Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ - ตอนที่ 1914 หนิวมาแล้ว
- Home
- Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์
- ตอนที่ 1914 หนิวมาแล้ว
ตอนที่ 1914 หนิวมาแล้ว
หลิงฮันมองไปยังจักรพรรดินีและยิ้ม “หนึ่งต่อหนึ่งดีไหม?”
“อืม!” จักรพรรดินี้พยักหน้า
หลิงฮันเผชิญหน้ากับกู่เฟย ส่วนจักรพรรดินีเผชิญหน้ากับจางหยุน
อัจฉริยะจากยุคบรรพกาลทั้งสองปลดปล่อยการโจมตีทันที “ตูม” ทักษะนิรันดร์ระเบิดอํานาจอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
อัจฉริยะจากยุคบรรพกาลทั้งสองคนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งมาก พลังต่อสู้ของพวกเขาอยู่ในระดับของราชาในหมู่ราชาทั่วไปเท่านั้น หากเป็นสถานการณ์ปกติหลิงฮัน กับจักรพรรดินีคงสามารถกําราบทั้งสองได้อย่างง่ายดาย แต่สภาพแวดล้อมของที่นี่กับหนักหน่วงไปด้วยแรงกดดันที่รุนแรง การต่อสู้ในครั้งนี้จึงตึงมือเล็กน้อย
หลังจากปะทะอยู่นานพักหนึ่ง ในที่สุดหลิงฮันกับจักรพรรดินี้ก็เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ ร่างของอัจฉริยะยุคบรรพกาลทั้งสอง สลายกลับคืนเป็นเมฆหมอกและลอยหายไปในภูเขา
“สมกับเป็นคนที่คนที่ราชานิรันดร์หย่งชางจดจําได้ ทั้งสองนับว่าแข็งแกร่งเลว” หลิงฮันกล่าว
จักรพรรดินีพยักหน้า หากอิงตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ดูเหมือนว่ายิ่งเข้าใกล้ยอดเขาเท่าไหร่ ศัตรูที่พบเจอก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
แต่ในเมื่อที่นี่คือสถานที่ที่ราชานิรันดร์หย่งชางบรรลุเป็นราชานิรันดร์ ในตลอดช่วงชีวิตของการบ่มเพาะ อีกฝ่ายจะต้องพบเจอคู่ต่อสู้ระดับแบ่งแยกวิญญาณ ระดับตําหนักอมตะ หรือระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้มาแล้วแน่นอน ถ้าหากปรมาจารย์เช่นนั้นปรากฏตัว หลิงฮันกับจักรพรรดินีคงทําได้เพียงล่าถอย
“เรื่องแบบนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะไม่งั้นแล้วราชานิรันดร์หย่งชาง คงไม่ให้เอี๋ยนเซียนลู่มาที่นี่แน่” หลิงฮันกล่าว
“ขึ้นไปต่อ เดี๋ยวก็รู้เอง” ความมั่นของจักรพรรดินียังคงแน่วแน่
“แต่จะว่าไป หรือว่าราชานิรันดร์หย่งชางจะถูกสาปจริงๆ เพราะในยุคสมัยต่อๆ มานี้ พลังบ่มเพาะของเขาก็ยังติดอยู่ที่ ราชานิรันดร์ระดับแปด”
“เรื่องนั้นน่าจะเป็นเพียงแค่ความบังเอิญ”
ทั้งสองเดินหน้าต่อ แต่หลังจากที่เคลื่อนที่ไปได้ไม่ไกล เมฆหมอกก็รวมตัวกันอีกครั้ง
“อี้อู๋ซาง ข้าซางตงหลาย ขอท้าสู้เจ้า! ”
“ข้า ต่งจีฉี ขอคําแนะนําจากเจ้าหนึ่งหรือสองกระบวนท่า!”
เมฆหมอกแปรเปลี่ยนเป็นบุรุษสองคน
การปะทะเริ่มขึ้นในทันที หลิงฮันและจักรพรรดินี้เลือกคู่ต่อสู้ และใช้เวลานานพอสมควร กว่าจะเอาชนะศัตรูได้
ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้า
เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ศัตรูที่พบเจอยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งสองมุ่งต่อไปได้อีกไม่นาน ศัตรูอีกสองคนก็ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้า
หลิงฮันกับจักรพรรดินี้ต่อสู้อย่างไม่หยุดหย่อน การปะทะที่ดุเดือดตลอดทางนี้ ได้ทําให้พวกเขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างภายในร่างกาย
สองเดือน…. สามเดือน ห้าเดือน วันเวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างเงียบเฉียบ แม้จะเป็นในอีกครึ่งปีต่อมา ทั้งสองก็ยังไต่ขึ้นไปไม่ถึงยอดเขา
ไม่ใช่ว่ายอดเขาสามตะวันสูงเกินไป แต่เป็นเพราะพวกเขาก็ต้องปะทะกับศัตรูอยู่ตลอดทาง
ยังดีที่ไม่ว่าศัตรูจะปรากฏตัวกี่คนต่อกี่คน ศัตรูเหล่านั้นก็ยังเป็นเพียงตัวตนระดับโลกียนิพพาน
“นี่น่าจะเป็นสิ่งที่กําหนดเอาไว้แล้ว พวกเรามีพลังบ่มเพาะระดับโลกียนิพพาน เพราะงั้นศัตรูจึงเป็นจอมยุทธระดับโลกียนิพพานเช่นกัน หากยังมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ ไม่แน่ว่าอาจจะมีศัตรูในระดับห้านิพพานปรากฏตัวก็ได้”
