Advent of the Archmage - 714: รวมภพ (14)
Chapter
ตูม!ตูม! ตูม!
คืนนี้,หลังจากที่ลิงค์กับราชินีไฮเอลฟ์ทำข้อตกลงกัน, เกาะรุ่งอรุณก็เจอกับระเบิดต่อเนื่องอย่างกระทันหัน พื้นดินสั่นสะเทือน, ในขณะที่ทะเลรอบๆเกาะเชี่ยวกราก มีวงแสงสีเขียวปกคลุมอยู่บนฟ้าและมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นเป็นบางครั้ง
มันเป็นภาพที่เห็นแล้วน่ากลัวจริงๆ!
นาทีต่อมา,ชาวเมืองทุกคนในเกาะรุ่งอรุณก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังน่ากลัวนี้ พวกเขาทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นอยู่บนฟ้า มีบางคนน้ำตาไหลออกมา, เพราะเชื่อว่าจุดจบของโลกกำลังมาหาพวกเขา บางคนก็มองหาที่กำบังอย่างตาลีตาเหลือ ในขณะที่บางคนฉวยโอกาสจากความวุ่นวายนี้เริ่มฉกของในบ้านของคนที่อยู่ระแวกใกล้เคียง
ในชั่วพริบตา,ทั่วทั้งเกาะก็ตกอยู่ในความโกลาหล เห็นได้ชัดว่า, ไฮเอลฟ์เอลฟ์เองก็ตื่นตระหนกได้ง่ายเหมือนกับเผ่ามนุษย์
อย่างไรก็ตาม,ความโกลาหลนี้อยู่แค่ประมาณสิบนาที จากนั้นการ์ดไฮเอลฟ์ก็ได้ไปปรากฎตัวขึ้นทุกเมืองเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
มันมีเวลาไม่พอในการแจ้งให้ไฮเอลฟ์ทุกคนบนเกาะรู้เรื่องการรวมภพอย่างไรก็ตาม, รัฐมนตรีของแต่ละเมืองได้รับทราบสถานการณ์แล้ว และได้ทำการเตรียมตัวสำหรับกรณีที่เกิดความวุ่นวายเอาไว้
ทุกคนสงบลงในทันที,และก็ต้องขอบคุณที่การ์ดประจำเมืองไม่ได้ถูกใครแทรกแซง ไฮเอลฟ์ทุกคนถูกบังคับให้กลับไปที่บ้านของตัวเอง, ที่ซึ่งพวกเขาเฝ้ารอให้วิกฤตผ่านพ้นไปด้วยความกังวล
ตูม!ตูม! ตูม! แผ่นดินไหวรุนแรงขึ้น เนื่องจากร่างกายที่อ่อนแอของพวกเขา, ผู้หญิงกับเด็กบนเกาะจึงมีอาการวิงเวียนศรีษะ บางคนเป็นลมไปด้วยซ้ำ การสั่นสะเทือนใต้เท้าของพวกเขาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย,มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าทั้งเกาะกำลังจะจมลงไปในมหาสมุทร
อย่างไรก็ตาม,ความกลัวที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่นั้นดูเบาไปเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่ต้นไม้โลกต้องเจอในเวลานี้
มีกระท่อมหลังเล็กๆอยู่ตามลำต้นของต้นไม้โลกสิ่งก่อสร้างพวกนี้มีชื่อว่ากระท่อมทำสมาธิ พวกมันถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่สำหรับให้ไฮเอลฟ์อัจฉริยะได้ทำการฝึกฝนเพิ่มเติม มันมีกระท่อมแบบนี้อยู่บนต้นไม้โลกอย่างน้อย 1,000 หลัง
ในตอนนี้,กระท่อมทุกหลังได้ถูกไฮเอลฟ์อาวุโสใช้งานอยู่, ซึ่งตอนนี้ร่างกายของพวกเขากำลังเปล่งแสงสีเขียวอ่อนออกมา พวกเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับต้นไม้โลก ด้วยการผสานพลังของผู้อาวุโส, ต้นไม้โลกเองก็เริ่มเปล่งแสงจ้าสีเขียวออกมา
ตอนนี้ต้นไม้โลกกำลังดึงพลังปริมาณมหาศาลออกมาจากแก่นภพ,มันสว่างขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งแสงสีเขียวของมันให้ความสว่างกับท้องฟ้ายามค่ำคืนได้อย่างสมบูรณ์
ครืน!ครืน! คลื่นพลังพลุ่งพล่านขึ้นมาจากแก่นภพไปถึงต้นไม้โลกก่อนที่จะถูกปล่อยขึ้นไปบนฟ้าในรูปแบบของกระแสพลังผ่านร่มไม้ของต้นไม้โลก
