Advent of the Archmage - 675: ลิงค์, เจ้าเลือกมาอยู่บนเส้นทางที่หวนกลับไม่ได้แล้ว
- Home
- Advent of the Archmage
- 675: ลิงค์, เจ้าเลือกมาอยู่บนเส้นทางที่หวนกลับไม่ได้แล้ว
Chapter
“เป็นไงบ้าง?”ลิงค์มองเอเลียร์ดที่มีสีหน้าซีดเผือดและร่ายธาตุแห่งการรักษาใส่เขา
เอเลียร์ดเอนตัวพิงต้นไม้ใหญ่แล้วสูดหายใจเข้าออกอยู่พักนึงเขาพยามรู้สึกถึงอวัยวะภายในของเขา “ไม่เป็นไร ฉันฟื้นตัวขึ้นมาเยอะแล้วหล่ะ, แต่ฉันยังต้องใช้เวลาอีกกว่าหนึ่งชั่วโมงเพื่อพื้นความสามารถในการร่ายเวทย์ของฉัน”
นี่คือข้อดีของความสามารถในการฟื้นฟูที่ยอดเยี่ยมของพลังแสงอรุณนักเวทย์ธรรมดาคงจะไม่สามารถขยับตัวได้ไปสองสามวันถ้าพวกเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
แต่หนึ่งชั่วโมงก็ยังนานเกินไปอยู่ดี
ตัดสินจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้,พลังของอัศวินลาวาโมเซอร์นั้นน่าเหลือเชื่อจริงๆ ถ้าพวกเขาสู้กันตัวต่อตัว, ลิงค์ก็คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็สามารถฆ่าเขาได้แล้ว เขาต้องการความช่วยเหลือของเอเลียร์ด
แต่ด้วยพลังของโมเซอร์,ถ้าเขาใช้กำลังทั้งหมด, เขาสามารถเดินทางได้หลายพันไมล์ในหนึ่งชั่วโมง เขาอาจจะไม่ได้วิ่งไปจนถึงเกาะรุ่งอรุณเลย, แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง ยกตัวอย่างเช่น, มันเป็นไปได้สูงมากที่ไฮเอลฟ์จะส่งกำลังเสริมมาช่วย
ถ้าโมเซอร์มีตัวช่วยเพิ่มเติม—แม้ว่าจะเป็นนักเวทย์เลเวล9 แค่คนเดียว—แต่ลิงค์ที่เสียเปรียบอยู่แล้ว, ก็คงจะหมดโอกาสเอาชนะเขาและชิงชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์กลับมาไม่ได้อย่างแน่นอน
เขาไม่สามารถรอได้เขาต้องเคลื่อนไหวตอนนี้, และเขาก็ต้องลุยคนเดียวด้วย
หลังจากที่ใช้ความคิดอยู่ครู่นึง,และประเมินข้อดีข้อเสีย, ลิงค์ก็ได้ข้อสรุปออกมาในที่สุด เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อหยุดโมเซอร์ เขาสู้กับโมเซอร์ตรงๆไม่ได้, แต่มันก็มีหลายพันวิธีในการจะเอาชนะคนๆนึง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ลูกไม้หรือการลอบโจมตีล้วนมีประโยชน์ทั้งหมด
พอคิดได้แบบนี้,ลิงค์ก็พูดออกมา “ถ้างั้นนายพักที่นี่ก่อน ฉันจะไปหยุดมันเอง”
เอเลียร์ดรู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ดีมันส่งผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนในฟิรุแมนและอนาคตของเฟิร์ด เขารู้ว่ามันมีความเป็นไปได้สูงมากที่ลิงค์จะตาย, แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
“ระวังตัวด้วยนะ!ถ้าฉันกลับมาร่ายเวทย์ได้เมื่อไหร่ฉันจะรีบไปหานายให้เร็วที่สุด!” นี่เป็นประโยคเดียวที่เขาสามารถพูดออกมาได้
