Advent of the Archmage - 685 ภัยพิบัติของเฟิร์ด
Chapter
เฟิร์ดเมืองมอดไหม้
ในขณะที่ลิงค์กับซาโรวินี่กำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ทางใต้เมืองมอดไหม้เองก็กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง
ตู้ม!เรือนกกระจอกวายุเงินอย่างน้อย 8 ลำได้ปรากฏขึ้นที่อ่าว ผนึกเวทมนตร์บนเรือรบของไฮเอลฟ์เริ่มทำการโจมตีใส่บาเรียป้องกันเวทมนตร์ของเมืองมอดไหม้อย่างดุเดือด
ปืนใหญ่ของพวกเขารุนแรงมากการโจมตีแต่ละครั้งนั้นมีเลเวล8 แถมการโจมตียังต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดด้วย บาเรียป้องกันเมืองมอดไหม้กระเพื่อมตลอดไม่มีหยุดพัก ซึ่งหอคอยเวทมนตร์ต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาลในการรักษาความเสถียรของบาเรียเอาไว้
“ท่านครับได้เวลาแล้ว การจ่ายมานาของหอคอยเวทมนตร์เฟิร์ดถึงขีดจำกัดแล้วครับตอนนี้ พวกมันต้องเปิดใช้ตัวช่วยเสริมของหอคอยเวทมนตร์เพื่อใช้ผนึกเวทย์บทลงโทษศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณสองนาทีครับ!”
อัศวินลาวาราเซอร์พยักหน้าเขารู้ว่าเวลา 2 นาทีนี้คือเวลาที่เขาสามารถลงมือได้อย่างปลอดภัย ถ้าเกิดว่าเวลาล่วงเลยไปและต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์ เขาก็คงจะตกอยู่ในอันตราย เขาอาจจะต้องตายด้วยซ้ำ
เขากระโดดออกจากดาดฟ้าเรือนกกระจอกวายุเงินและวิ่งไปบนน้ำฝีเท้าของเขาเบาเหมือนกับสายลม ไม่ถึง 3 วินาที เขาก็วิ่งไปได้กว่า 1,000 ฟุต ที่ด้านนอกบาเรียเวทมนตร์ของเมืองมอดไหม้ เขาชักดาบออกมาและฟันเข้าไปที่บาเรียอย่างนุ่มนวล มีรูกว้างกว่า 6 ฟุตปรากฏขึ้นบนบาเรียที่เหมือนกับกำแพงหนานี้
พลังรอบๆรูสั่นสะเทือนมันพยายามจะปิดรู แต่ก็มีเพลิงสีดำเผาไหม้รูที่สั่นสะเทือนนี้อย่างเงียบๆ มันกลืนกินพลังเวทมนตร์ที่ถูกเติมเข้ามา
ด้วยเพลิงสีดำนี้รูจึงยังสั่นอยู่เรื่อยๆ ซึ่งนี่ก็ทำให้ราเซอร์ผ่านบาเรียเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
ราเซอร์กระโดดเข้ามาในบริเวณย่านธุรกิจของเมืองมอดไหม้มันเป็นส่วนที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองและพัฒนาไปจนเทียบเท่ากับท่าเรือ เนื่องจากการโจมตีอย่างกระทันกันของไฮเอลฟ์ ชาวเมืองทุกคนจึงหลบซ่อนตัวอยู่ ซึ่งมันก็ทำให้ท้องถนนนั้นโล่งไร้ผู้คน
บริเวณนี้มีหอคอยเวทมนตร์เดี่ยวๆเป็นของตัวเองในตอนที่การต่อสู้เริ่มขึ้น มันก็สร้างบาเรียเล็กๆเป็นของตัวเอง บาเรียนี้มีความพิเศษอยู่ มันไม่เหมือนกับบาเรียรูปโดมที่ปกคลุมทั่วทั้งเมือง มันแนบติดอยู่กับสิ่งก่อสร้างอย่างใกล้ชิด
และด้วยบาเรียนี้เองสิ่งก่อสร้างทั่วทั้งเมืองจึงส่องแสงสว่างสดใส ถ้าดูผ่านๆมันก็เหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้าสังเกตดูดีๆ จะเห็นรูนนับไม่ถ้วนที่ก่อตัวเป็นทะเลดวงดาวอยู่บนกำแพง
และไม่เพียงแค่มันจะสวยงามเท่านั้นแต่มันยังแข็งแกร่งมากเลยด้วย ด้วยการป้องกันนี้ เวทย์ที่ต่ำกว่าระดับตำนานจะไม่สามารถสร้างความเสียหายกับสิ่งก่อสร้างได้เลย ต่อให้เป็นพลังระดับตำนานเอง บาเรียพวกนี้ก็ยังป้องกันคลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นได้อยู่
บาเรียพวกนี้เป็นสิ่งที่ทำให้มั่นใจว่าประชาชนของเมืองมอดไหม้จะไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นกระแทกที่เกิดจากการต่อสู้ที่รุนแรง
พอราเซอร์เข้ามาในพื้นที่นี้แล้วเห็นถนนสะอาดกับสิ่งก่อสร้างมากมายที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ เขาก็รู้สึกว่ามันดูหรูหรากว่าเมืองหลวงของราชวงศ์ไฮเอลฟ์เสียอีก เขาทำได้แค่ชื่นชมอยู่ในใจ ข้าได้ยินมาว่าเมืองนี้เริ่มสร้างขึ้นจากพื้นที่รกร้างและมาถึงจุดนี้ได้ภายในระยะเวลา 7 ปี ลอร์ดเฟิร์ดเป็นคนที่ค่อนข้างมีฝีมือจริงๆ แต่ก็แน่นอนว่านี่ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสงสารหรือเห็นใจขึ้นมาเขาคือเพลิงนรก เขาจะแผดเผาศัตรูทุกคนให้กลายเป็นผุยผงโดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆทั้งนั้น!
