Advent of the Archmage - 726: เทพสูงสุดที่แท้จริง, ผู้บุกเบิกยุคแห่งเทพ (2) (จบบริบูรณ์)
- Home
- Advent of the Archmage
- 726: เทพสูงสุดที่แท้จริง, ผู้บุกเบิกยุคแห่งเทพ (2) (จบบริบูรณ์)
Chapter
ผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดหยุดลงกลางคัน
ชายหนุ่มที่กำลังกวัดแกว่งดาบอยู่เบื้องหน้าเขาเมื่อครู่ก่อน,ตอนนี้ได้มีบรรยากาศของผู้เชี่ยวชาญที่เคยเอาชนะศัตรูมานับไม่ถ้วนในช่วงชีวิตของเขา
ตอนนี้เขากำลังถูกกดดันด้วยออร่าคุกคามนี่คือศัตรูที่เขาไม่สามารถออมมือให้ได้
ตลอดเวลามานี้ลิงค์ยืนอยู่ด้วยสีหน้านิ่งเฉยเขามองผู้ปกครองด้วยความเวทนา, และรอให้เขาสำนึกผิดในบาปของเขา
ความกลัวได้คืบคลานเข้ามาในใจของผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดเขาถูกกระตุ้นให้คุกเข่าเบื้องหน้าลิงค์ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม, นี่ก็เป็นแค่ความอ่อนแอเพียงชั่วครู่ ไม่นานนักผู้ปกครองก็เรียกสติกลับมาได้ และมันก็มาพร้อมกับความโกรธที่ปะทุขึ้นมาทุกอนูเซลล์ของเขา
“ไม่มีใครสามารถตัดสินข้าได้!ไม่มีใครสามารถลงโทษข้าได้! ข้าคือผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดผู้ไร้เทียมทาน! ข้าคือจอมเขมือบภพ! ข้าปกครองชะตากรรมของนับล้านชีวิต! ข้าเป็นคนเดียวที่สามารถตัดสินใจได้ว่าใครจะอยู่หรือใครจะตาย! ข้าสามารถเลือกที่จะมอบชีวิตที่สุขสันต์, หรือจะบดขยี้ให้กลายเป็นเนื้อบดใต้เท้าข้าก็ยังได้! ซึ่งมันก็รวมถึงเจ้าด้วย, ลอร์ดเฟิร์ด!”
ณตอนนี้, ผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดได้เปิดเผยด้านที่น่ารังเกียจที่สุดของความเป็นเทพของเขา
เขาเป็นคนเดียวที่ปกครองเหนือทุกสิ่ง,หรือไม่มันก็เป็นการแอบอ้างของเขา
ส่วนแนวทางของลิงค์นั้นอยู่ขั้วตรงข้ามกับผู้ปกครองเลยเขาเป็นเทพแห่งอิสระองค์แรกที่มีตัวตนอยู่ ตัวตนของเขามีอยู่เพื่อทำให้มั่นใจว่าทุกชีวิตจะเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองได้
พอเห็นว่าเขาไม่สามารถบังคับให้ผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดให้ยอมจำนนได้,ลิงค์ก็ถอนหายใจออกมา บางทีฉันคงจะซื่อเกินไปหน่อยถึงเชื่อว่าฉันสามารถทำให้เขายอมแพ้ได้ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว, การนองเลือดก็คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สินะ
ในวินาทีต่อมา,เขาก็ออกมาจากภพฟิรุแมนและเข้ามาในทะเลแห่งความว่างเปล่า, เขาพุ่งตรงมาหาผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดด้วยความเร็วสูงสุด
“จงมาหาข้า!แล้วแสดงให้ข้าเห็นซะว่าเจ้ามีดีอะไร!” ผู้ปกครองตะโกนในขณะที่พุ่งมาหาลิงค์
แม้ว่าพวกเขาจะยังอยู่ห่างกันตั้งไกล,แต่จิคของพวกเขาก็ได้ปะทะกันแล้ว จากที่ไกลๆ, พวกเขาทั้งคู่ดูเหมือนกับอัศวินสองคนที่อยู่ในระหว่างการประลองกัน