ลิงค์พยักหน้าแสงสีขาวสว่างขึ้นรอบตัวเขาแล้ว และพริบตาต่อมา, เขาก็หายไปและปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งในระยะที่ห่างออกไปไม่กี่ไมล์ การกระทำนี้วนไปอยู่หลายครั้งในขณะที่เขากำลังไล่ตามอัศวินลาวาโมเซอร์ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
หลังจากที่เทเลพอร์ทเป็นครั้งที่ห้า,ลิงค์ก็เจอร่องรอยของโมเซอร์อีกครั้ง ออร่าของอีกฝ่ายลึกลับและเบาบางมากลิงค์ไม่สามารถหาตำแหน่งที่แน่นอนได้เลย ต่อให้เขาใช้สมาธิอย่างสมบูรณ์, เขาก็ทำได้แค่บีบระยะลงมาสิบไมล์เท่านั้น
ซึ่งระยะนี้กว้างเกินไป, และเขาก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่โมเซอร์ซ่อนตัวอยู่ได้เลย นี่หมายความว่าลิงค์ไม่สามารถลอบโจมตีได้ แถมโมเซอร์ยังเป็นนักสู้ที่มีประสาทสัมผัสเฉียบคมด้วย ดังนั้นลิงค์จึงไม่สามารถซ่อนตัวได้เหมือนกัน
ตอนนี้,โมเซอร์ต้องรู้แล้วแน่ๆว่าลิงค์อยู่ใกล้ๆแล้ว เขาอาจจะมองหาโอกาสโจมตีอยู่ด้วยซ้ำ
เพื่อความปลอดภัย,ลิงค์ได้ลอยอยู่เหนือพื้นดินประมาณหนึ่งพันไมล์และเปิดใช้เวทย์ดวงตานกอินทรีย์เพื่อตรวจสอบภาคพื้นดิน
แตกต่างจากการหน้านี้,ที่นี่เป็นป่า ต้นไม้ไม่ค่อยหนาแน่นเท่าไหร่, และมีหมู่บ้านกระจัดกระจายอยู่ตามเนินเขาเล็กๆ มีเส้นทางที่คดเคี้ยวเชื่อมต่อกับหมู่บ้านต่างๆ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณบ่ายหนึ่งหรือบ่ายสอง, และมีผู้คนมากมายอยู่ตามเส้นทางเหล่านั้น
ลิงค์สามารถบอกได้ว่าที่นี่คือเนินเขานกหวีดทางตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรเดลอนก้าเดิมมันเป็นพื้นที่ภูเขา, แต่พื้นดินนั้นอุดมสมบูรณ์ดี,, และมีผู้คนอยู่ค่อนข้างมากด้วย การซ่อนตัวที่นี่ถือว่าทำได้ง่ายมาก และเพื่อไม่ให้คนบริสุทธิ์ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย, ลิงค์จึงไม่สามารถใช้เวทมนตร์ที่รุนแรงในการบังคับโมเซอร์ให้ออกมาได้เลย
พอเห็นแบบนี้,ลิงค์ก็จมอยู่ในห้วงความคิด
เฟิร์ดอยู่ข้างหน้าและที่นั่นก็มีเครื่องข่ายลงโทษศักดิ์สิทธิ์อยู่, ไอ้หมอนี่ไม่กล้าไปทางนั้นแน่ๆ ถ้างั้นก็เหลือแค่ไปทางตะวันออกที่มุ่งหน้าออกทะเล มันเป็นแค่นักรบ, ยังจำเป็นต้องใช้เรืออยู่…เพราะฉะนั้นต้องมีไฮเอลฟ์รออยู่ที่ชายฝั่งแน่ๆ
ขนาดลิงค์กับเอเลียร์ดร่วมมือกันก็ยังแพ้โมเซอร์เลยถ้าเขาไปรวมตัวกับไฮเอลฟ์ได้,ลิงค์ก็คงจะหมดโอกาสแล้ว และถ้าตำแหน่งของเขาถูกเปิดเผย, เขาก็คงจะตายด้วยซ้ำ
ดังนั้น,เขาไม่สามารถปล่อยให้โมเซอร์ไปที่ชายฝั่งได้ แต่ว่าเขาจะบังคับให้โมเซอร์ออกมาจากที่ซ่อนยังไงหล่ะ?
