Advent of the Archmage - 687 บดขยี้
Chapter
ราเซอร์นั้นเป็นนักรบเลเวล16 ที่มีเขตแดนของตัวเอง พลังของเขาทำให้เขามีสายตาดีกว่าคนอื่น
ในทันทีที่เขาเห็นเมฆสีทองที่กำลังลุกไหม้เขาก็รู้ในทันทีว่ามันคือเขตแดนของใครบางคน
แถมมันน่าจะมีเลเวลพอๆกับของเขาด้วยแต่ว่า, คนๆนั้นเป็นใครกัน?
มันจะต้องเป็นคนที่พึ่งเลเวลอัพขึ้นมาแน่ๆราเซอร์รู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก เขารู้สึกว่าคนที่กำลังมานั้นเป็นศัตรูไม่ใช่มิตร
ก่อนที่จะโจมตีเฟิร์ดเขาสัมผัสได้ถึงพลังที่คล้ายๆกับเมฆสีทองนี้แล้ว ซึ่งมันน่าจะมาจากคนๆเดียวกัน
คนๆนี้พึ่งจะเข้าสู่เลเวล16 ข้าสามารถจัดการเขาได้ถ้าเกิดข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ในตอนนั้นเองราเซอร์ก็ก้มลงมามองแผลที่หน้าอกซ้ายของตัวเองและจากนั้นก็มองไปยังเรือนกกระจอกวายุเงินที่กำลังเร่งความเร็วผ่านทะเล ความรู้สึกจนปัญญาปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
นกกระจอกวายุเงินของไฮเอลฟ์นั้นเป็นแค่พลังระดับสิ่งมีชีวิตเขาต้องเผชิญหน้ากับพลังอันมหาศาลที่สามารถบดขยี้ทั่วทั้งฟิรุแมนได้ ในทันทีที่อีกฝ่ายมาถึง ราเซอร์ที่ได้รับบาดเจ็บคงจะพ่ายแพ้ในทันที
“ท่านครับพวกเราจะเอายังไงดีครับ?” ไฮเอลฟ์หนุ่มร่างกำยำเดินเข้ามา เขาคือผู้บัญชาการหลักของกองเรือนกกระจอกวายุเงินและมีเลเวล 11 เขามีชื่อแปลกๆว่าดวาชอน ฮวน เขามีอายุ 45 ปี ซึ่งถือเป็นวัยที่กำลังแข็งแรงของไฮเอลฟ์
เขายังหนุ่มและมีตำแหน่งใหญ่โตแถมเขามีพลังระดับตำนานด้วย ซึ่งนี่ทำให้เขามองฟิรุแมนอย่างหยิ่งผยอง และทำให้เขาเป็นคนมีความมั่นใจจนเกินไป แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับเพลิงนรก ราเซอร์เขาก็ยังคงใจเย็นและสำรวมอยู่ เขาดูไม่ได้เจียมตัวหรืออ่อนน้อมเหมือนกับไฮเอลฟ์คนอื่นเลย
ราเซอร์เคยเห็นผู้คนมามากเขามีอายุ 60 กว่าปีแล้วและไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเหมือนไฮเอลฟ์ที่เกาะรุ่งอรุณ ชีวิตของเขานั้นมีแต่ความวุ่นวาย สำหรับเขา, ดวาชอนก็เป็นแค่มือใหม่ที่พึ่งจะได้เผชิญโลกอันอันโหดร้าย
ความกระตือรือร้นของเขาถือเป็นสิ่งที่ดีถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี มันจะช่วยให้เขาชินกับโลกได้อย่างรวดเร็ว แต่ว่าสำหรับตอนนี้ พวกเขาอยู่ในสภาพที่เลวร้าย ซึ่งความกระตือรือร้นนี้ก็มีแต่จะทำให้เขาตายไวขึ้น
เนื่องจากเขาเป็นบุคคลสำคัญจากเผ่าพันธุ์ของมารดาท่านนักบวชและพวกเขาก็มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอดในการเดินทางครั้งนี้ดังนั้นราเซอร์จึงพูดขึ้นมา “คนที่กำลังมามีเลเวลพอๆกับข้า ตอนนี้สถานการณ์อันตรายมาก ยอมทิ้งเรื่องนกกระจอกวายุเงินและถอยไปซะ รีบกลับไปที่เกาะให้เร็วที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้” ดวาชอนตัวแข็งทื่อเกาะรุ่งอรุณมีเรือนกกระจอกวายุเงินอยู่ทั้งหมด 27 ลำ และพวกมันก็เป็นกองกำลังเชิงกลยุทธ์ ตอนนี้ ราเซอร์บอกให้พวกเขาทิ้งเรือไป 8 ลำโดยที่ไม่ทำการตอบโต้ ไม่มีผู้บัญชาการคนไหนที่จะยอมทำแบบนี้หรอก
