Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ - ตอนที่ 1897 ประนีประนอม
- Home
- Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์
- ตอนที่ 1897 ประนีประนอม
ปรมาจารย์จื่อเฉิงและปรมาจารย์อีกสองคน สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมพร้อมกัน
ยิ่งเม็ดยามีระดับสูงขึ้นก็จะยิ่งแสดงความเป็นรูปธรรมออกมามากขึ้น การที่เม็ดยานิรันดร์สี่ดาวจะมีรูปร่างเหมือนสัตว์จึงเป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก
ปรมาจารย์นักปรุงยาทั้งสามมองหน้ากันและกล่าว “เม็ดยาเมฆาคราม! ”
เม็ดยาเมฆาครามคือเม็ดยาที่หลอมได้ง่ายที่สุดในหมู่เม็ดยานิรันดร์สี่ดาว เพราะงั้นส่วนนักปรุงยาที่คิดจะยกระดับตนเองเป็นนักปรุงยาสี่ดาว จึงเลือกหลอมเม็ดยาเมฆาครามกันเป็นส่วนใหญ่ เพียงแต่ถึงแม้จะบอกว่า ‘หลอมง่าย’ มันก็ยังเป็นถึงเม็ดยานิรันดร์สี่ดาวอยู่ดี
“ระยะเวลาที่เม็ดยาถูกหลอมยังผ่านมาไม่ถึงหนึ่งเดือน”
ปรมาจารย์นักปรุงยาทั้งสองวิเคราะห์ได้อย่างง่ายดาย
ดูเหมือนว่าลู่จิ้นจะไม่ได้ไปหาเม็ดยานิรันดร์สี่ดาว มาหลอกว่าตนเองเป็นคนหลอม เพื่อให้ได้สถานะนักปรุงยาสี่ดาวจริงๆ
ปรมาจารย์จื่อเฉิงผนึกขวดเม็ดยาใหม่ และส่งคืนให้กับลู่จิน “นี่คือเม็ดยานิรันดร์สี่ดาวจริงๆ ยินดีกับน้องชายลู่ด้วยที่ไต่เต้าขึ้นมาเป็นนักปรุงยาสี่ดาวได้แล้ว ความสำเร็จของเจ้าถือว่าเป็นความรุ่งโรจน์ของเมืองวิถีโอสถอย่างแท้จริง”
ปรมาจารย์จื่อเฉิงหัวเราะและกล่าวต่อ “วันนี้มีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นถึงสองเรื่องด้วยกัน ทั้งการถือกำเนิดของนักปรุงยาสี่ดาว และผู้สืบทอดที่มากพรสวรรค์”
เขาจงใจยกเรื่องที่ลู่จิ้นกลายเป็นนักปรุงยาสี่ดาวแล้ว ให้ดูสำคัญกว่าเรื่องของหลิงฮัน เพราะเห็นได้ว่าที่อีกฝ่ายโผล่หัวมาในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องมีเป้าหมายคือหลิงฮันแน่นอน
ลู่จิ้นสะบัดมือและกล่าว “พี่ชายจื่อเฉิง ท่านนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้ปกครองมาจะสามแสนล้านปีแล้วสินะ? ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นจิตใจของปรมาจารย์จื่อเฉิงก็สั่นสะท้าน ดวงตาของเขาหรี่ลงและกล่าวตอบ “ไม่ผิด เจ้าช่างความทรงจำดีเหลือเกินนะ”
เมืองวิถีโอสถที่กฎเช่นนั้นจริงๆ ทุกๆ สามแสนล้านปีจะผู้ที่นั่งอยู่บนสถานะผู้ปกครองเมือง จะต้องสละบัลลังก์เปลี่ยนให้คนที่มีคุณสมบัติมาดำรงตำแหน่งแทน ระยะเวลาในการปกครองที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงเหลืออยู่นั้นคือราวๆ สองถึงสามล้านปี ซึ่งแต่เดิมแล้วชายชราคิดว่า เวลาเท่านี้เพียงพอแล้วที่จะใช้ฝึกฝนหลิงฮัน
“ตามกฎของเมือง ตำแหน่งผู้ปกครองจะต้องเปลี่ยนทุกสามแสนล้านปี” ลู่จิ้นจ้องมองปรมาจารย์จื่อเฉิง “ในเมื่อเวลาใกล้จะมาถึงแล้ว ข้าขอให้ทำการเลือกผู้สืบทอด ที่จะขึ้นครองตำแหน่งต่อบัดเดี๋ยวนี้! ”
ขึ้นครองตำแหน่งต่อ!
ปรมาจารย์จื่อเฉิงชะงัก ถึงว่าทำไมอีกฝ่ายถึงรับโผล่หน้ามาตอนนี้ ที่แท้ลู่จิ้นก็มีเป้าหมายสิ่งนี้นี่เอง
ในสถานการณ์ปกติแล้ว ปรมาจารย์เทียนซินกับปรมาจารย์ชิงเย่นั้น ไม่สนใจเรื่องผู้สืบทอดแม้แต่น้อย เพราะงั้นหากเขาต้องการที่จะเลือกใครเป็นผู้ครองตำแหน่งต่อ ใครกันจะกล้าต่อต้าน? แต่เมื่อตอนนี้ลู่จิ้นบรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาวแล้ว อีกฝ่ายจึงมีสิทธิ์มีเสียงพอที่จะเลือกผู้สืบทอดได้
แต่ทำไมเขาถึงต้องเช่นนั้นน่ะรึ? นั่นเพราะลู่จิ้นยังมีสถานะอีกอย่างหนึ่งคือ อาจารย์ของหลู่เซียนหมิง!
