Advent of the Archmage - 700: การร่วงหล่นของอาร์คเมจ
Chapter
อาร์คเมจเพลิงแซสเตอร์ได้มาปรากฏตัวเบื้องหน้าลิงค์ด้วยตัวเองเพื่อที่จะหยุดการฆ่าล้างของเขา
การปรากฏตัวของเขาทำให้ทุกคนในวิหารรู้สึกโล่งใจจนแทบบ้า
“ท่านมหาจอมเวทย์ของพวกเราได้ปรากฎตัวขึ้นมาเพื่อประทานพรให้พวกเราแล้ว!”
“ท่านคือดวงอาทิตย์ที่ทำให้วิญญาณของข้าอบอุ่นท่านผู้ยิ่งใหญ่ของข้า!”
“ไอ้ปีศาจแกไม่รอดแน่!”
บางคนคุกเข่าให้แซสเตอร์ทันทีพวกเขาพูดสรรเสริญเขาอย่างไม่หยุดหย่อน บางคนก็ได้รับความกล้าจากการปรากฏตัวของเจ้านาย และเริ่มสาปแช่งลิงค์ มันเหมือนกับว่าการปรากฏตัวของแซสเตอร์นั้นทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมา
แน่นอนว่าลิงค์ไม่ได้สนใจคนพวกนี้คำพูดของแมลงไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขา พลังที่เขาดูดมาจากเหยื่อพุ่งพล่านออกมาจากร่างของเขาในรูปแบบของหมอกสีดำที่ดูน่ากลัว มีกระแสไฟฟ้ากระพริบเป็นบางครั้ง ทำให้เขามีรูปร่างเหมือนกับปีศาจที่โผล่ออกมาจากก้นบึ้งของนรก
ไม่มีร่องรอยของความกลัวอยู่ในใบหน้าของเขาเลยในตอนที่แซสเตอร์ปรากฏตัวขึ้นเขามีพลังที่จุดสูงสุดของเลเวล 18 และกำลังจะเข้าสู่เลเวล 19 แล้ว ถึงแม้ว่าจะด้อยกว่าอาร์คเมจเพลิงเลเวล 19 เล็กน้อยในแง่ของพลัง แต่ลิงค์ก็ยังมีไพ่ตายเก็บเอาไว้อยู่!
มันยังมีโอกาสที่ลิงค์จะสามารถเอาชนะได้
“แซสเตอร์นายยอมเข้าร่วมกับจอมเขมือบภพด้วยตัวเอง มันจะต้องมีซักวันแน่ที่นายจะถูกมันกินไปพร้อมภพอารากู่ ความขี้ขลาดของนายจะทำให้โลกนี้ต้องพบกับจุดจบ!”
เสียงของลิงค์ทั้งดังและชัดเจนมากจนได้ยินไปทั่วทั้งเมืองคำพูดของเขาทำให้เหล่าผู้ศรัทธาของแซสเตอร์โกรธขึ้นมาในทันที
แซสเตอร์ยืนอยู่ที่หน้าทางเข้าวิหารด้วยสีหน้าจริงจังจากนั้นเขาก็เถียงกลับ “ปีศาจอย่างเจ้าก็ดีแต่พูดโกหก, และรู้จักแค่การทำลายล้างกับความวุ่นวายเท่านั้น! ไม่มีคนเชื่อลมปากของเจ้าหรอก!”
“555!”ลิงค์หัวเราะอย่างชั่วร้าย จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกมา และเผาวิญญาณไปอีก 10 ดวงเพื่อเปลี่ยนให้เป็นพลังของตัวเอง “ถ้างั้นก็แสดงว่าอัศวินทมิฬของนาย ซาโรวินี่ ก็เป็นปีศาจแบบเดียวกับที่นายกำลังพูดถึงงั้นสิ? แบบนั้นมันดูหลอกลวงนะ นายไม่คิดว่ามันเป็นการพูดเหมารวมเกินไปหน่อยรึไง?”