และที่สำคัญกว่านั้นนี่เป็นครั้งแรกที่ดวาชอนได้ทำการบัญชาการกองทัพเรือ ถ้าเกิดเขาแพ้ขึ้นมา มันก็จะทำให้ชื่อเสียงของเขาแปดเปื้อนไปตลอดชีวิต
หลังจากเงียบไปหลายวินาทีเขาก็พูดออกมาเบาๆ “ท่านครับ มีนักเวทย์ระดับสูงอยู่บนเรือนกกระจอกวายุเงินทั้งหมด 200 คน เรือทั้ง 8 ลำนั้นมีความสามารถมากพอที่จะสร้างผนึกเวทมนตร์เลเวล 17 สำหรับโจมตีและป้องกันขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าคนที่กำลังมาจะมีเลเวลพอๆกับท่าน แต่พวกเราอาจจะไม่แพ้ก็ได้นะครับ”
นี่เป็นไพ่ตายของกองเรือนี้ในตอนที่พวกเขาใช้มัน เรือก็จะถูกทำลายโดยไม่สนว่าพวกเขาจะทำการขับไล่ศัตรูได้สำเร็จหรือเปล่า และไม่ว่าจะซ่อมยังไงมันก็ไม่ได้ผล เรือมีแต่จะกลายเป็นวัตถุดิบที่ใช้งานไม่ได้และถูกนำไปรีไซเคิลใหม่
ค่าใช้จ่ายนั้นสูงเกินไปไฮเอลฟ์จะไม่มีทางใช้วิธีนี้เลยนอกจากว่าจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ
“งั้นหรอ?”ราเซอร์ค่อนข้างตกใจ เขาไม่ได้สนใจเกาะรุ่งอรุณมากนักและไม่ได้ใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับพลังของพันธมิตรชั่วคราวของเขาด้วย ในตอนที่ได้ยินว่าพวกเขาสามารถสร้างผนึกเวทมนตร์เลเวล 17 ได้ เขาก็ค่อนข้างตกใจ
เขาตรวจสอบผนึกเวทมนตร์อย่างละเอียดและไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็ส่ายหัว “ไม่มีประโยชน์หรอก มานาที่เก็บเอาไว้ในกองเรือมีไม่พอ แล้วมันก็ทนทานไม่พอด้วย เรือเองก็รับไม่ไหวเหมือนกัน แถมผนึกเวทมนตร์นี้ยังห่างไกลจากพลังเลเวล 17 ที่แท้จริงอยู่ มันทำขึ้นมาหยาบเกินไปและไม่สามารถหยุดอะไรได้ด้วย ช่างมันเถอะ, ตอนนี้อย่ามัวแต่ลังเลแล้วรีบไปซะ!”
ความเหมือนเพียงข้อเดียวระหว่างผนึกเวทมนตร์เลเวล17 นี้กับเวทย์เลเวล 17 ของแท้ก็คือความหนาแน่นของพลัง ส่วนเรื่อง การปิดกั้นมิติ การทำลายเขตแดน และลักษณะอื่นๆของพลังเลเวล 17 ที่แท้จริงนั้น มันไม่มีซักอย่างเลย
พูดอีกนัยนึงก็คือผนึกเวทมนตร์ของนกกระจอกวายุเงินนั้นมีพลังโจมตีที่รุนแรง แต่ไม่ว่ามันจะโจมตีรุนแรงแค่ไหน ถ้าไม่โดนเป้าหมายมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร การใช้พลังที่ไม่มั่นคงนี้กับศัตรูเลเวล 16 ก็เหมือนกับการยิงปืนใหญ่เวทมนตร์ใส่ยุงที่อยู่นอกระยะปืนใหญ่ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
แต่ดวาชอนก็ยังไม่ยอมตัดใจเขาส่ายหัวและพูดออกมา “ไม่มีกองเรือไหนในโลกนี้ที่ถอยโดยยังไม่ได้ลองต่อสู้ดูหรอกครับ ถ้าเกิดมี ข้าก็มั่นใจว่ามันจะต้องไม่ใช่กองเรือของไฮเอลฟ์อย่างแน่นอน!” หลังจากนั้นเขาก็กลับเข้าไปที่ห้องบัญชาการเรือ โดยไม่สนใจคำเตือนของราเซอร์
“เตรียมพร้อมต่อสู้!”
“เริ่มสร้างผนึกเวทย์พายุสิ้นโลก!”