ทั้งสองฝั่งมีพลังระดับเทพพลังแผ่ออกมาจากตัวพวกเขาในลักษณะคลื่น หมอกสีขาวในทะเลแห่งความว่างเปล่าถูกแยกออกจากกันในเส้นทางที่พวกเขาผ่าน หลุมพลังงานด้านลบ, วังวนความว่างเปล่า, และปรากฎการณ์ที่อันตรายอื่นๆถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆจากคลื่นพลังงานอันบ้าคลั่งที่ทั้งสองฝ่ายปล่อยออกมา สิ่งมีชีวิตดุร้ายที่ซุกซ่อนอยู่ในทะเลแห่งความว่างเปล่ามองออกมาจากที่ซ่อนของมัน, และจ้องที่จะกัดกินเทพทั้งสอง, แต่พวกมันก็ต้องสลายกลายเป็นฝุ่นเมื่อเจอกับคลื่นพลังงานที่แผ่ออกมาจากพวกเขา
ณตอนนี้, ลิงค์กับผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดคือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลแห่งความว่างเปล่า
จากที่ไกลๆ,มันดูเหมือนกับมีดาบยักษ์สองเล่มได้ตัดผ่านทะเลแห่งความว่างเปล่าในลักษณะจันทร์เสี้ยวและกำลังจะปะทะกันแล้ว
หลังจากช่วงเวลาที่ดูเหมือนจะไร้จุดจบ,ในที่สุดดาบทั้งสองก็ได้ปะทะกัน
ณตอนนี้มีคลื่นกระแทกกระจายออกมาป่วนไปทั้งห้วงเวลาและมิติ หมอกสีขาวรอบตัวพวกเขาทั้งคู่หายไปจนหมดเกลี้ยง, เหลือเอาไว้แค่สถานที่ที่ว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์
เวลา, มิติและสิ่งต่างๆไม่มีตัวตนอยู่อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้มีแค่เทพสององค์ที่ยังเหลืออยู่
ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ในมุมที่ว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์นี้ตอนนี้ทุกสิ่งที่อยู่ข้างในอยู่ในสภาพที่ไม่อาจรู้ได้
สิ่งเดียวที่น่ากลัวเกี่ยวกับปรากฎการณ์ทั้งหมดนี้ก็คือคลื่นกระแทกที่ตัดผ่านหมอกสีขาวของทะเลแห่งความว่างเปล่าคลื่นกระแทกนี้ได้กวาดทุกสิ่งตามเส้นทางที่มันผ่านเหมือนกับการลากแหจับปลาที่มีแต่เทพเท่านั้นที่รู้ว่าจะลากยาวไปถึงไหน
ภพต่างๆที่อยู่ในระยะเองก็ได้รับผลจากคลื่นเหล่านี้ในเวลาไม่นาน,รวมทั้งฟิรุแมนด้วย
พายุไต้ฝุ่นได้ปรากฎขึ้นทุกที่ในภพบางดินแดนประสบกับแผ่นดินไหว, และมีอีกบางส่วนที่เจอกับภูเขาไฟปะทุด้วย, ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ได้ทำให้ฝุ่นฟุ้งขึ้นไปเต็มท้องฟ้าและบดบังแสงทั้งหมดเอาไว้
มันเหมือนกับว่าโลกกำลังจะถึงจุดจบเลย
ทุกคนในภพ,ไม่ว่าจะเป็นเผ่าไหน, ต่างก็เริ่มทำการสวดภาวนาโดยหวังว่าเหตุการณ์ทั้งหมดจะจบลงในเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตาม,การสวดอ้อนวอนของพวกเขานั้นไม่ได้รับการตอบรับ ภัยพิบัติยังคงดำเนินต่อไป รอยแยกภพปรากฎขึ้นตัดผ่านภพในขณะที่กระแสพลังงานความว่างเปล่าหลั่งไหลเข้ามา พวกสิ่งมีชีวิตแห่งความว่างเปล่าเองก็ลี้ภัยมาอยู่ในภพในขณะที่ความวุ่นวายในทะเลแห่งความว่างเปล่ายังคงโหมกระหน่ำต่อไป
ภพฟิรุแมนได้จมลงสู่ความโกลาหล
นักเวทย์ของเฟิร์ดได้ติดตั้งบาเรียเวทมนตร์ขนาดยักษ์รอบๆท่าเรือเพื่อป้องกันไม่ให้เมืองโดนคลื่นกลืนหายไปนักเวทย์ธาตุดินเองก็กำลังต่อสู้กับภูเขาไฟที่ปะทุอย่างต่อเนื่องด้วยการคลายแรงกดดันที่อยู่ใต้พื้นดินอย่างช้าๆ ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่านักเวทย์และหอคอยเวทมนตร์ของเฟิร์ดนั้นสูญเสียพลังไปอย่างรวดเร็วในขณะที่พวกเขาพยายามจะหยุดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดนี้
