Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ - ตอนที่ 1924 มัจฉาวายุภักษ์สำแดงอํานาจ
- Home
- Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์
- ตอนที่ 1924 มัจฉาวายุภักษ์สำแดงอํานาจ
ตอนที่ 1924 มัจฉาวายุภักษ์สำแดงอํานาจ
“แม่นาง ข้าขอท้าประลองกับเจ้า!” เอี๋ยนเซียนลู่กล่าวด้วยจิตวิญญาณที่ลุกโชน
สตรีผู้นี้แข็งแกร่งจริงๆ บางทีนางอาจจะแข็งแกร่งกว่าเขาด้วยซ้ำ เพียงแต่เส้นทางของจักรพรรดิ ก็คือการเอาชนะศัตรูที่ดูเหมือนจะไม่สามารถเอาชนะได้ และไต่เต้าขึ้นไปยืนอยู่จุดสูงสุด
เขารู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเขากับเหล่าอัจฉริยะฝืนชะตาสวรรค์นั้น มีความแตกต่างกันขนาดไหน ซึ่งสิ่งที่จะทําให้ความต่างที่ว่าลดลงได้ก็คือแผ่นหินราชานิรันดร์ตรงหน้านี้ เพราะงั้นมีรึที่เขาจะยอมยกมันให้ผู้อื่น?
“ไม่เพียงแค่จะแย่งชิงของของหนิว แต่ยังคิดจะหาเรื่องหนิวด้วยงั้นรึ?” ฮูหนิวกล่าวด้วยท่าทีไร้เหตุผล นางมองไปยังอู๋เซียนลู่และชี้นิ้วออกไป “หนิวจะบดขยี้เจ้าเอง!”
นางเป็นฝ่ายเริ่มลงมือก่อน “พรึบ” ที่ด้านหลังของนางมีสองข้างงอกออกมา ปีกทั้งสองนี้ปกคลุมไปด้วยตราประทับแห่งเต๋ที่ทรงพลัง พร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายบรรพกาลอันสูงส่งออกมา
“วิหควายุภักษ์!” ซานจี้ถงและเหลาซงอุทานออกมาพร้อมกัน
“ที่แท้สตรีผู้นี้ก็เป็นทายาทของวิหควายุภักษ์ ในหมู่บรรพบุรุษต้นกําเนิด วิหควายุภักษ์ถือว่าเป็นตัวตนที่ถูกจัดอยู่ในอันดับหนึ่ง”
“พรึบ” ฮูหนิวกระพือปีกพุ่งทะยานมาปรากฏตัวด้านหน้าอู๋เซียนลู่ พร้อมกับปล่อยหมัดออกไป
ไม่มีรูปแบบการต่อสู้ที่ซับซ้อนใดๆ นางทําเพียงปล่อยหมัดออกไปเท่านั้น
ใบหน้าของอู๋เซียนลู่ปรากฏร่องรอยของความเกรี้ยวกราด เขาคือสุดยอดอัจฉริยะที่เกิดมาพร้อมแก่นกําเนิดนิรันดร์วิถีนิรันดร์ ในระดับพลังเดียวกัน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเหยียดหยามเขาได้
ฮูหนิวไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไร ในขณะที่นางปล่อยหมัดออกไป ตราประทับแห่งเต๋า บนหมัดก็ระเบิดคลื่นแสงออกมา และปรากฏเป็นภาพเงาของมัจฉาขนาดใหญ่
ถึงแม้ภาพเงานี้จะดูเลือนรางไม่สมบูรณ์ แต่อํานาจของตราประทับที่ส่องสว่างออกมา ก็น่าสะพรึงกลัวราวกับจะทําให้สวรรค์ร่วงหล่น
“มะ…ไม่ใช่วิหควายุภักษ์!” เหลาซงกลืนน้ำลาย
“มัจฉาวายุภักษ์ ซานจี้ถงกล่าวออกมาในช่วงเวลาแทบจะพร้อมกัน ดวงตาของทั้งสองคนเบิกกว้างด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
ในตอนที่สวรรค์และปฐพี่ถือกําเนิดขึ้น สิ่งมีชีวิตที่ถือกําเนิดขึ้นเป็นกลุ่มแรกและสามารถบรรลุระดับราชานิรันดร์ได้ จะถูกเรียกว่าสัตว์อสูรต้นกําเนิด สัตว์อสูรต้นกําเนิดบางชนิดสิ้นชีพลง เมื่อกาลเวลาไหลผ่านไป ในขณะที่สัตว์อสูรต้นเนิดบางชนิดสามารถยกระดับพลังของตนเองให้สูงขึ้นไปอีกได้หลายขั้น
วิหควายุภักษ์คือสัตว์อสูรต้นกําเนิดที่ความแข็งถูกจัดอยู่ในอันดับหนึ่ง เพียงแต่เหนือ จากอันดับหนึ่งก็ยังมีสัตว์อสูรต้นกําเนิดระดับราชาอยู่อีก!