คำพูดของเขาทำให้คนอื่นพูดไม่ออก
ชื่อเสียงของซาโรวินี่ดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งภพแม้ว่าเธอจะมีแค่เป้าหมายเดียวคืออาณาจักรแห่งแสง แต่วิธีการของเธอก็เป็นที่รู้กันว่าโหดร้ายมาก การพูดถึงอัศวินทมิฬนั้นเป็นเรื่องต้องห้ามในหมู่ผู้ที่อยู่อาศัยในภพอารากู่
ซาโรวินี่ได้รับฉายาจากในกลุ่มผู้ศรัทธาของลัทธิเพลิงว่า‘ปีศาจ’ ไม่มีใครสามารถหาเหตุผลที่เหมาะสมมาเถียงกับลิงค์ได้ แม้กระทั่งคนที่สาปแช่งและขู่ลิงค์ในตอนแรกก็ยังพูดไม่ออกในตอนที่พวกเขาต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าพวกเขาเองก็มีปีศาจอย่างซาโรวินี่เป็นพรรคพวก
ใบหน้าของแซสเตอร์บิดเบี้ยวด้วยความหงุดหงิด“หุบปากเน่าๆของแกไปซะ ไอ้ปีศาจ วันนี้แหล่ะคือวันตายของแก!”
ลิงค์หัวเราะ“555 ไอ้จอมตอแหล นี่นายคิดจะสู้กับฉันที่นี่จริงๆหรอ? นายไม่ห่วงรึไงว่าทุกคนที่อยู่ในเมืองนี้จะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ของเรา? พวกมนุษย์ทั้งหลาย เห็นรึยังว่าคนที่พวกนายกำลังสรรเสริญอยู่มีนิสัยยังไง! ดูสิว่าวิญญาณของเขาดำมืดและบิดเบี้ยวขนาดไหน!”
แซสเตอร์เขม่นตามองลิงค์ที่หางตา เขาเห็นเหล่าผู้ศรัทธากำลังจ้องมาที่เขาด้วยความหวัง พวกเขาหวังว่าเขาจะสามารถปกป้องพวกเขาทุกคนได้ ยังไงก็ตาม พวกเขาคิดผิดแล้ว
ศัตรูของเขาคือผู้เชี่ยวชาญที่อยู่จุดสูงสุดของเลเวล18 แม้ว่าอาร์คเมจจะเชื่อว่าเขาสามารถจัดการอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้ แต่เขาก็รู้ว่าตัวเองจะไขว้เขวในระหว่างการต่อสู้ไม่ได้เลย ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำเพื่อผู้ศรัทธาของเขาได้ ลูกหลงจากการต่อสู้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในตอนที่ยักษ์สองตนห้ำหั่นกัน
แซสเตอร์ถอนหายใจออกมา“การเสียสละเป็นสิ่งจำเป็น ข้าหวังว่าข้าจะช่วยพวกเจ้าได้มากกว่านี้นะ เหล่าทาสที่น่ารักของข้า”
ในตอนนี้เองลิงค์ก็รู้ว่าอาร์คเมจกำลังจะเริ่มลงมือแล้ว ด้วยการเปิดใช้จิตทมิฬ เขาก็เริ่มลงมือในทันทีเพื่อออกหมัดใส่ศัตรูก่อน
“ตายซะเถอะไอ้จอมตอแหล!”
วงแสงสีเงินดำปรากฏขึ้นรอบดาบลำนำจันทร์เต็มดวงในชั่วพริบตา ดาบก็ถูกจำลองขึ้นมาและปรากฎขึ้นบนฟ้าเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนและโหมกระหน่ำใส่แซสเตอร์เหมือนกับคลื่นสึนามิ
นี่เป็นเทคนิคที่ลิงค์พึ่งจะคิดค้นขึ้นมาในตอนที่อยู่ป่าเกอร์เวนท์ตอนแรกมันมีเลเวล 16 แต่หลังจากที่เขาได้ทำการพัฒนามันอย่างต่อเนื่องด้วยความช่วยเหลือของจิตทมิฬ ตอนนี้ก็มีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเวทย์นี้แข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน
ลิงค์ได้ตั้งชื่อให้เวทย์นี้ว่า“ดาบกาลเวลาไร้ขีดจำกัด”
ดาบกาลเวลาไร้ขีดจำกัด
เวทย์กฏเลเวล18
คำอธิบาย:อัญเชิญพายุดาบจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากมิติคู่ขนาน
(ไม่สามารถป้องกันได้!)
