Advent of the Archmage - 682: การต่อสู้สุดท้ายที่ลากยาวมานานเป็นร้อยปี
Chapter
ในเรือนกกระจอกวายุเงินบนมหาสมุทร
หัวหน้าอัศวินลาวาราเซอร์ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือพร้อมกับดาบข้างนึงในมือ,เขามองเส้นทางที่อยู่ห่างออกไปข้างหน้าด้วยการขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมื่อครู่ก่อน,เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่รุนแรงอย่างเหลือเชื่อจากระยะห่างออกไป 1,000 ไมล์ เขารู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างกระทันหัน เขารู้สึกว่าใครก็ตามที่ครอบครองพลังนี้น่าจะแข็งแกร่งพอๆกับเขา
นั่นใครกันนะ?ราเซอร์คิด การปรากฎตัวของบุคคลที่แข็งแกร่งได้เพิ่มความเสี่ยงให้กับแผนการโจมตีเฟิร์ดของอัศวินลาวา
แม้ว่าสถานการณ์จะดูอันตรายแค่ไหน,แต่ความจริงที่ว่าชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์ต้องไม่ตกไปอยู่ในกำมือของอาร์คเมจภูผาน้ำแข็งก็ยังคงอยู่ ไฮเอลฟ์เองก็พยายามคิดมาตรการต่อกรกับระบบป้องกันของหอคอยเวทมนตร์เฟิร์ดอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จให้กับปฏิบัติการณ์นี้เช่นกัน ดังนั้นในจุดๆนี้มันไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว
พวกเราต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!ราเซอร์กำดาบแน่น จากนั้นเขาก็หันไปทางห้องพักในเรือแล้วตะโกน “เดินหน้าเต็มกำลัง!”
ด้วยเสียงครืนเบาๆ,ผนึกเวทมนตร์บนเรือก็ส่องสว่าง, แล้วเรือก็เร่งความเร็วข้ามผืนมหาสมุทร
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง,เรือเหาะลำนึงก็กำลังเดินทางลงใต้
เรือลำนี้มีลักษณะคล้ายเรือเหาะของเฟิร์ดอย่างไรก็ตาม, สิ่งที่แตกต่างก็คือเรือของเฟิร์ดเป็นสีขาวฟ้า, แต่เรือลำนี้เป็นสีดำ ถ้าสังเกตุดูดีๆ, จะเห็นว่าการออกแบบของมันไม่ได้ประณีตเท่ากับเรือเหาะของเฟิร์ด แล้วมันก็ดูบินไม่ค่อยมั่นคงด้วย, มันเหมือนกับว่าสามารถร่วงลงจากท้องฟ้าได้ทุกเวลา ตอนนี้มียูจิน,โมลิน่า, และซาโรวินี่อยู่ในห้องควบคุมเรือหลัก, พร้อมกับกัปตันเรือยับบ้าที่มีหน้าที่ในการควบคุมเรือเหาะลำนี้
ยูจินกับโมลิน่าเป็นพันธมิตรที่ซาโรวิน่าไปหาในป่าทมิฬในฐานะผู้ติดตามของเทพแห่งการทำลายและศัตรูของเฟิร์ด, จึงไม่มีพวกเขาคนไหนที่ชื่นชอบลิงค์ และโดยพื้นฐานจากการที่มีศัตรูคนเดียวกันนี้เอง, จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะก่อตั้งพันธมิตรขึ้นมา
“นายหญิง,เฟิร์ดอยู่ข้างหน้าประมาณ 1,500 ไมล์ครับ” กัปตันยับบ้ารายงาน หลังจากนั้นเอง, ความปั่นป่วนก็เกิดขึ้นในเรือเหาะอย่างกระทันหัน เรือทั้งลำเริ่มสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้, และทุกคนก็ส่ายไปมาโดยไม่ทันตั้งตัว