ราชินีไฮเอลฟ์เป็นคนที่ควบคุมผนึกเวทมนตร์อยู่เหนือร่มไม้นี้
ตอนนี้เธอกำลังลอยอยู่เหนือต้นไม้โลก,และยืนอยู่กลางผนึกเวทมนตร์ที่มีความกว้าง 6,000 ฟุต, ซึ่งปกคลุมร่มไม้เอาไว้อย่างสมบูรณ์เพื่อทำให้มั่นใจว่าพลังธรรมชาติทั้งหมดจะถูกส่งไปให้ผู้ใช้ผนึกเวทมนตร์นี้
ราชินีไฮเอลฟ์นั้นไม่สามารถคงสภาพผนึกเวทย์ใหญ่ขนาดนี้ได้ด้วยตัวคนเดียวดังนั้นเธอจึงต้องใช้คทาพรธรรมชาติ, มงกุฏราชาคลั่งและเสื้อคลุมฤาษีเพื่อที่จะทำหน้าที่นี้ให้สำเร็จ
อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามชิ้นนี้ได้ถูกส่งต่อกันมาเป็นทอดๆในตระกูลราชวงศ์ ซึ่งทั้งสามชิ้นนี้ล้วนเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เลเวล19 ของไฮเอลฟ์ เมื่อพวกมันอยู่ด้วยกัน, พวกมันจะเป็นตัวแทนอำนาจของผู้ปกครองไฮเอลฟ์ อย่างไรก็ตามตัวอุปกรณ์นั้นไม่ได้มีพลังโจมตีอะไร พวกมันทำได้แค่ช่วยให้ผู้ปกครองไฮเอลฟ์ทำการติดต่อกับต้นไม้โลกและครอบครองพลังของมันได้ในช่วงเวลานึง
แต่ก็แน่นอนว่า,ถึงจะได้รับความช่วยเหลือจากอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามชิ้นนี้, การควบคุมพลังต้นไม้โลกของผู้ปกครองไฮเอลฟ์ก็ยังมีขีดจำกัดมากๆ นี่เป็นเพราะว่าต้นไม้โลกนั้นไม่คิดจะให้อำนาจเต็มที่ในการควบคุมพลังของมันกับผู้ปกครอง นอกจากนี้, ผู้ปกครองไฮเอลฟ์ส่วนใหญ่ในอดีตก็ยังไม่เคยมีใครที่แข็งแกร่งพอจะเชี่ยวชาญพลังสูงสุดเลเวล 19 ของต้นไม้ได้เลย
พลังธรรมชาติของต้นไม้โลกกำลังฟุ้งขึ้นมาในอัตราที่สูงลิ่วหลังจากผ่านผนึกเวทย์ของราชินี, กระแสพลังสีเขียวก็รวมตัวกันเป็นเสาแสงสีเขียวสูง 100 ฟุต เสาแสงนี้เก็บพลังธรรมชาติเอาไว้อย่างเหลือเชื่อ,ซึ่งราชินีไฮเอลฟ์ได้เปลี่ยนเส้นทางของมันไปยังจุดสีดำที่อยู่เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า
จุดสีดำนั้นก็คือลิงค์มีวงรูนมากมายปรากฎขึ้นรอบตัวเขา
วงรูนพวกนี้เก็บความรู้ด้านเวทมนตร์ทั้งหมดของลิงค์เอาไว้แต่ละวงนั้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 200 ฟุต และตอนนี้ก็มีเก้าวงในนั้นที่โคจรรอบตัวลิงค์ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
ไม่นานนัก,เสาแสงสีเขียวก็มาถึงตัวเขา
ตูม!!!ทั้งท้องฟ้าและพื้นดินสั่นสะเทือน มีระลอกพลังระเบิดออกไปทุกทิศทางจากจุดที่เกิดแรงกระแทก ตอนนี้มีฟ้าแลบเกิดขึ้นเต็มท้องฟ้า และวงรูนรอบตัวลิงค์ก็กำลังหมุนด้วยความเร็วสูงสุด
ร่างกายของลิงค์สั่นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ควบคุมพลังระดับนี้ มีช่วงนึง, มันเหมือนกับว่าเขากำลังจะสูญเสียการควบคุม และทันใดนั้นเอง,บางสิ่งก็สว่างขึ้นที่หน้าผากของเขา จากนั้นมงกุฎราตรีนิรันดร์ก็ปรากฎขึ้น
แม้จะรู้ว่าการสวมมงกุฎนั้นจะทำให้เขาได้รับผลปฏิเสธภพ,แต่ถ้าเขาไม่มีมัน, เขาก็คงจะไม่สามารถรวมภพได้สำเร็จ
ลิงค์รู้สึกว่าสติของเขาเข้าที่ขึ้นมาในทันทีที่มงกุฎปรากฎขึ้นเขาเปิดใช้ผลจิตทมิฬ, ซึ่งช่วยเร่งกระบวนการคิดของเขาอย่างก้าวกระโดดในทันที และผลของมันก็ทำให้ความหนักหน่วงในหัวของเขาเบาลงอย่างเห็นได้ชัด