ตอนนี้สภาของเฟิร์ดกำลังประชุมกันถึงความเป็นไปได้ในการอพยพทั้งเมือง
สำหรับตอนนี้สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือความปลอดภัยของทุกคนในเมืองพวกเขาจำเป็นต้องอพยพทุกคนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่ระบบเวทมนตร์ป้องกันของเฟิร์ดจะล้มเหลว
…
เกาะรุ่งอรุณ
เกาะแห่งนี้ได้สูญเสียการคุ้มครองจากต้นไม้โลกไปแล้วราชาไฮเอลฟ์ก็หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา สมาชิกส่วนใหญ่ของสภาอาวุโสไฮเอลฟ์เองก็ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ก็ถูกฆ่าตายจากการดำเนินพิธีกรรมรวมภพ ตอนนี้เกาะรุ่งอรุณกำลังขาดผู้นำ แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ได้ถาโถมใส่ทั่วทั้งเกาะ, ทำให้รอยแยกขนาดยักษ์ปรากฎขึ้นบนพื้น
ตอนนี้เกาะรุ่งอรุณได้แปรสภาพเป็นนรกของจริงประชากรไฮเอลฟ์เสียชีวิตไปครึ่งนึง ซึ่งมันก็ทำให้ตอนนี้เผ่าพันธุ์ที่เคยเป็นที่น่ายกย่องนี้เข้าสู่สภาพเกือบสูญพันธุ์
พวกเขามีความคิดที่จะออกจากเกาะอยู่อย่างไรก็ตาม, ตอนนี้เกาะถูกล้อมด้วยคลื่นทะเลที่ไม่สงบ เรือนกกระจอกวายุเงินเองก็คงไม่สามารถทนกับสภาพแวดล้อมอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ได้
สิ่งเดียวที่ไฮเอลฟ์สามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือรอรับความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งสภาพคล้ายๆกันนี้ก็เกิดขึ้นในดินแดนอื่นๆเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้าสีทองหรือทวีปอารากู่ตอนนี้ทั่วทั้งภพใกล้จะพังทลายแล้ว
พวกมหาอำนาจทั้งหลายได้ล่มสลายลงด้วยความวุ่นวายนี้,พวกหน้าใหม่เองก็หยุดชะงักอย่างสมบูรณ์ กฏระเบียบทั้งหมดในภพถูกทำลายย่อยยับในสภาพคล้ายๆกัน คลื่นกระแทกจากการประลองของเทพทั้งสองได้ส่งผลไปทั่วทั้งภพอย่างถึงที่สุด
เหล่านักวิชาการได้จัดบันทึกเหตุการณ์นี้เอาไว้ช่วงเวลาที่วุ่นวายที่สุดในประวัติศาสตร์นี้จะเป็นที่รู้จักกันในภายหลังด้วยชื่อต่างๆมากมาย, ไม่ว่าจะเป็น “คลืนแห่งการทำลายล้าง”, “แส้แห่งการกดขี่”, “จุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่” และแม้กระทั่ง “สงครามเทพ”
เหตุการณ์ภัยพิบัตินี้ยาวนานถึงสามปีเต็ม
สามปีต่อมา,ประชากร 80% ของภพได้ตายจากไป บางเผ่าถึงกับสูญพันธุ์ หลายประเทศถูกลบออกไปจากแผนที่ มีแค่กลุ่มองค์กรบางกลุ่มเท่านั้นที่รอดพ้นจากอุปสรรคนี้ได้ ซึ่งสภานักเวทย์ของเฟิร์ดก็เป็นหนึ่งในนั้น
หลังจากผ่านมาได้สามปี,ท้องฟ้าสดใสขึ้น ในที่สุดแสงอาทิตย์ก็สามารถส่องทะลุเมฆหนาบนท้องฟ้าและนำแสงสว่างกับความอบอุ่นคืนกลับมาให้โลกมนุษย์ได้แล้ว ที่กลางป่าเกอร์เวนท์, ตอนนี้เอเลียร์ดกำลังมองออกไปสุดลูกหูลูกตาจากดาดฟ้าของหอคอยเวทมนตร์
จากที่ไกลๆ,มีรูนึงถูกเปิดออกมาในเมฆ แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาจากรูนั้นเหมือนกับน้ำตก ณ ตอนนี้, ความสงบสุขได้กลับมาสู่ดินแดนแล้ว
เอเลียร์ดมองฉากที่น่าอัศจรรย์นี้อย่างเงียบๆท่านผู้ยิ่งใหญ่, ท่านทำได้แล้วจริงๆหรอ?