“เรือเหาะลำนี้มันช่างโกโรโกโสจริงๆ”ซาโรวินี่บน ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเรือเหาะสามารถพาพวกเขาไปที่เฟิร์ดได้อย่างรวดเร็ว, เธอก็คงจะไม่ขึ้นมาตั้งแต่แรกแล้ว เธอสาบานกับตัวเองว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะบินด้วยเรือเหาะห่วยแตกแบบนี้
ยูจินไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่ที่เธอติดกับโมลิน่า, เธอก็กลายเป็นคนสงบเสงี่ยม โมลิน่าเริ่มขอโทษซาโรวินี่ “ขอโทษด้วยค่ะนายหญิง ตอนนี้พวกเรากำลังขาดช่างฝีมือยับบ้าที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ท่านได้”
“ช่างมันเถอะมันก็ยังดีที่พวกเราไม่ต้องทำงานด้วยกันบ่อยนัก” ซาโรวินี่พูดพร้อมกับสะบัดมือ เธอกำลังจะพูดต่อ, แต่ในตอนนั้นเองเธอก็เม้มปาก ใบหน้าของเธอจริงจังขึ้นมาอย่างกระทันหัน
“มีเรื่องอะไรรึเปล่า,นายหญิง?” ดูเหมือนว่ายูจินจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ อย่างไรก็ตาม, เธอไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่
ตลอดการเดินทาง,ซาโรวินี่มีท่าทีเย่อหยิ่งมาโดยตลอด แต่จู่ๆ, ความเย่อหยิ่งนั้นก็เปลี่ยนความจริงจัง ด้วยการไม่สนใจยูจิน, เธอก็ก้าวออกไปข้างนอกห้องแล้วขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ, ซึ่งมีลมพัดอย่างรุนแรง ซาโรวินี่สามารถเก็บข้อมูลเพิ่มเติมได้จากกระแสลมที่อยู่ข้างนอกห้องเรือข้ารู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนของธาตุในอากาศ พลังโดยรอบลดลงไป 0.5 เปอร์เซนต์ มีคนในภพนี้ได้เขตแดนของตัวเองมาแล้วจริงๆหรอเนี่ย?
จำนวนผู้เชี่ยวชาญที่ภพสามารถสนับสนุนได้นั้นมีจำนวนจำกัดมากๆการที่พลังโดยรอบลดลงอย่างสังเกตุได้นั้นจะเกิดขึ้นในตอนที่พลังของภพตอบสนองกับการปรากฎตัวของผู้เชี่ยวชาญเลเวล 16 ซึ่งนี่เป็นเพราะพวกเขาจะสามารถเก็บพลังระดับสูงเอาไว้ในร่างได้
ในทางทฤษฎี,ภพจะสามารถผลิตผู้เชี่ยวชาญเลเวล 16 ที่มีพลังธรรมชาติของภพได้อย่างน้อยพันคน อย่างไรก็ตาม, ในความเป็นจริงแล้ว, ภพจะรับผู้เชี่ยวชาญแบบนี้ได้ 20 กว่าคนเท่านั้น
ถ้าจำนวนของผู้เชี่ยวชาญแบบนี้เพิ่มขึ้น,ความหนาแน่นของมานาในภพก็จะลดลง, ทำให้มันเป็นเรื่องยากที่คนอื่นจะเพิ่มเลเวลจนกระทั่งไม่มีคนสามารถเพิ่มได้อีก
ด้วยความตกใจในเรื่องนี้,ซาโรวินี่ก็สัมผัสถึงกระแสพลังในอากาศ, ซึ่งมันก็ยืนยันข้อสังสัยของเธอได้ในทันที คนที่ไปถึงเลเวล 16 ได้นั้นอยู่ทางใต้จริงๆด้วย ถ้าดูจากไอพลังธาตุของอีกฝ่ายแล้ว, คนๆนี้ไม่ใช่มิตรแน่ๆ!