เวลามีไม่มากแล้วเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มีเวลามาชื่นชมภาพที่แสดงอยู่นี้ หลังจากที่ตรวจดูบนท้องถนน เขาก็พุ่งไปทางหอคอยเวทมนตร์แกนกลางที่ตั้งอยู่ไกลๆ
ตอนนี้เขาไม่ได้บินอยู่มันไม่ใช่เพราะว่าเขาทำไม่ได้ แต่เป็นเพราะมันอันตรายเกินไป
เขาสัมผัสได้ถึงสายตาจำนวนมากที่กำลังจ้องมาที่เขาพวกเขาสามารถโจมตีเขาตอนไหนก็ได้ ถ้าเกิดว่าเขาบินอยู่ เขาจะต้องเจอกับการโจมตีจำนวนมากอย่าง ถึงแม้ว่าเขาจะป้องกันมันได้ แต่มันก็ตึงมืออยู่ดี ดังนั้นการวิ่งอยู่บนพื้นจะทำให้เขาคล่องตัวกว่าและทำให้ศัตรูลังเลที่จะใช้การโจมตีขนาดใหญ่
บนถนนร่างของเขาเหมือนกับลูกบอลแห่งความมืด ความคล่องแคล่วของเขาทำให้ทุกคนลืมหายใจ; และความเร็วของเขาก็ทำให้ทุกคนตัวสั่น
ภายในหอคอยเวทมนตร์หลักที่อยู่ใจกลางของเมืองมอดไหม้เอเลียร์ด, เอวิเลน่า, มิโรสและอีโลแวน ทุกคนต่างก็กำลังดูแลในส่วนงานของตัวเองอยู่ที่หอคอยเวทมนตร์ พวกเขาทุกคนเห็นราเซอร์ พวกเขาทุกคนจับตาดูการเคลื่อนไหวของเขาและต่างก็รู้สึกตื่นกลัว!
“เขาเร็วมากเลยถ้าตัดสินจากออร่าของเขาแล้ว เขาจะต้องอยู่ที่จุดสูงสุดของเลเวล 16 แน่ๆ!” เอเลียร์ดเคยต่อสู้กับอัศวินลาวาโมเซอร์ที่มีเลเวล 15 มาแล้ว ซึ่งผู้บุกรุกที่เข้ามาในรอบนี้มีคลื่นพลังแข็งแกร่งกว่าโมเซอร์ ดังนั้นเขาจะต้องมีเลเวลมากกว่า 15 แน่ๆ และไฮเอลฟ์ก็เป็นคนพาชายนิรนามคนนี้มา ดังนั้นเขาจะต้องมาจากอารากู่อย่างแน่นอน แล้วเอเลียร์ดก็รู้ว่าในอารากู่ คนที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นมีเลเวล 16 ดังนั้นชายคนนี้จะต้องอยู่ระดับนั้นแน่ๆ
ด้วยคำพูดนี้อีก 3 คนที่เหลือก็พากันตกใจ ในบรรดาทั้ง 4 คน เอเลียร์ดเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด โดยอยู่ที่จุดสูงสุดของเลเวล 11 รองลงมาก็คือเอวิเลน่าที่อยู่ขั้นต้นของเลเวล 11 และมิโรสกับอีโลแวนที่อยู่ที่จุดสูงสุดของเลเวล 10
พวกเขาต่างก็อยู่บนจุดสูงสุดของฟิรุแมนแต่ถ้าพวกเขาเจอกับคนเลเวล 16 นั้น มันก็เหมือนกับมดที่ต้องไปต่อสู้กับช้าง พวกเขาไม่กล้าที่จะจินตนาการถึงด้วยซ้ำ
เอเลียร์ดสัมผัสถึงอารมณ์ของพวกเขาได้และพูดออกมาในทันที“ไม่ต้องห่วง พวกเรายังมีหอคอยเวทมนตร์อยู่ บทลงโทษศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราสามารถทำการโจมตีเลเวล 19 ได้ อีกฝ่ายทนรับมันไม่ไหวหรอก!”