นี่เป็นการหลอมรวมครั้งแรกของเขาร่างของเขารับพลังส่วนเล็กๆที่ไหลเข้ามาหา เพื่อให้เขายังสามารถรักษาพลังธรรมชาติส่วนใหญ่ของต้นไม้โลกให้อยู่ภายใต้การควบคุมได้อยู่ อย่างไรก็ตาม, เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถ่ายพลังธรรมชาติส่วนใหญ่ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาไปให้มงกุฎราตรีนิรันดร์, ในขณะที่ส่วนเกินมาที่เหลือนั้นจะถูกแบ่งไปให้ดาบลำนำจันทร์เต็มดวงที่ห้อยอยู่ที่เอวของเขา
ดาบเริ่มส่งเสียงครืนแล้วแสงจ้าสีขาวก็แผ่ออกมาจากมัน รูนเวทมนตร์ปรากฎขึ้นที่ใบดาบอย่างต่อเนื่อง, ซึ่งมันก็เริ่มปรับปรุงให้ดีขึ้น, แล้วเปลี่ยนเป็นเวอร์ชันใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
ในอีกด้านนึง,มงกุฎราตรีนิรันดร์นั้นได้เปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืน มีแฉกงอกขึ้นมาจากตัวมงกุฎสามแฉกพร้อมกับมีอัญมนีที่มีลักษณะเหมือนกับดวงดาวห้อยลงมาจากปลายแฉกที่สอง
ตอนนี้พลังของลิงค์กำลังไต่ขึ้นด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อพลังธรรมชาติของเขาสามารถไปถึงเลเวล 17 ได้ภายในสองวินาทีและไปถึงเลเวล 18 ในเวลาสิบวินาที ตอนนี้, มันดูเหมือนกับว่าพลังธรรมชาติของเขาใกล้จะไปถึงเลเวล 19 แล้ว
โชคดีที่ลิงค์มีประสบการณ์ในการควบคุมพลังเลเวล19 อยู่แล้ว ต่อให้ระดับพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราด, เขาก็ยังรักษาความนิ่งสงบเอาไว้ได้อยู่ ณ ตอนนี้, ไม่มีร่องรอยของความหวั่นไหวในกระแสพลังที่อยู่ในร่างของเขาเลย
ยี่สิบวินาทีต่อมา,ในที่สุดลิงค์ก็ได้รับพลังธรรมชาติเลเวล 19
ได้เวลาแล้ว!ลิงค์คิด, ในตอนนั้นเองเขาก็ปล่อยพลังธรรมชาติทั้งหมดที่อยู่ในร่างของเขาด้วยเสียงดังสนั่น
มีริ้วสายฟ้าเส้นนึงตัดผ่านท้องฟ้าเหนือเกาะรุ่งอรุณ,สายฟ้านั้นส่องสว่างไปทั่วทั้งพื้นที่จนกระทั่งมันสว่างเหมือนตอนกลางวัน จากนั้นทุกคนก็พากันหวาดกลัว, เพราะสายฟ้าเริ่มขยายออกไปจนเต็มทั้งท้องฟ้า
ตอนนี้มีรอยแยกขนาดยักษ์เกิดขึ้นบนท้องฟ้าแล้ว!
รอยแยกนี้เริ่มขยายตัวออกอย่างรวดเร็วจนมันลากยาวไปถึงเส้นขอบฟ้าที่ห่างไกลมีกระแสไฟฟ้าเรียงรายไปตามขอบของรอยแยก, ในขณะที่ทะเลแห่งความว่างเปล่าถูกเติมเข้าไปที่ศูนย์กลางของมัน จากนั้นพลังความว่างเปล่าก็เริ่มพุ่งผ่านมันเข้ามาในภพฟิรุแมนอย่างรุนแรง
ณตอนนี้, ทุกชีวิตในภพต่างก็เงยหน้าขึ้นมองฉากอันน่ากลัวที่กำลังแสดงอยู่บนฟ้าพร้อมกัน
หมอกสีขาวเริ่มหมุนผ่านรูสีดำอันว่างเปล่าบนฟ้าและกำลังจะเข้ามาในภพฟิรุแมนในตอนที่มีร่างที่มีลักษณะเหมือนคนยักษ์ปรากฎขึ้นบนฟ้าอย่างกระทันหัน
ร่างนั้นกำลังยืนอยู่บนพื้นมันมีความสูง 60 ไมล์และเปล่งแสงสีเขียวดำออกมา เส้นผมสีดำของมันส่ายไปมาอย่างรุนแรงท่ามกลางสายลม แล้วมันก็สวมมงกุฎที่ดูเหมือนกับทำมาจากดาวทั้งดวงด้วย
ตอนนี้ร่างยักษ์นั้นกำลังแบกรับท้องฟ้าและหมอกสีขาวที่กำลังบุกรุกเข้ามาด้วยมือข้างนึงในขณะที่มืออีกข้างถือดาบของมันเอาไว้
ในช่วงเวลานี้,ทุกชีวิตในฟิรุแมนต่างก็คุกเข่าลงด้วยความเคารพบูชา แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานที่อยู่ในภพก็ยังอดรู้สึกเคารพยำเกรงร่างที่ยิ่งใหญ่นี้ไม่ได้
พลังระดับนี้คงจะมีแค่เทพเท่านั้นที่จะมีได้!
ตูม!ตูม! ตูม!