แม้ว่าเขาจะไม่ได้คาดหวังคำตอบ,แต่มันก็มาหาในเวลาเดียวกัน มีผู้หญิงสวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มคนนึงมาปรากฎตัวขึ้นเบื้องหน้าเขา เธอสวมมงกุฎคริสตัลสีดำเอาไว้บนศรีษะของเธอ
มีออร่าพลังทำลายที่แข็งแกร่งแผ่ออกมาจากร่างของผู้หญิงคนนี้อย่างไรก็ตาม, สีหน้าของเธอดูจริงใจ มีแสงอาทิตย์สีทองสะท้อนออกมาจากดวงตาของเธอ, ในขณะที่มีแสงดาวทอประกายจากส่วนลึกในม่านตาของเธอ“นายท่านของข้าจัดการกับปีศาจฝันร้ายในอดีตได้แล้ว”
“เธอคือเทพแห่งการทำลายใช่ไหม?”เอเลียร์ดถามในขณะที่เขามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย
“นั่นเคยเป็นชื่อของข้าแต่ตอนนี้ข้าเป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ที่สุดของท่านผู้ยิ่งใหญ่” ผู้หญิงตอบกลับ, จากนั้นเธอก็ยิ้มให้เอเลียร์ด “นายท่านได้ส่งข้ามาแจ้งท่านว่าผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดพ่ายแพ้แล้ว แต่ว่า, ผู้ปกครองนั้นเป็นเทพ ไฟศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะไม่มีวันดับ ท่านผู้ยิ่งใหญ่ทำได้แค่กระจายมันออกไปเฉยๆ ในตอนนี้, ไฟศักดิ์สิทธิ์ของผู้ปกครองได้กระจัดกระจายไปทั่วทุกมุมของทะเลแห่งความว่างเปล่า มีแค่การกระจายข้อความศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสระของนายท่านไปยังภพอื่นๆเท่านั้นถึงจะป้องกันไม่ให้ผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดกลับมามีชีวิตได””
เอเลียร์ดรู้สึกดีใจที่ได้ยินว่าลิงค์ชนะการต่อสู้อย่างไรก็ตาม, เขาเองก็รู้สึกกังวลว่าเพื่อนของเขาอาจจะไม่สามารถจัดการกับงานที่น่าท้อแท้แบบนั้นได้
หลังจากที่เงียบไปพักนึง,เขาก็ถามขึ้น “ฉันจะได้เจอท่านผู้ยิ่งใหญ่อีกไหม?”
ผู้หญิงยิ้ม“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ได้กำจัดศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไปแล้ว พลังของนายท่านได้กระจายไปทั่วทุกมุมของทะเลแห่งความว่างเปล่าพร้อมกับข้อความศักดิ์สิทธิ์ ลองดูดวงอาทิตย์ที่อยู่เหนือศรีษะของเจ้าสิ แล้วลองดูโลกที่อยู่รอบตัวพวกเรา นายท่านมีตัวตนอยู่ทุกที่ เจ้าจะรู้เองว่าตามหาเขาได้ในที่ไหนในตอนที่เจ้าจุดไฟศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองแล้ว”
เอเลียร์ดถอนหายใจออกมาเขารู้สึกผิดหวังกับคำตอบของเธอเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม, เขายังมองโลกในแง่ดีอยู่ “เข้าใจหล่ะ”
ในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากของเขา,ผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ในตอนนั้นเอง,ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมันคือหนึ่งในลูกศิษย์ของเขา เขาได้นำข้อความมาให้เอเลียร์ด “อาจารย์เอเลียร์ด, องค์ราชินีไม่อยู่แล้วครับ เธอทิ้งจดหมายไว้ให้อาจารย์ด้วย”
คนๆเดียวที่ถูกเรียกว่า‘องค์ราชินี’ ในกลุ่มสภาเฟิร์ดนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากภรรยาของลอร์ดเฟิร์ด, ราชินีมังกรแดงเกรเทล
เอเลียร์ดรับจดหมายมาจากเขาหลังจากที่ได้เห็นมัน, เขาก็พยักหน้า “ไปบอกพวกมังกรอาวุโสให้ปล่อยเธอไป”
ราชินีตัดสินใจที่จะตามลิงค์ไปนี่คือทางเลือกของเธอ ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเผ่ามังกรก็ไม่มีสิทธิมาขัดขวาง
“รับทราบครับอาจารย์”
ในตอนที่ลูกศิษย์ของเขาจากไปแล้ว,เอเลียร์ดก็พึมพำออกมา “สักวันหนึ่งฉันจะไปหานายให้ได้นะ, ไอ้เพื่อนยาก”
… ทางเหนือของทุ่งหญ้าสีทอง,ที่สุดของขอบเทือกเขาเฮงดวน
มีชายคนนึงกำลังขี่ม้าไปตามทางแคบๆเลียบภูเขาหลังจากนั้นซักพัก, เขาก็มาถึงทางตัน ชายคนนั้นขี่ม้าตรงเข้าไปในกำแพงภูเขาที่อยู่เบื้องหน้าเขา