ในเวลาเดียวกันนั้นเองลิงค์ก็ได้แบ่งการไหลเวียนของมานาในร่างของเขาไปที่มงกุฎราตรีนิรันดร์
พูดให้ชัดกว่านี้ก็คือพลังที่ถ่ายออกมานี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพลังเลเวล 18 ที่เขาสงวนเอาไว้ ในทางทฤษฏี วิญญาณนับพันดวงที่ลิงค์ดูดเข้ามานั้นสามารถผลักดันเขาขึ้นไปถึงเลเวล 19 ได้ อย่างไรก็ตาม ความหนาแน่นของพลังที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเขา ณ ตอนนี้ได้ขัดขวางไม่ให้เขาใช้พวกมันได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้
ด้วยเหตุนี้เอง,ลิงค์จึงตัดสินใจที่จะถ่ายพลังส่วนเกินที่ไหลเวียนอยู่ออกมาให้กับมงกุฎราตรีนิรันดร์ ซึ่งมันจะช่วยใช้พลังส่วนเกินของลิงค์ได้
ไม่เหมือนกับร่างกายของลิงค์มงกุฎราตรีนิรันดร์นั้นไม่เรื่องมากในเรื่องของพลังงานที่ใส่เข้ามา มันดูดซับพลังทั้งหมดที่เกินออกมาจากร่างของลิงค์อย่างรวดเร็วเหมือนกับฟองน้ำที่ถูกจุ่มลงไปในน้ำ
ในชั่วพริบตามันก็สามารถดูดกลืนพลังงานส่วนเกินจากลิงค์ได้ทั้งหมด และไม่เพียงแค่พลังของมันจะเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่มันยังเลเวลขึ้นด้วย
มงกุฎราตรีนิรันดร์
อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เลเวล 20 (เลเวลสูงสุดที่สามารถไปถึงได้คือเลเวล 29)
ผลพิเศษใหม่อำนาจแห่งความมืด: การโจมตีทั้งหมดของผู้ใช้จะสร้างความเสียหายเพิ่มเติมเป็นพลังแห่งความมืดเลเวล 20
(หมายเหตุ:ผู้สวมมงกุฏจะถูกบังคับให้แบกรับผลปฏิเสธภพแทนมงกุฏเนื่องจากเลเวลที่สูงเกินของมัน)
มงกุฏได้รับผลพิเศษใหม่คำอธิบายของมันค่อนข้างง่ายผิดกับผลทำลายล้างของมัน ซึ่งมันทำให้ลิงค์สามารถสร้างความเสียหายกับใครก็ตามที่มีเลเวลต่ำกว่า 20 ได้
อย่างไรก็ตาม,ผลเสียของมันนั้นก็รุนแรงไม่ใช่น้อย มันทำให้เขาต้องรับผลการปฏิเสธภพ ในทันทีที่มงกุฏเลเวลขึ้น ลิงค์ก็สังเกตุเห็นว่าการฟื้นฟูพลังของเขาช้าลงในทันที พูดอีกนัยนึงก็คือตอนนี้เขาจะไม่มีความสามารถในการฟื้นฟูพลังตามธรรมชาติ ถ้าเกิดเขาต้องการที่จะกลับมามีพลังเต็มที่ เขาจะต้องใช้เทคนิคเพลิงวิญญาณเพื่อดูดวิญญาณจากคนอื่นมาเติม
ในตอนที่ดาบกาลเวลาของลิงค์ปรากฎขึ้นเป็นครั้งแรก,อาร์คเมจเพลิงไม่ได้สะทกสะท้านอะไร เขาแค่ร่ายโล่เพลิงนรกหลากมิติเลเวล 19 ขึ้นรอบตัวเขา ด้วยความมั่นใจว่ามันจะสามารถป้องกันการโจมตีของศัตรูได้
ยังไงก็ตามในทันทีที่การโจมตีของลิงค์มาถึงบาเรียของอาร์คเมจ มงกุฎราตรีนิรันดร์ก็เลเวลขึ้นได้ทันเวลาพอดี ซึ่งนั่นก็ทำให้ดาบกาลเวลาแต่ละเล่มนั้นสามารถสร้างความเสียหายเพิ่มเติมเป็นพลังแห่งความมืดเลเวล 20 ได้
ลิงค์จงใจชะลอการเพิ่มพลังให้มงกุฎเพื่อหลอกอาร์คเมจเพลิงให้ตายใจ
ในตอนแรกดาบทุกเล่มมีสีเงินดำ แต่หลังจากที่มงกุฎเลเวลอัพ ตอนนี้มันก็กลายเป็นสีดำบริสุทธิ์
พอได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์จากมงกุฏแล้วดาบกาลเวลาของลิงค์ก็สามารถทะลวงบาเรียเพลิงนรกได้อย่างง่ายดาย!
