Advent of the Archmage - 678 มาจากทุกสารทิศ
Chapter
ในพระราชวังใต้ดินอันมืดมิด
เพลิงสีน้ำเงินกำลังเต้นระบำอยู่ในความมืด
ในบางครั้งจะมีเสียงกรีดร้องดังก้องมาตามลม
ภายใต้แสงสลัวมีผู้หญิงสวยสวมชุดเกราะสีดำคนนึงกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ทำมาจากกระดูกมนุษย์สีขาว มีชายที่สวมเสื้อคลุมสีดำยืนอยู่ล่างบัลลังก์อย่างเงียบๆ ที่เอวของเขามีดาบห้อยอยู่
5นาทีผ่านไปอย่างเงียบสงบ และในที่สุด ผู้หญิงก็พูดออกมา “ในเมื่อโมเซอร์ตายแล้ว ถ้าดูจากนิสัยของมิลด้า คนต่อไปที่เธอจะส่งก็คงจะเป็นราเซอร์สินะ”
“ใช่ครับนายหญิง สายข่าวของข้าบอกว่าเห็นราเซอร์เข้าไปในวิหารแห่งการเคลื่อนย้าย ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่ฟิรุแมนแล้วครับ” วิหารแห่งการเคลื่อนย้ายนั้นเป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับการเดินทางข้ามมิติของสมาชิกคนสำคัญในลัทธิเพลิงมันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะสืบหาสถานที่ที่ราเซอร์ไปหลังจากที่โมเซอร์ตายแล้ว
ซาโรวินี่ยิ้มเธอสวยขึ้นมาก ตอนนี้มีบรรยากาศมืดมนอยู่รอบตัวเธออย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่เธอบ่มเพาะมันมานานกว่าร้อยปี แม้ว่าเธอจะกำลังยิ้มอยู่ แต่สายตาของเธอก็ยังเต็มไปด้วยจิตสังหารในขณะที่เธอจ้องมองด้วยความเย็นชา
คนรับใช้หมอบคำนับเธอต่ำกว่าเดิมเขารู้จักความพิโรธของราชินีแห่งความมืดผู้นี้ดี โชคชะตาอันโหดร้ายคือสิ่งที่รออยู่สำหรับคนที่กล้าจ้องมองเธอ ความตายของบรรพบุรุษของเขานั้นเป็นตัวอย่างของความจริงในเรื่องนี้
10นาทีต่อมา รอยยิ้มของซาโรวินี่ก็หายไป จากนั้นเธอก็พูด “ข้าคิดว่ามันถึงเวลาที่พวกเราต้องลงมือเองแล้วหล่ะ พวกเราจะมัวอยู่เฉยๆและปล่อยให้มิลด้ารับความดีความชอบไปทั้งหมดไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ?”
