Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ - ตอนที่ 1950 รักแรกพบ
- Home
- Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์
- ตอนที่ 1950 รักแรกพบ
ตอนที่ 1950 รักแรกพบ
หลิวหานอดกลั้นความเดือดดาลภายในอก พร้อมกับกล่าวยอมรับ “ข้าแพ้แล้ว”
ฮูหนิวกล่าวอย่างองอาจ “สตรีอัปลักษณ์ คิดเสียว่าเจ้ากลายเป็นสตรีของข้าแล้ว อย่าได้ไปใกล้ชิดกับบุรุษผู้อื่นอีก เข้าใจหรือไม่?”
นางรู้ดีว่าต่อให้กําราบอีกฝ่ายอย่างราบคาบไปก็ไร้ประโยชน์ มีเพียงการทําให้อีกฝ่ายหลงตัวตนอีกตัวตนที่นางสร้างขึ้นมาเท่านั้น ถึงจะรับประกันได้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มาเข้าใกล้หลิงฮันอีก
ข้าช่างฉลากยิ่งนัก!
ใบหน้าอันงดงามของหลิวหานแสดงออกถึงความเขินอาย บุรุษผู้นี้กําลังประกาศว่าตนเองเป็นเจ้าของตัวนางงั้นรึ?
จากคําพูดของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าเขาหึงหวงนาง และไม่ต้องการให้นางไปยุ่งเกี่ยวกับบุรุษผู้อื่นอีกต่อไป แม้จะดูเป็นการหึงหวงเกินไป แต่นั่นก็ทําให้นางรู้สึกเคลิบเคลิ้มจนหัวใจเต้นแรง
“อืม!” นางพยักหน้าเชื่อฟังอย่างง่ายดาย
ผู้คนโดยรอบตกตะลึงเป็นอย่างมาก สตรีผู้นี้ใช่สาวงามอันดับสองของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งจริงๆ รึ?
เหลือเชื่อ
หลิงฮันพูดอะไรไม่ออก เขาไม่คาดคิดว่า นอกจากฮูหนิวจะไม่เชื่อฟังเขาว่าให้อยู่ในที่พักเฉยๆ แล้ว นางยังปลอมตัวเป็นบุรุษมาสร้างเรื่องอีกด้วย
“ไม่ทราบว่าสหายมีนามว่าอันใด?” หลิวเจี๋ยยิ้ม ภายในใจของเขาเองก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน ที่มีจักรพรรดิอีกคนปรากฏตัว โดยที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อน
ยิ่งกว่านั้นพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายก็ยังน่ากลัวเป็นอย่างมากด้วย เพียงแค่ไม่กี่กระบวนท่าเขาก็กําราบหลิวหานได้แล้ว พลังต่อสู้เช่นนี้ทําให้เขานึกถึงเหล่าสัตว์ประหลาดเพียงหยิบมือ ของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋ง
ฮูหนิวจ้องมองหลิวเจี๋ย และนํามือทั้งสองเท้าเอว “อะไร เจ้าคิดจะจีบหนิวงั้นรึ?”
อะไรกัน!
ทุกคนรอบข้างตกตะลึงจนเหงื่อไหลท่วม น้ำเสียงและวิธีการพูดเช่นนี้ ไม่ได้สมกับรูปลักษณ์ของบุรุษแม้แต่นาย คนผู้นี้เห็นได้ชัดว่าแท้จริงแล้วเป็นสตรีขี้เล่น
หลิวเจี๋ยขมวดคิ้วและกล่าว “สหาย เจ้าเป็นบุรุษหรือสตรีกันแน่?”
“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า!” ฮูหนิวมองหลิวเจี๋ยอย่างเหยียดหยาม
หลิวเจี๋ยขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม “เจ้าเป็นสตรีแท้ๆ เหตุใดถึงต้องทําเรื่องแบบนี้ด้วย?”
“ท่านพี่ ท่านกําลังพูดอะไรอยู่!” หลิวหานรีบเอ่ยแทรกทันที ใบหน้าของนางประดับไปด้วยความโกรธเคือง “เขาจะเป็นสตรีไปได้อย่างไรกัน?”
ทุกคนอ้าปากค้าง เจ้านั่นแหละตาบอดรึเปล่า คนผู้นี้ดูอย่างไรก็เป็นสตรี แต่เจ้าก็ยังหลงรักงั้นรึ?