คลื่นดาบพุ่งผ่านบาเรียของอาร์คเมจไปด้วยความเร็วอันน่ากลัวเหมือนกับพุ่งผ่านกระดาษก่อนที่เขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันก็สายไปแล้ว
ดาบกาลเวลาโถมเข้าใส่ร่างของแซสเตอร์ก่อนที่จะโดน ดาบแต่ละเล่มนั้นดูไม่ได้พิเศษอะไร ยังไงก็ตาม ในทันทีที่ดาบโดนเป้าหมาย มันก็แข็งตัวขึ้นในทันที และสร้างความเสียหายให้อาร์คเมจอย่างรุนแรง
พอถูกกระหน่ำโจมตีแบบนี้แซสเตอร์ก็ทำอะไรไม่ได้เขาทำได้แค่ยืนอยู่เฉยๆปล่อยให้ดาบกาลเวลาของลิงค์ทะลวงร่างของเขา 3 วินาทีผ่านไป ดาบจำลองของดาบลำนำจันทร์เต็มดวงก็หายไปแล้ว แซสเตอร์ยังคงยืนอยู่ที่ทางเข้าของวิหาร ร่างกายของเขาโดนการโจมตีของลิงค์เจาะจนพรุน เขายังมีชีวิตอยู่เขาจ้องมาที่ลิงค์ตาเขม็ง
“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าข้าจะมาตายด้วยเงื้อมมือของเจ้าข้าคิดมาตลอดว่าข้าจะถูกอียีร์ฆ่าตายในการต่อสู้ซักวันนึง เขาเป็นคนๆเดียวที่ข้ารู้สึกกลัวจากใจจริง ส่วนเจ้าข้าไม่เคยมองเป็นอย่างอื่นเลยนอกจากหนอนแมลงที่รอโดนขยี้…จนกระทั่งตอนนี้”
การต่อสู้จบลงในพริบตาไม่ค่อยมีความเสียหายเกิดขึ้นกับเมืองซักเท่าไหร่ ผู้ศรัทธาส่วนใหญ่ของแซสเตอร์ยังมีชีวิตรอดอยู่ ยังไงก็ตาม พวกเขาทุกคนต่างก็ตกใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา
ปีศาจที่ชื่อลิงค์จัดการเทพของพวกเขาได้นี่คือความจริงของวันนี้
เสียงร้องด้วยความสิ้นหวังดังขึ้นทั่ววิหารในทันที
โดยไม่สนใจความวุ่นวายที่อยู่รอบตัวเขาก็ถามขึ้น “มีอะไรจะสั่งเสียมั้ย?”
“ข้าต่อสู้กับอียีร์มาเกือบทั้งชีวิตความหวังเดียวของข้าก็คือการถูกฝังอยู่ข้างๆเขา” ไม่มีความโศกเศร้าแสดงอยู่บนหน้าของเขา กลับกัน มันเหมือนกับเขาได้ยกภูเขาออกจากอกแล้ว
”ได้สิ”
“อีกไม่นานความว่างเปล่าจะจมลงสู่ความมืดมีผู้ปกครองเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้ปกครองทุกสิ่ง บางทีการตายก็ไปก่อนก็ไม่เลวเหมือนกันนะ หึหึ”
ในตอนที่เขาพูดจบแซสเตอร์ก็ล้มลงกับพื้น
ในทันทีที่แซสเตอร์สิ้นลมเสียงคำรามก็ดังสนั่นมาจากวิหารแห่งการรังสรรค์ที่ภพเฟดาโร่
“ลอร์ดเฟิร์ดเอ๋ยเหลือแค่การต่อสู้แห่งโชคชะตาของพวกเราแล้วสินะ!”