ความมืดในรอยแยกเริ่มสะท้อนภาพให้เห็นอีกภพนึง
ภาพสะท้อนนั้นค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆซึ่งทุกคนสามารถบอกได้เลยว่าโลกใหม่นี้กำลังจะพุ่งชนภพฟิรุแมน
“อ้ากกก!”เหล่าไฮเอลฟ์อาวุโส, ที่ยังอยู่ในกระท่อมสมาธิบนต้นไม้โลกส่งเสียงกรีดร้องออกมา
พลังจากแก่นภพถูกดึงออกมามากเกินไปจนตอนนี้พวกเขาใกล้จะตัวแตกแล้ว
“เฮื้อก!!!”ราชินีไฮเอลฟ์กระอักเลือดออกมา ตอนนี้เลือดกำลังไหลออกมาจากทุกซอกทุกมุมตามร่างกายของเธอ พลังธรรมชาติมันมากเกินกว่าที่เธอจะควบคุมได้
แต่ถึงอย่างนั้น,ราชินีก็ยังคงทำใจแข็งอยู่ แม้ว่าสภาพร่างกายของเธอจะย่ำแย่แล้ว, แต่เธอก็ยังพยายามคงสภาพกระแสพลังธรรมชาติที่ไหลเวียนระหว่างต้นไม้โลกกับลิงค์เอาไว้
ณเวลานี้, ภพอารากู่กำลังจะชนกับภพฟิรุแมนแล้ว นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ถ้าลิงค์ไม่รีบทำอะไรซักอย่าง, ทั้งสองภพได้โหม่งเข้าหากันแน่
และถ้าเป็นแบบนั้นมันก็คงจะเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่น่าจะมีคนไม่ถึง 100 คนที่สามารถรอดจากเหตุการณ์แบบนั้นได้
ตอนนี้ภพอารากู่กำลังเข้าหาภพฟิรุแมนอย่างรวดเร็วในขณะที่กระแสพลังธรรมชาติที่ลิงค์ได้รับมาจากแก่นภพนั้นกำลังกดทับร่างของเขาภายใต้ความตึงเครียดอย่างมหาศาล, แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังให้พลังที่ไม่สามารถจินตนาการได้กับเขาด้วย! ในขณะที่ทั้งสองภพใกล้จะชนกันนั้นเอง,ลิงค์ก็ปล่อยพลังที่เขาเก็บเอาไว้ทั้งหมดในร่างออกมา
เสียงคำรามดังก้องไปทั่วผืนฟ้าณ เวลานี้, ผู้ที่อาศัยอยู่ทั้งสองภพต่างก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
ยักษ์,ที่ยังคงแบกรับภพอารากู่เอาไว้ด้วยมือเปล่า, ได้พลิกทั้งภพอย่างน่าเกรงขามและวางมันลงบนรอยแยกภพซึ่งถูกทิ้งเอาไว้ในฟิรุแมนตั้งแต่โบราณกาล!
ตูม!พื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อยในขณะที่ทั้งสองภพเริ่มผสานตัวเข้าหากัน
ภพอารากู่สามารถเข้ากับรอยแยกภพฟิรุแมนได้อย่างพอดิบพอดีตอนนี้ทั้งสองภพได้รวมกันอย่างสมบูรณ์แล้ว
ในตอนนี้เอง,ทุกคนต่างก็พากันหยิบปากกาของตัวเองขึ้นมาจดบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ อย่างไรก็ตาม, ผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในการบันทึกเหตุการณ์นี้ก็คงจะเป็นหนึ่งในนักประวัติศาสตร์ของเกาะรุ่งอรุณ นักประวัติศาสตร์ไฮเอลฟ์นั้นมักจะเป็นผู้ที่เก็บบันทึกสำคัญของประวัติศาสตร์เอาไว้เสมอ,แล้วพวกเขาก็เก็บรักษาแต่ละคำที่บันทึกไว้เสมือนกับขุมสมบัติอันล้ำค่า
เขาเริ่มเขียนด้วยหมึกสีทอง“ในปี 1268, วันที่เก้าของเดือนจันทร์ดับที่สาม, ณ เวลา 11 นาฬิกา 35 นาที, ผู้กล้าไฮเอลฟ์, ทีโอดอร์ มอร์เกนสตาร์ ได้ทำการรวมสองภพสำเร็จด้วยความช่วยเหลือของราชินีไฮเอลฟ์และเหล่าไฮเอลฟ์อาวุโส”
นักประวัติศาสตร์ได้ลดบทบาทไฮเอลฟ์คนอื่นๆที่มีส่วนร่วมในการรวมภพเพื่อลิงค์แม้กระทั่งราชินีไฮเอลฟ์ก็ยังถูกลดบทเป็นตัวประกอบ ตอนนี้ ทีโอดอร์ มอร์เกนสตาร์ ได้กลายเป็นไฮเอลฟ์ผู้กล้าที่สามารถรวมสองภพเข้าด้วยกันได้สำเร็จ
มันมีบันทึกประวัติศาสตร์ที่บันทึกความจริงทั้งหมดของเหตุการณ์นี้เอาไว้โดยไม่ปรุงแต่งอยู่อย่างไรก็ตาม, มันมาจากฝั่งเฟิร์ด, และผู้เขียนนั้นก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากนักเวทย์ระดับตำนานเอเลียร์ด
เขาเขียนเอาไว้ในสมุดเวทมนตร์ของเขา“เขาทำได้แล้ว เพื่อนรักของฉันได้ทิ้งสัญลักษณ์ที่ลบเลือนไม่ได้เอาไว้บนผืนภพฟิรุแมน ชื่อของเขาจะเจิดจรัสกว่าทุกคนไปเป็นร้อยๆปีอย่างแน่นอน การได้เห็นเขาเติบโตนั้นถือเป็นสิทธิพิเศษจริงๆ”
ตูม!ตูม! ตูม!
