Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ - ตอนที่ 1984 ราชทูตจากดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก
- Home
- Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์
- ตอนที่ 1984 ราชทูตจากดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก
ตอนที่ 1984 ราชทูตจากดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก
“ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ว่าเม็ดยากําเนิดสามภพ เป็นเม็ดยาที่หายสาบสูญไปแล้วหรอกรึ?” หลิงฮันเอ่ยถาม
นี่คือประเด็นหลักที่สําคัญที่สุด ในเมื่อสูตรเม็ดยาสูญหายไปแล้ว อย่ากล่าวถึงเรื่องหลอมเม็ดยาขึ้นมาเลย แค่จะศึกษาข้อมูลของเม็ดยาก็เกรงว่าคงไม่อาจทําได้
“เป็นเช่นนั้น” ปรมาจารย์จื่อเฉิงพยักหน้า “สูตรเม็ดยาชนิดนี้หายสาบสูญไปแล้ว แต่สุดท้าย เมื่อไม่นานมานี้ มันก็มาตกอยู่ในมือของข้า ฮ่าๆๆๆ”
ชายชราหัวเราะอย่างมีความสุข สําหรับนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยม การได้รับสูตรเม็ดยาที่หายสาบสูญไปแล้ว ก็เปรียบเสมือนการได้รับศิลาดวงดาวหลายร้อยล้านก้อน
“ยินดีกับท่านอาจารย์ด้วย” หลิงฮันหัวเราะตาม เพื่อแสดงความยินดีแก่อาจารย์
ปรมาจารย์จื่อเฉิงกลับมากล่าวต่อ “อันที่จริงสูตรเม็ดยานี้ไม่ใช่สูตรเม็ดยาที่ข้าฟื้นฟูขึ้นเอง แต่เป็นสิ่งที่นักปรุงยาของดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก มอบให้เมืองวิถีโอสถ”
“ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก?” หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย นอกจากฮูหนิวแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินการเอ่ยถึงคนของ ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก
“ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกนั้น ไม่เพียงแค่มีระดับของศาสตร์วรยุทธเหนือกว่า ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก แต่ระดับของศาสตร์ปรุงยาก็เหนือกว่าด้วยเช่นกัน” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าว ด้วยน้ําเสียงที่ดูน้อยเนื้อต่ําใจ “เพราะพวกเขาเสนอสูตรเม็ดยาที่สาบสูญให้ถึงสามสูตร ข้าจึงไม่อาจปฏิเสธพวกเขาได้”
“ปฏิเสธไม่ได้?” หลิงฮันถาม
“นักปรุงยาทางนั้นไม่ได้มอบสูตรเม็ดยาให้เปล่าๆ แต่ยังขอสูตรเม็ดยาจากทางนี้เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนด้วย” ปรมาจารย์จ่อเฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้อเสนอของพวกเขาคือสามสูตรต่อหนึ่งสูตร การแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าเช่นนี้ ไม่มีทางที่ข้าจะปฏิเสธได้”
“แล้วท่านอาจารย์ ศึกษาสูตรเม็ดยาที่ได้รับมาอย่างเข้าใจถ่องแท้แล้วงั้นรึขอรับ?” หลิงฮันสงสัย
“ก็เข้าใจแล้วหลายส่วน ในส่วนอื่นที่ยังไม่เข้าใจ ต้องศึกษาไปพร้อมกับกับการหลอมจริง” ปรมาจารย์จ่อเฉิงกล่าวอย่างไม่คิดมาก
การหลอมเม็ดยาในระดับนี้ล้มเหลวนั้น ถือเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรขนาดทําให้ นักปรุงยาสามดาวรู้สึกหดหูใจได้เลย แต่ชายชราผู้นี้กลับไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย
หลิงฮันพยักหน้า แน่นอนว่าหากมีทรัพย์ก็ต้องนําทรัพย์มาใช้ ไม่เช่นนั้นหากเพียงขนเส้นเดียวก็ยังหวง จะยังมีชีวิตต่อไปเพื่ออะไร?