จากนั้นก็เกิดระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นที่ภพเฟดาโร่มันปัดเป่าหมอกสีเขียวเข้มที่อยู่ด้านนอกภพออกไป หลังจากนั้นไม่นาน ภพก็เริ่มพังทลายลงและแตกออกจนสลายกลายเป็นหมอกสีเขียวเข้มอย่างสมบูรณ์
มันคือผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดเขาได้กลืนกินแก่นกลางของภพเฟดาโร่ไปแล้ว
อาร์คเมจเพลิงแซสเตอร์ได้มาปรากฏตัวเบื้องหน้าลิงค์ด้วยตัวเองเพื่อที่จะหยุดการฆ่าล้างของเขา
การปรากฏตัวของเขาทำให้ทุกคนในวิหารรู้สึกโล่งใจจนแทบบ้า
“ท่านมหาจอมเวทย์ของพวกเราได้ปรากฎตัวขึ้นมาเพื่อประทานพรให้พวกเราแล้ว!”
“ท่านคือดวงอาทิตย์ที่ทำให้วิญญาณของข้าอบอุ่นท่านผู้ยิ่งใหญ่ของข้า!”
“ไอ้ปีศาจแกไม่รอดแน่!”
บางคนคุกเข่าให้แซสเตอร์ทันทีพวกเขาพูดสรรเสริญเขาอย่างไม่หยุดหย่อน บางคนก็ได้รับความกล้าจากการปรากฏตัวของเจ้านาย และเริ่มสาปแช่งลิงค์ มันเหมือนกับว่าการปรากฏตัวของแซสเตอร์นั้นทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมา
แน่นอนว่าลิงค์ไม่ได้สนใจคนพวกนี้คำพูดของแมลงไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขา พลังที่เขาดูดมาจากเหยื่อพุ่งพล่านออกมาจากร่างของเขาในรูปแบบของหมอกสีดำที่ดูน่ากลัว มีกระแสไฟฟ้ากระพริบเป็นบางครั้ง ทำให้เขามีรูปร่างเหมือนกับปีศาจที่โผล่ออกมาจากก้นบึ้งของนรก
ไม่มีร่องรอยของความกลัวอยู่ในใบหน้าของเขาเลยในตอนที่แซสเตอร์ปรากฏตัวขึ้นเขามีพลังที่จุดสูงสุดของเลเวล 18 และกำลังจะเข้าสู่เลเวล 19 แล้ว ถึงแม้ว่าจะด้อยกว่าอาร์คเมจเพลิงเลเวล 19 เล็กน้อยในแง่ของพลัง แต่ลิงค์ก็ยังมีไพ่ตายเก็บเอาไว้อยู่!
มันยังมีโอกาสที่ลิงค์จะสามารถเอาชนะได้
“แซสเตอร์นายยอมเข้าร่วมกับจอมเขมือบภพด้วยตัวเอง มันจะต้องมีซักวันแน่ที่นายจะถูกมันกินไปพร้อมภพอารากู่ ความขี้ขลาดของนายจะทำให้โลกนี้ต้องพบกับจุดจบ!”
เสียงของลิงค์ทั้งดังและชัดเจนมากจนได้ยินไปทั่วทั้งเมืองคำพูดของเขาทำให้เหล่าผู้ศรัทธาของแซสเตอร์โกรธขึ้นมาในทันที
แซสเตอร์ยืนอยู่ที่หน้าทางเข้าวิหารด้วยสีหน้าจริงจังจากนั้นเขาก็เถียงกลับ “ปีศาจอย่างเจ้าก็ดีแต่พูดโกหก, และรู้จักแค่การทำลายล้างกับความวุ่นวายเท่านั้น! ไม่มีคนเชื่อลมปากของเจ้าหรอก!”
“555!”ลิงค์หัวเราะอย่างชั่วร้าย จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกมา และเผาวิญญาณไปอีก 10 ดวงเพื่อเปลี่ยนให้เป็นพลังของตัวเอง “ถ้างั้นก็แสดงว่าอัศวินทมิฬของนาย ซาโรวินี่ ก็เป็นปีศาจแบบเดียวกับที่นายกำลังพูดถึงงั้นสิ? แบบนั้นมันดูหลอกลวงนะ นายไม่คิดว่ามันเป็นการพูดเหมารวมเกินไปหน่อยรึไง?”
