐานเดียวที่หลงเหลืออยู่ในเส้นทางของมันก็คือของเหลวเละๆสีแดง
ในระหว่างที่พายุกำลังพัดลิงค์ก็รออยู่บนฟ้าอย่างใจเย็น เขากำดาบในมือแน่น ในทันทีที่โมเซอร์โผล่หัวออกมาจากหิน เขาจะพุ่งไปหาและโจมตีด้วยทุกอย่างที่มี!
ในระหว่างที่พายุกำลังพัดอยู่หินในป่าก็หายไปเยอะแล้ว และนี่ก็ทำให้โมเซอร์เหลือที่ซ่อนไม่มาก ตอนนี้พลังของลิงค์กำลังเดือดอยู่ภายในร่าง มันเริ่มส่องแสงที่อ่อนโยนเหมือนพระจันทร์ออกมา ถึงแม้ว่าแสงนี้จะดูไม่สะดุดตา แต่พลังที่ส่งออกมานั้นรุนแรงมาก 10วินาทีต่อมา ก็มีจุดแสงสีแดงทองกระพริบขึ้นจากพื้นดิน
ดาบเพลิงขนาดยาว100 ฟุตยืดออกมาจากจุดแสงตรงนั้นและพุ่งไปทางพายุแสง
ตู้ม!
ด้วยเสียงระเบิดอย่างรุนแรงดาบเพลิงก็พุ่งทะลุพายุในพริบตา เหมือนกับมังกรที่โดนแทงหัวใจ พายุแสงส่งเสียงโหยหวนเหมือนร้องไห้ออกมาก่อนที่จะกระจายออกเป็นจุดแสงสีทองมากมาย
เอเลียร์ดสัมผัสได้ในทันทีว่าผลของเวทย์มนตร์ที่เขาร่ายถูกอัศวินลาบังคับให้หายไปใบหน้าของเขาซีดเผือด และร่างของเขาก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ การตอบโต้ของอัศวินทำให้การไหลเวียนของพลังภายในตัวเขาปั่นป่วนอย่างสมบูรณ์ วินาทีต่อมา เอเลียร์ดก็อ้วกออกมาเป็นเลือด
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะรุนแรงมากแต่ตอนนี้ลิงค์ไม่สามารถหันไปดูได้เลย ณ เวลานี้, อัศวินลาวาคือสิ่งเดียวที่เขาต้องให้ความสนใจ
ด้วยการระเบิดพลังลิงค์ก็ปล่อยพระจันทร์สีเงินอ่อนออกมาในอากาศทันที พระจันทร์นี้ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้า
พริบตาต่อมาก็มีแสงสว่างพุ่งออกมาจากดาบลำนำจันทร์เต็มดวงที่อยู่ในมือของเขาอย่างท่วมท้น ตอนนี้ใบดาบของเขามีคุณสมบัติเป็นคริสตัลเรืองแสง รูนนับไม่ถ้วนกำลังกระพริบอยู่ที่บริเวณปลายดาบ
จากนั้นลิงค์ก็แทงดาบเข้าไปในความว่างเปล่ายังไงก็ตาม มันไม่เห็นว่าเขาใช้ลูกบอลความสิ้นหวังเลย เพราะว่าลิงค์ได้รวมมันเข้ากับเทคนิคดาบของเขาอย่างลงตัว
ในเวลาเดียวกันนั้นเองดาบลำนำจันทร์เต็มดวงก็ปรากฏขึ้นที่พื้นดิน มันกำลังจะแทงเข้าไปตรงหน้าผากของโมเซอร์
การโจมตีของลิงค์นั้นแทบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบมันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าลิงค์ได้ใช้พลังทั้งหมดไปกับการโจมตีใส่อัศวินลาวาในครั้งนี้โดยมีความช่วยเหลือจากแสงรอบตัวเขา
“น่าเหลือเชื่อจริงๆ!”โมเซอร์รู้สึกว่าวิญญาณของเขากำลังถูกพลังของลิงค์กดดัน ถ้าตัวเขาเมื่อ 3 ปีที่แล้วมาเจอกับการการโจมตีแบบนี้ เขาก็คงจะตายคาที่ไปแล้ว
ยังไงก็ตามเขาเชี่ยวชาญเขตแดนเพลิงผลาญของเขาแล้ว หลังจากที่ปัดเป่าพายุแสงทิ้งไป เขาก็เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีของลิงค์ที่จะตามมาแล้ว
”เพลิงลาวา!”