“บทลงโทษศักดิ์สิทธิ์ยังต้องรอเวลาอีก1 นาทีกับ 37 วินาทีค่ะ” ลิลลี่รายงาน
เอวิเลน่าอ้าปากค้าง“การโจมตีของเรือนกกระจอกวายุเงินจากฝั่งนอกอ่าวรุนแรงกว่าปกติถึง 3 เท่า!” เธอตะโกน “พวกนั้นต้องทำการปรับแต่งมาแน่ๆ ตอนนี้เรือทั้ง 8 ลำกำลังทำการโจมตีพร้อมกันอยู่ โดยเล็งมาที่บาเรียของพวกเรา มันเป็นการโจมตีที่วางแผนมาดีแล้ว ดูเหมือนว่าไฮเอลฟ์จะศึกษาพลังของพวกเรามาอย่างดีเลยหล่ะ”
หลังจากที่เธอพูดจบทุกคนก็เข้าใจในทันทีว่าตอนนี้คือช่วงที่อันตรายที่สุดในการต่อสู้นี้ ถ้าเกิดว่าพวกเขาปกป้องเอาไว้ไม่ได้ เมืองมอดไหม้ก็จะมอดไหม้ไปตามชื่อ เมืองเวทมนตร์ที่เจริญที่สุดของมนุษย์ที่สร้างขึ้นจากหยาดเลือด, หยาดเหงื่อและน้ำตาจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน!
แต่ถ้าพวกเขาไม่มีบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์พวกเขาจะป้องกันศัตรูเลเวล 16 ยังไงดีหล่ะ?
“ตัดใจเรื่องบาเรียส่วนนอกกันเถอะ”อยู่ๆมิโรสก็พูดขึ้นมา “พวกเราจะได้เติมพลังงานให้กับบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์ได้ตอนนี้เลย!”
ในครั้งนี้บทลงโทษศักดิ์สิทธิ์ได้กลายเป็นจุดอ่อนเพราะไฮเอลฟ์ได้ทำการโจมตีเมืองจนเกินกว่าขีดจำกัดการป้องกันแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่รุนแรงเช่นนี้ พวกเขาจะถูกบังคับให้ใช้คลังมานาเพื่อเสริมพลังให้กับบาเรีย ซึ่งพลังงานส่วนนี้ได้เก็บสำรองเอาไว้สำหรับบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์
นอกจากนี้การแพร่กระจายของพวกเขายังกว้างเกินไปเมืองมอดไหม้นั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 10 ไมล์ ซึ่งบาเรียที่จะคลุมพื้นที่ระดับนี้ได้นั้นต้องใช้พลังงานมหาศาล ดังนั้นถ้าพวกเขายอมยกเลิกไปส่วนนึง พวกเขาก็จะได้รับมานาปริมาณมหาศาลกลับคืนมาในทันที
ข้อเสนอนี้ทำให้นักเวทย์ระดับตำนานอีก3 คนตกอยู่ในความเงียบ
ถ้าเกิดพวกเขายอมทิ้งเมืองรอบนอกและใช้การป้องกันขั้นสุดพวกเขาก็จะสามารถจัดการศัตรูเลเวล 16 ได้ ยังไงก็ตาม เมืองรอบนอกนั้นจะถูกเรือนกกระจอกวายุเงินทำลายจนไม่เหลือซาก
และประชาชนหลายหมื่นคนจะต้องตายตามไปด้วย
ถ้าเกิดว่าพวกเขาทำแบบนั้นจริงๆความพยายามตลอดหลายปีก็จะหายไปในพริบตา ความมั่งคั่งของเมืองมอดไหม้ก็จะหายไปด้วย และคงไม่มีใครกล้ามาอาศัยอยู่ที่นี่อีกหลังจากเกิดโศกนาฎกรรมเช่นนี้
แต่ว่าถ้าพวกเขาไม่ทำหอคอยเวทมนตร์หลักของพวกเขาก็จะถูกศัตรูทำลาย และเฟิร์ดก็จะเสียหายหนักกว่าเดิม
หลักเหตุผลบอกพวกเขาว่าให้ยอมทิ้งเมืองส่วนนอกไปซะเหมือนกับกิ้งก่าที่ตัดหางของตัวเอง มันเป็นการสูญเสียที่หนักหน่วง แต่มันก็ยังคงมีความหวังที่จะฟื้นฟูกลับมาได้ แต่ถ้าเกิดหอคอยเวทมนตร์หลักถูกทำลาย นักเวทย์ทุกคนที่อยู่ในหอคอยก็จะตายกันหมด หนังสือที่รวบรวมมาหลายปีก็จะหายไปด้วย และความหวังที่มนุษย์จะผงาดขึ้นมาก็จะหายวับไปเช่นกัน
ดังนั้นการยอมตัดใจจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แต่ว่าพวกเขาก็จะต้องกลายเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนเป็นหมื่นเอเลียร์ด เอวิเลน่าและอีโลแวนตกอยู่ในความเงียบ
ทางเลือกนี้เป็นทางเลือกที่หนักหนาสาหัสเกินไป
ในกระจกเวทมนตร์ศัตรูเลเวล 16 อยู่ห่างจากหอคอยเวทมนตร์หลักไม่ถึง 2 ไมล์แล้ว
นักรบแสงอรุณได้ทำการโจมตีถวายชีวิตและหอคอยเวทมนตร์รองทั้งหมดก็พยายามหยุดเขาอย่างสุดความสามารถ
การโจมตีเหล่านี้ทำให้นักรบคนนี้บาดเจ็บไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียวมันแค่ลดความเร็วของเขาลงเล็กน้อยแต่มันก็ไม่มากพอที่จะหยุดเขาเป็นนาที
พวกเขาจะต้องตัดสินใจตอนนี้!
