Advent of the Archmage - 697 คู่แค้นตลอดศตวรรษ
Chapter
อาร์คเมจเพลิงนั้นเป็นเทพของลัทธิเพลิงผู้ที่คอยควบคุมอาณาจักรหยาง และบุคคลไร้เทียมทานที่อยู่จุดสูงสุดของเลเวล 19
โนโซม่าเองก็อยู่ที่จุดสูงสุดของเลเวล19 เหมือนกัน ภายในเกม เขาเกือบจะทำให้ภพฟิรุแมนพังพินาศได้เลย ต้นไม้โลกของไฮเอลฟ์เองก็เป็นอุปกรณ์เวทมนตร์เลเวล 19 มันทรงพลังมากพอที่จะรวม 2 ภพเข้าด้วยกันได้
ภายในภพนี้จุดสูงสุดของเลเวล 19 นั้นมีความหมายเดียวกับคำว่า “เป็นไปไม่ได้”
จุดสูงสุดของเลเวล19 คือเลเวลสูงสุดที่ภพสามารถรับได้ ถ้าเกินไปกว่านั้นคนๆนั้นจะเข้าสู่สถานะเทพ ใครก็ตามที่มีสถานะที่ว่านี้จะถูกขับไล่ออกไปจากภพ เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะทำให้ภพระเบิดได้
แน่นอนว่ายังไม่เคยมีเทพองค์ไหนที่เคยใช้พลังบังคับให้ภพระเบิด แม้กระทั่งผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดก็ยังทำไม่ได้
สำหรับคนที่อยู่เลเวล19 นั้น ใครก็ตามที่มีเลเวลน้อยกว่าต่อให้เป็นจุดสูงสุดของเลเวล 18 ก็ยังถูกเขาฆ่าได้ด้วยการใช้พลังเพียงเล็กน้อย
ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ทำไมคนที่อยู่จุดสูงสุดของเลเวล19 ถึงมีคำว่า “อาร์ค” อยู่หน้าอาชีพของพวกเขา นักรบคืออาร์ควอริเออร์ในขณะที่นักเวทย์คืออาร์คเมจ
หลังจากที่แซสเตอร์มาถึงเกาะเหมันต์นิรันดร์อาร์คเมจภูผาน้ำแข็งอียีร์ก็ได้ทำสองสิ่ง
สิ่งแรกคือการเปิดใช้งานเวทย์ป้องกันปิดผนึกพระราชวังเอาไว้ ส่วนสิ่งที่สองก็คือการออกจากพระราชวังเพื่อไปสู้กับแซสเตอร์ที่ความสูงหนึ่งพันฟุตบนฟ้า
แซสเตอร์ไม่ได้มาคนเดียวมีคนของเขามาด้วยบางงส่วน แต่ว่าพวกเขามีเลเวลสูงสุด 16 สำหรับอียีร์ พวกเขาไม่ต่างอะไรกับมดปลวก แน่นอนว่าตอนนี้พวกเขาเป็นแมลง แต่ถ้าเกิดเขาต่อสู้กับแซสเตอร์ต่อไปและเสียพลังไปมาก “แมลง” พวกนี้ก็จะสร้างผลกระทบในการต่อสู้ได้
แต่ว่านั่นไม่ใช่ปัญหาอะไรตอนนี้อียีร์ไม่ได้สนใจเรื่องที่ตัวเองจะตายแล้ว เขามีเป้าหมายอยู่แค่อย่างเดียว ซึ่งก็คือการส่งลิงค์ไปที่ภพฟิรุแมนเพื่อให้เขาได้มีเวลามากพอที่จะเติบโตและสามารถต่อกรกับผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดได้!
