Akuyaku Reijou no Naka no Hito - ตอนที่ 11 ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 11
ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 11
ชนชั้นสูงในประเทศแทบทุกตระกูลถูกเชิญมาร่วมงานเลี้ยงเชื่อมความสัมพันธ์โลกปีศาจกับประเทศบ้านเกิดของข้า พวกเขากระตือรือร้นอยากคบหากับเผ่าปีศาจแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี ผลิตภัณฑ์จากโลกปีศาจเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดขนาดนั้น พวกเขาจึงกลัวว่า ‘ถ้าไม่คบค้าสมาคมไว้ จะถูกเผ่าปีศาจเมิน’
มีจดหมายจากบ้านตระกูลเดิมของข้าส่งมาถึง ข้าไม่ได้ติดต่อกับพวกเขามานานกว่าสองปีแล้ว แต่ข้าไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับมัน เนื้อหาหลักๆจะมีแค่ ‘เจ้ากำลังทำธุรกิจกับเผ่าปีศาจอยู่ใช่หรือเปล่า? ถ้าอย่างนั้น ข้าต้องการเป็นหุ้นส่วน’ ทั้งที่เป็นถึงดยุก เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีหูตาไวเพื่อรับข่าวสารได้รวดเร็วที่สุด แต่เขาออกตัวช้าไปมาก หรืออาจเป็นเพราะข้ามีความสามารถในการปิดกันข้อมูลสูงเกินไป
แม้แต่เอมิก็ยังไม่คิดว่าพ่อแม่ของข้าเป็นครอบครัวของเธอ ต่อให้เธอถูกประกาศตัดความสัมพันธ์ก็คงไม่รู้สึกอะไร… ดังนั้น ในตอนที่ถูกตัดขาดกันจริงๆแล้ว ข้าเองก็จะไม่คิดจะให้ความสนใจพวกเขาเช่นกัน แต่ถ้าดยุกกราปเนอร์ไม่จ้างคนคุ้มกันกับคนรับใช้ที่ไว้ใจไม่ได้พวกนั้นมา เอมิก็ไม่มีทางถูกใส่ร้าย… ความประมาทและความโง่เขลาของพวกเขาทำให้เอมิผู้น่ารักของข้าต้องเจ็บปวด เพราะฉะนั้น พวกเขาก็สมควรได้รับการลงทัณฑ์จากข้าเหมือนกันใช่ไหม?
แอลเจิ้ลกันไม่ให้ข้ามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสินค้าของโลกปีศาจ เพราะกลัวว่าดยุกกราปเนอร์จะฉวยโอกาสแอบอ้างชื่อ แต่ข้าก็มีความสามารถพอที่จะดำเนินการอยู่เบื้องหลังได้ นอกจากนั้น มันจะดูชัดเจนเกินไปถ้าข้าจงใจแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดผลิตภัณฑ์พิเศษของเขตปกครองกราปเนอร์ด้วยการปล่อยสินค้าประเภทเดียวกันจำนวนมากจากโลกปีศาจเช่นผ้าไหม บรั่นดี และกระดาษคุณภาพสูง