“แต่ว่านายหญิง ในกลุ่มพวกเราไม่มีใครสู้ราเซอร์ได้เลยนะครับ เขาแข็งแกร่งเกินไป”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมข้าถึงกำลังเตรียมตัวไปด้วยตัวเองไง!”ซาโรวินี่พูดด้วยรอยยิ้ม
คนรับใช้ตกตะลึง“นายหญิงครับ ถ้าท่านทำแบบนั้นมันจะเป็นการต่อต้านท่านมิลด้าอย่างโจ่งแจ้งเลยนะครับ ข้าคิดว่านายท่านคงไม่พอใจกับเรื่องนี้ซักเท่าไหร่”
ก่อนที่เขาจะพูดจบเขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาอันเย็นชาของซาโรวินี่ที่มองมาที่เขา ตอนนี้ดวงตาของเธอส่องประกายอย่างอันตราย แล้วเขาก็รีบแก้คำพูดใหม่ในทันที
“ได้ครับนายหญิงประสงค์ของท่านคือรับสั่งของข้า ถ้าท่านต้องการที่จะทำจริงๆ ข้าก็จะรีบเตรียมการที่จำเป็นให้ท่านโดยเร็วที่สุดครับ”
“รีบจัดการเข้าละกันข้าไม่อยากหาคนมาแทนเจ้า” ซาโรวินี่เอนพิงบัลลังก์ จากนั้นเธอก็พูดอย่างขี้เกียจ “แล้วก็, เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น ทำงานของเจ้าตามปกติไป ข้าไม่อยากให้ใครรู้ว่าข้าออกไปจากวิหาร เจ้าจะต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้กับตัว”
“รับทราบครับนายหญิง” คนรับใช้พูดพร้อมพยักหน้าอย่างรุนแรง จากมุมมองของเขา นี่เป็นวิธีการของเธอในการแสดงให้เห็นว่าเธอยังไม่อยากขัดความต้องการของนายท่าน เธอยังกังวลถึงผลที่จะตามมาจากการกระทำของเธออยู่และเธอก็คงไม่มีทางเลยเถิดไปจนถึงขั้นละเมิดข้อสัญญาที่พวกเขาทำกันไว้เมื่อนานมาแล้ว
ด้วยการแสดงออกนี้นายท่านก็คงจะไม่โกรธ และคนรับใช้อย่างเขาก็จะไม่โดนลากเข้าไปเกี่ยวด้วยในการกระทำของนายหญิง เขาถอนหายใจด้วยความโล่ง
หลังจากนั้นคนรับใช้เสื้อคลุมดำก็พูดอย่างนุ่มนวล“นายหญิงครับ ข้ายังได้ข่าวมาด้วยว่าตอนนี้พวกเขากำลังต่อสู้กับลอร์ดเฟิร์ด, ผู้ที่มาภพอารากู่กับท่านมิลด้าเมื่อหลายร้อยปีที่แล้วอยู่ ไม่เพียงแค่เขาจะฆ่าโมเซอร์เท่านั้น แต่ตอนนี้เขายังมีชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์ด้วย ข้าคิดว่าตอนนี้เขาเป็นคนที่จัดการไม่ได้ง่ายๆเลยครับ”
ซาโรวินี่สะบัดมือไล่เขาอย่างเร่งรีบ“ข้ารู้เรื่องนั้นแล้ว เอาหล่ะ เจ้าออกไปได้แล้ว ปิดประตูด้วย และอย่าลืมหล่ะว่าห้ามมีคนมาเคาะประตูหาข้าอีกในช่วง 2 เดือนหลังจากนี้!”
ความแตกต่างในการไหลของเวลาระหว่างภพอารากู่และฟิรุแมนนั้นเริ่มเปลี่ยนไปอย่างมากในขณะที่ทั้ง2 ภพเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ในอดีต 2 เดือนในอารากู่เท่ากับครึ่งวันในฟิรุแมน ยังไงก็ตาม ตอนนี้ 2 เดือนในอารากู่นั้นเท่ากับ 4 วันในฟิรุแมน ซึ่งมันมีเวลามากพอที่จะให้ซาโรวินี่ได้เตรียมตัว
โดยที่ไม่พูดอะไรอีกคนรับใช้ก็รีบออกไปจากวัง พอออกไปแล้วเขาก็ปิดประตูตามที่ได้รับสั่งเพื่อตัดขาดพระราชวังแห่งความมืดจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ ในตอนที่คนรับใช้ไปแล้วซาโรวินี่ก็พูดเบาๆด้วยรอยยิ้มอันหนาวเหน็บ “เป็นหมารับใช้ที่ซื่อสัตย์จริงๆ”