นอกจากมังกรต้นกําเนิด กับวิหคเพลิงต้นกําเนิด มัจฉาวายุภักษ์เองก็เป็นสัตว์อสูรต้นกําเนิดระดับราชาเช่นกัน
ตํานานกล่าวเอาไว้ว่า สัตว์อสูรต้นกําเนิดระดับราชานั้นมีอยู่ราวๆ ยี่สิบเผ่าพันธุ์ แต่ในปัจจุบันนี้หลงเหลืออยู่เพียงสิบเผ่าพันธุ์เท่านั้น ซึ่งทั้งสิบเผ่าพันธุ์ล้วนแต่มีตัวตนที่ทรงพลังจนสามารถสั่นคลอนพิภพนี้ได้
ราชานิรันดร์ระดับเก้า!
ต่อหน้าราชานิรันดร์ระดับเก้า ต่อให้เป็นราชานิรันดร์ระดับแปดก็ไม่ต่างอะไรจากมดปลวกตัวจ้อย
เพราะงั้นถึงแม้เอี๋ยนเซียนลู่ จะเป็นผู้สืบทอดขุมอํานาจราชานิรันดร์ระดับแปด แต่เมื่อเทียบกับสตรีลึกลับแล้ว เขาย่อมไม่นับเป็นอันใด! อู๋เซียนลู่ไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะไป เทียบชั้นกับนางเสียด้วยซ้ำ
ตูม!
การโจมตีของฮูหนิวและอู๋เซียนลู่เข้าปะทะกัน อํานาจแห่งกฏเต๋าและอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกัน ก่อให้เกิดคลื่นสั่นสะเทือนที่น่าสะพรึงกลัวกวาดผ่านไปทั่วบริเวณ เมื่อการโจมตีสิ้นสุดอู๋เซียนลู่ก็เป็นฝ่ายถูกทําให้ล่าถอย
แม้ครั้งนี้เขาจะไม่ถูกขัดจนกระเด็น แต่สถานการณ์ที่ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ ร่างของเขาล่าถอยไปด้านหลังถึงสามร้อยเมตร กว่าจะทรงตัวได้
“แข็งแกร่งมาก!” เอี๋ยนเซียนลู่กล่าว แววตาของเขาไม่ปรากฏร่องรอยของความสิ้นหวังแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน จิตวิญญาณสู้รบของเขายิ่งลุกโชนขึ้นกว่าเดิมอีก
“มาอีกครั้ง!” เขาคํารามเสียงดัง อํานาจของแก่นกําเนิดนิรันดร์ถูกรีดเค้นออกมาเต็มที่ จนร่างกายของเขาแทบจะดูราวกับกลายเป็นหนึ่งเดียว กับอํานาจแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์และปฐพี
อํานาจแห่งเต๋อันยิ่งใหญ่ของสวรรค์และปฐพี ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสร้างความเสียหายให้ได้ เพราะงั้นศัตรก็ย่อมสร้างความเสียหายให้เขาไม่ได้เช่นกัน
นิสัยอันโหดเหี้ยมของฮูหนิวนั้นยากจะแก้ไข ด้วยอารมณ์ที่กําลังเดือดพล่าน นางจึงพุ่งทะยานปล่อยหมัดอีกครั้ง ตราประทับและร่างเงาที่ไม่สมบูรณ์ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแต่ในครั้งนี้ อํานาจของมันกลับรุนแรงจนราวกับเหนือสวรรค์และปฐพี
ตูม!