ตอนแรกเธอวางแผนว่าจะสังเกตดูการต่อสู้ของเฟิร์ดที่กำลังจะมาถึงจากที่ไกลๆ,และถ้าเป็นไปได้, เธอก็จะแอบขโมยชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม,หลังจากที่สัมผัสได้ถึงตัวตนของมาสเตอร์ที่แข็งแกร่งนี้, ซาโรวินี่ก็ลังเลอยู่สองสามวินาที แล้วในที่สุดเธอก็กลับไปที่ห้องควบคุมเรือแล้วพูด “มุ่งหน้าไปทางอาณาจักรกอลล์ ข้าอยากไปเจอมาสเตอร์คนใหม่นี้ด้วยตัวเอง ถ้าจะให้ดีพวกเราก็ควรจบชีวิตของเขาที่นั่นเลย ข้าไม่สามารถยอมให้คนที่อันตรายระดับนั้นมาแทรกแซงแผนการในอนาคตของข้าได้”
ยูจินกับโมลิน่ามองหน้ากันในเมื่อซาโรวินี่ออกคำสั่งมาแล้ว, พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตาม โมลิน่าพูดกับกัปตันเรือเหาะ “ได้ยินนายหญิงแล้วนี่, บินอ้อมเฟิร์ดแล้วมุ่งหน้าไปทางอาณาจักรกอลล์ซะ”
เรือเหาะเปลี่ยนเส้นทางของมันในทันทีและเริ่มบินลงใต้หลังจากนั้นสักพัก, ซาโรวินี่ก็ตะโกนออกมา “มัวชักช้าอยู่ได้, เดินหน้าด้วยความเร็วสูงสุดเลย!”
กัปตันเรือเหาะเหลือบมองโมลิน่า,ที่พยักหน้าให้เขา จากนั้นเขาก็เริ่มถ่ายมานาเข้าไปในเรือเหาะเยอะขึ้น
ครืนน…โครงงง…เรือเหาะสั่นในขณะที่ความเร็วของมันเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซนต์ ไม่นานนัก, มันก็บินลงใต้ด้วยความเร็ว 1,300 ไมล์ต่อชั่วโมง, และทิ้งเส้นโค้งครึ่งเสี้ยวสีดำเอาไว้ข้างหลัง
สี่สิบนาทีต่อมา,เรือเหาะก็มาถึงพรมแดนของอาณาจักรกอลล์ มีป่าหนาปรากฎขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา จากเรือเหาะ, ทุกคนที่อยู่บนเรือมองเห็นหุบเขาเปิดในป่า, ที่ซึ่งมีเศษซากตึกตั้งอยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา
ด้วยสายตาที่ดีเป็นพิเศษของเธอ,ซาโรวินี่เห็นคนสองคนยืนอยู่ใกล้กับซากตึก ด้วยการเขม่นตา, เธอก็เห็นว่าเป็นชายหนุ่มผมดำกับชายแก่ผมเขากำลังยืนอยู่ข้างกัน พวกเขาทั้งคู่กำลังมองกับมาที่เธอเหมือนกันพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนๆบนใบหน้าของพวกเขา
ในตอนที่เห็นชายหนุ่มผมดำ,ความทรงจำที่เจ็บปวดจากการพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกก็ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกสุดของความทรงจำของซาโรวินี่ แม้ว่าจะผ่านมานานกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว, แต่เธอก็ยังสามารถนึกถึงมันได้อย่างชัดเจน, ราวกับว่ามันพึ่งเกิดเมื่อวาน ซึ่งนี่ก็เป็นเพราะชายหนุ่มคนนี้เป็นคนที่ต้องรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ครั้งแรกของเธอ
ซาโรวินี่กัดฟันพูดออกมา“ลิงค์, ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเป็นเจ้า!”