จากน้ำกำแพงภูเขาก็หายไปข้างหลังกำแพงนี้มีหุบเขาตั้งอยู่, มันเต็มไปด้วยเสียงของนกและต้นไม้ มีกระท่อมหลังนึงตั้งอยู่ข้างลำธารในหุบเขา มีผู้หญิงสองคนกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินเรียบๆใกล้ลำธาร, และยิ้มให้ในทันทีที่เห็นหน้าชายคนนี้
ผู้หญิงที่อยู่ด้านซ้ายก็คือเซลีนฟรังดร์, ในขณะที่ผู้หญิงทางด้านขวาก็คือราชินีมังกรแดงเกรเทล และชายที่ว่านี้ก็คือลิงค์, ที่ใช้พลังไปทั้งหมดหลังจากเอาชนะศัตรูของเขาได้แล้ว
หลังจากที่สูญเสียพลังไป,ความต้องการเดียวของเขาในตอนนี้ก็คือชีวิตปกติ แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้มันขึ้นมา, เขาก็แค่ขอมันกลับคืนมาจากภพ
ลิงค์ยิ้มให้ผู้หญิงทั้งสอง“ฉันกลับมาแล้ว”
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ”
(จบบริบูรณ์)
ผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดหยุดลงกลางคัน
ชายหนุ่มที่กำลังกวัดแกว่งดาบอยู่เบื้องหน้าเขาเมื่อครู่ก่อน,ตอนนี้ได้มีบรรยากาศของผู้เชี่ยวชาญที่เคยเอาชนะศัตรูมานับไม่ถ้วนในช่วงชีวิตของเขา
ตอนนี้เขากำลังถูกกดดันด้วยออร่าคุกคามนี่คือศัตรูที่เขาไม่สามารถออมมือให้ได้
ตลอดเวลามานี้ลิงค์ยืนอยู่ด้วยสีหน้านิ่งเฉยเขามองผู้ปกครองด้วยความเวทนา, และรอให้เขาสำนึกผิดในบาปของเขา
ความกลัวได้คืบคลานเข้ามาในใจของผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดเขาถูกกระตุ้นให้คุกเข่าเบื้องหน้าลิงค์ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม, นี่ก็เป็นแค่ความอ่อนแอเพียงชั่วครู่ ไม่นานนักผู้ปกครองก็เรียกสติกลับมาได้ และมันก็มาพร้อมกับความโกรธที่ปะทุขึ้นมาทุกอนูเซลล์ของเขา
“ไม่มีใครสามารถตัดสินข้าได้!ไม่มีใครสามารถลงโทษข้าได้! ข้าคือผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดผู้ไร้เทียมทาน! ข้าคือจอมเขมือบภพ! ข้าปกครองชะตากรรมของนับล้านชีวิต! ข้าเป็นคนเดียวที่สามารถตัดสินใจได้ว่าใครจะอยู่หรือใครจะตาย! ข้าสามารถเลือกที่จะมอบชีวิตที่สุขสันต์, หรือจะบดขยี้ให้กลายเป็นเนื้อบดใต้เท้าข้าก็ยังได้! ซึ่งมันก็รวมถึงเจ้าด้วย, ลอร์ดเฟิร์ด!”
ณตอนนี้, ผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดได้เปิดเผยด้านที่น่ารังเกียจที่สุดของความเป็นเทพของเขา
เขาเป็นคนเดียวที่ปกครองเหนือทุกสิ่ง,หรือไม่มันก็เป็นการแอบอ้างของเขา
ส่วนแนวทางของลิงค์นั้นอยู่ขั้วตรงข้ามกับผู้ปกครองเลยเขาเป็นเทพแห่งอิสระองค์แรกที่มีตัวตนอยู่ ตัวตนของเขามีอยู่เพื่อทำให้มั่นใจว่าทุกชีวิตจะเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองได้
พอเห็นว่าเขาไม่สามารถบังคับให้ผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดให้ยอมจำนนได้,ลิงค์ก็ถอนหายใจออกมา บางทีฉันคงจะซื่อเกินไปหน่อยถึงเชื่อว่าฉันสามารถทำให้เขายอมแพ้ได้ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว, การนองเลือดก็คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สินะ
ในวินาทีต่อมา,เขาก็ออกมาจากภพฟิรุแมนและเข้ามาในทะเลแห่งความว่างเปล่า, เขาพุ่งตรงมาหาผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดด้วยความเร็วสูงสุด
“จงมาหาข้า!แล้วแสดงให้ข้าเห็นซะว่าเจ้ามีดีอะไร!” ผู้ปกครองตะโกนในขณะที่พุ่งมาหาลิงค์
แม้ว่าพวกเขาจะยังอยู่ห่างกันตั้งไกล,แต่จิคของพวกเขาก็ได้ปะทะกันแล้ว จากที่ไกลๆ, พวกเขาทั้งคู่ดูเหมือนกับอัศวินสองคนที่อยู่ในระหว่างการประลองกัน
ทั้งสองฝั่งมีพลังระดับเทพพลังแผ่ออกมาจากตัวพวกเขาในลักษณะคลื่น หมอกสีขาวในทะเลแห่งความว่างเปล่าถูกแยกออกจากกันในเส้นทางที่พวกเขาผ่าน หลุมพลังงานด้านลบ, วังวนความว่างเปล่า, และปรากฎการณ์ที่อันตรายอื่นๆถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆจากคลื่นพลังงานอันบ้าคลั่งที่ทั้งสองฝ่ายปล่อยออกมา สิ่งมีชีวิตดุร้ายที่ซุกซ่อนอยู่ในทะเลแห่งความว่างเปล่ามองออกมาจากที่ซ่อนของมัน, และจ้องที่จะกัดกินเทพทั้งสอง, แต่พวกมันก็ต้องสลายกลายเป็นฝุ่นเมื่อเจอกับคลื่นพลังงานที่แผ่ออกมาจากพวกเขา