ครืน,ครืน, ครืน, ครืน แสงสีน้ำเงินอ่อนกระพริบขึ้นมาบนเรือแต่ละลำ จากนั้นแสงก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นสายพานสีน้ำเงินขาว พวกมันยืดออกและเชื่อมเรือทุกลำเข้าด้วยกัน
กริ๊กกริ๊ก กริ๊ก ด้วยการชี้นำของสายพาน นกกระจอกวายุเงินก็เข้าประจำที่ ในที่สุด เรือทั้ง 8 ลำก็ตั้งกระบวนเป็นรูปดอกไม้และหันหน้าเข้าหาศัตรู
หลังจากนั้นไม่นานบ่อมานาจากเรือแต่ละลำก็ทำงานอย่างหนักหน่วง แสงสีน้ำเงินขาวไหลออกมาและสร้างโล่ทรงกลมขึ้นมา มันปกคลุมเรือทั้ง 8 ลำโดยไม่มีช่องว่างเลย จากระยะไกลๆ มันดูเหมือนกับว่าเรือทั้ง 8 ลำนั้นได้กลายเป็นลูกบอลสีน้ำเงินขนาดใหญ่ “หืม?”มันดูน่าสนใจและความหวังก็เริ่มงอกเงยขึ้นมาในใจของราเซอร์ และโดยไม่พูดอะไรอีก เขาก็นั่งขัดสมาธิบนดาดฟ้าเรือ เขาหยิบเอาขวดน้ำยารักษาสีแดงเพลิงออกมาและเพ่งจิตไปที่การควบคุมมานาในตัวเขาเพื่อรักษาบาดแผลของตัวเอง
น้ำยานี้เป็นน้ำยาพิเศษสำหรับอัศวินลาวาและมันก็มีประสิทธิภาพสูงมากราเซอร์ได้รับบาดเจ็บในระหว่างการต่อสู้อยู่บ่อยครั้งและมีประสบการณ์เกี่ยวกับการรักษาอยู่ ที่เขาทำสมาธิในตอนนี้ก็เพื่อให้น้ำยาและมานาได้ทำงานร่วมกัน เขารู้สึกได้ถึงความอุ่นที่หน้าอกของเขาในทันที; มันเป็นความรู้สึกที่ผ่อนคลายมากๆ
แต่ว่ามันก็อยู่ได้ไม่นานก่อนที่เขาจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
‘มีพลังงานบางอย่างขัดขวางการฟื้นฟูของข้านานะทิ้งมันเอาไว้ แย่แล้วสิ’
มันไม่ได้รุนแรงมากแต่มันก็เป็นปัญหา เขาลองตรวจสอบดูแล้ว และสามารถขับไล่มันไปได้ แต่มันก็ต้องใช้เวลาซักพักนึง ซึ่งนี่จะทำให้เขาไม่สามารถต่อสู้ได้เป็นเวลา 3 วัน
เฮ้อยัยฝันร้ายทมิฬนั่นน่ากลัวสมชื่อจริงๆ! ราเซอร์ถอนหายใจ ฝันร้ายทมิฬนั้นเป็นหนึ่งในชื่อเล่นของนานะ เธอได้รับมันมาหลังจากที่ฆ่านักเวทย์เลเวล 18 ในอาณาจักรอารากู่
ราเซอร์หยุดคิดไม่ว่ายังไง ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือการตั้งสมาธิกับการรักษาบาดแผลของเขา
ในตอนนี้เมฆสีทองบนท้องฟ้าได้เข้ามาใกล้แล้ว ราเซอร์มีสัมผัสที่เฉียบแหลม เขาสามารถสัมผัสได้ว่าศัตรูกำลังใกล้เข้ามาด้วยความเร็ว 1.5 ไมล์ต่อวินาที เขาอยู่ห่างออกไปไม่ถึง 30 ไมล์และจะมาถึงที่นี่ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที
ประมาณ15 วินาทีต่อมา ก็เกิดเสียงระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น
ฟิ้วฟิ้ว เสียงนั้นอู้อี้และอึกทึกเหมือนกับฟ้าร้อง นี่คือเสียงที่เกิดขึ้นในตอนที่มีคนกำลังพุ่งผ่านอากาศด้วยความเร็วที่สูงมากๆ
ตอนนี้พลังเขตแดนของเขาแผ่มาถึงที่นี่แล้ว ท้องฟ้าเหนือทะเลกลายเป็นสีทอง มีมังกรจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังบินอยู่บนท้องฟ้าสีทองนี้ พวกมันคำรามอยู่อยู่บนฟ้า; มันดูน่ากลัวมากๆ
“ใจเย็นไว้!ใจเย็นไว้!” เสียงดวาชอนดังขึ้น เขาตะโกนด้วยกำลังทั้งหมดของเขา เห็นได้ชัดว่าพลังของศัตรูนั้นทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างมาก
“ทำการล็อคเป้าหมายเสร็จแล้วครับ!เป้าหมายถูกล็อคแล้ว! พร้อมโจมตีได้ตลอดเวลาครับ!” นักเวทย์ระดับตำนานตะโกน สีหน้าของเขาดูตื่นเต้นมาก
ศัตรูนั้นมีเลเวล16 ส่วนผนึกเวทมนตร์พายุสิ้นโลกของพวกเขามีเลเวล 17 แถมเป้าหมายก็ถูกล็อคเรียบร้อยแล้วและสามารถปล่อยการโจมตีถึงตายได้ตลอดเวลา การฆ่านักเวทย์เลเวล 16 นั้นเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก มันสามารถเล่าต่อกันไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานได้เลย!