“แซสเตอร์ข้าเคยเคารพเจ้าเพราะเจ้าเป็นนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา แต่ตอนนี้ ข้าผิดหวังในตัวเจ้ามาก ไม่ว่าเจ้าจะมีพรรสวรรค์หรือว่าโชคดีแค่ไหน เจ้าก็เป็นเพียงแค่หมากตัวนึงเท่านั้น”
อียีร์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยนอกจากมันจะเป็นการพูดดูถูกแซสเตอร์ มันยังเป็นความจริงที่ชัดเจนด้วย สำหรับแซสเตอร์ คำพูดของอียีร์ก็เหมือนกับลูกธนูที่ปักเข้าที่หัวใจ ใบหน้าของเขาร้อนฉ่า แต่เขาก็ไม่สามารถเถียงอะไรได้ เปลวเพลิงลุกไหม้อยู่ในใจของเขา และมันก็รู้สึกอึดอัดมากๆ
หลังจากผ่านไปหลายวินาทีในที่สุดเขาก็พูดออกมา “อียีร์ เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้ากำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ เจ้า…” อียีร์สบัดมือ ตัดบทเขา “เลิกพูดเรื่องไร้สาระ แล้วมาเริ่มกันเลยเถอะ!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบก็มีแสงสว่างขึ้นรอบตัวอียีร์ แท่งคริสตัลที่มีรูปร่างเหมือนกับลูกธนูปรากฏขึ้นบนฟ้า พวกมันหมุนอยู่รอบตัวอียีร์ด้วยรูปแบบที่ซับซ้อน และอากาศรอบตัวก็เริ่มหนาวขึ้น
สีหน้าของแซสเตอร์จริงจังขึ้นมา“รีบถอยออกไปจากเกาะซะ!” เขาพูดกับผู้ติดตามของเขา
นี่เป็นสนามรบของอาร์คเมจคนอื่นมีแต่จะเป็นตัวถ่วงและถูกจัดการได้อย่างง่ายดาย ในครั้งนี้ แม้กระทั่งซาโรวินี่ก็ไม่ได้ชักช้า เธอเป็นคนแรกที่หันหลังหนี มิลด้ากับอัศวินลาวาอีก 3 คนก็รีบถอยเหมือนกัน ตอนแรกพวกเขาคอยรักษาระยะอยู่ข้างหลังอาร์คเมจเพลิงหลังจากที่ได้รับคำสั่ง พวกเขาก็วิ่งสุดกำลังหนีออกไปจากเกาะเหมันต์นิรันดร์ในทันที
ในตอนที่อัศวินลาวาคนสุดท้ายออกมาพ้นเกาะเสียงระเบิดก็ดังสนั่นมาจากเกาะที่มีขนาดกว้าง 200 ไมล์ด้านหลังเขา เกาะและทะเลน้ำแข็งรอบๆเกาะถูกปกคลุมด้วยรอยแตกในทันที
รอยแตกนั้นค่อยๆลึกและกว้างขึ้นเรื่อยๆไม่ถึงวินาทีหลังจากนั้น เกาะทั้งเกาะก็หายไปจากพื้นผิวทะเล และทะเลแช่แข็งเองก็เปลี่ยนกลายเป็นน้ำอุ่น ที่ไกลออกไปสุดขอบฟ้า มีลูกบอลแสงสีแดงกับขาวอยู่ พวกมันเข้าปะทะกัน และปล่อยคลื่นกระแทกออกมา
ภายใต้การปะทะนี้เหล่าสมาชิกของลัทธิเพลิงก็สามารถสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดินได้แม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปเป็นร้อยไมล์ก็ตาม ท้องทะเลเองก็กำลังคุ้มคลั่งเหมือนกัน มีคลื่นขนาดใหญ่เท่าภูเขาพัดเข้ามาจากทุกทิศทาง มันก่อตัวเป็นคลื่นสึนามิที่พุ่งเข้าหาบก
คลื่นอันรุนแรงนี้บังคับให้พวกเขาต้องถอยไปไกลขึ้นอีก
พลังระดับนี้ทำให้คนที่เห็นถึงกับพูดไม่ออกมิลด้ากับเหล่าอัศวินลาวานั้นนิ่งไปเลย แม้กระทั่งซาโรวินี่ที่เป็นถึงลูกสาวของเทพก็ยังเงียบกริบ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามนุษย์จะมาถึงระดับนี้ได้
การต่อสู้ผ่านไป16 วินาทีแล้ว ในวินาทีที่ 17 บอลแสงสีขาวก็ถูกทำให้แตกกระจายด้วยบอลแสงสีแดง ยังไงก็ตาม แสงสีแดงนั้นก็อ่อนลงไปมาก
ถ้าแสงก่อนเริ่มต่อสู้ของเขาเปรียบดั่งดวงอาทิตย์ตอนนี้เขาก็เหมือนกับดวงดาวในท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สว่างกว่าดาวดวงอื่นเพียงเล็กน้อย
อาร์คเมจเพลิงแซสเตอร์เป็นคนที่มากไปด้วยพรสวรรค์แต่อียีร์ก็เป็นมหาจอมเวทย์เหมือนกัน ทักษะของพวกเขาสูสีกัน เหตุผลหลักที่ทำไมแซสเตอร์ถึงเอาชนะได้นั้นก็เพราะเขามีชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์และได้รับการสนับสนุนจากผู้ติดตามของเขา
การต่อสู้ระหว่างอาร์คเมจทั้งสองจบลงแล้วแซสเตอร์รีบถอยกลับออกมาจากสนามรบในทันที ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เสียงของเขาก็ดังขึ้นในใจของผู้ติดตาม อียีร์ตายแล้ว แต่ว่าลอร์ดเฟิร์ดยังปลอดภัยอยู่ ข้าจะทำการปิดกั้นภพต่อไปเพื่อไม่ให้มันหนีไปไหนได้ ส่วนพวกเจ้า, จงร่วมมือกันแล้วฆ่ามันให้ได้ซะ!