3วินาทีต่อมา เอวิเลน่าก็พูดขึ้น “เอเลียร์ด”
เธอไม่สามารถพูดต่อได้มันรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรติดอยู่ที่คอของเธอ มันทำให้เธออึดอัด ดวงตาของเธอรู้สึกร้อนฉ่า และน้ำตาก็กำลังจะไหลออกมา เธอใช้ชีวิตอยู่ที่เฟิร์ดมาเกือบ3 ปีแล้ว เธอได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดให้กับเมืองนี้ เธอเฝ้าดูมันพัฒนา เสริมความแข็งแกร่งให้มัน และทำให้มันประสบความสำเร็จขึ้นมาทีละนิด ที่นี่เธอได้ค้นพบรักแท้ของเธอ และสำหรับตอนนี้ที่นี่ก็เปรียบเสมือนบ้านที่แท้จริงของเธอ
แล้วเธอจะทำลายมันด้วยมือของตัวเองได้ยังไงกันหล่ะ?
มิโรสกับอีโลแวนนั้นไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันมากเท่าเธอแต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกดีเหมือนกัน ถ้าเทียบกับเกาะรุ่งอรุณอันแสนเข้มงวดแล้ว การใช้ชีวิตอยู่ที่เฟิร์ดมันสบายสำหรับพวกเขามากกว่า
ตอนนี้พวกเขาเป็นจอมเวทย์ของที่นี่ แม้แต่ลิงค์ก็ไม่สามารถมาบังคับพวกเขาให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำได้; กลับกันลิงค์ให้ความเคารพกับพวกเขาด้วยซ้ำ คำพูดเดียวของพวกเขาสามารถตัดสินชะตากรรมของคนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในเมืองได้ และบรรยากาศของที่นี่ก็ผ่อนคลายมาก แถมพวกเขาจะได้รับสิ่งตอบแทนสำหรับสิ่งที่พวกเขาลงทุนลงแรงไปด้วย พูดอีกนัยนึงก็คือ เมืองนี้คือสวรรค์ดีๆนี่เอง
พวกเขาต่างก็พากันเงียบกริบ
2วินาทีผ่านไปด้วยความเงียบ ศัตรูที่แข็งแกร่งได้เข้าใกล้มาอีกครึ่งไมล์ พวกเขาอยู่ห่างกันแค่ 1 ไมล์แล้ว พวกเขาจะมัวมาเสียเวลาไม่ได้อีกแล้ว
ในที่สุดเอเลียร์ดก็พูดขึ้นมา“ยกเลิกการส่งพลังไปให้กับเมืองส่วนนอก เติมพลังให้กับบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์!”
เสียงของเขาสั่นหลังจากที่ตัดสินใจได้แล้ว เขาก็รู้สึกสับสน มีแค่ความคิดเดียวอยู่ในหัวของเขา ‘ฉันจะอธิบายกับลิงค์ยังไงดีเนี่ย?’
ลิงค์ฝากให้เขารับผิดชอบเมืองนี้แต่เขาก็เลือกที่จะทำลายมัน
แต่ในตอนนั้นเองเสียงของเอวิเลน่าก็ดังขึ้น “ลิลลี่ ด้วยอำนาจของมาสเตอร์ระดับ Sหยุดคำสั่งเมื่อสักครู่ซะ!”
การส่งมานาที่พึ่งเริ่มขึ้นได้ถูกหยุดลงในทันที“อีฟ?!” เอเลียร์ดตะโกนดังลั่นด้วยความตกใจ เขาเกือบจะสงสัยว่าเอวิเลน่าเป็นสปายของไฮเอลฟ์ด้วยซ้ำ!
“ดูนั่นก่อนสิชายคนนั้นหยุดลงแล้ว!” เอวิเลน่าอุทาน “นั่นมันนานะนี่!”