“เตรียมตัวให้พร้อม!”ดวาชอนเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน เลเวล 16 แล้วไง? จะให้ทิ้งเรือและหนีไป? สิ้นหวังแล้วงั้นหรอ? ไม่หรอก พวกเรามีพลังมากพอที่จะฆ่าศัตรู เลเวล 16 มันก็แค่งั้นๆแหล่ะ
ครืน!ครืน! ผนึกเวทมนตร์ทำงานจนถึงขีดสุดของมันแล้ว อากาศรอบๆกองเรือเริ่มเดือดปุดๆ พร้อมที่จะทำตามคำสั่งของผนึกเวทย์
แต่แล้วในตอนนั้นเองบางอย่างที่น่ากลัวก็เกิดขึ้น
“ไม่นะเป้าหมายใช้ก้าวพริบตา! แถมใช้อย่างต่อเนื่องเลยด้วย! เป้าหมายหายไปแล้ว! ไม่สามารถล็อคเป้าหมายได้! แย่แล้ว!”
ในท้องฟ้าที่ห่างออกไปจุดดำตรงนั้นไม่ได้บินตรงๆอีกต่อไปแล้ว เขาจะหายไปและปรากฏตัวขึ้นในจุดที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เขากำลังเข้ามาใกล้กองเรือนกกระจอกวายุเงินด้วยความเร็วอันน่าตกใจ นี่คือเขตแดนอาณาจักรมังกรทองของลิงค์เขาสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระภายในเขตแดนนี้ ซึ่งมันจะอิสระเป็นพิเศษในตอนที่ไม่มีใครที่มีเลเวลพอๆกับเขามาขัดขวาง ยกตัวอย่างเช่น เขาไม่กล้าที่จะใช้ก้าวพริบตาในตอนที่สู้กับซาโรวินี่เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร ซาโรวินี่สามารถมองผ่านสิ่งกีดขวางทางมิติและโจมตีเขาได้ แต่ว่าตอนนี้ เขาสามารถบดขยี้ศัตรูของเขาได้สบายๆ!
ถ้าเกิดกองเรือนกกระจอกวายุเงินไม่สามารถทำลายเขตแดนของเขาได้เขาก็ไม่ต้องสนใจแล้วว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหน เพราะพวกเขาไม่สามารถทำอันตรายกับลิงค์ได้
ท่ามกลางเสียงร้องด้วยความสิ้นหวังก็เกิดเสียงขึ้นถูเบาๆ แสงสีทองพุ่งผ่านผนึกเวทมนตร์ของกองเรือนกกระจอกวายุเงิน เหมือนกับการตัดขนมปัง มันถูกผ่าออกเป็นสองส่วน
ถ้ามองผ่านๆมันดูเหมือนกับว่าลิงค์พึ่งจะชักดาบของเขาออกมา แต่ว่าเพลิงนรก ราเซอร์นั้นรู้ได้ในทันที ในการเผชิญหน้ากับผนึกเวทมนตร์พายุสิ้นโลกเลเวล 17 นี้ ลิงค์ได้ทำการเคลื่อนไหวไปทั้งหมด 36 ครั้ง เขาใช้พลังงานทั้งหมดของผนึกเวทมนตร์ก่อนที่มันจะถูกตัดครึ่ง
นักเวทย์เลเวล16 ที่แท้จริงบดขยี้กลุ่มนักรบระดับต่ำได้อย่างง่ายดายตามที่ควรจะเป็น ราเซอร์ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรเลย
หลังจากที่ทำการผ่ากองเรือเสร็จเรียบร้อยร่างของเขาก็เปล่งแสง แล้วก็มีคนปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าราเซอร์ เขาคือลิงค์
ดาบแสงส่องประกายและราเซอร์ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่เย็นเฉียบที่ระหว่างคิ้วของเขา
“ทำไมไม่ฆ่าข้าซะหล่ะ?”ราเซอร์เงยหน้ามอง ดาบของลิงค์นั้นอยู่ห่างจากหน้าผากของเขา 1 มิลลิเมตร ดาดฟ้าเรือสั่น แต่ว่าดาบของเขาก็ไม่ได้ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว มันหนักแน่นและมั่นคงเหมือนหินผา
“ก็เพราะนายยังมีประโยชน์อยู่หน่ะสิ”ลิงค์ยิ้มให้เล็กน้อย
ราเซอร์นั้นเป็นนักรบเลเวล16 ที่มีเขตแดนของตัวเอง พลังของเขาทำให้เขามีสายตาดีกว่าคนอื่น
ในทันทีที่เขาเห็นเมฆสีทองที่กำลังลุกไหม้เขาก็รู้ในทันทีว่ามันคือเขตแดนของใครบางคน
แถมมันน่าจะมีเลเวลพอๆกับของเขาด้วยแต่ว่า, คนๆนั้นเป็นใครกัน?