ในตอนที่เขาพูดจบอาร์คเมจเพลิงก็หายตัวไปแล้ว
มิลด้ากับคนอื่นๆต่างก็มีสีหน้าเคารพมีแค่ซาโรวินี่เท่านั้นที่มองไปทางแซสเตอร์และตกอยู่ในห้วงความคิด “เขารีบหนีเกินไปแล้ว เขาคงจะได้รับบาดเจ็บหนักมากและกลัวที่จะเผชิญหน้ากับลอร์ดเฟิร์ดในตอนนี้แน่ๆ”
อียีร์อาจจะตายไปแล้วแต่อาร์คเมจเพลิงเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่น้อยเหมือนกัน
“ไปกันเถอะ”มิลด้าพูด “พวกเรารีบไปหาลอร์ดเฟิร์ดกัน ซาโรวินี่ เจ้ายังไหวอยู่ใช่มั้ย?”
บาดแผลของซาโรวินี่ได้รับการรักษาด้วยเวทย์ศักดิ์สิทธิ์แล้วแต่ว่ามันเป็นบาดแผลที่ร้ายแรงมาก มันส่งผลต่อความสามารถในการต่อสู้ของเธอ มิลด้าไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้
ซาโรวินี่ไม่เคยชอบไฮเอลฟ์คนนี้เลยถ้าเกิดมิลด้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ซาโรวินี่ก็คงจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในลัทธิเพลิงและได้รับความนับถือจากผู้ศรัทธาทั้งหลาย หลังจากที่มิลด้ามา เธอก็ถูกแย่งเอาความรุ่งโรจน์ทั้งหมดไป ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมซาโรวินี่ถึงเกลียดมิลด้า
เธอพูดเย้ยหยัน“ห่วงเรื่องของตัวเองเถอะมิลด้า ข้าได้ยินมาว่าลอร์ดเฟิร์ดเป็นคนรักเก่าของเจ้านี่ อย่าเผลอออมมือและสร้างปัญหาให้คนอื่นก็แล้วกัน!”
มิลด้ายิ้มอ่อนๆ“ในเมื่อมีแรงเถียงกับข้าแบบนี้ก็แสดงว่าเจ้าหายดีแล้วสินะ ถ้างั้นไปกันเถอะ” คำพูดนี้ทำให้ซาโรวินี่อารมณ์เสียเธออยากจะฉีกไฮเอลฟ์ที่ทั้งสวยและฉลาดคนนี้ทิ้งซะ แต่ว่าเธอก็ยังรู้จุดยืนของตัวเองดี เธอมีพลังมากกว่ามิลด้ามาก แต่อัศวินลาวาทุกคนนั้นอยู่ฝ่ายเธอ แถมคทาแห่งการทำนายของมิลด้าเองก็แข็งแกร่งไม่ใช่เล่น ซาโรวินี่อาจจะสู้ไม่ไหวถ้าเกิดพวกเขาต้องต่อสู้กันจริงๆ และเธอก็จะถูกพ่อตำหนิอีก
เธอไม่เคยทำเรื่องที่ไม่ได้ผลประโยชน์
ด้วยความหงุดหงิดซาโรวินี่ก็กางเขตแดนของตัวเองและพุ่งไปทางพระราชวังที่อยู่กลางของเกาะ มิลด้ากับคนอื่นๆเองก็ตามเธอไปด้วย
เกาะเหมันต์นิรันดร์จมลงไปแล้วทุกสิ่งที่พวกเขาเห็นมีแค่พื้นผิวสีฟ้าของทะเล หลังจากที่บินไปไกลกว่าร้อยไมล์ ในที่สุดพวกเขาก็เห็นอะไรบางอย่างที่ต่างออกไป
มีเสาหินตั้งอยู่กลางทะเลอย่างโดดเดี่ยวบนเสานั้นมีพระราชวังที่เสียหายอยู่ ที่ทางเข้า มีผู้เฒ่าคนนึงกำลังถือคทาด้วยมือทั้งสองข้างอยู่ เขายืนอยู่นิ่งๆ ผู้เฒ่าคนนี้คืออาร์คเมจภูผาน้ำแข็งอียีร์
“หาอียีร์ยังไม่ตายอีกหรอเนี่ย!” อัศวินลาวาตะโกน
“พระเจ้าพวกเราจะเอายังไงกันดี?”