ผลิตภัณฑ์จากความทรงจำของเอมิ สินค้าที่มีการพัฒนาต่อยอดจากสินค้าที่ถูกยกสิทธิ์ให้กับดยุกกราปเนอร์เริ่มแพร่กระจายไปทั่วประเทศด้วยการสนับสนุนของข้า ข้าคิดสงสัยว่าเขาจะแตกตื่นแค่ไหนในตอนที่รู้ว่าว่ารายได้จากการค้าขายถูกจำกัดและภาษีที่เก็บได้ก็ลดลงอย่างมาก เขาเป็นถึงตระกูลดยุก ข้าจึงคาดเดาว่าเขาจะรู้ตัวและลงมือทำอะไรสักอย่างเร็วกว่านี้ แต่ก็ทำให้ข้าผิดหวัง เขาควรจะมีการเคลื่อนไหวตั้งแต่หกเดือนก่อน
เนื่องจากการตอบสนองล่าช้าจนเกิดพิษเศรษฐกิจ ข้ารู้มาว่ามีปัญหาคนว่างงานเกิดขึ้นในดินแดนของดยุก และแน่นอนว่าข้ารับพวกเขาทุกคนรวมถึงครอบครัวมาเป็นประชากรในเดินแดนของข้า พวกเขาคือกำลังการผลิตที่สำคัญ และเหนือสิ่งอื่นใด เอมิต้องคิดอยากช่วยเหลือพวกเขาแน่
ข้าตอบกับโซเฟียไปว่าข้าไม่ต้องการข้องแวะกับพวกเขา และโยนจดหมายลงในเตาผิง คำพูดสุดท้ายที่เขาพูดส่งข้า ‘ฝ่าบาทใจดีพอที่จะไม่ยึดคืนฐานะขุนนางของเจ้า นับตั้งแต่นี้ไป เจ้ากับข้าไม่ใช่ครอบครัว พวกเราจะเป็นแค่คนแปลกหน้าต่อกัน’ และท่านพ่อ… ดยุกกราปเนอร์ก็ได้ลบชื่อข้าออกจากตระกูลให้เป็นเพียงขุนนางอิสระ เพราะฉะนั้น การที่เขาส่งจดหมายเจรจาทางธุรกิจเช่นนี้มาให้กับคนแปลกหน้า ถือเป็นเรื่องเสียมารยาทอย่างยิ่ง
งานเลี้ยงที่ข้าเผ้ารอมาแสนนานก็จะถูกจัดขึ้นแล้วภายในวันนี้ รถม้าของข้าเล่นผ่านประตูเคลื่อนย้ายพร้อมกับบุคคลสำคัญของโลกปีศาจคนอื่นๆ ตามเนื้อเรื่อง นอกจากแองเจิ้ลแล้ว ปีศาจเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตในสงครามหรือไม่ก็ถูกความบ้าคลั่งเข้าครอบงำ แต่ตอนนี้ได้มาอยู่กันพร้อมหน้า ผู้ที่ใกล้ถึงเวลาบ้าคลั่งได้รับการชำระล้างก่อนที่จะสายเกินไป ทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังประตูเคลื่อนย้ายอีกบานหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อเชื่อมต่อกับเมืองหลวง จนมาถึงสถานีขนส่งสินค้าที่กำลังก่อสร้างอยู่ชานเมืองของเมืองหลวง เมื่อบุคลสำคัญจากโลกปีศาจรวมถึงราชาปีศาจผู้เป็นแขกหลักของงานเคลื่อนขบวนไปตามถนน ผู้คนมากมายเบียดเสียดกันแน่นสองฝั่งริมถนน ทุกคนให้ความสนใจงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้เป็นอย่างมาก
ชาวบ้านทั้งหลายส่งเสียงเซ็งแซ่ให้กับอัศวินและสัตว์ขี่ของพวกเขาที่เป็นสัตว์อสูรแทนม้า กับเผ่าปีศาจมีรูปลักษณ์ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เช่นเขา และหาง ที่ดูงดงามน่าเกรงขาม
“…เรมิเลีย สำหรับเจ้าคือการกลับบ้านเกิด ยังกังวลอยู่หรือเปล่า?”