ลิงค์นึกกลับไปถึงลักษณะที่ดิโลเซ่นเล่าเกี่ยวกับโมเซอร์ไอ้หมอนี่ฉลาดและชื่นชอบการลอบโจมตี มันมีพลังระเบิดและหลงรักนักบวชศักดิ์สิทธิ์มิลด้าอย่างสุดหัวใจ นี่น่าจะสามารถใช้ยั่วโมโหนักรบคนนี้ได้ง่ายๆนะ
มิลด้า,มิลด้าหรอ, ลิงค์นึกซ้ำในหัว เขานึดถึงประสบการณ์ที่พวกเขาเคยมีร่วมกันในภพอารากู่
คืนนั้นในรูต้นไม้,การจากลาที่ดีก่อนกลับมายังฟิรุแมน, และรอยยิ้มกับแววตาที่เคยอยู่เบื้องหน้าเขา น่าเสียดายจริงๆที่ในภพอารากู่เวลาได้ผ่านมาเป็นร้อยปีแล้ว มิลด้าไม่ใช้ไฮเอลฟ์สาวใสซื่อเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ตอนนี้เธอเป็นนักบวชของลัทธิและศัตรูของลิงค์
ความเปลี่ยนแปลงในชีวิตไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำนายได้ตอนนี้, ลิงค์รู้สึกเสียใจมากกว่าโกรธ
พอมองกลับไปที่พื้น,สายตาของลิงค์ก็เปลี่ยนเป็นไร้อารมณ์ ในเมื่อพวกเราเป็นศัตรูกัน, ก็ถือว่าไม่มีข้อห้ามอะไรทั้งนั้น ในเมื่อมิลด้าเป็นจุดอ่อนของแก, ฉันก็ขอใช้เธอจัดการแกแล้วกันนะ!
หลังจากที่ทบทวนอย่างละเอียดและมั่นใจในกลยุทธ์ของตัวเองแล้ว,ลิงค์ก็ร่ายเวทย์วิญญาณขนาดใหญ่: สะท้อนวิญญาณ
สะท้อนวิญญาณ
เวทย์ลึกลับเลเวล8
ผล:เปิดใช้พลังวิญญาณและสร้างวงโทรจิตรขนาดยักษ์โดยไม่จำกัดเป้าหมาย
ทฤษฎของเวทย์นี้ไม่ได้ซับซ้อนมันมีเลเวลแค่ 8 เพราะมีดีแค่ระยะกว้าง มันสามารถยืดระยะไปได้ไกลกว่า 20 ไมล์, ซึ่งมากพอที่จะครอบคลุมจุดที่โมเซอร์ซ่อนอยู่ได้
ด้วยการเพ่งสมาธิ,ลิงค์ก็มองลงไปแล้วส่งภาพผ่านเวทย์สะท้อนวิญญาณ ภาพนั้นเป็นภาพของคนสองคน—ผู้ชายคนนึงและผู้หญิงอีกคนนึง—พวกเขากำลังนั่งอยู่ด้วยกันใต้ต้นไม้ ชายคนนั้นก็คือลิงค์; และแน่นอนว่าผู้หญิงก็คือมิลด้า ภายใต้แสงสลัวๆยามเช้า, เจ้าหญิงไฮเอลฟ์ผู้งดงามกำลังอยู่ข้างๆลิงค์ เธอหันไปมองใบหน้าด้านของของเขา, สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรักและความเคารพ เธอดูเหมือนกับคนพูดมาก สายตาของเธอไม่เคยออกห่างจากลิงค์เลย
พูดตามตรง,นี่เป็นภาพที่ธรรมดามาก มันก็แค่ผู้ชายกับผู้หญิงกำลังนั่งคุยกัน อย่างมากที่สุด, มันก็แค่ทำให้ผู้คนนึกถึงคู่รักที่กำลังเดทกัน มันไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไรเลย
หลังจากที่ภาพนี้ปรากฎขึ้นในหัวของคนธรรมดาอย่างกระทันหัน,พวกเขาส่วนใหญ่ก็พากันงุนงง พวกเขารู้สึกว่ามันแปลกที่จู่ๆภาพนี้ก็ปรากฎขึ้นมาในหัวของพวกเขา บางคนไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยด้วยซ้ำ พวกเขาเหนื่อยจากการทำงานในสวน ใครจะไปสนใจสิ่งที่พวกเขากำลังคิดอยู่หล่ะ
แต่ว่าสำหรับคนบางคน,นี่มันเหมือนกับหมัดฮุคดีๆนี่เอง!