คืนนี้,หลังจากที่ลิงค์กับราชินีไฮเอลฟ์ทำข้อตกลงกัน, เกาะรุ่งอรุณก็เจอกับระเบิดต่อเนื่องอย่างกระทันหัน พื้นดินสั่นสะเทือน, ในขณะที่ทะเลรอบๆเกาะเชี่ยวกราก มีวงแสงสีเขียวปกคลุมอยู่บนฟ้าและมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นเป็นบางครั้ง
มันเป็นภาพที่เห็นแล้วน่ากลัวจริงๆ!
นาทีต่อมา,ชาวเมืองทุกคนในเกาะรุ่งอรุณก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังน่ากลัวนี้ พวกเขาทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นอยู่บนฟ้า มีบางคนน้ำตาไหลออกมา, เพราะเชื่อว่าจุดจบของโลกกำลังมาหาพวกเขา บางคนก็มองหาที่กำบังอย่างตาลีตาเหลือ ในขณะที่บางคนฉวยโอกาสจากความวุ่นวายนี้เริ่มฉกของในบ้านของคนที่อยู่ระแวกใกล้เคียง
ในชั่วพริบตา,ทั่วทั้งเกาะก็ตกอยู่ในความโกลาหล เห็นได้ชัดว่า, ไฮเอลฟ์เอลฟ์เองก็ตื่นตระหนกได้ง่ายเหมือนกับเผ่ามนุษย์
อย่างไรก็ตาม,ความโกลาหลนี้อยู่แค่ประมาณสิบนาที จากนั้นการ์ดไฮเอลฟ์ก็ได้ไปปรากฎตัวขึ้นทุกเมืองเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
มันมีเวลาไม่พอในการแจ้งให้ไฮเอลฟ์ทุกคนบนเกาะรู้เรื่องการรวมภพอย่างไรก็ตาม, รัฐมนตรีของแต่ละเมืองได้รับทราบสถานการณ์แล้ว และได้ทำการเตรียมตัวสำหรับกรณีที่เกิดความวุ่นวายเอาไว้
ทุกคนสงบลงในทันที,และก็ต้องขอบคุณที่การ์ดประจำเมืองไม่ได้ถูกใครแทรกแซง ไฮเอลฟ์ทุกคนถูกบังคับให้กลับไปที่บ้านของตัวเอง, ที่ซึ่งพวกเขาเฝ้ารอให้วิกฤตผ่านพ้นไปด้วยความกังวล
ตูม!ตูม! ตูม! แผ่นดินไหวรุนแรงขึ้น เนื่องจากร่างกายที่อ่อนแอของพวกเขา, ผู้หญิงกับเด็กบนเกาะจึงมีอาการวิงเวียนศรีษะ บางคนเป็นลมไปด้วยซ้ำ การสั่นสะเทือนใต้เท้าของพวกเขาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย,มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าทั้งเกาะกำลังจะจมลงไปในมหาสมุทร
อย่างไรก็ตาม,ความกลัวที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่นั้นดูเบาไปเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่ต้นไม้โลกต้องเจอในเวลานี้
มีกระท่อมหลังเล็กๆอยู่ตามลำต้นของต้นไม้โลกสิ่งก่อสร้างพวกนี้มีชื่อว่ากระท่อมทำสมาธิ พวกมันถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่สำหรับให้ไฮเอลฟ์อัจฉริยะได้ทำการฝึกฝนเพิ่มเติม มันมีกระท่อมแบบนี้อยู่บนต้นไม้โลกอย่างน้อย 1,000 หลัง
ในตอนนี้,กระท่อมทุกหลังได้ถูกไฮเอลฟ์อาวุโสใช้งานอยู่, ซึ่งตอนนี้ร่างกายของพวกเขากำลังเปล่งแสงสีเขียวอ่อนออกมา พวกเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับต้นไม้โลก ด้วยการผสานพลังของผู้อาวุโส, ต้นไม้โลกเองก็เริ่มเปล่งแสงจ้าสีเขียวออกมา
ตอนนี้ต้นไม้โลกกำลังดึงพลังปริมาณมหาศาลออกมาจากแก่นภพ,มันสว่างขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งแสงสีเขียวของมันให้ความสว่างกับท้องฟ้ายามค่ำคืนได้อย่างสมบูรณ์
ครืน!ครืน! คลื่นพลังพลุ่งพล่านขึ้นมาจากแก่นภพไปถึงต้นไม้โลกก่อนที่จะถูกปล่อยขึ้นไปบนฟ้าในรูปแบบของกระแสพลังผ่านร่มไม้ของต้นไม้โลก
ราชินีไฮเอลฟ์เป็นคนที่ควบคุมผนึกเวทมนตร์อยู่เหนือร่มไม้นี้