“ก็มีบ้างค่ะ ถ้าพวกเขายังไม่ยอมเปิดใจให้ข้า…”
“เรมิเลีย…”
ข้าสามารถปฏิเสธหลักฐานที่ผู้หญิงคนนั้นสร้างขึ้นได้ทั้งหมดแล้ว แต่ถ้ายังมีคนโง่ที่คิดจะเชื่อแต่ในสิ่งที่ตัวเองอยากจะเชื่ออยู่อีกล่ะ? เมื่อถึงตอนนั้น ข้าอาจต้องวิจัย ‘คำสาปพูดความจริงทั้งวัน’ ที่เคยเป็นเหตุการณ์พิเศษของวันเอพริลฟูลในเกมให้กลายเป็นจริง
อืม ความคิดนั้นก็เข้าท่า จับพวกมันขึงไว้และบังคับให้สารภาพจนหมดเปลือก แต่ข้าก็คิดขึ้นมาได้ว่า ‘แม้แต่กับคนที่ใส่ร้ายเธอ เอมิก็จะไม่ทำถึงขนาดนั้น’
ภายในรถม้าอันกว้างขวาง แองเจิ้ลเข้ามานั่งอยู่ข้างข้าและกุมมือของข้าไว้ มองมาด้วยแววตาเศร้าสร้อยและกระซิบออกมาว่า ‘ข้าจะอยู่ข้างเจ้าเสมอ’ น้องชายของเขาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองมาด้วยสายตาตกตะลึง แต่ข้าต้องทำเป็นไม่เห็นเรื่องนั้น
ชุดพิธีการของแองเจิ้ลในเกมจะประดับด้วยสีแดงอ่อนซึ่งเป็นสีดวงตาของนางเอก แต่ตอนนี้ผ้าคาดของเขาเป็นสีฟ้าอ่อนเหมือนกับดวงตาของข้า กระดุมและเรื่องประดับอื่นๆก็เป็นสีทองเข้มเหมือนกับสีผมของข้า และในทางกลับกัน ตัวข้าสวมใส่สีผมและสีดวงตาของแองเจิ้ล ในมุมมองของคนนอกจะเห็นพวกเราเป็นเหมือนคู่รัก
เขาเป็นผู้ชายใจเสาะที่ตังใจจัดการให้เป็นเช่นนี้โดยไม่คิดบอกให้ข้ารู้ ซ้ำยังขี้ขลาดเกินกว่าจะถามถึงความสมัครใจของข้า
“จะไม่เข้าไปพร้อมกันจริงๆหรือ?”
“ค่ะ ความประทับใจต่อเหล่าขุนนางประเทศนี้จะเปลี่ยนไปหากพวกเขารู้ว่าข้าร่วมมือกับเผ่าปีศาจตั้งแต่แรก”
แน่นอนว่าไม่ใช่เหตุผลหลัก มันก็จริงที่พวกเขาจะไม่มีความประทับใจที่ดีนักถ้าเห็นตัวข้าที่ทุกคนรู้ว่าถูกเนรเทศไปแล้ว ได้เข้าพวกกับปีศาจที่จะเป็นพันธมิตรสำคัญของประเทศนับจากนี้ไป มีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องกับข้าและคู่ค้าเท่านั้นที่รู้ว่าข้ากำลังให้ความสนับสนุนเผ่าปีศาจ แต่เพราะมันไม่ดีต่อแผนการแก้แค้นของข้าที่จะทำตัวเด่นโดยการควงแขนแองเจิ้ลที่เป็นแขกคนสำคัญเข้ามาในงาน
ถ้าข้าปรากฏตัวอย่างผู้ชนะโดยการเปิดเผยตั้งแต่แรกว่าแองเจิ้ลคือคู่ควงของข้า มันจะเรียบง่ายเกินไปใช่หรือเปล่า? ข้าต้องการเหยียบย่ำผู้หญิงคนนั้นในตอนที่เธอกำลังได้ใจ
…ข้าเฝ้ารอวันนี้มานานเหลือเกิน ตั้งแต่ตัดสินใจคิดหาบทลงโทษที่เหมาะสมให้กับหญิงสาวแห่งดวงดาว ข้าเดินปะปนอยู่กับผู้คนในงานเลี้ยงในห้องโถง แกว่งแก้วเครื่องดื่มในมือที่ได้รับมาจากบริกร ภายใต้โคมระย้าบนเพดานที่ส่องแสงสว่างไสวไปไปทั้งห้องด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์หรูหราราคาแพง
ข้าตั้งสติสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัวโดยที่สายตาจับจ้องไปยังบัลลังก์ มีบางคนเริ่มสังเกตเห็น ‘บุตรีดยุกเรมิเลีย’ พวกเขากำลังกระซิบบอกต่อกันอยู่จากที่ไกลๆ แต่เหล่าราชวงศ์และคนใกล้ชิดจะยังไม่รู้ตัวว่าเป็นข้า เพราะข้าได้ทำการบิดเบือนแสงด้วยเวทมนตร์ทำให้ผู้ที่อยู่ห่างออกไปมองไม่ออก จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดความแตกตื่นก่อนส่วนสำคัญของงานเลี้ยงจะเริ่ม