ที่ด้านหน้าซาโรวินี่เขม่นตาของเธอ หัวใจของเธอก็เต้นแรงเหมือนกัน เธอพึ่งจะได้เห็นพลังของอาร์คเมจ ไม่ว่าเธอจะใจกล้ามากแค่ไหน เธอก็ไม่กล้าพอที่จะสู้กับอาร์คเมจ มันเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ!
แต่ไม่นานนักเธอก็รู้สึกตัวว่าถึงแม้อียีร์จะยืนอยู่แต่เขาก็ไม่มีออร่ามานาเลย แถมร่างกายของเขาถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์ด้วย เขาเป็นศพไร้ชีวิต
“ไม่ต้องกลัวหรอกมันตายแล้ว!” ซาโรวินี่พูด
ทุกคนมองอย่างระมัดระวังและรู้สึกโล่งใจในตอนที่พวกเขารู้ว่ามันเป็นความจริง
“ไอ้แก่เวรเอ้ยขนาดตายไปแล้วยังทำให้คนอื่นกลัวได้อีก” อัศวินลาวาสบถ
ในทันทีที่เขาพูดเสียงฝีเท้าก็ดังมาจากซากปรักหักพังของพระราชวัง แกร๊ก แกร๊ก ไม่กี่วินาทีต่อมา ชายหนุ่มที่มีผมสีดำ, ดวงตาดำ พร้อมมงกุฎราตรีนิรันดร์และชุดคลุมต่อสู้สีเทา-ดำก็ถือดาบยาวเดินออกมา
เขาหยุดอยู่ที่ประตูและคำนับศพอาร์คเมจภูผาน้ำแข็งอียีร์ที่อยู่ตรงนั้นจากนั้นเขาก็เงยหน้ามองพวกอัศวินลาวาที่พึ่งพูดหยาบคายออกมา “ทุกคนเกิดมาล้วนต้องตายกันหมด บางคนก็ตายไปอย่างไม่มีความหมาย และบางคนก็สมควรที่จะได้รับความเคารพต่อให้ตายไปแล้วก็ตาม พวกอัศวินทั้งหลายจงคุกเข่าขอโทษเดี๋ยวนี้”
พอถูกลิงค์จ้องมองอัศวินลาวาก็พากันตัวสั่นจากนั้นเขาก็รู้สึกตัวว่าศัตรูมีอยู่แค่คนเดียวในขณะที่พวกเขามีกัน 5 คน ซึ่งนี่ช่วยให้เขามีความกล้าขึ้นมา “ข้าคือเพลิงนภา ลอสเต้ ข้าพูดในสิ่งที่อยากพูดแล้วมันหนักหัวเจ้าตรงไหน!?” ลิงค์ไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไปแล้วประโยคเมื่อสักครู่นี้ก็เหมือนการประกาศจบชีวิตตัวเองของอีกฝ่าย มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดกับคนตายอีก
เขาหันไปหามิลด้า
เวลาผ่านมาร้อยกว่าปีในฐานะสตรีศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเพลิง เธอมีความสามารถอยู่ระดับชั้นแนวหน้าและรักษาความสวยงามของตัวเองเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ตอนนี้เธอดูงดงามกว่าเดิมมาก ถ้าเกิดมิลด้าในสมัยก่อนเหมือนกับดอกลิลลี่ที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ริมน้ำ ตอนนี้เธอก็คือดอกกุหลาบที่ถูกดูแลอยู่ในสวนของพระราชวัง
พอนึกย้อนกลับไปอดีตก็กลายเป็นควัน และตอนนี้ควันนั้นก็กลายไปเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ
“หลังจากที่ผ่านมาตั้งหลายปีในที่สุดพวกเราก็กลายเป็นศัตรูกันจนได้ แถมอีกไม่นานนี้พวกเรายังต้องประมือกันอีก ฉันคงพูดได้แค่คำว่าขอโทษนะ”
มิลด้าอ้าปากออกมาเธออยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับพูดไม่ออก ตอนนี้เธอกำลังเผชิญหน้ากับกับลิงค์ตัวจริงอยู่ ความสงบของเธอหายไป สิ่งที่เหลืออยู่มีแต่ความรู้สึกที่ซับซ้อน
พอเห็นแบบนี้ซาโรวินี่ก็ชักดาบออกมา“ลิงค์ ต่อให้สู้กันอีกรอบเจ้าก็จัดการข้าไม่ได้หรอก! เข้ามาสิ!”