ตอนนี้เธอกำลังลอยอยู่เหนือต้นไม้โลก,และยืนอยู่กลางผนึกเวทมนตร์ที่มีความกว้าง 6,000 ฟุต, ซึ่งปกคลุมร่มไม้เอาไว้อย่างสมบูรณ์เพื่อทำให้มั่นใจว่าพลังธรรมชาติทั้งหมดจะถูกส่งไปให้ผู้ใช้ผนึกเวทมนตร์นี้
ราชินีไฮเอลฟ์นั้นไม่สามารถคงสภาพผนึกเวทย์ใหญ่ขนาดนี้ได้ด้วยตัวคนเดียวดังนั้นเธอจึงต้องใช้คทาพรธรรมชาติ, มงกุฏราชาคลั่งและเสื้อคลุมฤาษีเพื่อที่จะทำหน้าที่นี้ให้สำเร็จ
อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามชิ้นนี้ได้ถูกส่งต่อกันมาเป็นทอดๆในตระกูลราชวงศ์ ซึ่งทั้งสามชิ้นนี้ล้วนเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เลเวล19 ของไฮเอลฟ์ เมื่อพวกมันอยู่ด้วยกัน, พวกมันจะเป็นตัวแทนอำนาจของผู้ปกครองไฮเอลฟ์ อย่างไรก็ตามตัวอุปกรณ์นั้นไม่ได้มีพลังโจมตีอะไร พวกมันทำได้แค่ช่วยให้ผู้ปกครองไฮเอลฟ์ทำการติดต่อกับต้นไม้โลกและครอบครองพลังของมันได้ในช่วงเวลานึง
แต่ก็แน่นอนว่า,ถึงจะได้รับความช่วยเหลือจากอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามชิ้นนี้, การควบคุมพลังต้นไม้โลกของผู้ปกครองไฮเอลฟ์ก็ยังมีขีดจำกัดมากๆ นี่เป็นเพราะว่าต้นไม้โลกนั้นไม่คิดจะให้อำนาจเต็มที่ในการควบคุมพลังของมันกับผู้ปกครอง นอกจากนี้, ผู้ปกครองไฮเอลฟ์ส่วนใหญ่ในอดีตก็ยังไม่เคยมีใครที่แข็งแกร่งพอจะเชี่ยวชาญพลังสูงสุดเลเวล 19 ของต้นไม้ได้เลย
พลังธรรมชาติของต้นไม้โลกกำลังฟุ้งขึ้นมาในอัตราที่สูงลิ่วหลังจากผ่านผนึกเวทย์ของราชินี, กระแสพลังสีเขียวก็รวมตัวกันเป็นเสาแสงสีเขียวสูง 100 ฟุต เสาแสงนี้เก็บพลังธรรมชาติเอาไว้อย่างเหลือเชื่อ,ซึ่งราชินีไฮเอลฟ์ได้เปลี่ยนเส้นทางของมันไปยังจุดสีดำที่อยู่เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า
จุดสีดำนั้นก็คือลิงค์มีวงรูนมากมายปรากฎขึ้นรอบตัวเขา
วงรูนพวกนี้เก็บความรู้ด้านเวทมนตร์ทั้งหมดของลิงค์เอาไว้แต่ละวงนั้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 200 ฟุต และตอนนี้ก็มีเก้าวงในนั้นที่โคจรรอบตัวลิงค์ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
ไม่นานนัก,เสาแสงสีเขียวก็มาถึงตัวเขา
ตูม!!!ทั้งท้องฟ้าและพื้นดินสั่นสะเทือน มีระลอกพลังระเบิดออกไปทุกทิศทางจากจุดที่เกิดแรงกระแทก ตอนนี้มีฟ้าแลบเกิดขึ้นเต็มท้องฟ้า และวงรูนรอบตัวลิงค์ก็กำลังหมุนด้วยความเร็วสูงสุด
ร่างกายของลิงค์สั่นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ควบคุมพลังระดับนี้ มีช่วงนึง, มันเหมือนกับว่าเขากำลังจะสูญเสียการควบคุม และทันใดนั้นเอง,บางสิ่งก็สว่างขึ้นที่หน้าผากของเขา จากนั้นมงกุฎราตรีนิรันดร์ก็ปรากฎขึ้น
แม้จะรู้ว่าการสวมมงกุฎนั้นจะทำให้เขาได้รับผลปฏิเสธภพ,แต่ถ้าเขาไม่มีมัน, เขาก็คงจะไม่สามารถรวมภพได้สำเร็จ
ลิงค์รู้สึกว่าสติของเขาเข้าที่ขึ้นมาในทันทีที่มงกุฎปรากฎขึ้นเขาเปิดใช้ผลจิตทมิฬ, ซึ่งช่วยเร่งกระบวนการคิดของเขาอย่างก้าวกระโดดในทันที และผลของมันก็ทำให้ความหนักหน่วงในหัวของเขาเบาลงอย่างเห็นได้ชัด