เนื่องจากความพ่ายแพ้ของเธออยู่ในกำมือของเขา,เธอก็เลยจินตนาการว่าตัวเองกำลังสยบลิงค์เพื่อสร้างความอัปยศให้ลิงค์ทุกรูปแบบ, ทรมานเขาด้วยทุกวิธีที่เธอคิดได้และเฝ้ามองเขาร้องขอความเมตตาอยู่กับพื้น แต่กระนั้นเอง, เธอก็ไม่เคยมีโอกาสได้ทำให้แรงกระตุ้นที่แสนสาดิสนี้เป็นจริงได้เลยจนกระทั่งวันนี้, วันที่ลิงค์ตัวจริงมาปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าเธอ
ถ้าเธอสามารถจัดการเขาได้ในครั้งนี้,เธอก็น่าจะสามารถสยบเขาได้จริงๆเพราะเธอได้จินตนาการมานับครั้งไม่ถ้วนเป็นเวลากว่า 100 ปีแล้ว
ยูจินกับโมลิน่าเองก็สังเกตุเห็นคนสองคนในหุบเขายูจินพูดขึ้นมา “นายหญิง, นั่นลอร์ดเฟิร์ด ระวังตัวด้วยนะ”
โมลิน่าไม่ได้พูดอะไรเธอเปิดใช้เวทย์พรแห่งการทำลายในทันที
ซาโรวินี่ยิ้มอย่างเย็นชาแสงทำลายล้างสีดำม่วงเริ่มพุ่งพล่านออกมารอบตัวเธอ จากนั้นมันก็ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว, และปกคลุมพื้นที่รอบตัวเธอ 20 ตารางไมล์
แสงสว่างหายไปอย่างไร้ร่องรอยในเขตแดนของซาโรวินี่เปลวเพลิงเวทมนตร์สีดำได้ปกคลุมพื้นดินเอาไว้อย่างสมบูรณ์, ในขณะที่ท้องฟ้าดูเหมือนจะปั่นป่วนจากวังวนเพลิงสีดำ ณ ตอนนี้, โลกทั้งใบได้เปลี่ยนเป็นนรกอันน่าสยดสยอง
“ยูจิน,โมลิน่า, ทั้งสองคนไปจัดการไอ้แก่นั่นซะ ส่วนลิงค์เป็นของข้า!” ซาโรวินี่สั่ง และโดยไม่รอฟังคำตอบ, เธอก็พุ่งออกไปจากเรือเหาะและตรงไปหาลิงค์ด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด
ก่อนที่เธอจะไปถึงเป้าหมาย,เสียงของเธอก็ดังก้องไปทั่วพื้นที่
“ลิงค์,วันนี้คือวันตายของเจ้า!”
ในเรือนกกระจอกวายุเงินบนมหาสมุทร
หัวหน้าอัศวินลาวาราเซอร์ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือพร้อมกับดาบข้างนึงในมือ,เขามองเส้นทางที่อยู่ห่างออกไปข้างหน้าด้วยการขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมื่อครู่ก่อน,เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่รุนแรงอย่างเหลือเชื่อจากระยะห่างออกไป 1,000 ไมล์ เขารู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างกระทันหัน เขารู้สึกว่าใครก็ตามที่ครอบครองพลังนี้น่าจะแข็งแกร่งพอๆกับเขา
นั่นใครกันนะ?ราเซอร์คิด การปรากฎตัวของบุคคลที่แข็งแกร่งได้เพิ่มความเสี่ยงให้กับแผนการโจมตีเฟิร์ดของอัศวินลาวา
แม้ว่าสถานการณ์จะดูอันตรายแค่ไหน,แต่ความจริงที่ว่าชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์ต้องไม่ตกไปอยู่ในกำมือของอาร์คเมจภูผาน้ำแข็งก็ยังคงอยู่ ไฮเอลฟ์เองก็พยายามคิดมาตรการต่อกรกับระบบป้องกันของหอคอยเวทมนตร์เฟิร์ดอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จให้กับปฏิบัติการณ์นี้เช่นกัน ดังนั้นในจุดๆนี้มันไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว
พวกเราต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!ราเซอร์กำดาบแน่น จากนั้นเขาก็หันไปทางห้องพักในเรือแล้วตะโกน “เดินหน้าเต็มกำลัง!”