แม้ว่าเขาจะเป็นลูกน้องของซาโรวินี่อย่างเป็นทางการแต่คนรับใช้คนนี้ยังทำหน้าที่เป็นดวงตาของอาร์คเมจเพลิงด้วย เขาคอยสังเกตุการเคลื่อนไหวทุกอย่างของเธอเพื่อทำให้มั่นใจว่าเธอจะไม่ทำอะไรล้ำเส้นมากเกินไป
ในอดีตซาโรวินี่นั้นไม่มีวันกล้าท้าทายอำนาจของอาร์คเมจเพลิง ยังไงก็ตาม ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว
เธอลุกขึ้นจากบัลลังก์โครงกระดูกจากนั้น ผนึกเวทมนตร์ก็ส่องแสงขึ้นมาที่กำแพงข้างๆเธอ มีประตูปรากฏขึ้น ที่ด้านหลังของประตูนั้นคือห้องลับ
ในตอนที่เข้าไปในห้องลับผนึกบนกำแพงก็ปิดลงที่ด้านหลังเธอ ไม่มีร่องรอยของประตูเวทมนตร์หลงเหลืออยู่เลย ห้องลับนี้ค่อนข้างเล็ก มันมีความกว้างแค่ 10 ตารางฟุต มีรูปปั้นสูง 7 ฟุตตั้งอยู่ที่กลางห้อง มันส่องแสงสว่างแปลกๆออกมา มันสลับไปมาระหว่างแสงสว่างและความมืด ความจริงและภาพลวงตา ไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้ว่ารูปปั้นนี้ไม่ธรรมดา
ซาโรวินี่เดินไปที่รูปปั้นและคุกเข่าลงเบื้องหน้ามันเธอพูด “ท่านพ่อ ลูกสาวของท่านกลับมาแล้วค่ะ”
รูปปั้นส่องแสงขึ้นมาแวบนึงจากนั้น ซาโรวินี่ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นในจิตใจของเธอ “อืม ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้ากำลังจะมารายงานข้า ชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์แห่งเงาที่ลิงค์ครอบครองอยู่นั้นจะต้องเหมาะกับเจ้าอย่างแน่นอน ลูกสาวเอ๋ย”
ซาโรวินี่ดีใจมากที่ได้ยินประโยคนี้ด้วยชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์ เธอจะสามารถจุดเพลิงศักดิ์สิทธิ์ และก้าวเข้าสู่ระดับเทพด้วยตัวเองได้หลังจากนั้นเธอก็จะปลดปล่อยตัวเองจากเงื้อมมือของอาร์คเมจเพลิงได้ เธอจะสามารถต่อสู้กับเขาได้อย่างเท่าเทียม ไม่สิ เธอสามารถทำได้ยิ่งกว่านั้นอีก เพราะพ่อของเธอคือผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดผู้ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียว!
จากนั้นซาโรวินี่ก็ถาม“ท่านพ่อ ข้าควรจัดการลิงค์ยังไงดี? ข้าควรกำจัดเขา? หรือจะให้ข้าบูชายัญวิญญาณของเขาในชื่อของท่านดีคะ?”
“ส่งตัวมันมาให้ข้าข้ากำลังตามหาหัวหน้าของเทวทูตศึกอยู่พอดี วิญญาณของมันจะต้องเป็นวัตถุดิบที่ดีแน่ๆ” จากนั้นเขาก็พูดเสริม “แต่อย่าดูถูกมันหล่ะ มันเป็นนักสู้ที่มีพรสวรรค์”
“เข้าใจแล้วค่ะท่านพ่อ” ซาโรวินี่พูด ถ้าเป็น 100 ปีก่อน เธอคงจะไม่ดีใจที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอมักจะชอบแข่งขันในตอนที่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับลิงค์ ยังไงก็ตาม สิ่งเดียวที่เธอสนใจในตอนนี้ก็คือการเข้าสู่ระดับเทพและเป็นอิสระจากอาร์คเมจเพลิง เธอไม่สามารถสนใจเรื่องอื่นได้