ณตอนนี้, ลิงค์กับผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดคือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลแห่งความว่างเปล่า
จากที่ไกลๆ,มันดูเหมือนกับมีดาบยักษ์สองเล่มได้ตัดผ่านทะเลแห่งความว่างเปล่าในลักษณะจันทร์เสี้ยวและกำลังจะปะทะกันแล้ว
หลังจากช่วงเวลาที่ดูเหมือนจะไร้จุดจบ,ในที่สุดดาบทั้งสองก็ได้ปะทะกัน
ณตอนนี้มีคลื่นกระแทกกระจายออกมาป่วนไปทั้งห้วงเวลาและมิติ หมอกสีขาวรอบตัวพวกเขาทั้งคู่หายไปจนหมดเกลี้ยง, เหลือเอาไว้แค่สถานที่ที่ว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์
เวลา, มิติและสิ่งต่างๆไม่มีตัวตนอยู่อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้มีแค่เทพสององค์ที่ยังเหลืออยู่
ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ในมุมที่ว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์นี้ตอนนี้ทุกสิ่งที่อยู่ข้างในอยู่ในสภาพที่ไม่อาจรู้ได้
สิ่งเดียวที่น่ากลัวเกี่ยวกับปรากฎการณ์ทั้งหมดนี้ก็คือคลื่นกระแทกที่ตัดผ่านหมอกสีขาวของทะเลแห่งความว่างเปล่าคลื่นกระแทกนี้ได้กวาดทุกสิ่งตามเส้นทางที่มันผ่านเหมือนกับการลากแหจับปลาที่มีแต่เทพเท่านั้นที่รู้ว่าจะลากยาวไปถึงไหน
ภพต่างๆที่อยู่ในระยะเองก็ได้รับผลจากคลื่นเหล่านี้ในเวลาไม่นาน,รวมทั้งฟิรุแมนด้วย
พายุไต้ฝุ่นได้ปรากฎขึ้นทุกที่ในภพบางดินแดนประสบกับแผ่นดินไหว, และมีอีกบางส่วนที่เจอกับภูเขาไฟปะทุด้วย, ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ได้ทำให้ฝุ่นฟุ้งขึ้นไปเต็มท้องฟ้าและบดบังแสงทั้งหมดเอาไว้
มันเหมือนกับว่าโลกกำลังจะถึงจุดจบเลย
ทุกคนในภพ,ไม่ว่าจะเป็นเผ่าไหน, ต่างก็เริ่มทำการสวดภาวนาโดยหวังว่าเหตุการณ์ทั้งหมดจะจบลงในเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตาม,การสวดอ้อนวอนของพวกเขานั้นไม่ได้รับการตอบรับ ภัยพิบัติยังคงดำเนินต่อไป รอยแยกภพปรากฎขึ้นตัดผ่านภพในขณะที่กระแสพลังงานความว่างเปล่าหลั่งไหลเข้ามา พวกสิ่งมีชีวิตแห่งความว่างเปล่าเองก็ลี้ภัยมาอยู่ในภพในขณะที่ความวุ่นวายในทะเลแห่งความว่างเปล่ายังคงโหมกระหน่ำต่อไป
ภพฟิรุแมนได้จมลงสู่ความโกลาหล
นักเวทย์ของเฟิร์ดได้ติดตั้งบาเรียเวทมนตร์ขนาดยักษ์รอบๆท่าเรือเพื่อป้องกันไม่ให้เมืองโดนคลื่นกลืนหายไปนักเวทย์ธาตุดินเองก็กำลังต่อสู้กับภูเขาไฟที่ปะทุอย่างต่อเนื่องด้วยการคลายแรงกดดันที่อยู่ใต้พื้นดินอย่างช้าๆ ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่านักเวทย์และหอคอยเวทมนตร์ของเฟิร์ดนั้นสูญเสียพลังไปอย่างรวดเร็วในขณะที่พวกเขาพยายามจะหยุดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดนี้
ตอนนี้สภาของเฟิร์ดกำลังประชุมกันถึงความเป็นไปได้ในการอพยพทั้งเมือง
สำหรับตอนนี้สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือความปลอดภัยของทุกคนในเมืองพวกเขาจำเป็นต้องอพยพทุกคนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่ระบบเวทมนตร์ป้องกันของเฟิร์ดจะล้มเหลว
…
เกาะรุ่งอรุณ
เกาะแห่งนี้ได้สูญเสียการคุ้มครองจากต้นไม้โลกไปแล้วราชาไฮเอลฟ์ก็หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา สมาชิกส่วนใหญ่ของสภาอาวุโสไฮเอลฟ์เองก็ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ก็ถูกฆ่าตายจากการดำเนินพิธีกรรมรวมภพ ตอนนี้เกาะรุ่งอรุณกำลังขาดผู้นำ แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ได้ถาโถมใส่ทั่วทั้งเกาะ, ทำให้รอยแยกขนาดยักษ์ปรากฎขึ้นบนพื้น
ตอนนี้เกาะรุ่งอรุณได้แปรสภาพเป็นนรกของจริงประชากรไฮเอลฟ์เสียชีวิตไปครึ่งนึง ซึ่งมันก็ทำให้ตอนนี้เผ่าพันธุ์ที่เคยเป็นที่น่ายกย่องนี้เข้าสู่สภาพเกือบสูญพันธุ์