ด้วยเสียงครืนเบาๆ,ผนึกเวทมนตร์บนเรือก็ส่องสว่าง, แล้วเรือก็เร่งความเร็วข้ามผืนมหาสมุทร
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง,เรือเหาะลำนึงก็กำลังเดินทางลงใต้
เรือลำนี้มีลักษณะคล้ายเรือเหาะของเฟิร์ดอย่างไรก็ตาม, สิ่งที่แตกต่างก็คือเรือของเฟิร์ดเป็นสีขาวฟ้า, แต่เรือลำนี้เป็นสีดำ ถ้าสังเกตุดูดีๆ, จะเห็นว่าการออกแบบของมันไม่ได้ประณีตเท่ากับเรือเหาะของเฟิร์ด แล้วมันก็ดูบินไม่ค่อยมั่นคงด้วย, มันเหมือนกับว่าสามารถร่วงลงจากท้องฟ้าได้ทุกเวลา ตอนนี้มียูจิน,โมลิน่า, และซาโรวินี่อยู่ในห้องควบคุมเรือหลัก, พร้อมกับกัปตันเรือยับบ้าที่มีหน้าที่ในการควบคุมเรือเหาะลำนี้
ยูจินกับโมลิน่าเป็นพันธมิตรที่ซาโรวิน่าไปหาในป่าทมิฬในฐานะผู้ติดตามของเทพแห่งการทำลายและศัตรูของเฟิร์ด, จึงไม่มีพวกเขาคนไหนที่ชื่นชอบลิงค์ และโดยพื้นฐานจากการที่มีศัตรูคนเดียวกันนี้เอง, จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะก่อตั้งพันธมิตรขึ้นมา
“นายหญิง,เฟิร์ดอยู่ข้างหน้าประมาณ 1,500 ไมล์ครับ” กัปตันยับบ้ารายงาน หลังจากนั้นเอง, ความปั่นป่วนก็เกิดขึ้นในเรือเหาะอย่างกระทันหัน เรือทั้งลำเริ่มสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้, และทุกคนก็ส่ายไปมาโดยไม่ทันตั้งตัว
“เรือเหาะลำนี้มันช่างโกโรโกโสจริงๆ”ซาโรวินี่บน ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเรือเหาะสามารถพาพวกเขาไปที่เฟิร์ดได้อย่างรวดเร็ว, เธอก็คงจะไม่ขึ้นมาตั้งแต่แรกแล้ว เธอสาบานกับตัวเองว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะบินด้วยเรือเหาะห่วยแตกแบบนี้
ยูจินไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่ที่เธอติดกับโมลิน่า, เธอก็กลายเป็นคนสงบเสงี่ยม โมลิน่าเริ่มขอโทษซาโรวินี่ “ขอโทษด้วยค่ะนายหญิง ตอนนี้พวกเรากำลังขาดช่างฝีมือยับบ้าที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ท่านได้”
“ช่างมันเถอะมันก็ยังดีที่พวกเราไม่ต้องทำงานด้วยกันบ่อยนัก” ซาโรวินี่พูดพร้อมกับสะบัดมือ เธอกำลังจะพูดต่อ, แต่ในตอนนั้นเองเธอก็เม้มปาก ใบหน้าของเธอจริงจังขึ้นมาอย่างกระทันหัน
“มีเรื่องอะไรรึเปล่า,นายหญิง?” ดูเหมือนว่ายูจินจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ อย่างไรก็ตาม, เธอไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่
ตลอดการเดินทาง,ซาโรวินี่มีท่าทีเย่อหยิ่งมาโดยตลอด แต่จู่ๆ, ความเย่อหยิ่งนั้นก็เปลี่ยนความจริงจัง ด้วยการไม่สนใจยูจิน, เธอก็ก้าวออกไปข้างนอกห้องแล้วขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ, ซึ่งมีลมพัดอย่างรุนแรง ซาโรวินี่สามารถเก็บข้อมูลเพิ่มเติมได้จากกระแสลมที่อยู่ข้างนอกห้องเรือข้ารู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนของธาตุในอากาศ พลังโดยรอบลดลงไป 0.5 เปอร์เซนต์ มีคนในภพนี้ได้เขตแดนของตัวเองมาแล้วจริงๆหรอเนี่ย?