ในทันทีที่สะท้อนวิญญาณจบลง,ร่างคนที่ลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงก็ออกมาจากป่า หลังจากนั้นเสียงตะโกนจนพื้นสะเทือนก็ดังขึ้นไปบนฟ้า “ลิงค์, เจ้าเลือกมาอยู่บนเส้นทางที่กลับไม่ได้แล้วนะ!”
ชายคนนั้นสวมเสื้อคลุมต่อสู้สีแดงทองพร้อมกับถือดาบลาวาด้วยความที่เขากำลังโกรธ, แสงสีแดงเลือดจึงเปล่งออกมาจากดวงตาของเขา มีไฟกำลังลุกโชญอยู่รอบตัวเขาด้วย เขาคือโมเซอร์นั่นเอง
เขายอมทิ้งโอกาสในการลอบโจมตี,แต่ลิงค์ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้อยู่ดี แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้เขาลังเล หลังจากเข้ามาในฟิรุแมน, เขาเคยต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว และพวกที่เขามั่นใจว่าจะเอาชนะได้แน่ๆนั้นก็แทบจะไม่มีเลยจริงๆ
ด้วยการลอยค้างอยู่บนฟ้า,เขาก็มองอัศวินลาวาที่กำลังโกรธด้วยสายตาเย็นชา “ฉันไม่เคยเลือกเส้นทางที่ตัวเองกลับไม่ได้หรอกนะ” เขาพูดอย่างราบเรียบ
“เป็นไงบ้าง?”ลิงค์มองเอเลียร์ดที่มีสีหน้าซีดเผือดและร่ายธาตุแห่งการรักษาใส่เขา
เอเลียร์ดเอนตัวพิงต้นไม้ใหญ่แล้วสูดหายใจเข้าออกอยู่พักนึงเขาพยามรู้สึกถึงอวัยวะภายในของเขา “ไม่เป็นไร ฉันฟื้นตัวขึ้นมาเยอะแล้วหล่ะ, แต่ฉันยังต้องใช้เวลาอีกกว่าหนึ่งชั่วโมงเพื่อพื้นความสามารถในการร่ายเวทย์ของฉัน”
นี่คือข้อดีของความสามารถในการฟื้นฟูที่ยอดเยี่ยมของพลังแสงอรุณนักเวทย์ธรรมดาคงจะไม่สามารถขยับตัวได้ไปสองสามวันถ้าพวกเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
แต่หนึ่งชั่วโมงก็ยังนานเกินไปอยู่ดี
ตัดสินจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้,พลังของอัศวินลาวาโมเซอร์นั้นน่าเหลือเชื่อจริงๆ ถ้าพวกเขาสู้กันตัวต่อตัว, ลิงค์ก็คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็สามารถฆ่าเขาได้แล้ว เขาต้องการความช่วยเหลือของเอเลียร์ด
แต่ด้วยพลังของโมเซอร์,ถ้าเขาใช้กำลังทั้งหมด, เขาสามารถเดินทางได้หลายพันไมล์ในหนึ่งชั่วโมง เขาอาจจะไม่ได้วิ่งไปจนถึงเกาะรุ่งอรุณเลย, แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง ยกตัวอย่างเช่น, มันเป็นไปได้สูงมากที่ไฮเอลฟ์จะส่งกำลังเสริมมาช่วย
ถ้าโมเซอร์มีตัวช่วยเพิ่มเติม—แม้ว่าจะเป็นนักเวทย์เลเวล9 แค่คนเดียว—แต่ลิงค์ที่เสียเปรียบอยู่แล้ว, ก็คงจะหมดโอกาสเอาชนะเขาและชิงชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์กลับมาไม่ได้อย่างแน่นอน