ซาโรวินี่ได้ยินเรื่องของลิงค์มาเยอะมากในช่วง100 กว่าปีมานี้ ในอดีตเธอเคยต่อสู้กับเขาด้วยซ้ำ เธอรู้จากประสบการณ์ของตัวเองว่าเขาเป็นชายที่ไม่ควรทำเป็นเล่นด้วย
“ดีมากตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว” เสียงที่ดังก้องในหัวของเธอพูด
มีระลอกคลื่นเกิดขึ้นรอบตัวซาโรวินี่จนรอบข้างของเธอเบลอมันเป็นแบบนี้อยู่ 3 วินาที จากนั้นระลอกคลื่นก็หายไป และรอบตัวเธอก็ชัดเจนขึ้น ไม่นานนักเธอก็รู้สึกตัวว่าเธอออกมาจากห้องที่อยู่ใต้วิหารของลัทธิเพลิงและตอนนี้กำลังยืนอยู่ที่ใจกลางของป่ามืดๆ
เธอรู้สึกคุ้นเคยกับป่าที่เธอกำลังยืนอยู่ในตอนนี้และแล้วเธอก็นึกออก “ป่าทมิฬ เข้าใจเลือกสถานที่ที่พามาจริงๆค่ะ ท่านพ่อ”
แสงสีดำกระพริบขึ้นที่ร่างของเธอในตอนที่มันหายไป เธอก็สวมชุดคลุมต่อสู้สีดำ หลังจากที่เธอหาตำแหน่งของตัวเองได้แล้ว เธอก็รีบเดินทางไปยังป้อมโครงกระดูกในทันที
ซาโรวินี่ไม่ใช่คนที่จะทำการตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่นอีกแล้วด้วยความที่เธอยังไม่คุ้นเคยกับสภาพของฟิรุแมนในตอนนี้ดี ดังนั้นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเธอก็คือการซ่อนอยู่ในเงาและให้คนอื่นทำงานแทน
ในฐานะมาสเตอร์เลเวล16 ตอนนี้เธอกำลังเดินทางไปยังเป้าหมายของเธออย่างรวดเร็วเหมือนกับแสงที่พุ่งผ่านป่าไป
อาร์คเมจภูผาน้ำแข็งของอารากู่เองก็ไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆในขณะที่คนของลัทธิเพลิงกำลังเพ่นพ่านอยู่เต็มฟิรุแมนเหมือนกับฉลามที่ได้กลิ่นเลือดในน้ำในช่วงเวลาเดียวกับที่ราเซอร์มาถึงฟิรุแมน สายฟ้าก็ผ่าลงมาที่บริเวณไร้ผู้คนของป่าเกอร์เวนท์
สายฟ้านั้นทำให้ป่าไหม้ในทันทีที่มันปรากฏขึ้นชายแก่ที่มีผมสีขาวเดินออกมาจากกองเพลิงนั้น เขาใช้คทาเวทมนตร์ยาวๆของตัวเองเป็นไม้ค้ำในตอนที่เขาเดิน
แก้มของชายแก่คนนี้ซูบผอมพลังที่ออกมาจากร่างของเขานั้นไม่ถึงเลเวล 10 สิ่งเดียวที่น่ากลัวก็คือดวงตา ที่มีสีฟ้าบริสุทธิ์ ในบางครั้ง มันจะส่องประกายเป็นแสงสีขาวเหมือนกับมีหิมะออกมาด้วย
เขาหายใจหอบเล็กน้อยแล้วชายแก่ก็เริ่มเดินทางไปยังเฟิร์ดที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
3วันก่อน ทุกเส้นเวลาที่เขามองไปในอนาคตนั้นจะนำพาเขาไปสู่ความตาย ยังไงก็ตาม มีบางอย่างเปลี่ยนไป เขามองเห็นเส้นเวลาที่เขาจะไม่ถึงแก่ความตายได้
ซึ่งกุญแจในการเอาตัวรอดของเขานั้นอยู่ที่เฟิร์ดในภพฟิรุแมนพูดให้ชัดเจนกว่านี้คือ ชีวิตของเขาตกอยู่ในกำมือของลอร์ดเฟิร์ด
นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะได้ท้าทายกับความตาย!เขาจะต้องเอาชนะมันให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม!