ถ้าหากต้องเลือกผู้สืบทอดสักคนมาครองตำแหน่งต่อในตอนนี้ล่ะก็ หลิงฮันจะหมดสิทธิ์ทันที เนื่องจากเขายังไม่ได้ผ่านพิธีการแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอด
หรือต่อให้มีสิทธิ์ หลิงฮันที่เพิ่งบรรลุเป็นนักปรุงยาหนึ่งดาว จะสามารถเทียบชั้นกับผู้สืบทอดคนอื่นๆ ได้งั้นรึ?
ช่างเป็นเรื่องที่บังเอิญนักที่ลู่จิ้นบรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาวได้ในช่วงเวลานี้ การที่ใครสักคนจะถูกแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดได้ จำเป็นที่จะต้องได้รับการยินยอมจากนักปรุงยาสี่ดาวทุกคน เพราะงั้นตราบใดที่ลู่จิ้นคัดค้าน หลิงฮันก็จะไม่สามารถกลายเป็นผู้สืบทอด
“จะเลือกผู้มาครองตำแหน่งต่อในตอนไหนนั้น ข้าตัดสินใจเอาไว้แล้ว! ” ปรมาจารย์จื่อเฉิงเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์
ลิ่นจิ้นคือคนที่เพิ่งบรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาว ส่วนพวกเขาทั้งสามคนเป็นนักปรุงยาสี่ดาวที่มากประสบการณ์ เพราะงั้นมีรึที่ทั้งสามคนจะเก็บลู่จิ้นมาใส่ใจ?
ต่อให้จะเป็นนักปรุงยาสี่ดาวเหมือนกัน แต่ความสามารถในการใช้ห้วงจิตปรับแต่งย่อมแตกต่างกัน เพราะงั้นความต่างระหว่างลู่จิ้นกับปรมาจารย์ทั้งสามจึงมีมากมหาศาล
“โอ้ ถ้างั้นข้าขอคัดค้านเรื่องที่หลิงฮันจะเป็นผู้สืบทอดคนใหม่” ลู่จิ้นส่ายหัว “รุ่นเยาว์ผู้นี้โหดเหี้ยมเกินไป นอกจากเขาจะสังหารผู้สืบทอดขุมอำนาจราชานิรันดร์ไปถึงสองคน เขายังเพิ่งสังหารจ้าวชิงเฟิงและล่วงเกินวิหารอนันต์รุ่งโรจน์อีก หากแต่งตั้งเขาเป็นผู้สืบทอด จะไม่ใช่เป็นการตบหน้าขุมอำนาจราชานิรันดร์เหล่านั้นหรอกรึ? ”
สีหน้าของปรมาจารย์จื่อเฉิงกลายเป็นมืดมน โดยแสดงออกถึงความไม่สบอารมณ์อย่างมาก
ในความเป็นจริง เรื่องที่เขาจะแต่งตั้งหลิงฮันเป็นผู้สืบทอดนั้น ไม่ใช่การกระทำที่เอาแต่ใจเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากเขาคิดจะมอบตำแหน่งผู้ปกครองต่อให้คนของตัวเองจริง ศิษย์คนก่อนหน้านี้ทั้งสามของเขาคนไหนบ้างที่ไม่มีคุณสมบัติ?
แต่ลู่จิ้นน่ะรึ?
เพียงเพื่อให้ศิษย์ของตนเองได้เปรียบ อีกฝ่ายยอมถึงขนาดใช้วิธีการไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้!
เพียงแต่สถานการณ์ในตอนนี้ ลู่จิ้นก็ถือไพ่เหนือกว่าจริงๆ ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม หลิงฮันก็จะไม่สามารถเป็นผู้สืบทอดได้
ปรมาจารย์จื่อเฉิงมองไปยังลู่จิ้น ลู่จิ้นเองก็มองมายังปรมาจารย์จื่อเฉิง ดวงตาของทั้งสองฝ่ายเชื่อมต่อกัน และพึมพำพูดอะไรบางอย่าง
หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ปรมาจารย์จื่อเฉิงก็ประกาศ “หลังจากนี้อีกสามปี จะมีการคัดเลือกผู้สืบทอดที่จะขึ้นครองตำแหน่งต่อจากข้า”
ลู่จิ้นเองก็ประกาศ “ข้าเองก็ยอมรับให้แต่งตั้งหลิงฮันเป็นผู้สืบทอดคนใหม่”
ปรมาจารย์ทั้งสองยอมถอยคนละก้าว เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน
มองจากผิวเผินลู่จิ้นอาจจะดูเป็นฝ่ายได้เปรียบ เนื่องจากระยะเวลาสามปีนั้น ต่อให้อยู่ในห้องบ่มเพาะกาลเวลาทั้งวัน ระยะเวลาหลิงฮันมีก็แค่สามร้อยปีเท่านั้น ด้วยระยะเวลาเพียงเท่านี้ หลิงฮันจะพัฒนาตนเองให้เหนือกว่าหลู่เซียนหมิงได้อย่างไร?
แต่ที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงยอมรับข้อตกลงสามปีนี้ ก็เพราะเขารับรู้ถึงศักยภาพในศาสตร์ปรุงยาของหลิงฮันดี และมีเพียงเขาคนเดียวที่รู้ว่า หลิงฮันสามารถใช้ทักษะห้วงจิตปรับแต่งได้แล้ว!
สามปีให้หลังนี้ มีความเป็นไปได้สูงมากที่หลิงฮันจะบรรลุเป็นนักปรุงยาสองดาว และใช้ห้วงจิตปรับแต่งได้สองขั้น
เพียงเท่านี้หลิงฮันก็มีคุณสมบัติ ที่จะแย่งชิงตำแหน่งกับผู้สืบทอดคนอื่นๆ แล้ว