พวกเขามีความคิดที่จะออกจากเกาะอยู่อย่างไรก็ตาม, ตอนนี้เกาะถูกล้อมด้วยคลื่นทะเลที่ไม่สงบ เรือนกกระจอกวายุเงินเองก็คงไม่สามารถทนกับสภาพแวดล้อมอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ได้
สิ่งเดียวที่ไฮเอลฟ์สามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือรอรับความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งสภาพคล้ายๆกันนี้ก็เกิดขึ้นในดินแดนอื่นๆเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้าสีทองหรือทวีปอารากู่ตอนนี้ทั่วทั้งภพใกล้จะพังทลายแล้ว
พวกมหาอำนาจทั้งหลายได้ล่มสลายลงด้วยความวุ่นวายนี้,พวกหน้าใหม่เองก็หยุดชะงักอย่างสมบูรณ์ กฏระเบียบทั้งหมดในภพถูกทำลายย่อยยับในสภาพคล้ายๆกัน คลื่นกระแทกจากการประลองของเทพทั้งสองได้ส่งผลไปทั่วทั้งภพอย่างถึงที่สุด
เหล่านักวิชาการได้จัดบันทึกเหตุการณ์นี้เอาไว้ช่วงเวลาที่วุ่นวายที่สุดในประวัติศาสตร์นี้จะเป็นที่รู้จักกันในภายหลังด้วยชื่อต่างๆมากมาย, ไม่ว่าจะเป็น “คลืนแห่งการทำลายล้าง”, “แส้แห่งการกดขี่”, “จุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่” และแม้กระทั่ง “สงครามเทพ”
เหตุการณ์ภัยพิบัตินี้ยาวนานถึงสามปีเต็ม
สามปีต่อมา,ประชากร 80% ของภพได้ตายจากไป บางเผ่าถึงกับสูญพันธุ์ หลายประเทศถูกลบออกไปจากแผนที่ มีแค่กลุ่มองค์กรบางกลุ่มเท่านั้นที่รอดพ้นจากอุปสรรคนี้ได้ ซึ่งสภานักเวทย์ของเฟิร์ดก็เป็นหนึ่งในนั้น
หลังจากผ่านมาได้สามปี,ท้องฟ้าสดใสขึ้น ในที่สุดแสงอาทิตย์ก็สามารถส่องทะลุเมฆหนาบนท้องฟ้าและนำแสงสว่างกับความอบอุ่นคืนกลับมาให้โลกมนุษย์ได้แล้ว ที่กลางป่าเกอร์เวนท์, ตอนนี้เอเลียร์ดกำลังมองออกไปสุดลูกหูลูกตาจากดาดฟ้าของหอคอยเวทมนตร์
จากที่ไกลๆ,มีรูนึงถูกเปิดออกมาในเมฆ แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาจากรูนั้นเหมือนกับน้ำตก ณ ตอนนี้, ความสงบสุขได้กลับมาสู่ดินแดนแล้ว
เอเลียร์ดมองฉากที่น่าอัศจรรย์นี้อย่างเงียบๆท่านผู้ยิ่งใหญ่, ท่านทำได้แล้วจริงๆหรอ?
แม้ว่าเขาจะไม่ได้คาดหวังคำตอบ,แต่มันก็มาหาในเวลาเดียวกัน มีผู้หญิงสวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มคนนึงมาปรากฎตัวขึ้นเบื้องหน้าเขา เธอสวมมงกุฎคริสตัลสีดำเอาไว้บนศรีษะของเธอ
มีออร่าพลังทำลายที่แข็งแกร่งแผ่ออกมาจากร่างของผู้หญิงคนนี้อย่างไรก็ตาม, สีหน้าของเธอดูจริงใจ มีแสงอาทิตย์สีทองสะท้อนออกมาจากดวงตาของเธอ, ในขณะที่มีแสงดาวทอประกายจากส่วนลึกในม่านตาของเธอ“นายท่านของข้าจัดการกับปีศาจฝันร้ายในอดีตได้แล้ว”
“เธอคือเทพแห่งการทำลายใช่ไหม?”เอเลียร์ดถามในขณะที่เขามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย
“นั่นเคยเป็นชื่อของข้าแต่ตอนนี้ข้าเป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ที่สุดของท่านผู้ยิ่งใหญ่” ผู้หญิงตอบกลับ, จากนั้นเธอก็ยิ้มให้เอเลียร์ด “นายท่านได้ส่งข้ามาแจ้งท่านว่าผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดพ่ายแพ้แล้ว แต่ว่า, ผู้ปกครองนั้นเป็นเทพ ไฟศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะไม่มีวันดับ ท่านผู้ยิ่งใหญ่ทำได้แค่กระจายมันออกไปเฉยๆ ในตอนนี้, ไฟศักดิ์สิทธิ์ของผู้ปกครองได้กระจัดกระจายไปทั่วทุกมุมของทะเลแห่งความว่างเปล่า มีแค่การกระจายข้อความศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสระของนายท่านไปยังภพอื่นๆเท่านั้นถึงจะป้องกันไม่ให้ผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดกลับมามีชีวิตได””
เอเลียร์ดรู้สึกดีใจที่ได้ยินว่าลิงค์ชนะการต่อสู้อย่างไรก็ตาม, เขาเองก็รู้สึกกังวลว่าเพื่อนของเขาอาจจะไม่สามารถจัดการกับงานที่น่าท้อแท้แบบนั้นได้
หลังจากที่เงียบไปพักนึง,เขาก็ถามขึ้น “ฉันจะได้เจอท่านผู้ยิ่งใหญ่อีกไหม?”