ไวน์สีทองเป็นประกายระยิบระยับถูกแจกจ่ายในงาน เป็นที่รู้กันทั่วไปว่ามันคือ ‘บรรณาการ’ จากเผ่าปีศาจ ไวน์ฟองที่หมักจากผลลิลิน หนึ่งในผลไม้ไม่กี่ชนิดที่สามารถเพาะปลูกได้ในโลกปีศาจ ว่ากันว่า ‘อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอายุขัยของผ่าปีศาจทีมีร่างกายคล้ายกับมนุษย์แต่ก็มีชีวิตยืนยาวจนเป็นสายพันธุ์ที่แตกต่าง’ แต่มันก็เป็นแค่ความเชื่อ ตัวข้าเองและมนุษย์ที่อยู่ในดินแดนของข้าทดสอบเป็นระยะเวลาหนึ่งจนยืนยันได้แล้วว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เหล่าขุนนางทั้งหลายมองไวน์ในแก้วด้วยดวงตาเป็นประกาย ผู้ที่โลภมากบางคนถึงกับดื่มมันในทันทีและหวังว่ามันจะถูกแจกจ่ายอย่างต่อเนื่อง บ้างก็พยายามกอบโกยไวน์ลิลินให้ได้มากที่สุดโดยการมองหาขุนนางบ้านนอกที่ดูไม่รู้เรื่องรู้ราวและหลอกด้วยท่าทางเป็นมิตรว่า ‘ต้องการแลกเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ไหม?’ ทุกคนต่างก็พยายามหาไวน์ลิลินมาดื่มให้ได้มากที่สุด ทั้งที่ได้อธิบายไปแล้วว่ามันแค่ ‘ส่งผลดีต่อร่างกายตามปริมาณพลังเวทในตัว’ แต่ก็ไม่มีใครยอมใคร
มันไม่มีผลในการรักษาโดยตรงเหมือนโพชั่นรักษา แต่ผลลิลินมีความสามารถในการดูดกลืนพลังเวทของผู้ที่กินมันเข้าไปและเปลี่ยนเป็นพลังในการเยียวยาอาการเจ็บป่วยเรื้อรังหรือโรคที่ยาและเวทมนตร์ทั่วไปรักษาไม่หาย ในความจริงแล้ว เผ่าปีศาจใช้มันเพื่อรักษาร่างกายที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษ การที่ประชากรเผ่าปีศาจสามารถอาศัยอยู่ในโลกปีศาจก่อนที่จะถูกชำระล้างให้บริสุทธิ์ได้ต้องขอบคุณผลลิลินนี้ มนุษย์รู้ถึงสรรพคุณของมันจากเรื่องเมื่อหลายวันก่อน ผลลิลินถูกใช้เพื่อรักษาโรคร้ายที่เกิดขึ้นกับเรฟ หัวหน้าจอมเวทแห่งราชสำนัก จากที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงให้หายขาด แต่คนทั่วไปไม่มีพลังเวทในร่างกายมากขนาดนั้น จึงคาดหวังผลของมันไม่ได้มาก แต่ทุกคนก็มีสิทธิ์จะตั้งความหวัง
ปัจจุบันได้ทำการขยายพื้นที่เพาะปลูกต้นลิลินและมีแผนจะให้มันเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าหลักในการส่งออกในอนาคต แต่ไวน์ลิลินที่นำมาให้ทุกคนดื่มในวันนี้เป็นสินค้าพิเศษที่ไม่ใช่ไวน์ลิลินทั่วไป จะมีแก้วที่สองให้กับคนที่ต้องการก็ได้แต่อย่างน้อยต้องทำให้มั่นใจว่าทุกคนต้องได้ดื่มอย่าน้อยคนละหนึ่งแก้ว เพราะการเตรียมสถานการณ์ให้ทุกคนได้ดื่มอีกครั้งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก
เมื่อถึงเวลาที่งานเลี้ยงได้เริ่มขึ้น องค์ราชากล่าวต้อนรับราชาปีศาจก่อนดื่มฉลอง ผู้คนในงานรออย่างสงบแต่ก็ยังอดใจไม่ไหวกับไวน์ลิลินที่ได้รับมา หลายคนจดจ่อกับแก้วไวน์ในมือมากเกินไปจนไม่สนสิ่งรอบตัว ทำให้องค์ราชามองไปที่พวกเขาอย่างเอือมระอา
หลังจากคำกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการจบลง ขุนนางทั้งหมดชูแก้วขึ้นและดื่มมันอย่างรวดเร็วด้วยความยินดี ข้าเองก็ยกดื่มอย่างพร้อมเพรียงจากบริเวณรอบนอกของห้องโถงที่ขุนนางระกับล่างรวมตัวกัน ไวน์ลิลินมีรสเปรี้ยวจางๆและกลิ่นหอมของผลไม้ ข้าไม่ได้ชื่นชอบรสชาติของมันเป็นพิเศษเพราะก่อนหน้านี้ได้ดื่มจนชินแล้ว แต่ครั้งนี้ข้ารู้สึกว่ามันหอมหวานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะไวน์แก้วนี้ถูกปรุงแต่งด้วยรสชาติแห่งชัยชนะของข้า
เสียงโห่ร้องดังมาจากกลุ่มขุนนางระดับสูงที่อยู่ใกล้ใจกลางของงานเลี้ยง พวกเขาอยู่ในกลุ่มผู้ที่มีพลังเวทสูง อาจเป็นเพราะพวกเขารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ผลของการรักษาจะเด่นชัดมากขึ้นสำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหากับอาการป่วยเรื้อรังและมีพลังเวทสูง
ในที่สุด องค์ราชา มกุฎราชกุมาร และผู้ติดตาม ก็ดื่มไวน์ลิลินเข้าไปจนหมด… ข้าที่เฝ้ามองอยู่ก็ได้ออกเดินอย่างเงียบๆไม่ให้เป็นจุดเด่น ไปยังเบื้องหน้าบัลลังก์ที่คนพวกนั้นกับแองเจิ้ลรวมตัวกันอยู่
“ร่างกายของท่านเป็นอย่างไรบ้าง ท่านราชาแห่งมนุษย์”
“รู้สึกว่า… อาการปวดหลังที่เป็นมานานหลายปีได้หายเป็นปลิดทิ้ง อาการหายใจติดขัดก็หายไปเหมือนไม่เคยเป็น ร่างกายของข้าเหมือนได้ย้อนวัยกลับไปอยู่ในสมัยหนุ่มๆอีกครั้ง… พลังของผลลิลินช่างวิเศษยิ่งนัก ข้ารู้สึกถึงมันได้ตั้งแต่จิบแรก และการที่มันมาอยู่ในรูปแบบเครื่องดื่มไวน์ที่มีฟองเช่นนี้วิเศษยิ่งกว่า”
“ถ้าเช่นนั้นก็ขอยินดีกับท่านด้วย”
“ข้าได้ยินมาว่าท่านมีแผนให้ผลลิลินเป็นสินค้าส่งออก…”
“ถูกต้อง แต่มันจะถูกจำกัดปริมาณเอาไว้ระดับหนึ่ง ข้าเข้าใจดีว่ามันเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูง แต่ผู้ที่ใช้งานมันบ่อยเกินไปจะทำให้พลังเวทในร่างกายลดลงหรือหมดไปได้ เพราะฉะนั้น ข้าจึงจะควบคุมปริมาณการส่งออกให้พอเหมาะ”
“เป็นความคิดที่ดี”
ข้าเดินเข้าไปหาอย่างเงียบๆไม่ให้มีแม้แต่เสียงเสื้อผ้าเสียดสีกัน ขุนนางระดังสูงหลายคนจำข้าได้ พวกเขามองมาด้วยท่าทางแปลกใจและหลีกทางให้ ข้าได้ยินทุกคำสนทนาระหว่างแองเจิ้ลกับองค์ราชาโดยที่คนอื่นไม่ได้ยิน นั่นก็เพราะข้าได้ใช้เวทมนตร์ลมในการดังฟัง
ข้าก้าวตรงต่อไปข้างหน้าจนเริ่มมองเห็นเดวิดผู้ที่ไม่มีใครยอมรับว่าเป็นอัศวิน โคลดที่เป็นข้าราชการต่ำต้อยไร้หนทางเติบโต และสเตฟานผู้มีความสามารถครึ่งๆกลางๆทั้งในฐานะนักเวทและนักดนตรี ทั้งหมดกำลังยืนห้อมล้อมผู้หญิงคนหนึ่ง พีน่าที่จ้องมองไปยังแองเจิ้ลเพียงคนเดียวด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม โดยที่โคลดและคนอื่นๆมองไปทางพีน่าด้วยท่าทางสับสน ข้าถึงกับเผลอหลุดยิ้มที่มุมปากเพราะชัยชนะของ ‘จอมวายร้ายเรมิเลีย’ เป็นที่แน่นอนแล้ว
“ท่านได้รับรู้ถึงประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของผลลิลินแล้ว แต่ท่านสังเกตหรือไม่ว่าไวน์ลิลินที่ข้านำมามอบให้เพื่อเลี้ยงฉลองในวันนี้มีความพิเศษเหนือกว่านั้น? แม้จะไม่มากมาย แต่มันสามารถถอนคำสาปบางชนิดได้”
“ว่าไงนะ?! คำสาปที่ท่านพูดถึง… คืออะไร?”