คำพูดของเขาทำให้คนอื่นพูดไม่ออก
ชื่อเสียงของซาโรวินี่ดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งภพแม้ว่าเธอจะมีแค่เป้าหมายเดียวคืออาณาจักรแห่งแสง แต่วิธีการของเธอก็เป็นที่รู้กันว่าโหดร้ายมาก การพูดถึงอัศวินทมิฬนั้นเป็นเรื่องต้องห้ามในหมู่ผู้ที่อยู่อาศัยในภพอารากู่
ซาโรวินี่ได้รับฉายาจากในกลุ่มผู้ศรัทธาของลัทธิเพลิงว่า‘ปีศาจ’ ไม่มีใครสามารถหาเหตุผลที่เหมาะสมมาเถียงกับลิงค์ได้ แม้กระทั่งคนที่สาปแช่งและขู่ลิงค์ในตอนแรกก็ยังพูดไม่ออกในตอนที่พวกเขาต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าพวกเขาเองก็มีปีศาจอย่างซาโรวินี่เป็นพรรคพวก
ใบหน้าของแซสเตอร์บิดเบี้ยวด้วยความหงุดหงิด“หุบปากเน่าๆของแกไปซะ ไอ้ปีศาจ วันนี้แหล่ะคือวันตายของแก!”
ลิงค์หัวเราะ“555 ไอ้จอมตอแหล นี่นายคิดจะสู้กับฉันที่นี่จริงๆหรอ? นายไม่ห่วงรึไงว่าทุกคนที่อยู่ในเมืองนี้จะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ของเรา? พวกมนุษย์ทั้งหลาย เห็นรึยังว่าคนที่พวกนายกำลังสรรเสริญอยู่มีนิสัยยังไง! ดูสิว่าวิญญาณของเขาดำมืดและบิดเบี้ยวขนาดไหน!”
แซสเตอร์เขม่นตามองลิงค์ที่หางตา เขาเห็นเหล่าผู้ศรัทธากำลังจ้องมาที่เขาด้วยความหวัง พวกเขาหวังว่าเขาจะสามารถปกป้องพวกเขาทุกคนได้ ยังไงก็ตาม พวกเขาคิดผิดแล้ว
ศัตรูของเขาคือผู้เชี่ยวชาญที่อยู่จุดสูงสุดของเลเวล18 แม้ว่าอาร์คเมจจะเชื่อว่าเขาสามารถจัดการอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้ แต่เขาก็รู้ว่าตัวเองจะไขว้เขวในระหว่างการต่อสู้ไม่ได้เลย ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำเพื่อผู้ศรัทธาของเขาได้ ลูกหลงจากการต่อสู้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในตอนที่ยักษ์สองตนห้ำหั่นกัน
แซสเตอร์ถอนหายใจออกมา“การเสียสละเป็นสิ่งจำเป็น ข้าหวังว่าข้าจะช่วยพวกเจ้าได้มากกว่านี้นะ เหล่าทาสที่น่ารักของข้า”
ในตอนนี้เองลิงค์ก็รู้ว่าอาร์คเมจกำลังจะเริ่มลงมือแล้ว ด้วยการเปิดใช้จิตทมิฬ เขาก็เริ่มลงมือในทันทีเพื่อออกหมัดใส่ศัตรูก่อน
“ตายซะเถอะไอ้จอมตอแหล!”
วงแสงสีเงินดำปรากฏขึ้นรอบดาบลำนำจันทร์เต็มดวงในชั่วพริบตา ดาบก็ถูกจำลองขึ้นมาและปรากฎขึ้นบนฟ้าเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนและโหมกระหน่ำใส่แซสเตอร์เหมือนกับคลื่นสึนามิ
นี่เป็นเทคนิคที่ลิงค์พึ่งจะคิดค้นขึ้นมาในตอนที่อยู่ป่าเกอร์เวนท์ตอนแรกมันมีเลเวล 16 แต่หลังจากที่เขาได้ทำการพัฒนามันอย่างต่อเนื่องด้วยความช่วยเหลือของจิตทมิฬ ตอนนี้ก็มีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเวทย์นี้แข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน
ลิงค์ได้ตั้งชื่อให้เวทย์นี้ว่า“ดาบกาลเวลาไร้ขีดจำกัด”
ดาบกาลเวลาไร้ขีดจำกัด
เวทย์กฏเลเวล18
คำอธิบาย:อัญเชิญพายุดาบจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากมิติคู่ขนาน
(ไม่สามารถป้องกันได้!)