“น้องข้า ตื่นได้แล้ว ดูให้ดีว่าตรงไหนกันที่นางดูเหมือนบุรุษ” หลิวเจี๋ยกล่าว
หลิวหานมองไปยังฮูหนิว และคิดได้แค่ว่าอีกฝ่ายเป็นบุรุษที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตร แม้จะมีกลิ่นอายบางอย่างที่ทําให้ดูเหมือนสตรีอยู่บ้าง แต่นั่นก็เพราะอีกฝ่ายเป็นบุรุษที่งดงาม เพราะงั้นจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะเป็นสตรี?
ฮูหนิวกล่าวด้วยน้ำเสียงองอาจยิ่งกว่าเดิม “สาวน้อย จากนี้ไปเจ้าคือของของข้า”
หลิงฮันส่ายหัวและเอ่ยแทรก “ฮูหนิว เลิกสร้างปัญหาได้แล้ว”
ฮูหนิวกล่าวตอบโดยไม่แม้แต่หันไปมอง “ใครคือฮูหนิวกัน? อย่าพูดจาไร้สาระ!”
ทุกคนส่ายหัว เมื่อครู่เจ้าเพิ่งเรียกแทนตัวเองว่าหนิวไม่ใช่รึไง? พวกข้ามั่นใจแทบจะสิบส่วนเลยว่า ชื่อของเจ้าต้องเป็นฮูหนิวแน่นอน
“เป็นเด็กดีนะ!” หลิวฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เพียงแต่ฮูหนิวได้ตัดสินใจเอาไว้หนักแน่นแล้ว เมื่อใดก็ตามที่นางเห็นว่ามีสตรีที่เป็นภัยคุกคาม นางจะทําการจีบสตรีผู้นั้นก่อนทันที เพื่อที่หลิงฮันของนางจะได้ปลอดภัย
ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่สนใจคําพูดของหลิงฮัน แต่สะบัดมือเรียกหลิวหาน ด้วยความงดงามของทั้งสอง เมื่อยืนอยู่เคียงข้างกันแล้ว จึงทําให้ดูราวกับเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ
“น้องชายหญิง คนผู้นั้นคือสหายของเจ้ารึ?” หลิวเจี๋ยเอ่ยถามหลิงฮัน
หลิงฮันลูบจมูกพร้อมกับพยักหน้า โดยที่ไร้คําพูดกับการกระทําของฮูหนิวอย่างสิ้นเชิง
“น้องชายหลิง ถ้างั้นข้าขอฝากเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการด้วย” หลิวเจี๋ยปัดโยนความรับผิดโยน ไปให้หลิงฮัน
งานเลี้ยงดําเนินต่อไป โดยที่จิตใจของทุกคนไม่จดจ่ออยู่กับงานเลี้ยงเลยแม้แต่น้อย และเอาแต่จ้องมองฮูหนิวกับหลิวหาน
“พี่ชายหลิง นั่นในแม่นางฮูหนิวรึเปล่า?” โม่ซวงเอ่ยถามด้วยท่าทางกระซิบกระซาบ
หลิงฮันชําเลืองมองอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้กล่าวตอบ
“ถ้างั้นข้าจะทําอย่างไรดี?” โม่ซวงกล่าวด้วยใบหน้าขมขึ้น ก่อนหน้านี้หลิงฮันบอกเอาไว้ว่าจะช่วยให้เขาเข้าใกล้ธิดาหลิว แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าสตรีของเขาถูกคนอื่นชิงไปก่อนแล้ว
“คงต้องปล่อยไปแบบนี้ล่ะ” หลิงฮันกล่าว หากฮูหนิวตัดสินใจจะทําอะไรบางอย่าง เขาก็หมดหนทางเช่นกัน
“เพียงแต่ว่า ผลประกอบการของวันนี้นั้นยอดเยี่ยมมาก!” โม่ชวงกลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง เพราะอย่างไรหลิวหานก็เป็นเพียงเทพธิดาในความฝัน เขารู้ตัวดีอยู่แล้วว่าเรื่องราวระหว่างตนเองกับอีกฝ่ายไม่มีทางเป็นไปได้ เขาจึงไม่ได้ผิดหวังมากมายอะไร
“ได้มาเท่าไหร่?” หลิงฮันเองก็ดวงตาส่องประกายเช่นกัน