มันจะต้องเป็นคนที่พึ่งเลเวลอัพขึ้นมาแน่ๆราเซอร์รู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก เขารู้สึกว่าคนที่กำลังมานั้นเป็นศัตรูไม่ใช่มิตร
ก่อนที่จะโจมตีเฟิร์ดเขาสัมผัสได้ถึงพลังที่คล้ายๆกับเมฆสีทองนี้แล้ว ซึ่งมันน่าจะมาจากคนๆเดียวกัน
คนๆนี้พึ่งจะเข้าสู่เลเวล16 ข้าสามารถจัดการเขาได้ถ้าเกิดข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ในตอนนั้นเองราเซอร์ก็ก้มลงมามองแผลที่หน้าอกซ้ายของตัวเองและจากนั้นก็มองไปยังเรือนกกระจอกวายุเงินที่กำลังเร่งความเร็วผ่านทะเล ความรู้สึกจนปัญญาปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
นกกระจอกวายุเงินของไฮเอลฟ์นั้นเป็นแค่พลังระดับสิ่งมีชีวิตเขาต้องเผชิญหน้ากับพลังอันมหาศาลที่สามารถบดขยี้ทั่วทั้งฟิรุแมนได้ ในทันทีที่อีกฝ่ายมาถึง ราเซอร์ที่ได้รับบาดเจ็บคงจะพ่ายแพ้ในทันที
“ท่านครับพวกเราจะเอายังไงดีครับ?” ไฮเอลฟ์หนุ่มร่างกำยำเดินเข้ามา เขาคือผู้บัญชาการหลักของกองเรือนกกระจอกวายุเงินและมีเลเวล 11 เขามีชื่อแปลกๆว่าดวาชอน ฮวน เขามีอายุ 45 ปี ซึ่งถือเป็นวัยที่กำลังแข็งแรงของไฮเอลฟ์
เขายังหนุ่มและมีตำแหน่งใหญ่โตแถมเขามีพลังระดับตำนานด้วย ซึ่งนี่ทำให้เขามองฟิรุแมนอย่างหยิ่งผยอง และทำให้เขาเป็นคนมีความมั่นใจจนเกินไป แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับเพลิงนรก ราเซอร์เขาก็ยังคงใจเย็นและสำรวมอยู่ เขาดูไม่ได้เจียมตัวหรืออ่อนน้อมเหมือนกับไฮเอลฟ์คนอื่นเลย
ราเซอร์เคยเห็นผู้คนมามากเขามีอายุ 60 กว่าปีแล้วและไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเหมือนไฮเอลฟ์ที่เกาะรุ่งอรุณ ชีวิตของเขานั้นมีแต่ความวุ่นวาย สำหรับเขา, ดวาชอนก็เป็นแค่มือใหม่ที่พึ่งจะได้เผชิญโลกอันอันโหดร้าย
ความกระตือรือร้นของเขาถือเป็นสิ่งที่ดีถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี มันจะช่วยให้เขาชินกับโลกได้อย่างรวดเร็ว แต่ว่าสำหรับตอนนี้ พวกเขาอยู่ในสภาพที่เลวร้าย ซึ่งความกระตือรือร้นนี้ก็มีแต่จะทำให้เขาตายไวขึ้น
เนื่องจากเขาเป็นบุคคลสำคัญจากเผ่าพันธุ์ของมารดาท่านนักบวชและพวกเขาก็มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอดในการเดินทางครั้งนี้ดังนั้นราเซอร์จึงพูดขึ้นมา “คนที่กำลังมามีเลเวลพอๆกับข้า ตอนนี้สถานการณ์อันตรายมาก ยอมทิ้งเรื่องนกกระจอกวายุเงินและถอยไปซะ รีบกลับไปที่เกาะให้เร็วที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้” ดวาชอนตัวแข็งทื่อเกาะรุ่งอรุณมีเรือนกกระจอกวายุเงินอยู่ทั้งหมด 27 ลำ และพวกมันก็เป็นกองกำลังเชิงกลยุทธ์ ตอนนี้ ราเซอร์บอกให้พวกเขาทิ้งเรือไป 8 ลำโดยที่ไม่ทำการตอบโต้ ไม่มีผู้บัญชาการคนไหนที่จะยอมทำแบบนี้หรอก