“มันคือสิ่งที่อยู่นอกเหนืออาการเจ็บป่วยทางร่างกาย เป็นกรณีที่อาจจะเข้าใจยากสักหน่อย… คำสาปชั่วร้ายมอมเมาจิตใจของผู้คนให้หลงผิด ว่าแต่ ตอนนี้ท่านมีบางสิ่งที่รู้สึกหมดความสนใจไปเฉยๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้รู้สึกหลงใหลอย่างไร้เหตุผลเปล่าล่ะ?”
ใช่แล้ว เครื่องดื่มนี้เป็นยาถอน ‘ยาเสน่ห์’ ด้วยการใช้ประโยชน์จากสรรพคุณของผลลิลิน โชคดีที่ยาเสน่ห์ที่วางขายทั่วประเทศนี้เป็นผลผลิตจากเผ่าปีศาจกลุ่มเดียวกัน จึงได้ใช้ผลลิลินที่ออกฤทธิ์ผ่านการดูดกลืนพลังเวทร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ มันถูกปรับแต่งให้ลบล้างผลกระทบที่เกิดจากพลังเวทของผู้ผลิตยาเสน่ห์ให้หายไปอย่างสมบูรณ์… พูดง่ายๆว่า มันจะกำจัดเฉพาะความรู้สึกที่เกิดจาก ‘ยาเสน่ห์’ เพียงอย่างเดียว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น องค์ราชามีสีหน้าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด เขามองไปทางหญิงสาวแห่งดวงดาวเพื่อสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลง วิเลียดที่ฟังการสนทนาอยู่ข้างๆแสดงอาการหวั่นวิตกจนแทบลืมหายใจ และเขาก็หันไปมองพีน่าทันทีเช่นกัน
“ท่านราชาปีศาจ!”
ผู้หญิงหลงตัวเองคนนี้กำลังวิ่งเข้าหาราชาจากอีกประเทศโดยไม่มีใครเชิญ เป็นการเข้าใจผิดที่น่าสมเพชเหลือเกิน
ผู้ติดตามของแองเจิ้ลถึงกับขมวดคิ้ว คลิมจับดาบข่มขู่ในการกระทำของพีน่า
“…ผู้หญิงคนนี้”
“เอ่อ… นางคือผู้ครอบครองพลัง ‘หญิงสาวแห่งดวงดาว’ ตัวตนในตำนานอันน่าภูมิใจของประเทศนี้…”
“หืม ก็พอใช้ได้ในฐานะ ‘ของประดับ’ ล่ะนะ”
มนุษย์ที่ได้ยินคำพูดเย้ยหยันของแองเจิ้ลต่างพากันเปลี่ยนสีหน้าเมื่อรู้ถึงความหมาย มีแต่ชื่อเรียกเท่านั้นที่ฟังดูยิ่งใหญ่ ไม่ต่างกับของตั้งโชว์ที่ตกแต่งภายนอกให้หรูหราดูดีแต่ไร้ประโยชน์ใช้สอย มีแต่พีน่าเท่านั้นที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังถูกเหน็บแหนม เธอยกมือจับแก้มสองข้างและพูดด้วยท่าทางเขินอายว่า ‘ไม่นะ อยากได้ฉันไปประดับเลยเหรอ’ ก่อนจะยิ้มแย้มเหมือนได้รับคำชม
นี่แหละ ที่ข้ารอคอย… รอยยิ้มสุดท้ายของเธอ ซึ่งหลังจากนี้มันจะเหลือเพียงใบหน้าอันบิดเบี้ยวด้วยความสิ้นหวังเท่านั้น