“ศิลาดวงดาวเกือบๆ เจ็ดล้านก้อน และแร่โลหะกึ่งนิรันดร์กับเม็ดยาอีกจํานวนหนึ่ง รวมๆ แล้วมีมูลค่าเกินกว่ายี่สิบล้านศิลาดวงดาว!” โม่ซวงกระซิบ
ในความเป็นจริง ศิลาดวงดาวจํานวนยี่สิบล้านนั้นไม่ได้เป็นทรัพยากรที่มากมายอะไรสําหรับขุมอํานาจระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ แต่การที่จอมยุทธระดับโลกียนพพานสองคน สามารถหาทรัพยากรจํานวนขนาดนี้ได้ภายในหนึ่งวันนั้น เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก
หลิงฮันพยักหน้า “แบ่งกันคนละครึ่ง”
“จะทําอย่างนั้นได้อย่างไร!” โม่ชวงรีบส่ายหัว “พี่ชายหญิง ท่านกําลังล้อข้าเล่นรึเปล่า? ข้าแทบไม่ได้ทําอะไรเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะความสามารถในการปรุงยาของพี่ชายหลิงต่างหาก พวกเราถึงทําเงินได้ขนาดนี้ เพราะงั้นข้าขอแค่สามในสิบส่วนก็พอ”
“ตกลง” หลิงฮันไม่ปฏิเสธ
หลังจากงานเลี้ยงจบลง หลิงฮันก็ถูกเฉินต่งกับหมายงเร่งเร้า ให้ไปพบปรมาจารย์จูเฟิง
พวกเขาข้ามผ่านระยะทางหลายไมล์ด้วยค่ายกลอาคมเคลื่อนย้าย มาถึงภูเขาอันงดงามที่ห้อมล้อมไปด้วยสายน้ำเขียวขจี ทิวทัศน์ของสถานที่แห่งนี้น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก
พวกเขาเดินตามทางภูเขา จนเวลาผ่านไปไม่นานก็มีลานที่พักขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
หลิงฮันอุทานเสียงเบาออกมาทันที เนื่องจากรูปแบบของลานที่พักนั้น คล้ายคลึงกับของปรมาจารย์จื่อเฉิงเป็นอย่างมาก
หลังจากเข้าลานที่พักไปแล้ว ความรู้สึกคุ้นเคยก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ต่อให้ไม่ต้องให้พวกหม่ายงนําทาง หลิงฮันก็สามารถหาห้องหลอมเม็ดยา ห้องโถงหลัก หรือสวนสมุนไพรพบ
ดูเหมือนว่าศิษย์พี่สามจะยังไม่สามารถสลัดเงาของปรมาจารย์จื่อเฉิงทิ้งไปได้ เพราะงั้นแม้กระทั่งรายละเอียดของลานที่พัก ถึงได้เหมือนกันขนาดนี้
หลังจากเดินไปพักหนึ่ง ทั้งสามก็มาถึงห้องรับรองที่มีชายวัยกลางคนนั่งอยู่ คนผู้นี้มีคิ้วที่หนาเข้ม แต่ศีรษะกลับเต็มไปด้วยผมขาวโพลน
“ศิษย์น้อง!” เมื่อชายวัยกลางคนเห็นหลิงฮัน เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
เพียงแค่ชําเลืองมอง หลิงอันก็มั่นใจว่าคนผู้นี้คือปรมาจารย์จูเฟิง ไม่ใช่ใครอื่นปลอมตัวมา นั่นเพราะปรมาจารย์นักปรุงยาที่แท้จริงนั้น จะมีกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ยิ่งระดับของนักปรุงยาสูงเท่าไหร่ กลิ่นอายที่สัมผัสได้ก็จะยิ่งชัดเจนขึ้น
หลิงฮันเองก็ยิ้มให้กับอีกฝ่ายและก้าวเดินไปด้านหน้า “หลิงฮันคารวะศิษย์พี่สาม”
“ไม่จําเป็นต้องมากพิธี!” ยังไม่ทันที่หลิงฮันจะโค้งตัวคํานับ จูเฟิงก็คว้ามือหยุดเอาไว้ “ก่อนหน้านี้ข้าได้รับจดหมายจากอาจารย์ว่าพวกเราได้มีศิษย์น้องเพิ่มมาคนหนึ่ง ข้ายังคิดอยู่เลยว่าศิษย์น้อยที่ว่าจะเป็นอย่างไร จนในที่สุดได้มาเห็นในวันนี้”
เขาหันหน้าและกล่าว “จื่อจวิน ยังไม่คุกเข่าขออภัยอาจารย์ลุงของเจ้าอีก!”