จำนวนผู้เชี่ยวชาญที่ภพสามารถสนับสนุนได้นั้นมีจำนวนจำกัดมากๆการที่พลังโดยรอบลดลงอย่างสังเกตุได้นั้นจะเกิดขึ้นในตอนที่พลังของภพตอบสนองกับการปรากฎตัวของผู้เชี่ยวชาญเลเวล 16 ซึ่งนี่เป็นเพราะพวกเขาจะสามารถเก็บพลังระดับสูงเอาไว้ในร่างได้
ในทางทฤษฎี,ภพจะสามารถผลิตผู้เชี่ยวชาญเลเวล 16 ที่มีพลังธรรมชาติของภพได้อย่างน้อยพันคน อย่างไรก็ตาม, ในความเป็นจริงแล้ว, ภพจะรับผู้เชี่ยวชาญแบบนี้ได้ 20 กว่าคนเท่านั้น
ถ้าจำนวนของผู้เชี่ยวชาญแบบนี้เพิ่มขึ้น,ความหนาแน่นของมานาในภพก็จะลดลง, ทำให้มันเป็นเรื่องยากที่คนอื่นจะเพิ่มเลเวลจนกระทั่งไม่มีคนสามารถเพิ่มได้อีก
ด้วยความตกใจในเรื่องนี้,ซาโรวินี่ก็สัมผัสถึงกระแสพลังในอากาศ, ซึ่งมันก็ยืนยันข้อสังสัยของเธอได้ในทันที คนที่ไปถึงเลเวล 16 ได้นั้นอยู่ทางใต้จริงๆด้วย ถ้าดูจากไอพลังธาตุของอีกฝ่ายแล้ว, คนๆนี้ไม่ใช่มิตรแน่ๆ!
ตอนแรกเธอวางแผนว่าจะสังเกตดูการต่อสู้ของเฟิร์ดที่กำลังจะมาถึงจากที่ไกลๆ,และถ้าเป็นไปได้, เธอก็จะแอบขโมยชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม,หลังจากที่สัมผัสได้ถึงตัวตนของมาสเตอร์ที่แข็งแกร่งนี้, ซาโรวินี่ก็ลังเลอยู่สองสามวินาที แล้วในที่สุดเธอก็กลับไปที่ห้องควบคุมเรือแล้วพูด “มุ่งหน้าไปทางอาณาจักรกอลล์ ข้าอยากไปเจอมาสเตอร์คนใหม่นี้ด้วยตัวเอง ถ้าจะให้ดีพวกเราก็ควรจบชีวิตของเขาที่นั่นเลย ข้าไม่สามารถยอมให้คนที่อันตรายระดับนั้นมาแทรกแซงแผนการในอนาคตของข้าได้”
ยูจินกับโมลิน่ามองหน้ากันในเมื่อซาโรวินี่ออกคำสั่งมาแล้ว, พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตาม โมลิน่าพูดกับกัปตันเรือเหาะ “ได้ยินนายหญิงแล้วนี่, บินอ้อมเฟิร์ดแล้วมุ่งหน้าไปทางอาณาจักรกอลล์ซะ”
เรือเหาะเปลี่ยนเส้นทางของมันในทันทีและเริ่มบินลงใต้หลังจากนั้นสักพัก, ซาโรวินี่ก็ตะโกนออกมา “มัวชักช้าอยู่ได้, เดินหน้าด้วยความเร็วสูงสุดเลย!”