ในเวลาเดียวกันนั้นเองลิงค์ก็ได้แบ่งการไหลเวียนของมานาในร่างของเขาไปที่มงกุฎราตรีนิรันดร์
พูดให้ชัดกว่านี้ก็คือพลังที่ถ่ายออกมานี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพลังเลเวล 18 ที่เขาสงวนเอาไว้ ในทางทฤษฏี วิญญาณนับพันดวงที่ลิงค์ดูดเข้ามานั้นสามารถผลักดันเขาขึ้นไปถึงเลเวล 19 ได้ อย่างไรก็ตาม ความหนาแน่นของพลังที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเขา ณ ตอนนี้ได้ขัดขวางไม่ให้เขาใช้พวกมันได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้
ด้วยเหตุนี้เอง,ลิงค์จึงตัดสินใจที่จะถ่ายพลังส่วนเกินที่ไหลเวียนอยู่ออกมาให้กับมงกุฎราตรีนิรันดร์ ซึ่งมันจะช่วยใช้พลังส่วนเกินของลิงค์ได้
ไม่เหมือนกับร่างกายของลิงค์มงกุฎราตรีนิรันดร์นั้นไม่เรื่องมากในเรื่องของพลังงานที่ใส่เข้ามา มันดูดซับพลังทั้งหมดที่เกินออกมาจากร่างของลิงค์อย่างรวดเร็วเหมือนกับฟองน้ำที่ถูกจุ่มลงไปในน้ำ
ในชั่วพริบตามันก็สามารถดูดกลืนพลังงานส่วนเกินจากลิงค์ได้ทั้งหมด และไม่เพียงแค่พลังของมันจะเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่มันยังเลเวลขึ้นด้วย
มงกุฎราตรีนิรันดร์
อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เลเวล 20 (เลเวลสูงสุดที่สามารถไปถึงได้คือเลเวล 29)
ผลพิเศษใหม่อำนาจแห่งความมืด: การโจมตีทั้งหมดของผู้ใช้จะสร้างความเสียหายเพิ่มเติมเป็นพลังแห่งความมืดเลเวล 20
(หมายเหตุ:ผู้สวมมงกุฏจะถูกบังคับให้แบกรับผลปฏิเสธภพแทนมงกุฏเนื่องจากเลเวลที่สูงเกินของมัน)
มงกุฏได้รับผลพิเศษใหม่คำอธิบายของมันค่อนข้างง่ายผิดกับผลทำลายล้างของมัน ซึ่งมันทำให้ลิงค์สามารถสร้างความเสียหายกับใครก็ตามที่มีเลเวลต่ำกว่า 20 ได้
อย่างไรก็ตาม,ผลเสียของมันนั้นก็รุนแรงไม่ใช่น้อย มันทำให้เขาต้องรับผลการปฏิเสธภพ ในทันทีที่มงกุฏเลเวลขึ้น ลิงค์ก็สังเกตุเห็นว่าการฟื้นฟูพลังของเขาช้าลงในทันที พูดอีกนัยนึงก็คือตอนนี้เขาจะไม่มีความสามารถในการฟื้นฟูพลังตามธรรมชาติ ถ้าเกิดเขาต้องการที่จะกลับมามีพลังเต็มที่ เขาจะต้องใช้เทคนิคเพลิงวิญญาณเพื่อดูดวิญญาณจากคนอื่นมาเติม
ในตอนที่ดาบกาลเวลาของลิงค์ปรากฎขึ้นเป็นครั้งแรก,อาร์คเมจเพลิงไม่ได้สะทกสะท้านอะไร เขาแค่ร่ายโล่เพลิงนรกหลากมิติเลเวล 19 ขึ้นรอบตัวเขา ด้วยความมั่นใจว่ามันจะสามารถป้องกันการโจมตีของศัตรูได้
ยังไงก็ตามในทันทีที่การโจมตีของลิงค์มาถึงบาเรียของอาร์คเมจ มงกุฎราตรีนิรันดร์ก็เลเวลขึ้นได้ทันเวลาพอดี ซึ่งนั่นก็ทำให้ดาบกาลเวลาแต่ละเล่มนั้นสามารถสร้างความเสียหายเพิ่มเติมเป็นพลังแห่งความมืดเลเวล 20 ได้
ลิงค์จงใจชะลอการเพิ่มพลังให้มงกุฎเพื่อหลอกอาร์คเมจเพลิงให้ตายใจ
ในตอนแรกดาบทุกเล่มมีสีเงินดำ แต่หลังจากที่มงกุฎเลเวลอัพ ตอนนี้มันก็กลายเป็นสีดำบริสุทธิ์
พอได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์จากมงกุฏแล้วดาบกาลเวลาของลิงค์ก็สามารถทะลวงบาเรียเพลิงนรกได้อย่างง่ายดาย!