ในกระจกหุ่นเชิดเวทมนตร์นานะได้ยืนอยู่ที่ยอดหอระฆัง เธอแค่ยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆ แล้วนักรบเลเวล 16 ก็หยุดลง
เฟิร์ดเมืองมอดไหม้
ในขณะที่ลิงค์กับซาโรวินี่กำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ทางใต้เมืองมอดไหม้เองก็กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง
ตู้ม!เรือนกกระจอกวายุเงินอย่างน้อย 8 ลำได้ปรากฏขึ้นที่อ่าว ผนึกเวทมนตร์บนเรือรบของไฮเอลฟ์เริ่มทำการโจมตีใส่บาเรียป้องกันเวทมนตร์ของเมืองมอดไหม้อย่างดุเดือด
ปืนใหญ่ของพวกเขารุนแรงมากการโจมตีแต่ละครั้งนั้นมีเลเวล8 แถมการโจมตียังต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดด้วย บาเรียป้องกันเมืองมอดไหม้กระเพื่อมตลอดไม่มีหยุดพัก ซึ่งหอคอยเวทมนตร์ต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาลในการรักษาความเสถียรของบาเรียเอาไว้
“ท่านครับได้เวลาแล้ว การจ่ายมานาของหอคอยเวทมนตร์เฟิร์ดถึงขีดจำกัดแล้วครับตอนนี้ พวกมันต้องเปิดใช้ตัวช่วยเสริมของหอคอยเวทมนตร์เพื่อใช้ผนึกเวทย์บทลงโทษศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณสองนาทีครับ!”
อัศวินลาวาราเซอร์พยักหน้าเขารู้ว่าเวลา 2 นาทีนี้คือเวลาที่เขาสามารถลงมือได้อย่างปลอดภัย ถ้าเกิดว่าเวลาล่วงเลยไปและต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์ เขาก็คงจะตกอยู่ในอันตราย เขาอาจจะต้องตายด้วยซ้ำ
เขากระโดดออกจากดาดฟ้าเรือนกกระจอกวายุเงินและวิ่งไปบนน้ำฝีเท้าของเขาเบาเหมือนกับสายลม ไม่ถึง 3 วินาที เขาก็วิ่งไปได้กว่า 1,000 ฟุต ที่ด้านนอกบาเรียเวทมนตร์ของเมืองมอดไหม้ เขาชักดาบออกมาและฟันเข้าไปที่บาเรียอย่างนุ่มนวล มีรูกว้างกว่า 6 ฟุตปรากฏขึ้นบนบาเรียที่เหมือนกับกำแพงหนานี้
พลังรอบๆรูสั่นสะเทือนมันพยายามจะปิดรู แต่ก็มีเพลิงสีดำเผาไหม้รูที่สั่นสะเทือนนี้อย่างเงียบๆ มันกลืนกินพลังเวทมนตร์ที่ถูกเติมเข้ามา
ด้วยเพลิงสีดำนี้รูจึงยังสั่นอยู่เรื่อยๆ ซึ่งนี่ก็ทำให้ราเซอร์ผ่านบาเรียเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
ราเซอร์กระโดดเข้ามาในบริเวณย่านธุรกิจของเมืองมอดไหม้มันเป็นส่วนที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองและพัฒนาไปจนเทียบเท่ากับท่าเรือ เนื่องจากการโจมตีอย่างกระทันกันของไฮเอลฟ์ ชาวเมืองทุกคนจึงหลบซ่อนตัวอยู่ ซึ่งมันก็ทำให้ท้องถนนนั้นโล่งไร้ผู้คน
บริเวณนี้มีหอคอยเวทมนตร์เดี่ยวๆเป็นของตัวเองในตอนที่การต่อสู้เริ่มขึ้น มันก็สร้างบาเรียเล็กๆเป็นของตัวเอง บาเรียนี้มีความพิเศษอยู่ มันไม่เหมือนกับบาเรียรูปโดมที่ปกคลุมทั่วทั้งเมือง มันแนบติดอยู่กับสิ่งก่อสร้างอย่างใกล้ชิด
และด้วยบาเรียนี้เองสิ่งก่อสร้างทั่วทั้งเมืองจึงส่องแสงสว่างสดใส ถ้าดูผ่านๆมันก็เหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้าสังเกตดูดีๆ จะเห็นรูนนับไม่ถ้วนที่ก่อตัวเป็นทะเลดวงดาวอยู่บนกำแพง
และไม่เพียงแค่มันจะสวยงามเท่านั้นแต่มันยังแข็งแกร่งมากเลยด้วย ด้วยการป้องกันนี้ เวทย์ที่ต่ำกว่าระดับตำนานจะไม่สามารถสร้างความเสียหายกับสิ่งก่อสร้างได้เลย ต่อให้เป็นพลังระดับตำนานเอง บาเรียพวกนี้ก็ยังป้องกันคลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นได้อยู่
บาเรียพวกนี้เป็นสิ่งที่ทำให้มั่นใจว่าประชาชนของเมืองมอดไหม้จะไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นกระแทกที่เกิดจากการต่อสู้ที่รุนแรง
พอราเซอร์เข้ามาในพื้นที่นี้แล้วเห็นถนนสะอาดกับสิ่งก่อสร้างมากมายที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ เขาก็รู้สึกว่ามันดูหรูหรากว่าเมืองหลวงของราชวงศ์ไฮเอลฟ์เสียอีก เขาทำได้แค่ชื่นชมอยู่ในใจ ข้าได้ยินมาว่าเมืองนี้เริ่มสร้างขึ้นจากพื้นที่รกร้างและมาถึงจุดนี้ได้ภายในระยะเวลา 7 ปี ลอร์ดเฟิร์ดเป็นคนที่ค่อนข้างมีฝีมือจริงๆ แต่ก็แน่นอนว่านี่ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสงสารหรือเห็นใจขึ้นมาเขาคือเพลิงนรก เขาจะแผดเผาศัตรูทุกคนให้กลายเป็นผุยผงโดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆทั้งนั้น!