นี่เป็นการหลอมรวมครั้งแรกของเขาร่างของเขารับพลังส่วนเล็กๆที่ไหลเข้ามาหา เพื่อให้เขายังสามารถรักษาพลังธรรมชาติส่วนใหญ่ของต้นไม้โลกให้อยู่ภายใต้การควบคุมได้อยู่ อย่างไรก็ตาม, เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถ่ายพลังธรรมชาติส่วนใหญ่ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาไปให้มงกุฎราตรีนิรันดร์, ในขณะที่ส่วนเกินมาที่เหลือนั้นจะถูกแบ่งไปให้ดาบลำนำจันทร์เต็มดวงที่ห้อยอยู่ที่เอวของเขา
ดาบเริ่มส่งเสียงครืนแล้วแสงจ้าสีขาวก็แผ่ออกมาจากมัน รูนเวทมนตร์ปรากฎขึ้นที่ใบดาบอย่างต่อเนื่อง, ซึ่งมันก็เริ่มปรับปรุงให้ดีขึ้น, แล้วเปลี่ยนเป็นเวอร์ชันใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
ในอีกด้านนึง,มงกุฎราตรีนิรันดร์นั้นได้เปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืน มีแฉกงอกขึ้นมาจากตัวมงกุฎสามแฉกพร้อมกับมีอัญมนีที่มีลักษณะเหมือนกับดวงดาวห้อยลงมาจากปลายแฉกที่สอง
ตอนนี้พลังของลิงค์กำลังไต่ขึ้นด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อพลังธรรมชาติของเขาสามารถไปถึงเลเวล 17 ได้ภายในสองวินาทีและไปถึงเลเวล 18 ในเวลาสิบวินาที ตอนนี้, มันดูเหมือนกับว่าพลังธรรมชาติของเขาใกล้จะไปถึงเลเวล 19 แล้ว
โชคดีที่ลิงค์มีประสบการณ์ในการควบคุมพลังเลเวล19 อยู่แล้ว ต่อให้ระดับพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราด, เขาก็ยังรักษาความนิ่งสงบเอาไว้ได้อยู่ ณ ตอนนี้, ไม่มีร่องรอยของความหวั่นไหวในกระแสพลังที่อยู่ในร่างของเขาเลย
ยี่สิบวินาทีต่อมา,ในที่สุดลิงค์ก็ได้รับพลังธรรมชาติเลเวล 19
ได้เวลาแล้ว!ลิงค์คิด, ในตอนนั้นเองเขาก็ปล่อยพลังธรรมชาติทั้งหมดที่อยู่ในร่างของเขาด้วยเสียงดังสนั่น
มีริ้วสายฟ้าเส้นนึงตัดผ่านท้องฟ้าเหนือเกาะรุ่งอรุณ,สายฟ้านั้นส่องสว่างไปทั่วทั้งพื้นที่จนกระทั่งมันสว่างเหมือนตอนกลางวัน จากนั้นทุกคนก็พากันหวาดกลัว, เพราะสายฟ้าเริ่มขยายออกไปจนเต็มทั้งท้องฟ้า
ตอนนี้มีรอยแยกขนาดยักษ์เกิดขึ้นบนท้องฟ้าแล้ว!
รอยแยกนี้เริ่มขยายตัวออกอย่างรวดเร็วจนมันลากยาวไปถึงเส้นขอบฟ้าที่ห่างไกลมีกระแสไฟฟ้าเรียงรายไปตามขอบของรอยแยก, ในขณะที่ทะเลแห่งความว่างเปล่าถูกเติมเข้าไปที่ศูนย์กลางของมัน จากนั้นพลังความว่างเปล่าก็เริ่มพุ่งผ่านมันเข้ามาในภพฟิรุแมนอย่างรุนแรง
ณตอนนี้, ทุกชีวิตในภพต่างก็เงยหน้าขึ้นมองฉากอันน่ากลัวที่กำลังแสดงอยู่บนฟ้าพร้อมกัน
หมอกสีขาวเริ่มหมุนผ่านรูสีดำอันว่างเปล่าบนฟ้าและกำลังจะเข้ามาในภพฟิรุแมนในตอนที่มีร่างที่มีลักษณะเหมือนคนยักษ์ปรากฎขึ้นบนฟ้าอย่างกระทันหัน
ร่างนั้นกำลังยืนอยู่บนพื้นมันมีความสูง 60 ไมล์และเปล่งแสงสีเขียวดำออกมา เส้นผมสีดำของมันส่ายไปมาอย่างรุนแรงท่ามกลางสายลม แล้วมันก็สวมมงกุฎที่ดูเหมือนกับทำมาจากดาวทั้งดวงด้วย
ตอนนี้ร่างยักษ์นั้นกำลังแบกรับท้องฟ้าและหมอกสีขาวที่กำลังบุกรุกเข้ามาด้วยมือข้างนึงในขณะที่มืออีกข้างถือดาบของมันเอาไว้
ในช่วงเวลานี้,ทุกชีวิตในฟิรุแมนต่างก็คุกเข่าลงด้วยความเคารพบูชา แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานที่อยู่ในภพก็ยังอดรู้สึกเคารพยำเกรงร่างที่ยิ่งใหญ่นี้ไม่ได้
พลังระดับนี้คงจะมีแค่เทพเท่านั้นที่จะมีได้!
ตูม!ตูม! ตูม!