“ชักน่าตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว”
ทั้งสองลืมเรื่องวาสนาอันยิ่งใหญ่บนยอดเขาไปเสียสนิท เนื่องจากการทะลวงผ่านเป็นนิรันดร์ห้านิพพาน คือสิ่งสําคัญมากต่อชีวิตพวกเขา มีเพียงระดับห้านิพพานเท่านั้นที่จะทําให้พวกเขาก้าวสู่เส้นทางของจักรพรรดิ และไม่ด้อยไปกว่าอัจฉริยะระดับแนวหน้า
ในอีกบริเวณหนึ่งของภูเขา
“ปัง” เอี๋ยนเซียนลู่ปล่อยหมัดเข้าใส่ศัตรู จนแหลกสลายกลับคืนสภาพเป็นเมฆหมอก ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความมั่นใจเกินพรรณนา
เขารู้จักสถานที่แห่งนี้ดีกว่าใครอื่น เพราะงั้นเขาจึงเชื่อมั่นว่า เขาจะต้องเป็นคนที่ขึ้นไปถึงยอดบนสุดของภูเขาเป็นคนแรกแน่นอน
ที่เขาเคยกล่าวออกไปว่า เขาไม่รังเกียจที่จะแข่งขันแย่งชิงวาสนากับอัจฉริยะคนอื่นนั้นเป็นความจริง เนื่องจากเขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าตนเองนั้นไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่เขาเรียกทุกคนมารวมตัวกัน มีเพียงการที่อัจฉริยะจํานวนมากมารวมตัวกัน และทําการต่อสู้ที่ยอดเขาสามตะวันเท่านั้น วาสนาอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพี ที่เกิดจากราชานิรันดร์หย่งชางถึงจะปรากฏขึ้นมาได้
วาสนาที่ว่านี้ไม่ได้ช่วยยกระดับพลังบ่มเพาะให้สูงขึ้นแต่อย่างใด แต่มันจะช่วยให้แก่นพลังภายในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง
กายหยาบวิถีนิรันดร์ที่เขามีมาแต่กําเนิดนั้น ช่วยให้เขาสามารถเข้าใกล้อํานาจแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่ได้ง่ายกว่าใคร เพราะงั้นไม่ว่าจะเป็นทักษะนิรันดร์แบบใด เขาก็สามารถฝึกฝนได้อย่างง่ายดาย แต่คําว่า “เข้าใกล้ ก็ไม่ใช่อํานาจแห่งเต๋าที่แท้จริงอยู่ดี และยังมีช่องว่างให้พัฒนาต่อไปได้อยู่
ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องการครอบครองวาสนาอันยิ่งใหญ่ เพื่อที่กายหยาบของเขาจะได้เข้าใกล้อํานาจแห่งเต๋าที่แท้จริงยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็จะมีคุณสมบัติสามารถต่อกรกับ เหล่าอัจฉริยะท้าทายสวรรค์เพียงหยิบมือเหล่านั้นได้!
หากใครได้ยินความคิดของเอี๋ยนเซียนลู่ในตอนนี้ พวกเขาจะต้องตกตะลึงมากเป็นแน่ การที่สามารถถูกเอี๋ยนเซียนลู่เรียกว่า “อัจฉริยะท้าทายสวรรค์” คนผู้นั้นจะต้องเป็นตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวเพียงใดกัน?
ที่บริเวณตีนเขา
“ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะดังขึ้น พร้อมกับร่างของเด็กสาวผู้หนึ่งได้กระโดดลงมาจาก มังกรอินทรี นางหอมือทั้งสองมาไว้ที่ปากและตะโกนเสียงดัง “หลิงฮัน หนิวมาแล้ว!”
“ประมุขหญิงน้อย ท่านไม่ควรทําพฤติกรรมตะโกนเสียงดังเช่นนั้น! ” ที่ด้านของหลิงนาง สตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งรีบมาห้ามปราม
เด็กสาวผู้นี้แน่นอนว่าย่อมเป็นฮูหนิว
ฮูหนิวนํามือทั้งสองข้างท้าวไว้ที่เอวและบ่น “ข้าเบื่อจะตายอยู่แล้ว ไอ้นั่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ หนิวไม่เป็นประมุขหญิงน้อยอะไรนั่นแล้ว จริงสิ หนิวมอบตําแหน่งนั่นให้เจ้าแล้วกัน!”
สตรีวัยกลางคนยิ้มเจื่อน “ประมุขหญิงหน้อย หลิงฮันถูกลูกหลงจากการปะทะกันของตัวตนระดับข้ามผ่านกําเนิดแท้ ไม่มีทางเด็ดขาดที่เขาจะยังมีชีวิตอยู่”
นางพยายามพูดโน้มน้าว “หลิงฮันที่อยู่ที่นี่ต้องเป็นเพียงคนชื่อเหมือนกันแน่ เพราะงั้นพวกเราควรรีบกลับตําหนักมัจฉาวายุภักษ์กันดีกว่า”
“ไม่!” ฮูหนิวส่ายหัวไปมา “เจ้าจะกลับก็กลับไป แต่หนิวไม่กลับ! อีกอย่าง เจ้ารู้ตัวนี้ไม่ว่าเจ้านั้นตาต่ำอย่างมาก ที่มองไม่ออกมาหลิงฮันของหนิวแข็งแกร่งขนาดไหน เขาไม่มีทางตายเด็ดขาด!
“ประมุขหญิงน้อย…”
ครืนน!
จู่ๆ คลื่นพลังบางอย่างก็เกิดการผันผวน จนชั้นบรรยากาศเกิดรอยแตกร้าว
สตรีวัยกลางคนสีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจัง และแหงนมองท้องฟ้า “ในเมื่อผู้อาวุโสหย่งชามาแล้ว ทําไมท่านถึงไม่ปรากฏตัวล่ะ?”