��
ในพระราชวังใต้ดินอันมืดมิด
เพลิงสีน้ำเงินกำลังเต้นระบำอยู่ในความมืด
ในบางครั้งจะมีเสียงกรีดร้องดังก้องมาตามลม
ภายใต้แสงสลัวมีผู้หญิงสวยสวมชุดเกราะสีดำคนนึงกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ทำมาจากกระดูกมนุษย์สีขาว มีชายที่สวมเสื้อคลุมสีดำยืนอยู่ล่างบัลลังก์อย่างเงียบๆ ที่เอวของเขามีดาบห้อยอยู่
5นาทีผ่านไปอย่างเงียบสงบ และในที่สุด ผู้หญิงก็พูดออกมา “ในเมื่อโมเซอร์ตายแล้ว ถ้าดูจากนิสัยของมิลด้า คนต่อไปที่เธอจะส่งก็คงจะเป็นราเซอร์สินะ”
“ใช่ครับนายหญิง สายข่าวของข้าบอกว่าเห็นราเซอร์เข้าไปในวิหารแห่งการเคลื่อนย้าย ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่ฟิรุแมนแล้วครับ” วิหารแห่งการเคลื่อนย้ายนั้นเป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับการเดินทางข้ามมิติของสมาชิกคนสำคัญในลัทธิเพลิงมันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะสืบหาสถานที่ที่ราเซอร์ไปหลังจากที่โมเซอร์ตายแล้ว
ซาโรวินี่ยิ้มเธอสวยขึ้นมาก ตอนนี้มีบรรยากาศมืดมนอยู่รอบตัวเธออย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่เธอบ่มเพาะมันมานานกว่าร้อยปี แม้ว่าเธอจะกำลังยิ้มอยู่ แต่สายตาของเธอก็ยังเต็มไปด้วยจิตสังหารในขณะที่เธอจ้องมองด้วยความเย็นชา
คนรับใช้หมอบคำนับเธอต่ำกว่าเดิมเขารู้จักความพิโรธของราชินีแห่งความมืดผู้นี้ดี โชคชะตาอันโหดร้ายคือสิ่งที่รออยู่สำหรับคนที่กล้าจ้องมองเธอ ความตายของบรรพบุรุษของเขานั้นเป็นตัวอย่างของความจริงในเรื่องนี้
10นาทีต่อมา รอยยิ้มของซาโรวินี่ก็หายไป จากนั้นเธอก็พูด “ข้าคิดว่ามันถึงเวลาที่พวกเราต้องลงมือเองแล้วหล่ะ พวกเราจะมัวอยู่เฉยๆและปล่อยให้มิลด้ารับความดีความชอบไปทั้งหมดไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ?”
“แต่ว่านายหญิง ในกลุ่มพวกเราไม่มีใครสู้ราเซอร์ได้เลยนะครับ เขาแข็งแกร่งเกินไป”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมข้าถึงกำลังเตรียมตัวไปด้วยตัวเองไง!”ซาโรวินี่พูดด้วยรอยยิ้ม
คนรับใช้ตกตะลึง“นายหญิงครับ ถ้าท่านทำแบบนั้นมันจะเป็นการต่อต้านท่านมิลด้าอย่างโจ่งแจ้งเลยนะครับ ข้าคิดว่านายท่านคงไม่พอใจกับเรื่องนี้ซักเท่าไหร่”
ก่อนที่เขาจะพูดจบเขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาอันเย็นชาของซาโรวินี่ที่มองมาที่เขา ตอนนี้ดวงตาของเธอส่องประกายอย่างอันตราย แล้วเขาก็รีบแก้คำพูดใหม่ในทันที
“ได้ครับนายหญิงประสงค์ของท่านคือรับสั่งของข้า ถ้าท่านต้องการที่จะทำจริงๆ ข้าก็จะรีบเตรียมการที่จำเป็นให้ท่านโดยเร็วที่สุดครับ”