ความมืดในรอยแยกเริ่มสะท้อนภาพให้เห็นอีกภพนึง
ภาพสะท้อนนั้นค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆซึ่งทุกคนสามารถบอกได้เลยว่าโลกใหม่นี้กำลังจะพุ่งชนภพฟิรุแมน
“อ้ากกก!”เหล่าไฮเอลฟ์อาวุโส, ที่ยังอยู่ในกระท่อมสมาธิบนต้นไม้โลกส่งเสียงกรีดร้องออกมา
พลังจากแก่นภพถูกดึงออกมามากเกินไปจนตอนนี้พวกเขาใกล้จะตัวแตกแล้ว
“เฮื้อก!!!”ราชินีไฮเอลฟ์กระอักเลือดออกมา ตอนนี้เลือดกำลังไหลออกมาจากทุกซอกทุกมุมตามร่างกายของเธอ พลังธรรมชาติมันมากเกินกว่าที่เธอจะควบคุมได้
แต่ถึงอย่างนั้น,ราชินีก็ยังคงทำใจแข็งอยู่ แม้ว่าสภาพร่างกายของเธอจะย่ำแย่แล้ว, แต่เธอก็ยังพยายามคงสภาพกระแสพลังธรรมชาติที่ไหลเวียนระหว่างต้นไม้โลกกับลิงค์เอาไว้
ณเวลานี้, ภพอารากู่กำลังจะชนกับภพฟิรุแมนแล้ว นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ถ้าลิงค์ไม่รีบทำอะไรซักอย่าง, ทั้งสองภพได้โหม่งเข้าหากันแน่
และถ้าเป็นแบบนั้นมันก็คงจะเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่น่าจะมีคนไม่ถึง 100 คนที่สามารถรอดจากเหตุการณ์แบบนั้นได้
ตอนนี้ภพอารากู่กำลังเข้าหาภพฟิรุแมนอย่างรวดเร็วในขณะที่กระแสพลังธรรมชาติที่ลิงค์ได้รับมาจากแก่นภพนั้นกำลังกดทับร่างของเขาภายใต้ความตึงเครียดอย่างมหาศาล, แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังให้พลังที่ไม่สามารถจินตนาการได้กับเขาด้วย! ในขณะที่ทั้งสองภพใกล้จะชนกันนั้นเอง,ลิงค์ก็ปล่อยพลังที่เขาเก็บเอาไว้ทั้งหมดในร่างออกมา
เสียงคำรามดังก้องไปทั่วผืนฟ้าณ เวลานี้, ผู้ที่อาศัยอยู่ทั้งสองภพต่างก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
ยักษ์,ที่ยังคงแบกรับภพอารากู่เอาไว้ด้วยมือเปล่า, ได้พลิกทั้งภพอย่างน่าเกรงขามและวางมันลงบนรอยแยกภพซึ่งถูกทิ้งเอาไว้ในฟิรุแมนตั้งแต่โบราณกาล!
ตูม!พื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อยในขณะที่ทั้งสองภพเริ่มผสานตัวเข้าหากัน
ภพอารากู่สามารถเข้ากับรอยแยกภพฟิรุแมนได้อย่างพอดิบพอดีตอนนี้ทั้งสองภพได้รวมกันอย่างสมบูรณ์แล้ว
ในตอนนี้เอง,ทุกคนต่างก็พากันหยิบปากกาของตัวเองขึ้นมาจดบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ อย่างไรก็ตาม, ผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในการบันทึกเหตุการณ์นี้ก็คงจะเป็นหนึ่งในนักประวัติศาสตร์ของเกาะรุ่งอรุณ นักประวัติศาสตร์ไฮเอลฟ์นั้นมักจะเป็นผู้ที่เก็บบันทึกสำคัญของประวัติศาสตร์เอาไว้เสมอ,แล้วพวกเขาก็เก็บรักษาแต่ละคำที่บันทึกไว้เสมือนกับขุมสมบัติอันล้ำค่า
เขาเริ่มเขียนด้วยหมึกสีทอง“ในปี 1268, วันที่เก้าของเดือนจันทร์ดับที่สาม, ณ เวลา 11 นาฬิกา 35 นาที, ผู้กล้าไฮเอลฟ์, ทีโอดอร์ มอร์เกนสตาร์ ได้ทำการรวมสองภพสำเร็จด้วยความช่วยเหลือของราชินีไฮเอลฟ์และเหล่าไฮเอลฟ์อาวุโส”
นักประวัติศาสตร์ได้ลดบทบาทไฮเอลฟ์คนอื่นๆที่มีส่วนร่วมในการรวมภพเพื่อลิงค์แม้กระทั่งราชินีไฮเอลฟ์ก็ยังถูกลดบทเป็นตัวประกอบ ตอนนี้ ทีโอดอร์ มอร์เกนสตาร์ ได้กลายเป็นไฮเอลฟ์ผู้กล้าที่สามารถรวมสองภพเข้าด้วยกันได้สำเร็จ
มันมีบันทึกประวัติศาสตร์ที่บันทึกความจริงทั้งหมดของเหตุการณ์นี้เอาไว้โดยไม่ปรุงแต่งอยู่อย่างไรก็ตาม, มันมาจากฝั่งเฟิร์ด, และผู้เขียนนั้นก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากนักเวทย์ระดับตำนานเอเลียร์ด
เขาเขียนเอาไว้ในสมุดเวทมนตร์ของเขา“เขาทำได้แล้ว เพื่อนรักของฉันได้ทิ้งสัญลักษณ์ที่ลบเลือนไม่ได้เอาไว้บนผืนภพฟิรุแมน ชื่อของเขาจะเจิดจรัสกว่าทุกคนไปเป็นร้อยๆปีอย่างแน่นอน การได้เห็นเขาเติบโตนั้นถือเป็นสิทธิพิเศษจริงๆ”