ร่างของอู๋เซียนลู่ถูกซัดลอยกระเด็นราวกับดาวตก
ใช่แล้ว ถึงแม้อู๋เซียนลู่จะมีแก่นกําเนิดนิรันดร์ที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับอํานาจแห่งเต๋าของสารรค์และปฐพีได้ จึงทําให้เขาสามารถรับรู้การโจมตีของศัตรูได้ล่วงหน้า และทําการหลบหลีกกัน เพราะงั้นในขณะที่เขากําลังเป็นหนึ่งเดียวกับอํานาจแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่ ใครกันจะสามารถสร้างความบาดเจ็บให้เขาได้?
เพียงแต่ฮูหนิวนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก การโจมตีของนางรวดเร็วจนปฏิกิริยาตอบโต้ของเอี๋ยนเซียนลู่ไล่ตามไม่ทัน ทําให้ยังไม่ทันที่เขาจะสัมผัสถึงการโจมตีของฮูหนิวได้ เขาก็ถูกหมัดซัดเข้าใส่และไม่อาจหลบพ้นเสียแล้ว
“อ่อนหัด ช่างน่าเบื่อ!” ฮูหนิวปัดฝุ่นที่มือก่อนจะมองไปยังพวกซานจี้ถง และดวงตาส่องประกายโหดเหี้ยมอีกครั้ง
พวกซานจี้ถงรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว ขนาดอู๋เซียนลู่ยังถูกชัดลอยกระเด็นอย่างง่ายดาย พวกเขาจึงไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ให้กับฮูหนิวได้อย่างแน่นอน ทางที่ดีอย่าไปยั่วยุนางเลยจะดีที่สุด
“พวกเจ้าก็อ่อนแอเหมือนกัน สู้ไปมีแต่จะทําให้เมื่อยิ่งกว่าเดิม” ฮูหนิวกล่าวก่อนจะเดินไปยังแผ่นหินราชานิรันดร์
ทั้งซานจี้ถงและเหลาซงแทบจะกระอักโลหิต เจ้าพูดแบบนั้นได้อย่างไร จริงอยู่ที่พวกข้าอ่อนแอกว่าเจ้า แต่ถึงอย่างไรพวกข้าก็ยังเป็นถึงจักรพรรดิที่มีเกียรติ
ฮูหนิวเดินไปยังมุมหนึ่งของแผ่นหินราชานิรันดร์ นางยิ้มมุมปากก่อนจะเอื้อมมือไปยังจับแผ่นหินเพื่อหวังเก็บมันเข้าไปในอุปกรณ์มิติ และนําไปมอบให้หลิงฮัน
“หืม น่าแปลก ทําไมถึงได้มีอะไรบางอย่างเข้ามาในร่างหนิวกัน?” นางประหลาดใจ “อะไรกัน ทําไมมันถึงติดมือแน่นเช่นนี้?”
“ไม่ สิ่งนี้ต้องไม่ใช่ของดีแน่ๆ!” ฮูหนิวพยายามโยนแผ่นหินราชานิรันดร์ทิ้ง แต่แผ่นหินก็ติดอยู่กับมือของนางแน่นหนาจนไม่สามารถสะบัดออกได้
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า พวกเซียนลู่ทั้งสามคนก็แทบจะร้องไห้ออกมา เจ้าไม่ต้องการมัน แต่พวกข้าต้องการ!
เพียงแต่แผ่นหินราชานิรันดร์ได้ทําการปลดปล่อยวาสนาออกมาแล้ว อํานาจแห่งสวรรค์และปฐพีอันไร้ที่สิ้นสุดจะไหลเข้าสู่ร่างของฮูหนิว และช่วยขัดเกลากายหยาบของนางให้เข้าใกล้เต๋าอันยิ่งใหญ่มากขึ้น
ฮูหนิวหยุดการดิ้นรนที่ไร้ความหมาย และยอมรับวาสนาของแผ่นหินราชานิรันดร์ ด้วยสีหน้าขยะแขยง