เขาไม่สามารถรอได้เขาต้องเคลื่อนไหวตอนนี้, และเขาก็ต้องลุยคนเดียวด้วย
หลังจากที่ใช้ความคิดอยู่ครู่นึง,และประเมินข้อดีข้อเสีย, ลิงค์ก็ได้ข้อสรุปออกมาในที่สุด เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อหยุดโมเซอร์ เขาสู้กับโมเซอร์ตรงๆไม่ได้, แต่มันก็มีหลายพันวิธีในการจะเอาชนะคนๆนึง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ลูกไม้หรือการลอบโจมตีล้วนมีประโยชน์ทั้งหมด
พอคิดได้แบบนี้,ลิงค์ก็พูดออกมา “ถ้างั้นนายพักที่นี่ก่อน ฉันจะไปหยุดมันเอง”
เอเลียร์ดรู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ดีมันส่งผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนในฟิรุแมนและอนาคตของเฟิร์ด เขารู้ว่ามันมีความเป็นไปได้สูงมากที่ลิงค์จะตาย, แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
“ระวังตัวด้วยนะ!ถ้าฉันกลับมาร่ายเวทย์ได้เมื่อไหร่ฉันจะรีบไปหานายให้เร็วที่สุด!” นี่เป็นประโยคเดียวที่เขาสามารถพูดออกมาได้
ลิงค์พยักหน้าแสงสีขาวสว่างขึ้นรอบตัวเขาแล้ว และพริบตาต่อมา, เขาก็หายไปและปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งในระยะที่ห่างออกไปไม่กี่ไมล์ การกระทำนี้วนไปอยู่หลายครั้งในขณะที่เขากำลังไล่ตามอัศวินลาวาโมเซอร์ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
หลังจากที่เทเลพอร์ทเป็นครั้งที่ห้า,ลิงค์ก็เจอร่องรอยของโมเซอร์อีกครั้ง ออร่าของอีกฝ่ายลึกลับและเบาบางมากลิงค์ไม่สามารถหาตำแหน่งที่แน่นอนได้เลย ต่อให้เขาใช้สมาธิอย่างสมบูรณ์, เขาก็ทำได้แค่บีบระยะลงมาสิบไมล์เท่านั้น
ซึ่งระยะนี้กว้างเกินไป, และเขาก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่โมเซอร์ซ่อนตัวอยู่ได้เลย นี่หมายความว่าลิงค์ไม่สามารถลอบโจมตีได้ แถมโมเซอร์ยังเป็นนักสู้ที่มีประสาทสัมผัสเฉียบคมด้วย ดังนั้นลิงค์จึงไม่สามารถซ่อนตัวได้เหมือนกัน
ตอนนี้,โมเซอร์ต้องรู้แล้วแน่ๆว่าลิงค์อยู่ใกล้ๆแล้ว เขาอาจจะมองหาโอกาสโจมตีอยู่ด้วยซ้ำ
เพื่อความปลอดภัย,ลิงค์ได้ลอยอยู่เหนือพื้นดินประมาณหนึ่งพันไมล์และเปิดใช้เวทย์ดวงตานกอินทรีย์เพื่อตรวจสอบภาคพื้นดิน