เวลามีไม่มากแล้วเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มีเวลามาชื่นชมภาพที่แสดงอยู่นี้ หลังจากที่ตรวจดูบนท้องถนน เขาก็พุ่งไปทางหอคอยเวทมนตร์แกนกลางที่ตั้งอยู่ไกลๆ
ตอนนี้เขาไม่ได้บินอยู่มันไม่ใช่เพราะว่าเขาทำไม่ได้ แต่เป็นเพราะมันอันตรายเกินไป
เขาสัมผัสได้ถึงสายตาจำนวนมากที่กำลังจ้องมาที่เขาพวกเขาสามารถโจมตีเขาตอนไหนก็ได้ ถ้าเกิดว่าเขาบินอยู่ เขาจะต้องเจอกับการโจมตีจำนวนมากอย่าง ถึงแม้ว่าเขาจะป้องกันมันได้ แต่มันก็ตึงมืออยู่ดี ดังนั้นการวิ่งอยู่บนพื้นจะทำให้เขาคล่องตัวกว่าและทำให้ศัตรูลังเลที่จะใช้การโจมตีขนาดใหญ่
บนถนนร่างของเขาเหมือนกับลูกบอลแห่งความมืด ความคล่องแคล่วของเขาทำให้ทุกคนลืมหายใจ; และความเร็วของเขาก็ทำให้ทุกคนตัวสั่น
ภายในหอคอยเวทมนตร์หลักที่อยู่ใจกลางของเมืองมอดไหม้เอเลียร์ด, เอวิเลน่า, มิโรสและอีโลแวน ทุกคนต่างก็กำลังดูแลในส่วนงานของตัวเองอยู่ที่หอคอยเวทมนตร์ พวกเขาทุกคนเห็นราเซอร์ พวกเขาทุกคนจับตาดูการเคลื่อนไหวของเขาและต่างก็รู้สึกตื่นกลัว!
“เขาเร็วมากเลยถ้าตัดสินจากออร่าของเขาแล้ว เขาจะต้องอยู่ที่จุดสูงสุดของเลเวล 16 แน่ๆ!” เอเลียร์ดเคยต่อสู้กับอัศวินลาวาโมเซอร์ที่มีเลเวล 15 มาแล้ว ซึ่งผู้บุกรุกที่เข้ามาในรอบนี้มีคลื่นพลังแข็งแกร่งกว่าโมเซอร์ ดังนั้นเขาจะต้องมีเลเวลมากกว่า 15 แน่ๆ และไฮเอลฟ์ก็เป็นคนพาชายนิรนามคนนี้มา ดังนั้นเขาจะต้องมาจากอารากู่อย่างแน่นอน แล้วเอเลียร์ดก็รู้ว่าในอารากู่ คนที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นมีเลเวล 16 ดังนั้นชายคนนี้จะต้องอยู่ระดับนั้นแน่ๆ
ด้วยคำพูดนี้อีก 3 คนที่เหลือก็พากันตกใจ ในบรรดาทั้ง 4 คน เอเลียร์ดเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด โดยอยู่ที่จุดสูงสุดของเลเวล 11 รองลงมาก็คือเอวิเลน่าที่อยู่ขั้นต้นของเลเวล 11 และมิโรสกับอีโลแวนที่อยู่ที่จุดสูงสุดของเลเวล 10
พวกเขาต่างก็อยู่บนจุดสูงสุดของฟิรุแมนแต่ถ้าพวกเขาเจอกับคนเลเวล 16 นั้น มันก็เหมือนกับมดที่ต้องไปต่อสู้กับช้าง พวกเขาไม่กล้าที่จะจินตนาการถึงด้วยซ้ำ
เอเลียร์ดสัมผัสถึงอารมณ์ของพวกเขาได้และพูดออกมาในทันที“ไม่ต้องห่วง พวกเรายังมีหอคอยเวทมนตร์อยู่ บทลงโทษศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราสามารถทำการโจมตีเลเวล 19 ได้ อีกฝ่ายทนรับมันไม่ไหวหรอก!”