และที่สำคัญกว่านั้นนี่เป็นครั้งแรกที่ดวาชอนได้ทำการบัญชาการกองทัพเรือ ถ้าเกิดเขาแพ้ขึ้นมา มันก็จะทำให้ชื่อเสียงของเขาแปดเปื้อนไปตลอดชีวิต
หลังจากเงียบไปหลายวินาทีเขาก็พูดออกมาเบาๆ “ท่านครับ มีนักเวทย์ระดับสูงอยู่บนเรือนกกระจอกวายุเงินทั้งหมด 200 คน เรือทั้ง 8 ลำนั้นมีความสามารถมากพอที่จะสร้างผนึกเวทมนตร์เลเวล 17 สำหรับโจมตีและป้องกันขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าคนที่กำลังมาจะมีเลเวลพอๆกับท่าน แต่พวกเราอาจจะไม่แพ้ก็ได้นะครับ”
นี่เป็นไพ่ตายของกองเรือนี้ในตอนที่พวกเขาใช้มัน เรือก็จะถูกทำลายโดยไม่สนว่าพวกเขาจะทำการขับไล่ศัตรูได้สำเร็จหรือเปล่า และไม่ว่าจะซ่อมยังไงมันก็ไม่ได้ผล เรือมีแต่จะกลายเป็นวัตถุดิบที่ใช้งานไม่ได้และถูกนำไปรีไซเคิลใหม่
ค่าใช้จ่ายนั้นสูงเกินไปไฮเอลฟ์จะไม่มีทางใช้วิธีนี้เลยนอกจากว่าจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ
“งั้นหรอ?”ราเซอร์ค่อนข้างตกใจ เขาไม่ได้สนใจเกาะรุ่งอรุณมากนักและไม่ได้ใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับพลังของพันธมิตรชั่วคราวของเขาด้วย ในตอนที่ได้ยินว่าพวกเขาสามารถสร้างผนึกเวทมนตร์เลเวล 17 ได้ เขาก็ค่อนข้างตกใจ
เขาตรวจสอบผนึกเวทมนตร์อย่างละเอียดและไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็ส่ายหัว “ไม่มีประโยชน์หรอก มานาที่เก็บเอาไว้ในกองเรือมีไม่พอ แล้วมันก็ทนทานไม่พอด้วย เรือเองก็รับไม่ไหวเหมือนกัน แถมผนึกเวทมนตร์นี้ยังห่างไกลจากพลังเลเวล 17 ที่แท้จริงอยู่ มันทำขึ้นมาหยาบเกินไปและไม่สามารถหยุดอะไรได้ด้วย ช่างมันเถอะ, ตอนนี้อย่ามัวแต่ลังเลแล้วรีบไปซะ!”
ความเหมือนเพียงข้อเดียวระหว่างผนึกเวทมนตร์เลเวล17 นี้กับเวทย์เลเวล 17 ของแท้ก็คือความหนาแน่นของพลัง ส่วนเรื่อง การปิดกั้นมิติ การทำลายเขตแดน และลักษณะอื่นๆของพลังเลเวล 17 ที่แท้จริงนั้น มันไม่มีซักอย่างเลย
พูดอีกนัยนึงก็คือผนึกเวทมนตร์ของนกกระจอกวายุเงินนั้นมีพลังโจมตีที่รุนแรง แต่ไม่ว่ามันจะโจมตีรุนแรงแค่ไหน ถ้าไม่โดนเป้าหมายมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร การใช้พลังที่ไม่มั่นคงนี้กับศัตรูเลเวล 16 ก็เหมือนกับการยิงปืนใหญ่เวทมนตร์ใส่ยุงที่อยู่นอกระยะปืนใหญ่ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
แต่ดวาชอนก็ยังไม่ยอมตัดใจเขาส่ายหัวและพูดออกมา “ไม่มีกองเรือไหนในโลกนี้ที่ถอยโดยยังไม่ได้ลองต่อสู้ดูหรอกครับ ถ้าเกิดมี ข้าก็มั่นใจว่ามันจะต้องไม่ใช่กองเรือของไฮเอลฟ์อย่างแน่นอน!” หลังจากนั้นเขาก็กลับเข้าไปที่ห้องบัญชาการเรือ โดยไม่สนใจคำเตือนของราเซอร์
“เตรียมพร้อมต่อสู้!”
“เริ่มสร้างผนึกเวทย์พายุสิ้นโลก!”