แตกต่างจากการหน้านี้,ที่นี่เป็นป่า ต้นไม้ไม่ค่อยหนาแน่นเท่าไหร่, และมีหมู่บ้านกระจัดกระจายอยู่ตามเนินเขาเล็กๆ มีเส้นทางที่คดเคี้ยวเชื่อมต่อกับหมู่บ้านต่างๆ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณบ่ายหนึ่งหรือบ่ายสอง, และมีผู้คนมากมายอยู่ตามเส้นทางเหล่านั้น
ลิงค์สามารถบอกได้ว่าที่นี่คือเนินเขานกหวีดทางตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรเดลอนก้าเดิมมันเป็นพื้นที่ภูเขา, แต่พื้นดินนั้นอุดมสมบูรณ์ดี,, และมีผู้คนอยู่ค่อนข้างมากด้วย การซ่อนตัวที่นี่ถือว่าทำได้ง่ายมาก และเพื่อไม่ให้คนบริสุทธิ์ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย, ลิงค์จึงไม่สามารถใช้เวทมนตร์ที่รุนแรงในการบังคับโมเซอร์ให้ออกมาได้เลย
พอเห็นแบบนี้,ลิงค์ก็จมอยู่ในห้วงความคิด
เฟิร์ดอยู่ข้างหน้าและที่นั่นก็มีเครื่องข่ายลงโทษศักดิ์สิทธิ์อยู่, ไอ้หมอนี่ไม่กล้าไปทางนั้นแน่ๆ ถ้างั้นก็เหลือแค่ไปทางตะวันออกที่มุ่งหน้าออกทะเล มันเป็นแค่นักรบ, ยังจำเป็นต้องใช้เรืออยู่…เพราะฉะนั้นต้องมีไฮเอลฟ์รออยู่ที่ชายฝั่งแน่ๆ
ขนาดลิงค์กับเอเลียร์ดร่วมมือกันก็ยังแพ้โมเซอร์เลยถ้าเขาไปรวมตัวกับไฮเอลฟ์ได้,ลิงค์ก็คงจะหมดโอกาสแล้ว และถ้าตำแหน่งของเขาถูกเปิดเผย, เขาก็คงจะตายด้วยซ้ำ
ดังนั้น,เขาไม่สามารถปล่อยให้โมเซอร์ไปที่ชายฝั่งได้ แต่ว่าเขาจะบังคับให้โมเซอร์ออกมาจากที่ซ่อนยังไงหล่ะ?
ลิงค์นึกกลับไปถึงลักษณะที่ดิโลเซ่นเล่าเกี่ยวกับโมเซอร์ไอ้หมอนี่ฉลาดและชื่นชอบการลอบโจมตี มันมีพลังระเบิดและหลงรักนักบวชศักดิ์สิทธิ์มิลด้าอย่างสุดหัวใจ นี่น่าจะสามารถใช้ยั่วโมโหนักรบคนนี้ได้ง่ายๆนะ
มิลด้า,มิลด้าหรอ, ลิงค์นึกซ้ำในหัว เขานึดถึงประสบการณ์ที่พวกเขาเคยมีร่วมกันในภพอารากู่
คืนนั้นในรูต้นไม้,การจากลาที่ดีก่อนกลับมายังฟิรุแมน, และรอยยิ้มกับแววตาที่เคยอยู่เบื้องหน้าเขา น่าเสียดายจริงๆที่ในภพอารากู่เวลาได้ผ่านมาเป็นร้อยปีแล้ว มิลด้าไม่ใช้ไฮเอลฟ์สาวใสซื่อเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ตอนนี้เธอเป็นนักบวชของลัทธิและศัตรูของลิงค์
ความเปลี่ยนแปลงในชีวิตไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำนายได้ตอนนี้, ลิงค์รู้สึกเสียใจมากกว่าโกรธ
พอมองกลับไปที่พื้น,สายตาของลิงค์ก็เปลี่ยนเป็นไร้อารมณ์ ในเมื่อพวกเราเป็นศัตรูกัน, ก็ถือว่าไม่มีข้อห้ามอะไรทั้งนั้น ในเมื่อมิลด้าเป็นจุดอ่อนของแก, ฉันก็ขอใช้เธอจัดการแกแล้วกันนะ!