“บทลงโทษศักดิ์สิทธิ์ยังต้องรอเวลาอีก1 นาทีกับ 37 วินาทีค่ะ” ลิลลี่รายงาน
เอวิเลน่าอ้าปากค้าง“การโจมตีของเรือนกกระจอกวายุเงินจากฝั่งนอกอ่าวรุนแรงกว่าปกติถึง 3 เท่า!” เธอตะโกน “พวกนั้นต้องทำการปรับแต่งมาแน่ๆ ตอนนี้เรือทั้ง 8 ลำกำลังทำการโจมตีพร้อมกันอยู่ โดยเล็งมาที่บาเรียของพวกเรา มันเป็นการโจมตีที่วางแผนมาดีแล้ว ดูเหมือนว่าไฮเอลฟ์จะศึกษาพลังของพวกเรามาอย่างดีเลยหล่ะ”
หลังจากที่เธอพูดจบทุกคนก็เข้าใจในทันทีว่าตอนนี้คือช่วงที่อันตรายที่สุดในการต่อสู้นี้ ถ้าเกิดว่าพวกเขาปกป้องเอาไว้ไม่ได้ เมืองมอดไหม้ก็จะมอดไหม้ไปตามชื่อ เมืองเวทมนตร์ที่เจริญที่สุดของมนุษย์ที่สร้างขึ้นจากหยาดเลือด, หยาดเหงื่อและน้ำตาจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน!
แต่ถ้าพวกเขาไม่มีบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์พวกเขาจะป้องกันศัตรูเลเวล 16 ยังไงดีหล่ะ?
“ตัดใจเรื่องบาเรียส่วนนอกกันเถอะ”อยู่ๆมิโรสก็พูดขึ้นมา “พวกเราจะได้เติมพลังงานให้กับบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์ได้ตอนนี้เลย!”
ในครั้งนี้บทลงโทษศักดิ์สิทธิ์ได้กลายเป็นจุดอ่อนเพราะไฮเอลฟ์ได้ทำการโจมตีเมืองจนเกินกว่าขีดจำกัดการป้องกันแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่รุนแรงเช่นนี้ พวกเขาจะถูกบังคับให้ใช้คลังมานาเพื่อเสริมพลังให้กับบาเรีย ซึ่งพลังงานส่วนนี้ได้เก็บสำรองเอาไว้สำหรับบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์
นอกจากนี้การแพร่กระจายของพวกเขายังกว้างเกินไปเมืองมอดไหม้นั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 10 ไมล์ ซึ่งบาเรียที่จะคลุมพื้นที่ระดับนี้ได้นั้นต้องใช้พลังงานมหาศาล ดังนั้นถ้าพวกเขายอมยกเลิกไปส่วนนึง พวกเขาก็จะได้รับมานาปริมาณมหาศาลกลับคืนมาในทันที
ข้อเสนอนี้ทำให้นักเวทย์ระดับตำนานอีก3 คนตกอยู่ในความเงียบ
ถ้าเกิดพวกเขายอมทิ้งเมืองรอบนอกและใช้การป้องกันขั้นสุดพวกเขาก็จะสามารถจัดการศัตรูเลเวล 16 ได้ ยังไงก็ตาม เมืองรอบนอกนั้นจะถูกเรือนกกระจอกวายุเงินทำลายจนไม่เหลือซาก
และประชาชนหลายหมื่นคนจะต้องตายตามไปด้วย
ถ้าเกิดว่าพวกเขาทำแบบนั้นจริงๆความพยายามตลอดหลายปีก็จะหายไปในพริบตา ความมั่งคั่งของเมืองมอดไหม้ก็จะหายไปด้วย และคงไม่มีใครกล้ามาอาศัยอยู่ที่นี่อีกหลังจากเกิดโศกนาฎกรรมเช่นนี้
แต่ว่าถ้าพวกเขาไม่ทำหอคอยเวทมนตร์หลักของพวกเขาก็จะถูกศัตรูทำลาย และเฟิร์ดก็จะเสียหายหนักกว่าเดิม
หลักเหตุผลบอกพวกเขาว่าให้ยอมทิ้งเมืองส่วนนอกไปซะเหมือนกับกิ้งก่าที่ตัดหางของตัวเอง มันเป็นการสูญเสียที่หนักหน่วง แต่มันก็ยังคงมีความหวังที่จะฟื้นฟูกลับมาได้ แต่ถ้าเกิดหอคอยเวทมนตร์หลักถูกทำลาย นักเวทย์ทุกคนที่อยู่ในหอคอยก็จะตายกันหมด หนังสือที่รวบรวมมาหลายปีก็จะหายไปด้วย และความหวังที่มนุษย์จะผงาดขึ้นมาก็จะหายวับไปเช่นกัน
ดังนั้นการยอมตัดใจจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แต่ว่าพวกเขาก็จะต้องกลายเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนเป็นหมื่นเอเลียร์ด เอวิเลน่าและอีโลแวนตกอยู่ในความเงียบ
ทางเลือกนี้เป็นทางเลือกที่หนักหนาสาหัสเกินไป
ในกระจกเวทมนตร์ศัตรูเลเวล 16 อยู่ห่างจากหอคอยเวทมนตร์หลักไม่ถึง 2 ไมล์แล้ว
นักรบแสงอรุณได้ทำการโจมตีถวายชีวิตและหอคอยเวทมนตร์รองทั้งหมดก็พยายามหยุดเขาอย่างสุดความสามารถ
การโจมตีเหล่านี้ทำให้นักรบคนนี้บาดเจ็บไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียวมันแค่ลดความเร็วของเขาลงเล็กน้อยแต่มันก็ไม่มากพอที่จะหยุดเขาเป็นนาที
พวกเขาจะต้องตัดสินใจตอนนี้!