อาร์คเมจเพลิงนั้นเป็นเทพของลัทธิเพลิงผู้ที่คอยควบคุมอาณาจักรหยาง และบุคคลไร้เทียมทานที่อยู่จุดสูงสุดของเลเวล 19
โนโซม่าเองก็อยู่ที่จุดสูงสุดของเลเวล19 เหมือนกัน ภายในเกม เขาเกือบจะทำให้ภพฟิรุแมนพังพินาศได้เลย ต้นไม้โลกของไฮเอลฟ์เองก็เป็นอุปกรณ์เวทมนตร์เลเวล 19 มันทรงพลังมากพอที่จะรวม 2 ภพเข้าด้วยกันได้
ภายในภพนี้จุดสูงสุดของเลเวล 19 นั้นมีความหมายเดียวกับคำว่า “เป็นไปไม่ได้”
จุดสูงสุดของเลเวล19 คือเลเวลสูงสุดที่ภพสามารถรับได้ ถ้าเกินไปกว่านั้นคนๆนั้นจะเข้าสู่สถานะเทพ ใครก็ตามที่มีสถานะที่ว่านี้จะถูกขับไล่ออกไปจากภพ เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะทำให้ภพระเบิดได้
แน่นอนว่ายังไม่เคยมีเทพองค์ไหนที่เคยใช้พลังบังคับให้ภพระเบิด แม้กระทั่งผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดก็ยังทำไม่ได้
สำหรับคนที่อยู่เลเวล19 นั้น ใครก็ตามที่มีเลเวลน้อยกว่าต่อให้เป็นจุดสูงสุดของเลเวล 18 ก็ยังถูกเขาฆ่าได้ด้วยการใช้พลังเพียงเล็กน้อย
ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ทำไมคนที่อยู่จุดสูงสุดของเลเวล19 ถึงมีคำว่า “อาร์ค” อยู่หน้าอาชีพของพวกเขา นักรบคืออาร์ควอริเออร์ในขณะที่นักเวทย์คืออาร์คเมจ
หลังจากที่แซสเตอร์มาถึงเกาะเหมันต์นิรันดร์อาร์คเมจภูผาน้ำแข็งอียีร์ก็ได้ทำสองสิ่ง
สิ่งแรกคือการเปิดใช้งานเวทย์ป้องกันปิดผนึกพระราชวังเอาไว้ ส่วนสิ่งที่สองก็คือการออกจากพระราชวังเพื่อไปสู้กับแซสเตอร์ที่ความสูงหนึ่งพันฟุตบนฟ้า
แซสเตอร์ไม่ได้มาคนเดียวมีคนของเขามาด้วยบางงส่วน แต่ว่าพวกเขามีเลเวลสูงสุด 16 สำหรับอียีร์ พวกเขาไม่ต่างอะไรกับมดปลวก แน่นอนว่าตอนนี้พวกเขาเป็นแมลง แต่ถ้าเกิดเขาต่อสู้กับแซสเตอร์ต่อไปและเสียพลังไปมาก “แมลง” พวกนี้ก็จะสร้างผลกระทบในการต่อสู้ได้
แต่ว่านั่นไม่ใช่ปัญหาอะไรตอนนี้อียีร์ไม่ได้สนใจเรื่องที่ตัวเองจะตายแล้ว เขามีเป้าหมายอยู่แค่อย่างเดียว ซึ่งก็คือการส่งลิงค์ไปที่ภพฟิรุแมนเพื่อให้เขาได้มีเวลามากพอที่จะเติบโตและสามารถต่อกรกับผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดได้!