โมเซอร์ปล่อยพลังเขตแดนเพลิงผลาญขึ้นไปบนฟ้าด้วยการเหวี่ยงดาบอย่างรุนแรงในพริบตานั้นเอง เปลวเพลิงก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ
ในเวลาเดียวกันนั้นเองน้ำพุลาวาก็ผุดขึ้นมาจากพื้น มันทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงและทำให้พระจันทร์ที่ลิงค์สร้างขึ้นเกิดรอยร้าว
หลังจากนั้นไม่นานพลังระดับตำนานทั้งสองก็ปะทะกัน
ชิ้งเสียงแหลมสูงจนฟังไม่ได้ดังขึ้นในอากาศ เกิดระลอกคลื่นรุนแรงไปทั่วทั้งพื้นที่ที่เกิดการปะทะ มีเศษเสี้ยวของมิติปรากฏขึ้นใกล้ๆกับจุดที่ระลอกคลื่นรุนแรงที่สุดด้วย
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับแรงกระแทกที่เกิดจากการปะทะ
คลื่นความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างลิงค์ในตอนที่เขาได้รับแรงกระแทกดูเหมือนว่าโมเซอร์ก็จะโดนด้วยเหมือนกัน แม้ว่าการโจมตีของเขาจะสุดยอด แต่มันก็เป็นความจริงที่เขารีบปล่อยออกมาและใช้พลังไปแค่ 60% จากพลังสูงสุดเท่านั้น ด้วยความที่เตรียมตัวไม่ดีพอ ร่างกายของเขาจึงชาไปทั้งตัวในตอนที่เขาโดนแรงกระแทก ด้วยความที่เขาทนแรงของมันไม่ได้ พื้นดินใต้เท้าเขาจึงยุบลงไป และนี่ก็ทำให้ขาทั้งสองข้างของเขาจมลงไปในหิน
ยังไงก็ตามในฐานะมาสเตอร์เลเวล 15 โมเซอร์มีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าลิงค์ เขาฟื้นฟูได้รวดเร็วกว่ามาก หลังจากที่การไหลเวียนของพลังในร่างของเขากลับมาเสถียรขึ้น เขาก็ใส่พลังลงไปที่เท้า ทำลายหินที่อยู่รอบตัวเป็นเสี่ยงๆ แล้วกระโดดออกมาจากหลุม
เขาหัวเราะออกมาดังลั่นและกระโดดขึ้นไปบนฟ้าพุ่งตรงไปทางลิงค์เขาตั้งใจจะรีบจบให้เร็วที่สุด!
ยังไงก็ตามดูเหมือนเขาจะลืมไปว่าลิงค์เป็นนักเวทย์มิติ
แม้ว่าร่างกายของเขาจะโดนคลื่นกระแทกเข้าไปเต็มๆแต่จิตใจของเขาไม่ได้รับผลกระทบไปด้วยเลย ในตอนที่โมเซอร์เข้ามาใกล้พวกเขา แสงสีขาวก็ปกคลุมร่างกายของนักเวทย์ทั้งสอง และในพริบตานั้นเอง ลิงค์กับเอเลียร์ดก็เทเลพอร์ทไป
พวกเขาไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้วพอเห็นว่าอัศวินสามารถปัดป้องการโจมตีของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ทางเลือกเดียวของพวกเขาก็คือหนีกลับไปต้องหลักและค่อยมาลุยกับเขาใหม่พร้อมกับแผนโจมตีที่ดีกว่านี้ ในตอนที่เป้าหมายหายไปโมเซอร์ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทิ้งตัวให้ร่วงลงมาจากฟ้า
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ว่างเปล่าและขมวดคิ้ว“ข้าไม่ชอบแบบนี้เลยซักนิด”
เขาต่อสู้กับนักเวทย์2 คน ความกังวลเริ่มเกิดขึ้นในใจเขา เขาไม่อาจเอาชนะนักเวทย์สองคนนี้ได้ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ยอมปล่อยให้เขาเดินทางกลับดีๆด้วย ณ จุดนี้ เขาทำได้แค่หวังว่าเขาจะขัดขวางการลอบโจมตีของพวกเขาได้โดยที่ตัวเองไม่พลาดเอง
“ไม่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ข้าจะต้องคิดแผนอะไรซักอย่าง”