คลื่นดาบพุ่งผ่านบาเรียของอาร์คเมจไปด้วยความเร็วอันน่ากลัวเหมือนกับพุ่งผ่านกระดาษก่อนที่เขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันก็สายไปแล้ว
ดาบกาลเวลาโถมเข้าใส่ร่างของแซสเตอร์ก่อนที่จะโดน ดาบแต่ละเล่มนั้นดูไม่ได้พิเศษอะไร ยังไงก็ตาม ในทันทีที่ดาบโดนเป้าหมาย มันก็แข็งตัวขึ้นในทันที และสร้างความเสียหายให้อาร์คเมจอย่างรุนแรง
พอถูกกระหน่ำโจมตีแบบนี้แซสเตอร์ก็ทำอะไรไม่ได้เขาทำได้แค่ยืนอยู่เฉยๆปล่อยให้ดาบกาลเวลาของลิงค์ทะลวงร่างของเขา 3 วินาทีผ่านไป ดาบจำลองของดาบลำนำจันทร์เต็มดวงก็หายไปแล้ว แซสเตอร์ยังคงยืนอยู่ที่ทางเข้าของวิหาร ร่างกายของเขาโดนการโจมตีของลิงค์เจาะจนพรุน เขายังมีชีวิตอยู่เขาจ้องมาที่ลิงค์ตาเขม็ง
“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าข้าจะมาตายด้วยเงื้อมมือของเจ้าข้าคิดมาตลอดว่าข้าจะถูกอียีร์ฆ่าตายในการต่อสู้ซักวันนึง เขาเป็นคนๆเดียวที่ข้ารู้สึกกลัวจากใจจริง ส่วนเจ้าข้าไม่เคยมองเป็นอย่างอื่นเลยนอกจากหนอนแมลงที่รอโดนขยี้…จนกระทั่งตอนนี้”
การต่อสู้จบลงในพริบตาไม่ค่อยมีความเสียหายเกิดขึ้นกับเมืองซักเท่าไหร่ ผู้ศรัทธาส่วนใหญ่ของแซสเตอร์ยังมีชีวิตรอดอยู่ ยังไงก็ตาม พวกเขาทุกคนต่างก็ตกใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา
ปีศาจที่ชื่อลิงค์จัดการเทพของพวกเขาได้นี่คือความจริงของวันนี้
เสียงร้องด้วยความสิ้นหวังดังขึ้นทั่ววิหารในทันที
โดยไม่สนใจความวุ่นวายที่อยู่รอบตัวเขาก็ถามขึ้น “มีอะไรจะสั่งเสียมั้ย?”
“ข้าต่อสู้กับอียีร์มาเกือบทั้งชีวิตความหวังเดียวของข้าก็คือการถูกฝังอยู่ข้างๆเขา” ไม่มีความโศกเศร้าแสดงอยู่บนหน้าของเขา กลับกัน มันเหมือนกับเขาได้ยกภูเขาออกจากอกแล้ว
”ได้สิ”
“อีกไม่นานความว่างเปล่าจะจมลงสู่ความมืดมีผู้ปกครองเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้ปกครองทุกสิ่ง บางทีการตายก็ไปก่อนก็ไม่เลวเหมือนกันนะ หึหึ”
ในตอนที่เขาพูดจบแซสเตอร์ก็ล้มลงกับพื้น
ในทันทีที่แซสเตอร์สิ้นลมเสียงคำรามก็ดังสนั่นมาจากวิหารแห่งการรังสรรค์ที่ภพเฟดาโร่
“ลอร์ดเฟิร์ดเอ๋ยเหลือแค่การต่อสู้แห่งโชคชะตาของพวกเราแล้วสินะ!”
จากนั้นก็เกิดระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นที่ภพเฟดาโร่มันปัดเป่าหมอกสีเขียวเข้มที่อยู่ด้านนอกภพออกไป หลังจากนั้นไม่นาน ภพก็เริ่มพังทลายลงและแตกออกจนสลายกลายเป็นหมอกสีเขียวเข้มอย่างสมบูรณ์
มันคือผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดเขาได้กลืนกินแก่นกลางของภพเฟดาโร่ไปแล้ว