ครืน,ครืน, ครืน, ครืน แสงสีน้ำเงินอ่อนกระพริบขึ้นมาบนเรือแต่ละลำ จากนั้นแสงก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นสายพานสีน้ำเงินขาว พวกมันยืดออกและเชื่อมเรือทุกลำเข้าด้วยกัน
กริ๊กกริ๊ก กริ๊ก ด้วยการชี้นำของสายพาน นกกระจอกวายุเงินก็เข้าประจำที่ ในที่สุด เรือทั้ง 8 ลำก็ตั้งกระบวนเป็นรูปดอกไม้และหันหน้าเข้าหาศัตรู
หลังจากนั้นไม่นานบ่อมานาจากเรือแต่ละลำก็ทำงานอย่างหนักหน่วง แสงสีน้ำเงินขาวไหลออกมาและสร้างโล่ทรงกลมขึ้นมา มันปกคลุมเรือทั้ง 8 ลำโดยไม่มีช่องว่างเลย จากระยะไกลๆ มันดูเหมือนกับว่าเรือทั้ง 8 ลำนั้นได้กลายเป็นลูกบอลสีน้ำเงินขนาดใหญ่ “หืม?”มันดูน่าสนใจและความหวังก็เริ่มงอกเงยขึ้นมาในใจของราเซอร์ และโดยไม่พูดอะไรอีก เขาก็นั่งขัดสมาธิบนดาดฟ้าเรือ เขาหยิบเอาขวดน้ำยารักษาสีแดงเพลิงออกมาและเพ่งจิตไปที่การควบคุมมานาในตัวเขาเพื่อรักษาบาดแผลของตัวเอง
น้ำยานี้เป็นน้ำยาพิเศษสำหรับอัศวินลาวาและมันก็มีประสิทธิภาพสูงมากราเซอร์ได้รับบาดเจ็บในระหว่างการต่อสู้อยู่บ่อยครั้งและมีประสบการณ์เกี่ยวกับการรักษาอยู่ ที่เขาทำสมาธิในตอนนี้ก็เพื่อให้น้ำยาและมานาได้ทำงานร่วมกัน เขารู้สึกได้ถึงความอุ่นที่หน้าอกของเขาในทันที; มันเป็นความรู้สึกที่ผ่อนคลายมากๆ
แต่ว่ามันก็อยู่ได้ไม่นานก่อนที่เขาจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
‘มีพลังงานบางอย่างขัดขวางการฟื้นฟูของข้านานะทิ้งมันเอาไว้ แย่แล้วสิ’
มันไม่ได้รุนแรงมากแต่มันก็เป็นปัญหา เขาลองตรวจสอบดูแล้ว และสามารถขับไล่มันไปได้ แต่มันก็ต้องใช้เวลาซักพักนึง ซึ่งนี่จะทำให้เขาไม่สามารถต่อสู้ได้เป็นเวลา 3 วัน
เฮ้อยัยฝันร้ายทมิฬนั่นน่ากลัวสมชื่อจริงๆ! ราเซอร์ถอนหายใจ ฝันร้ายทมิฬนั้นเป็นหนึ่งในชื่อเล่นของนานะ เธอได้รับมันมาหลังจากที่ฆ่านักเวทย์เลเวล 18 ในอาณาจักรอารากู่
ราเซอร์หยุดคิดไม่ว่ายังไง ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือการตั้งสมาธิกับการรักษาบาดแผลของเขา
ในตอนนี้เมฆสีทองบนท้องฟ้าได้เข้ามาใกล้แล้ว ราเซอร์มีสัมผัสที่เฉียบแหลม เขาสามารถสัมผัสได้ว่าศัตรูกำลังใกล้เข้ามาด้วยความเร็ว 1.5 ไมล์ต่อวินาที เขาอยู่ห่างออกไปไม่ถึง 30 ไมล์และจะมาถึงที่นี่ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที
ประมาณ15 วินาทีต่อมา ก็เกิดเสียงระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น
ฟิ้วฟิ้ว เสียงนั้นอู้อี้และอึกทึกเหมือนกับฟ้าร้อง นี่คือเสียงที่เกิดขึ้นในตอนที่มีคนกำลังพุ่งผ่านอากาศด้วยความเร็วที่สูงมากๆ
ตอนนี้พลังเขตแดนของเขาแผ่มาถึงที่นี่แล้ว ท้องฟ้าเหนือทะเลกลายเป็นสีทอง มีมังกรจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังบินอยู่บนท้องฟ้าสีทองนี้ พวกมันคำรามอยู่อยู่บนฟ้า; มันดูน่ากลัวมากๆ
“ใจเย็นไว้!ใจเย็นไว้!” เสียงดวาชอนดังขึ้น เขาตะโกนด้วยกำลังทั้งหมดของเขา เห็นได้ชัดว่าพลังของศัตรูนั้นทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างมาก
“ทำการล็อคเป้าหมายเสร็จแล้วครับ!เป้าหมายถูกล็อคแล้ว! พร้อมโจมตีได้ตลอดเวลาครับ!” นักเวทย์ระดับตำนานตะโกน สีหน้าของเขาดูตื่นเต้นมาก
ศัตรูนั้นมีเลเวล16 ส่วนผนึกเวทมนตร์พายุสิ้นโลกของพวกเขามีเลเวล 17 แถมเป้าหมายก็ถูกล็อคเรียบร้อยแล้วและสามารถปล่อยการโจมตีถึงตายได้ตลอดเวลา การฆ่านักเวทย์เลเวล 16 นั้นเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก มันสามารถเล่าต่อกันไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานได้เลย!