“แซสเตอร์ข้าเคยเคารพเจ้าเพราะเจ้าเป็นนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา แต่ตอนนี้ ข้าผิดหวังในตัวเจ้ามาก ไม่ว่าเจ้าจะมีพรรสวรรค์หรือว่าโชคดีแค่ไหน เจ้าก็เป็นเพียงแค่หมากตัวนึงเท่านั้น”
อียีร์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยนอกจากมันจะเป็นการพูดดูถูกแซสเตอร์ มันยังเป็นความจริงที่ชัดเจนด้วย สำหรับแซสเตอร์ คำพูดของอียีร์ก็เหมือนกับลูกธนูที่ปักเข้าที่หัวใจ ใบหน้าของเขาร้อนฉ่า แต่เขาก็ไม่สามารถเถียงอะไรได้ เปลวเพลิงลุกไหม้อยู่ในใจของเขา และมันก็รู้สึกอึดอัดมากๆ
หลังจากผ่านไปหลายวินาทีในที่สุดเขาก็พูดออกมา “อียีร์ เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้ากำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ เจ้า…” อียีร์สบัดมือ ตัดบทเขา “เลิกพูดเรื่องไร้สาระ แล้วมาเริ่มกันเลยเถอะ!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบก็มีแสงสว่างขึ้นรอบตัวอียีร์ แท่งคริสตัลที่มีรูปร่างเหมือนกับลูกธนูปรากฏขึ้นบนฟ้า พวกมันหมุนอยู่รอบตัวอียีร์ด้วยรูปแบบที่ซับซ้อน และอากาศรอบตัวก็เริ่มหนาวขึ้น
สีหน้าของแซสเตอร์จริงจังขึ้นมา“รีบถอยออกไปจากเกาะซะ!” เขาพูดกับผู้ติดตามของเขา
นี่เป็นสนามรบของอาร์คเมจคนอื่นมีแต่จะเป็นตัวถ่วงและถูกจัดการได้อย่างง่ายดาย ในครั้งนี้ แม้กระทั่งซาโรวินี่ก็ไม่ได้ชักช้า เธอเป็นคนแรกที่หันหลังหนี มิลด้ากับอัศวินลาวาอีก 3 คนก็รีบถอยเหมือนกัน ตอนแรกพวกเขาคอยรักษาระยะอยู่ข้างหลังอาร์คเมจเพลิงหลังจากที่ได้รับคำสั่ง พวกเขาก็วิ่งสุดกำลังหนีออกไปจากเกาะเหมันต์นิรันดร์ในทันที
ในตอนที่อัศวินลาวาคนสุดท้ายออกมาพ้นเกาะเสียงระเบิดก็ดังสนั่นมาจากเกาะที่มีขนาดกว้าง 200 ไมล์ด้านหลังเขา เกาะและทะเลน้ำแข็งรอบๆเกาะถูกปกคลุมด้วยรอยแตกในทันที
รอยแตกนั้นค่อยๆลึกและกว้างขึ้นเรื่อยๆไม่ถึงวินาทีหลังจากนั้น เกาะทั้งเกาะก็หายไปจากพื้นผิวทะเล และทะเลแช่แข็งเองก็เปลี่ยนกลายเป็นน้ำอุ่น ที่ไกลออกไปสุดขอบฟ้า มีลูกบอลแสงสีแดงกับขาวอยู่ พวกมันเข้าปะทะกัน และปล่อยคลื่นกระแทกออกมา
ภายใต้การปะทะนี้เหล่าสมาชิกของลัทธิเพลิงก็สามารถสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดินได้แม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปเป็นร้อยไมล์ก็ตาม ท้องทะเลเองก็กำลังคุ้มคลั่งเหมือนกัน มีคลื่นขนาดใหญ่เท่าภูเขาพัดเข้ามาจากทุกทิศทาง มันก่อตัวเป็นคลื่นสึนามิที่พุ่งเข้าหาบก
คลื่นอันรุนแรงนี้บังคับให้พวกเขาต้องถอยไปไกลขึ้นอีก
พลังระดับนี้ทำให้คนที่เห็นถึงกับพูดไม่ออกมิลด้ากับเหล่าอัศวินลาวานั้นนิ่งไปเลย แม้กระทั่งซาโรวินี่ที่เป็นถึงลูกสาวของเทพก็ยังเงียบกริบ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามนุษย์จะมาถึงระดับนี้ได้
การต่อสู้ผ่านไป16 วินาทีแล้ว ในวินาทีที่ 17 บอลแสงสีขาวก็ถูกทำให้แตกกระจายด้วยบอลแสงสีแดง ยังไงก็ตาม แสงสีแดงนั้นก็อ่อนลงไปมาก
ถ้าแสงก่อนเริ่มต่อสู้ของเขาเปรียบดั่งดวงอาทิตย์ตอนนี้เขาก็เหมือนกับดวงดาวในท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สว่างกว่าดาวดวงอื่นเพียงเล็กน้อย
อาร์คเมจเพลิงแซสเตอร์เป็นคนที่มากไปด้วยพรสวรรค์แต่อียีร์ก็เป็นมหาจอมเวทย์เหมือนกัน ทักษะของพวกเขาสูสีกัน เหตุผลหลักที่ทำไมแซสเตอร์ถึงเอาชนะได้นั้นก็เพราะเขามีชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์และได้รับการสนับสนุนจากผู้ติดตามของเขา
การต่อสู้ระหว่างอาร์คเมจทั้งสองจบลงแล้วแซสเตอร์รีบถอยกลับออกมาจากสนามรบในทันที ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เสียงของเขาก็ดังขึ้นในใจของผู้ติดตาม อียีร์ตายแล้ว แต่ว่าลอร์ดเฟิร์ดยังปลอดภัยอยู่ ข้าจะทำการปิดกั้นภพต่อไปเพื่อไม่ให้มันหนีไปไหนได้ ส่วนพวกเจ้า, จงร่วมมือกันแล้วฆ่ามันให้ได้ซะ!