กัปตันเรือเหาะเหลือบมองโมลิน่า,ที่พยักหน้าให้เขา จากนั้นเขาก็เริ่มถ่ายมานาเข้าไปในเรือเหาะเยอะขึ้น
ครืนน…โครงงง…เรือเหาะสั่นในขณะที่ความเร็วของมันเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซนต์ ไม่นานนัก, มันก็บินลงใต้ด้วยความเร็ว 1,300 ไมล์ต่อชั่วโมง, และทิ้งเส้นโค้งครึ่งเสี้ยวสีดำเอาไว้ข้างหลัง
สี่สิบนาทีต่อมา,เรือเหาะก็มาถึงพรมแดนของอาณาจักรกอลล์ มีป่าหนาปรากฎขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา จากเรือเหาะ, ทุกคนที่อยู่บนเรือมองเห็นหุบเขาเปิดในป่า, ที่ซึ่งมีเศษซากตึกตั้งอยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา
ด้วยสายตาที่ดีเป็นพิเศษของเธอ,ซาโรวินี่เห็นคนสองคนยืนอยู่ใกล้กับซากตึก ด้วยการเขม่นตา, เธอก็เห็นว่าเป็นชายหนุ่มผมดำกับชายแก่ผมเขากำลังยืนอยู่ข้างกัน พวกเขาทั้งคู่กำลังมองกับมาที่เธอเหมือนกันพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนๆบนใบหน้าของพวกเขา
ในตอนที่เห็นชายหนุ่มผมดำ,ความทรงจำที่เจ็บปวดจากการพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกก็ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกสุดของความทรงจำของซาโรวินี่ แม้ว่าจะผ่านมานานกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว, แต่เธอก็ยังสามารถนึกถึงมันได้อย่างชัดเจน, ราวกับว่ามันพึ่งเกิดเมื่อวาน ซึ่งนี่ก็เป็นเพราะชายหนุ่มคนนี้เป็นคนที่ต้องรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ครั้งแรกของเธอ
ซาโรวินี่กัดฟันพูดออกมา“ลิงค์, ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเป็นเจ้า!”
เนื่องจากความพ่ายแพ้ของเธออยู่ในกำมือของเขา,เธอก็เลยจินตนาการว่าตัวเองกำลังสยบลิงค์เพื่อสร้างความอัปยศให้ลิงค์ทุกรูปแบบ, ทรมานเขาด้วยทุกวิธีที่เธอคิดได้และเฝ้ามองเขาร้องขอความเมตตาอยู่กับพื้น แต่กระนั้นเอง, เธอก็ไม่เคยมีโอกาสได้ทำให้แรงกระตุ้นที่แสนสาดิสนี้เป็นจริงได้เลยจนกระทั่งวันนี้, วันที่ลิงค์ตัวจริงมาปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าเธอ
ถ้าเธอสามารถจัดการเขาได้ในครั้งนี้,เธอก็น่าจะสามารถสยบเขาได้จริงๆเพราะเธอได้จินตนาการมานับครั้งไม่ถ้วนเป็นเวลากว่า 100 ปีแล้ว
ยูจินกับโมลิน่าเองก็สังเกตุเห็นคนสองคนในหุบเขายูจินพูดขึ้นมา “นายหญิง, นั่นลอร์ดเฟิร์ด ระวังตัวด้วยนะ”
โมลิน่าไม่ได้พูดอะไรเธอเปิดใช้เวทย์พรแห่งการทำลายในทันที
ซาโรวินี่ยิ้มอย่างเย็นชาแสงทำลายล้างสีดำม่วงเริ่มพุ่งพล่านออกมารอบตัวเธอ จากนั้นมันก็ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว, และปกคลุมพื้นที่รอบตัวเธอ 20 ตารางไมล์
แสงสว่างหายไปอย่างไร้ร่องรอยในเขตแดนของซาโรวินี่เปลวเพลิงเวทมนตร์สีดำได้ปกคลุมพื้นดินเอาไว้อย่างสมบูรณ์, ในขณะที่ท้องฟ้าดูเหมือนจะปั่นป่วนจากวังวนเพลิงสีดำ ณ ตอนนี้, โลกทั้งใบได้เปลี่ยนเป็นนรกอันน่าสยดสยอง
“ยูจิน,โมลิน่า, ทั้งสองคนไปจัดการไอ้แก่นั่นซะ ส่วนลิงค์เป็นของข้า!” ซาโรวินี่สั่ง และโดยไม่รอฟังคำตอบ, เธอก็พุ่งออกไปจากเรือเหาะและตรงไปหาลิงค์ด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด
ก่อนที่เธอจะไปถึงเป้าหมาย,เสียงของเธอก็ดังก้องไปทั่วพื้นที่
“ลิงค์,วันนี้คือวันตายของเจ้า!”