“รีบจัดการเข้าละกันข้าไม่อยากหาคนมาแทนเจ้า” ซาโรวินี่เอนพิงบัลลังก์ จากนั้นเธอก็พูดอย่างขี้เกียจ “แล้วก็, เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น ทำงานของเจ้าตามปกติไป ข้าไม่อยากให้ใครรู้ว่าข้าออกไปจากวิหาร เจ้าจะต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้กับตัว”
“รับทราบครับนายหญิง” คนรับใช้พูดพร้อมพยักหน้าอย่างรุนแรง จากมุมมองของเขา นี่เป็นวิธีการของเธอในการแสดงให้เห็นว่าเธอยังไม่อยากขัดความต้องการของนายท่าน เธอยังกังวลถึงผลที่จะตามมาจากการกระทำของเธออยู่และเธอก็คงไม่มีทางเลยเถิดไปจนถึงขั้นละเมิดข้อสัญญาที่พวกเขาทำกันไว้เมื่อนานมาแล้ว
ด้วยการแสดงออกนี้นายท่านก็คงจะไม่โกรธ และคนรับใช้อย่างเขาก็จะไม่โดนลากเข้าไปเกี่ยวด้วยในการกระทำของนายหญิง เขาถอนหายใจด้วยความโล่ง
หลังจากนั้นคนรับใช้เสื้อคลุมดำก็พูดอย่างนุ่มนวล“นายหญิงครับ ข้ายังได้ข่าวมาด้วยว่าตอนนี้พวกเขากำลังต่อสู้กับลอร์ดเฟิร์ด, ผู้ที่มาภพอารากู่กับท่านมิลด้าเมื่อหลายร้อยปีที่แล้วอยู่ ไม่เพียงแค่เขาจะฆ่าโมเซอร์เท่านั้น แต่ตอนนี้เขายังมีชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์ด้วย ข้าคิดว่าตอนนี้เขาเป็นคนที่จัดการไม่ได้ง่ายๆเลยครับ”
ซาโรวินี่สะบัดมือไล่เขาอย่างเร่งรีบ“ข้ารู้เรื่องนั้นแล้ว เอาหล่ะ เจ้าออกไปได้แล้ว ปิดประตูด้วย และอย่าลืมหล่ะว่าห้ามมีคนมาเคาะประตูหาข้าอีกในช่วง 2 เดือนหลังจากนี้!”
ความแตกต่างในการไหลของเวลาระหว่างภพอารากู่และฟิรุแมนนั้นเริ่มเปลี่ยนไปอย่างมากในขณะที่ทั้ง2 ภพเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ในอดีต 2 เดือนในอารากู่เท่ากับครึ่งวันในฟิรุแมน ยังไงก็ตาม ตอนนี้ 2 เดือนในอารากู่นั้นเท่ากับ 4 วันในฟิรุแมน ซึ่งมันมีเวลามากพอที่จะให้ซาโรวินี่ได้เตรียมตัว
โดยที่ไม่พูดอะไรอีกคนรับใช้ก็รีบออกไปจากวัง พอออกไปแล้วเขาก็ปิดประตูตามที่ได้รับสั่งเพื่อตัดขาดพระราชวังแห่งความมืดจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ ในตอนที่คนรับใช้ไปแล้วซาโรวินี่ก็พูดเบาๆด้วยรอยยิ้มอันหนาวเหน็บ “เป็นหมารับใช้ที่ซื่อสัตย์จริงๆ”
แม้ว่าเขาจะเป็นลูกน้องของซาโรวินี่อย่างเป็นทางการแต่คนรับใช้คนนี้ยังทำหน้าที่เป็นดวงตาของอาร์คเมจเพลิงด้วย เขาคอยสังเกตุการเคลื่อนไหวทุกอย่างของเธอเพื่อทำให้มั่นใจว่าเธอจะไม่ทำอะไรล้ำเส้นมากเกินไป
ในอดีตซาโรวินี่นั้นไม่มีวันกล้าท้าทายอำนาจของอาร์คเมจเพลิง ยังไงก็ตาม ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว
เธอลุกขึ้นจากบัลลังก์โครงกระดูกจากนั้น ผนึกเวทมนตร์ก็ส่องแสงขึ้นมาที่กำแพงข้างๆเธอ มีประตูปรากฏขึ้น ที่ด้านหลังของประตูนั้นคือห้องลับ
ในตอนที่เข้าไปในห้องลับผนึกบนกำแพงก็ปิดลงที่ด้านหลังเธอ ไม่มีร่องรอยของประตูเวทมนตร์หลงเหลืออยู่เลย ห้องลับนี้ค่อนข้างเล็ก มันมีความกว้างแค่ 10 ตารางฟุต มีรูปปั้นสูง 7 ฟุตตั้งอยู่ที่กลางห้อง มันส่องแสงสว่างแปลกๆออกมา มันสลับไปมาระหว่างแสงสว่างและความมืด ความจริงและภาพลวงตา ไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้ว่ารูปปั้นนี้ไม่ธรรมดา
ซาโรวินี่เดินไปที่รูปปั้นและคุกเข่าลงเบื้องหน้ามันเธอพูด “ท่านพ่อ ลูกสาวของท่านกลับมาแล้วค่ะ”
รูปปั้นส่องแสงขึ้นมาแวบนึงจากนั้น ซาโรวินี่ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นในจิตใจของเธอ “อืม ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้ากำลังจะมารายงานข้า ชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์แห่งเงาที่ลิงค์ครอบครองอยู่นั้นจะต้องเหมาะกับเจ้าอย่างแน่นอน ลูกสาวเอ๋ย”
ซาโรวินี่ดีใจมากที่ได้ยินประโยคนี้ด้วยชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์ เธอจะสามารถจุดเพลิงศักดิ์สิทธิ์ และก้าวเข้าสู่ระดับเทพด้วยตัวเองได้หลังจากนั้นเธอก็จะปลดปล่อยตัวเองจากเงื้อมมือของอาร์คเมจเพลิงได้ เธอจะสามารถต่อสู้กับเขาได้อย่างเท่าเทียม ไม่สิ เธอสามารถทำได้ยิ่งกว่านั้นอีก เพราะพ่อของเธอคือผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดผู้ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียว!
จากนั้นซาโรวินี่ก็ถาม“ท่านพ่อ ข้าควรจัดการลิงค์ยังไงดี? ข้าควรกำจัดเขา? หรือจะให้ข้าบูชายัญวิญญาณของเขาในชื่อของท่านดีคะ?”
“ส่งตัวมันมาให้ข้าข้ากำลังตามหาหัวหน้าของเทวทูตศึกอยู่พอดี วิญญาณของมันจะต้องเป็นวัตถุดิบที่ดีแน่ๆ” จากนั้นเขาก็พูดเสริม “แต่อย่าดูถูกมันหล่ะ มันเป็นนักสู้ที่มีพรสวรรค์”
“เข้าใจแล้วค่ะท่านพ่อ” ซาโรวินี่พูด ถ้าเป็น 100 ปีก่อน เธอคงจะไม่ดีใจที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอมักจะชอบแข่งขันในตอนที่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับลิงค์ ยังไงก็ตาม สิ่งเดียวที่เธอสนใจในตอนนี้ก็คือการเข้าสู่ระดับเทพและเป็นอิสระจากอาร์คเมจเพลิง เธอไม่สามารถสนใจเรื่องอื่นได้
ซาโรวินี่ได้ยินเรื่องของลิงค์มาเยอะมากในช่วง100 กว่าปีมานี้ ในอดีตเธอเคยต่อสู้กับเขาด้วยซ้ำ เธอรู้จากประสบการณ์ของตัวเองว่าเขาเป็นชายที่ไม่ควรทำเป็นเล่นด้วย
“ดีมากตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว” เสียงที่ดังก้องในหัวของเธอพูด
มีระลอกคลื่นเกิดขึ้นรอบตัวซาโรวินี่จนรอบข้างของเธอเบลอมันเป็นแบบนี้อยู่ 3 วินาที จากนั้นระลอกคลื่นก็หายไป และรอบตัวเธอก็ชัดเจนขึ้น ไม่นานนักเธอก็รู้สึกตัวว่าเธอออกมาจากห้องที่อยู่ใต้วิหารของลัทธิเพลิงและตอนนี้กำลังยืนอยู่ที่ใจกลางของป่ามืดๆ
เธอรู้สึกคุ้นเคยกับป่าที่เธอกำลังยืนอยู่ในตอนนี้และแล้วเธอก็นึกออก “ป่าทมิฬ เข้าใจเลือกสถานที่ที่พามาจริงๆค่ะ ท่านพ่อ”
แสงสีดำกระพริบขึ้นที่ร่างของเธอในตอนที่มันหายไป เธอก็สวมชุดคลุมต่อสู้สีดำ หลังจากที่เธอหาตำแหน่งของตัวเองได้แล้ว เธอก็รีบเดินทางไปยังป้อมโครงกระดูกในทันที
ซาโรวินี่ไม่ใช่คนที่จะทำการตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่นอีกแล้วด้วยความที่เธอยังไม่คุ้นเคยกับสภาพของฟิรุแมนในตอนนี้ดี ดังนั้นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเธอก็คือการซ่อนอยู่ในเงาและให้คนอื่นทำงานแทน
ในฐานะมาสเตอร์เลเวล16 ตอนนี้เธอกำลังเดินทางไปยังเป้าหมายของเธออย่างรวดเร็วเหมือนกับแสงที่พุ่งผ่านป่าไป
อาร์คเมจภูผาน้ำแข็งของอารากู่เองก็ไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆในขณะที่คนของลัทธิเพลิงกำลังเพ่นพ่านอยู่เต็มฟิรุแมนเหมือนกับฉลามที่ได้กลิ่นเลือดในน้ำในช่วงเวลาเดียวกับที่ราเซอร์มาถึงฟิรุแมน สายฟ้าก็ผ่าลงมาที่บริเวณไร้ผู้คนของป่าเกอร์เวนท์
สายฟ้านั้นทำให้ป่าไหม้ในทันทีที่มันปรากฏขึ้นชายแก่ที่มีผมสีขาวเดินออกมาจากกองเพลิงนั้น เขาใช้คทาเวทมนตร์ยาวๆของตัวเองเป็นไม้ค้ำในตอนที่เขาเดิน
แก้มของชายแก่คนนี้ซูบผอมพลังที่ออกมาจากร่างของเขานั้นไม่ถึงเลเวล 10 สิ่งเดียวที่น่ากลัวก็คือดวงตา ที่มีสีฟ้าบริสุทธิ์ ในบางครั้ง มันจะส่องประกายเป็นแสงสีขาวเหมือนกับมีหิมะออกมาด้วย
เขาหายใจหอบเล็กน้อยแล้วชายแก่ก็เริ่มเดินทางไปยังเฟิร์ดที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
3วันก่อน ทุกเส้นเวลาที่เขามองไปในอนาคตนั้นจะนำพาเขาไปสู่ความตาย ยังไงก็ตาม มีบางอย่างเปลี่ยนไป เขามองเห็นเส้นเวลาที่เขาจะไม่ถึงแก่ความตายได้
ซึ่งกุญแจในการเอาตัวรอดของเขานั้นอยู่ที่เฟิร์ดในภพฟิรุแมนพูดให้ชัดเจนกว่านี้คือ ชีวิตของเขาตกอยู่ในกำมือของลอร์ดเฟิร์ด
นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะได้ท้าทายกับความตาย!เขาจะต้องเอาชนะมันให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม!
��