ในตอนที่เขาพูดจบอาร์คเมจเพลิงก็หายตัวไปแล้ว
มิลด้ากับคนอื่นๆต่างก็มีสีหน้าเคารพมีแค่ซาโรวินี่เท่านั้นที่มองไปทางแซสเตอร์และตกอยู่ในห้วงความคิด “เขารีบหนีเกินไปแล้ว เขาคงจะได้รับบาดเจ็บหนักมากและกลัวที่จะเผชิญหน้ากับลอร์ดเฟิร์ดในตอนนี้แน่ๆ”
อียีร์อาจจะตายไปแล้วแต่อาร์คเมจเพลิงเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่น้อยเหมือนกัน
“ไปกันเถอะ”มิลด้าพูด “พวกเรารีบไปหาลอร์ดเฟิร์ดกัน ซาโรวินี่ เจ้ายังไหวอยู่ใช่มั้ย?”
บาดแผลของซาโรวินี่ได้รับการรักษาด้วยเวทย์ศักดิ์สิทธิ์แล้วแต่ว่ามันเป็นบาดแผลที่ร้ายแรงมาก มันส่งผลต่อความสามารถในการต่อสู้ของเธอ มิลด้าไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้
ซาโรวินี่ไม่เคยชอบไฮเอลฟ์คนนี้เลยถ้าเกิดมิลด้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ซาโรวินี่ก็คงจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในลัทธิเพลิงและได้รับความนับถือจากผู้ศรัทธาทั้งหลาย หลังจากที่มิลด้ามา เธอก็ถูกแย่งเอาความรุ่งโรจน์ทั้งหมดไป ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมซาโรวินี่ถึงเกลียดมิลด้า
เธอพูดเย้ยหยัน“ห่วงเรื่องของตัวเองเถอะมิลด้า ข้าได้ยินมาว่าลอร์ดเฟิร์ดเป็นคนรักเก่าของเจ้านี่ อย่าเผลอออมมือและสร้างปัญหาให้คนอื่นก็แล้วกัน!”
มิลด้ายิ้มอ่อนๆ“ในเมื่อมีแรงเถียงกับข้าแบบนี้ก็แสดงว่าเจ้าหายดีแล้วสินะ ถ้างั้นไปกันเถอะ” คำพูดนี้ทำให้ซาโรวินี่อารมณ์เสียเธออยากจะฉีกไฮเอลฟ์ที่ทั้งสวยและฉลาดคนนี้ทิ้งซะ แต่ว่าเธอก็ยังรู้จุดยืนของตัวเองดี เธอมีพลังมากกว่ามิลด้ามาก แต่อัศวินลาวาทุกคนนั้นอยู่ฝ่ายเธอ แถมคทาแห่งการทำนายของมิลด้าเองก็แข็งแกร่งไม่ใช่เล่น ซาโรวินี่อาจจะสู้ไม่ไหวถ้าเกิดพวกเขาต้องต่อสู้กันจริงๆ และเธอก็จะถูกพ่อตำหนิอีก
เธอไม่เคยทำเรื่องที่ไม่ได้ผลประโยชน์
ด้วยความหงุดหงิดซาโรวินี่ก็กางเขตแดนของตัวเองและพุ่งไปทางพระราชวังที่อยู่กลางของเกาะ มิลด้ากับคนอื่นๆเองก็ตามเธอไปด้วย
เกาะเหมันต์นิรันดร์จมลงไปแล้วทุกสิ่งที่พวกเขาเห็นมีแค่พื้นผิวสีฟ้าของทะเล หลังจากที่บินไปไกลกว่าร้อยไมล์ ในที่สุดพวกเขาก็เห็นอะไรบางอย่างที่ต่างออกไป
มีเสาหินตั้งอยู่กลางทะเลอย่างโดดเดี่ยวบนเสานั้นมีพระราชวังที่เสียหายอยู่ ที่ทางเข้า มีผู้เฒ่าคนนึงกำลังถือคทาด้วยมือทั้งสองข้างอยู่ เขายืนอยู่นิ่งๆ ผู้เฒ่าคนนี้คืออาร์คเมจภูผาน้ำแข็งอียีร์
“หาอียีร์ยังไม่ตายอีกหรอเนี่ย!” อัศวินลาวาตะโกน
“พระเจ้าพวกเราจะเอายังไงกันดี?”