ผู้หญิงยิ้ม“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ได้กำจัดศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไปแล้ว พลังของนายท่านได้กระจายไปทั่วทุกมุมของทะเลแห่งความว่างเปล่าพร้อมกับข้อความศักดิ์สิทธิ์ ลองดูดวงอาทิตย์ที่อยู่เหนือศรีษะของเจ้าสิ แล้วลองดูโลกที่อยู่รอบตัวพวกเรา นายท่านมีตัวตนอยู่ทุกที่ เจ้าจะรู้เองว่าตามหาเขาได้ในที่ไหนในตอนที่เจ้าจุดไฟศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองแล้ว”
เอเลียร์ดถอนหายใจออกมาเขารู้สึกผิดหวังกับคำตอบของเธอเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม, เขายังมองโลกในแง่ดีอยู่ “เข้าใจหล่ะ”
ในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากของเขา,ผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ในตอนนั้นเอง,ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมันคือหนึ่งในลูกศิษย์ของเขา เขาได้นำข้อความมาให้เอเลียร์ด “อาจารย์เอเลียร์ด, องค์ราชินีไม่อยู่แล้วครับ เธอทิ้งจดหมายไว้ให้อาจารย์ด้วย”
คนๆเดียวที่ถูกเรียกว่า‘องค์ราชินี’ ในกลุ่มสภาเฟิร์ดนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากภรรยาของลอร์ดเฟิร์ด, ราชินีมังกรแดงเกรเทล
เอเลียร์ดรับจดหมายมาจากเขาหลังจากที่ได้เห็นมัน, เขาก็พยักหน้า “ไปบอกพวกมังกรอาวุโสให้ปล่อยเธอไป”
ราชินีตัดสินใจที่จะตามลิงค์ไปนี่คือทางเลือกของเธอ ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเผ่ามังกรก็ไม่มีสิทธิมาขัดขวาง
“รับทราบครับอาจารย์”
ในตอนที่ลูกศิษย์ของเขาจากไปแล้ว,เอเลียร์ดก็พึมพำออกมา “สักวันหนึ่งฉันจะไปหานายให้ได้นะ, ไอ้เพื่อนยาก”
… ทางเหนือของทุ่งหญ้าสีทอง,ที่สุดของขอบเทือกเขาเฮงดวน
มีชายคนนึงกำลังขี่ม้าไปตามทางแคบๆเลียบภูเขาหลังจากนั้นซักพัก, เขาก็มาถึงทางตัน ชายคนนั้นขี่ม้าตรงเข้าไปในกำแพงภูเขาที่อยู่เบื้องหน้าเขา
จากน้ำกำแพงภูเขาก็หายไปข้างหลังกำแพงนี้มีหุบเขาตั้งอยู่, มันเต็มไปด้วยเสียงของนกและต้นไม้ มีกระท่อมหลังนึงตั้งอยู่ข้างลำธารในหุบเขา มีผู้หญิงสองคนกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินเรียบๆใกล้ลำธาร, และยิ้มให้ในทันทีที่เห็นหน้าชายคนนี้
ผู้หญิงที่อยู่ด้านซ้ายก็คือเซลีนฟรังดร์, ในขณะที่ผู้หญิงทางด้านขวาก็คือราชินีมังกรแดงเกรเทล และชายที่ว่านี้ก็คือลิงค์, ที่ใช้พลังไปทั้งหมดหลังจากเอาชนะศัตรูของเขาได้แล้ว
หลังจากที่สูญเสียพลังไป,ความต้องการเดียวของเขาในตอนนี้ก็คือชีวิตปกติ แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้มันขึ้นมา, เขาก็แค่ขอมันกลับคืนมาจากภพ
ลิงค์ยิ้มให้ผู้หญิงทั้งสอง“ฉันกลับมาแล้ว”
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ”
(จบบริบูรณ์)