“เตรียมตัวให้พร้อม!”ดวาชอนเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน เลเวล 16 แล้วไง? จะให้ทิ้งเรือและหนีไป? สิ้นหวังแล้วงั้นหรอ? ไม่หรอก พวกเรามีพลังมากพอที่จะฆ่าศัตรู เลเวล 16 มันก็แค่งั้นๆแหล่ะ
ครืน!ครืน! ผนึกเวทมนตร์ทำงานจนถึงขีดสุดของมันแล้ว อากาศรอบๆกองเรือเริ่มเดือดปุดๆ พร้อมที่จะทำตามคำสั่งของผนึกเวทย์
แต่แล้วในตอนนั้นเองบางอย่างที่น่ากลัวก็เกิดขึ้น
“ไม่นะเป้าหมายใช้ก้าวพริบตา! แถมใช้อย่างต่อเนื่องเลยด้วย! เป้าหมายหายไปแล้ว! ไม่สามารถล็อคเป้าหมายได้! แย่แล้ว!”
ในท้องฟ้าที่ห่างออกไปจุดดำตรงนั้นไม่ได้บินตรงๆอีกต่อไปแล้ว เขาจะหายไปและปรากฏตัวขึ้นในจุดที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เขากำลังเข้ามาใกล้กองเรือนกกระจอกวายุเงินด้วยความเร็วอันน่าตกใจ นี่คือเขตแดนอาณาจักรมังกรทองของลิงค์เขาสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระภายในเขตแดนนี้ ซึ่งมันจะอิสระเป็นพิเศษในตอนที่ไม่มีใครที่มีเลเวลพอๆกับเขามาขัดขวาง ยกตัวอย่างเช่น เขาไม่กล้าที่จะใช้ก้าวพริบตาในตอนที่สู้กับซาโรวินี่เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร ซาโรวินี่สามารถมองผ่านสิ่งกีดขวางทางมิติและโจมตีเขาได้ แต่ว่าตอนนี้ เขาสามารถบดขยี้ศัตรูของเขาได้สบายๆ!
ถ้าเกิดกองเรือนกกระจอกวายุเงินไม่สามารถทำลายเขตแดนของเขาได้เขาก็ไม่ต้องสนใจแล้วว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหน เพราะพวกเขาไม่สามารถทำอันตรายกับลิงค์ได้
ท่ามกลางเสียงร้องด้วยความสิ้นหวังก็เกิดเสียงขึ้นถูเบาๆ แสงสีทองพุ่งผ่านผนึกเวทมนตร์ของกองเรือนกกระจอกวายุเงิน เหมือนกับการตัดขนมปัง มันถูกผ่าออกเป็นสองส่วน
ถ้ามองผ่านๆมันดูเหมือนกับว่าลิงค์พึ่งจะชักดาบของเขาออกมา แต่ว่าเพลิงนรก ราเซอร์นั้นรู้ได้ในทันที ในการเผชิญหน้ากับผนึกเวทมนตร์พายุสิ้นโลกเลเวล 17 นี้ ลิงค์ได้ทำการเคลื่อนไหวไปทั้งหมด 36 ครั้ง เขาใช้พลังงานทั้งหมดของผนึกเวทมนตร์ก่อนที่มันจะถูกตัดครึ่ง
นักเวทย์เลเวล16 ที่แท้จริงบดขยี้กลุ่มนักรบระดับต่ำได้อย่างง่ายดายตามที่ควรจะเป็น ราเซอร์ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรเลย
หลังจากที่ทำการผ่ากองเรือเสร็จเรียบร้อยร่างของเขาก็เปล่งแสง แล้วก็มีคนปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าราเซอร์ เขาคือลิงค์
ดาบแสงส่องประกายและราเซอร์ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่เย็นเฉียบที่ระหว่างคิ้วของเขา
“ทำไมไม่ฆ่าข้าซะหล่ะ?”ราเซอร์เงยหน้ามอง ดาบของลิงค์นั้นอยู่ห่างจากหน้าผากของเขา 1 มิลลิเมตร ดาดฟ้าเรือสั่น แต่ว่าดาบของเขาก็ไม่ได้ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว มันหนักแน่นและมั่นคงเหมือนหินผา
“ก็เพราะนายยังมีประโยชน์อยู่หน่ะสิ”ลิงค์ยิ้มให้เล็กน้อย