ที่ด้านหน้าซาโรวินี่เขม่นตาของเธอ หัวใจของเธอก็เต้นแรงเหมือนกัน เธอพึ่งจะได้เห็นพลังของอาร์คเมจ ไม่ว่าเธอจะใจกล้ามากแค่ไหน เธอก็ไม่กล้าพอที่จะสู้กับอาร์คเมจ มันเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ!
แต่ไม่นานนักเธอก็รู้สึกตัวว่าถึงแม้อียีร์จะยืนอยู่แต่เขาก็ไม่มีออร่ามานาเลย แถมร่างกายของเขาถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์ด้วย เขาเป็นศพไร้ชีวิต
“ไม่ต้องกลัวหรอกมันตายแล้ว!” ซาโรวินี่พูด
ทุกคนมองอย่างระมัดระวังและรู้สึกโล่งใจในตอนที่พวกเขารู้ว่ามันเป็นความจริง
“ไอ้แก่เวรเอ้ยขนาดตายไปแล้วยังทำให้คนอื่นกลัวได้อีก” อัศวินลาวาสบถ
ในทันทีที่เขาพูดเสียงฝีเท้าก็ดังมาจากซากปรักหักพังของพระราชวัง แกร๊ก แกร๊ก ไม่กี่วินาทีต่อมา ชายหนุ่มที่มีผมสีดำ, ดวงตาดำ พร้อมมงกุฎราตรีนิรันดร์และชุดคลุมต่อสู้สีเทา-ดำก็ถือดาบยาวเดินออกมา
เขาหยุดอยู่ที่ประตูและคำนับศพอาร์คเมจภูผาน้ำแข็งอียีร์ที่อยู่ตรงนั้นจากนั้นเขาก็เงยหน้ามองพวกอัศวินลาวาที่พึ่งพูดหยาบคายออกมา “ทุกคนเกิดมาล้วนต้องตายกันหมด บางคนก็ตายไปอย่างไม่มีความหมาย และบางคนก็สมควรที่จะได้รับความเคารพต่อให้ตายไปแล้วก็ตาม พวกอัศวินทั้งหลายจงคุกเข่าขอโทษเดี๋ยวนี้”
พอถูกลิงค์จ้องมองอัศวินลาวาก็พากันตัวสั่นจากนั้นเขาก็รู้สึกตัวว่าศัตรูมีอยู่แค่คนเดียวในขณะที่พวกเขามีกัน 5 คน ซึ่งนี่ช่วยให้เขามีความกล้าขึ้นมา “ข้าคือเพลิงนภา ลอสเต้ ข้าพูดในสิ่งที่อยากพูดแล้วมันหนักหัวเจ้าตรงไหน!?” ลิงค์ไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไปแล้วประโยคเมื่อสักครู่นี้ก็เหมือนการประกาศจบชีวิตตัวเองของอีกฝ่าย มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดกับคนตายอีก
เขาหันไปหามิลด้า
เวลาผ่านมาร้อยกว่าปีในฐานะสตรีศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเพลิง เธอมีความสามารถอยู่ระดับชั้นแนวหน้าและรักษาความสวยงามของตัวเองเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ตอนนี้เธอดูงดงามกว่าเดิมมาก ถ้าเกิดมิลด้าในสมัยก่อนเหมือนกับดอกลิลลี่ที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ริมน้ำ ตอนนี้เธอก็คือดอกกุหลาบที่ถูกดูแลอยู่ในสวนของพระราชวัง
พอนึกย้อนกลับไปอดีตก็กลายเป็นควัน และตอนนี้ควันนั้นก็กลายไปเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ
“หลังจากที่ผ่านมาตั้งหลายปีในที่สุดพวกเราก็กลายเป็นศัตรูกันจนได้ แถมอีกไม่นานนี้พวกเรายังต้องประมือกันอีก ฉันคงพูดได้แค่คำว่าขอโทษนะ”
มิลด้าอ้าปากออกมาเธออยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับพูดไม่ออก ตอนนี้เธอกำลังเผชิญหน้ากับกับลิงค์ตัวจริงอยู่ ความสงบของเธอหายไป สิ่งที่เหลืออยู่มีแต่ความรู้สึกที่ซับซ้อน
พอเห็นแบบนี้ซาโรวินี่ก็ชักดาบออกมา“ลิงค์ ต่อให้สู้กันอีกรอบเจ้าก็จัดการข้าไม่ได้หรอก! เข้ามาสิ!”