หลังจากที่ทบทวนอย่างละเอียดและมั่นใจในกลยุทธ์ของตัวเองแล้ว,ลิงค์ก็ร่ายเวทย์วิญญาณขนาดใหญ่: สะท้อนวิญญาณ
สะท้อนวิญญาณ
เวทย์ลึกลับเลเวล8
ผล:เปิดใช้พลังวิญญาณและสร้างวงโทรจิตรขนาดยักษ์โดยไม่จำกัดเป้าหมาย
ทฤษฎของเวทย์นี้ไม่ได้ซับซ้อนมันมีเลเวลแค่ 8 เพราะมีดีแค่ระยะกว้าง มันสามารถยืดระยะไปได้ไกลกว่า 20 ไมล์, ซึ่งมากพอที่จะครอบคลุมจุดที่โมเซอร์ซ่อนอยู่ได้
ด้วยการเพ่งสมาธิ,ลิงค์ก็มองลงไปแล้วส่งภาพผ่านเวทย์สะท้อนวิญญาณ ภาพนั้นเป็นภาพของคนสองคน—ผู้ชายคนนึงและผู้หญิงอีกคนนึง—พวกเขากำลังนั่งอยู่ด้วยกันใต้ต้นไม้ ชายคนนั้นก็คือลิงค์; และแน่นอนว่าผู้หญิงก็คือมิลด้า ภายใต้แสงสลัวๆยามเช้า, เจ้าหญิงไฮเอลฟ์ผู้งดงามกำลังอยู่ข้างๆลิงค์ เธอหันไปมองใบหน้าด้านของของเขา, สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรักและความเคารพ เธอดูเหมือนกับคนพูดมาก สายตาของเธอไม่เคยออกห่างจากลิงค์เลย
พูดตามตรง,นี่เป็นภาพที่ธรรมดามาก มันก็แค่ผู้ชายกับผู้หญิงกำลังนั่งคุยกัน อย่างมากที่สุด, มันก็แค่ทำให้ผู้คนนึกถึงคู่รักที่กำลังเดทกัน มันไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไรเลย
หลังจากที่ภาพนี้ปรากฎขึ้นในหัวของคนธรรมดาอย่างกระทันหัน,พวกเขาส่วนใหญ่ก็พากันงุนงง พวกเขารู้สึกว่ามันแปลกที่จู่ๆภาพนี้ก็ปรากฎขึ้นมาในหัวของพวกเขา บางคนไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยด้วยซ้ำ พวกเขาเหนื่อยจากการทำงานในสวน ใครจะไปสนใจสิ่งที่พวกเขากำลังคิดอยู่หล่ะ
แต่ว่าสำหรับคนบางคน,นี่มันเหมือนกับหมัดฮุคดีๆนี่เอง!
ในทันทีที่สะท้อนวิญญาณจบลง,ร่างคนที่ลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงก็ออกมาจากป่า หลังจากนั้นเสียงตะโกนจนพื้นสะเทือนก็ดังขึ้นไปบนฟ้า “ลิงค์, เจ้าเลือกมาอยู่บนเส้นทางที่กลับไม่ได้แล้วนะ!”
ชายคนนั้นสวมเสื้อคลุมต่อสู้สีแดงทองพร้อมกับถือดาบลาวาด้วยความที่เขากำลังโกรธ, แสงสีแดงเลือดจึงเปล่งออกมาจากดวงตาของเขา มีไฟกำลังลุกโชญอยู่รอบตัวเขาด้วย เขาคือโมเซอร์นั่นเอง
เขายอมทิ้งโอกาสในการลอบโจมตี,แต่ลิงค์ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้อยู่ดี แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้เขาลังเล หลังจากเข้ามาในฟิรุแมน, เขาเคยต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว และพวกที่เขามั่นใจว่าจะเอาชนะได้แน่ๆนั้นก็แทบจะไม่มีเลยจริงๆ
ด้วยการลอยค้างอยู่บนฟ้า,เขาก็มองอัศวินลาวาที่กำลังโกรธด้วยสายตาเย็นชา “ฉันไม่เคยเลือกเส้นทางที่ตัวเองกลับไม่ได้หรอกนะ” เขาพูดอย่างราบเรียบ