3วินาทีต่อมา เอวิเลน่าก็พูดขึ้น “เอเลียร์ด”
เธอไม่สามารถพูดต่อได้มันรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรติดอยู่ที่คอของเธอ มันทำให้เธออึดอัด ดวงตาของเธอรู้สึกร้อนฉ่า และน้ำตาก็กำลังจะไหลออกมา เธอใช้ชีวิตอยู่ที่เฟิร์ดมาเกือบ3 ปีแล้ว เธอได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดให้กับเมืองนี้ เธอเฝ้าดูมันพัฒนา เสริมความแข็งแกร่งให้มัน และทำให้มันประสบความสำเร็จขึ้นมาทีละนิด ที่นี่เธอได้ค้นพบรักแท้ของเธอ และสำหรับตอนนี้ที่นี่ก็เปรียบเสมือนบ้านที่แท้จริงของเธอ
แล้วเธอจะทำลายมันด้วยมือของตัวเองได้ยังไงกันหล่ะ?
มิโรสกับอีโลแวนนั้นไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันมากเท่าเธอแต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกดีเหมือนกัน ถ้าเทียบกับเกาะรุ่งอรุณอันแสนเข้มงวดแล้ว การใช้ชีวิตอยู่ที่เฟิร์ดมันสบายสำหรับพวกเขามากกว่า
ตอนนี้พวกเขาเป็นจอมเวทย์ของที่นี่ แม้แต่ลิงค์ก็ไม่สามารถมาบังคับพวกเขาให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำได้; กลับกันลิงค์ให้ความเคารพกับพวกเขาด้วยซ้ำ คำพูดเดียวของพวกเขาสามารถตัดสินชะตากรรมของคนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในเมืองได้ และบรรยากาศของที่นี่ก็ผ่อนคลายมาก แถมพวกเขาจะได้รับสิ่งตอบแทนสำหรับสิ่งที่พวกเขาลงทุนลงแรงไปด้วย พูดอีกนัยนึงก็คือ เมืองนี้คือสวรรค์ดีๆนี่เอง
พวกเขาต่างก็พากันเงียบกริบ
2วินาทีผ่านไปด้วยความเงียบ ศัตรูที่แข็งแกร่งได้เข้าใกล้มาอีกครึ่งไมล์ พวกเขาอยู่ห่างกันแค่ 1 ไมล์แล้ว พวกเขาจะมัวมาเสียเวลาไม่ได้อีกแล้ว
ในที่สุดเอเลียร์ดก็พูดขึ้นมา“ยกเลิกการส่งพลังไปให้กับเมืองส่วนนอก เติมพลังให้กับบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์!”
เสียงของเขาสั่นหลังจากที่ตัดสินใจได้แล้ว เขาก็รู้สึกสับสน มีแค่ความคิดเดียวอยู่ในหัวของเขา ‘ฉันจะอธิบายกับลิงค์ยังไงดีเนี่ย?’
ลิงค์ฝากให้เขารับผิดชอบเมืองนี้แต่เขาก็เลือกที่จะทำลายมัน
แต่ในตอนนั้นเองเสียงของเอวิเลน่าก็ดังขึ้น “ลิลลี่ ด้วยอำนาจของมาสเตอร์ระดับ Sหยุดคำสั่งเมื่อสักครู่ซะ!”
การส่งมานาที่พึ่งเริ่มขึ้นได้ถูกหยุดลงในทันที“อีฟ?!” เอเลียร์ดตะโกนดังลั่นด้วยความตกใจ เขาเกือบจะสงสัยว่าเอวิเลน่าเป็นสปายของไฮเอลฟ์ด้วยซ้ำ!
“ดูนั่นก่อนสิชายคนนั้นหยุดลงแล้ว!” เอวิเลน่าอุทาน “นั่นมันนานะนี่!”
ในกระจกหุ่นเชิดเวทมนตร์นานะได้ยืนอยู่ที่ยอดหอระฆัง เธอแค่ยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆ แล้วนักรบเลเวล 16 ก็หยุดลง