อาจารย์และศิษย์สองคนเริ่มลงมือหลอมเม็ดยา โดยที่หน้าที่หลักของหลิงฮัน คือการสังเกตทักษะของปรมาจารย์จื่อเฉิง
หลิงฮันไม่คิดจะเรียนรู้ทักษะของอาจารย์ แต่จะสังเกตทักษะของอีกฝ่าย เพื่อนํามาจุดประกายให้ตนเองแทน
หนึ่งปีต่อมาในโลกจริง และหนึ่งร้อยปีต่อมาในห้องบ่มเพาะกาลเวลา การหลอมเม็ดยาก็สิ้นสุดลง
ปรมาจารย์จื่อเฉิงยังคงล้มเหลวในการหลอมเม็ดยากําเนิดสามภพ ในขณะที่หลิงฮันได้รับผลประโยชน์มากมาย การสังเกตการณ์ในครั้งนี้ แม้จะไม่ทําให้ทักษะห้วงจิตปรับแต่งของเขา ยกระดับขึ้นเป็นขั้นห้าในทันที แต่ทักษะห้วงจิตของเขาก็บรรลุขีดจํากัดในขั้นสื่อย่างสมบูรณ์ และเข้าใกล้ธรณีประตูของขั้นที่ห้าเข้าไปอีกระดับแล้ว
“จริงสิ ยังมีอีกเรื่อง” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าว “ในอีกห้าสิบปีข้างหน้า ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก จะจัดการแข่งขันเกี่ยวกับศาสตร์ปรุงยาที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ซึ่งข้าตัดสินใจว่าจะส่งเข้าไปเข้าร่วม เนื่องจากเจ้าเป็นศิษย์ของข้า และเป็นประมุขของเมืองวิถีโอสถในอนาคต
หลิงฮันพยักหน้า “พอดีเลย ศิษย์เองก็จะทะลวงผ่านระดับแบ่งแยกวิญญาณในช่วงเวลานั้นพอดี”
“อืม ระยะเวลาที่มหาสมุทรวิญญาณหยางจะเปิดออกอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว และราชทูตของดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกเอง ก็กําลังจะทะลวงผ่านระดับแบ่งแยกวิญญาณแล้วเช่นกัน ทางด้านฝั่งนั้นจึงได้ส่งเขามาเป็นกรณีพิเศษ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะต้องรอไปอีกเจ็ดแสนปี กว่ามหาสมุทรวิญญาณหยางของดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกเปิดออก” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าว
หลิงฮันอุทาน โอ้” ออกมาและกล่าวต่อ “แล้วราชทูตคนนี้คือใครงั้นรีขอรับ?”
“เป็นรุ่นเยาว์นามว่าหม่าถงกวาง เขาบ่มเพาะพลังมาเพียงเก้าแสนปีเท่านั้น แต่กลับบรรลุเป็นนักปรุงยาสามดาวแล้ว นับว่ามีพรสวรรค์อย่างมาก” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าวด้วยน้ําเสียงชื่นชม “สมกับที่เป็นอัจฉริยะที่ถูกบ่มเพาะจากดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก”
หลิงฮันพยักหน้าเห็นด้วย อายุเพียงเก้าแสนปี แต่ทั้งสามารถบรรลุเป็นนักปรุงยาสามดาวได้ และกําลังจะทะลวงผ่านระดับแบ่งแยกวิญญาณ นับว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้เป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง
“เจ้าลองไปพบเขาดู” ปรมาจารย์จื่อเฉิงมองไปยังศิษย์ของตนเองด้วยความภาคภูมิใจ ศิษย์ของเขาผู้นี้ไม่ทําให้เขาผิดหวังจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์วรยุทธหรือศาสตร์ปรุงยา หลิงฮันก็ไม่แพ้ให้กับอัจฉริยะจากดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกเลยแม้แต่น้อย
หลิงฮันพยักหน้า เขากล่าวอําลาปรมาจารย์จื่อเฉิง และมุ่งหน้าไปยังที่พักพิเศษของอาณาเขตที่สี่ ซึ่งเป็นแหล่งที่พักสําหรับแขกในระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้
หม่าถงกวางนั้นถึงแม้จะไม่ได้มีระดับพลังที่สูงขนาดนั้น แต่เขาก็เป็นตัวแทนนักปรุงยาจากทางดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก เพราะงั้นเขาจึงมีสิทธิ์พิเศษที่จะอาศัยอยู่ใน ที่พักพิเศษของอาณาเขตที่สี่
ทันทีที่ผ่านเข้ามายังประตูของลานที่พัก หลิงฮันก็พบเจอกับผู้คนมากมาย
“ผะ… ผู้สืบทอด!” เมื่อเห็นหลิงฮัน คนผู้หนึ่งที่อยู่ใกล้สุดก็อุทานด้วยความตกตะลึง และรีบคารวะด้วยท่าที่สุภาพ
ก่อนหน้านี้ผู้สืบทอดมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสิบคน แต่ตอนนี้เหลือแค่หลิงฮันเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้สืบทอดที่แท้จริง เพราะงั้นใครกันจะไม่แสดงความเคารพ เมื่ออยู่ต่อหน้าประมุขในอนาคต
ในความเป็นจริง มีผู้คนมากมายในเมืองวิถีโอสถที่ต้องการเข้าหาหลิงฮันเพื่อประจบประแจง แต่หลิงฮันนั้นไม่ปรากฏตัวให้เห็นในเมืองวิดีโอสถเลย ทุกคนจึงไม่มีโอกาสทําเช่นนั้น
หลิงฮันพยักหน้าและยิ้ม “ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่เพื่อพบหม่าถงกวางงั้นรึ?”
“เรื่องนั้น…” คนผู้นั้นใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอับอาย
เป็นอย่างที่หลิงฮันกล่าว ทุกคนที่นี่ต้องการพบเจอหม่าถงกวาง
หม่าถงกวางนั้นเป็นถึงนักปรุงยาอัจฉริยะที่เป็นราชทูตจากดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก ถ้าหากสามารถใกล้ชิดกับอีกฝ่ายได้ล่ะก็ พวกเขาก็อาจจะได้รับการเสนอให้ไปยังดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก
ระดับวรยุทธของดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกนั้น อยู่เหนือกว่าดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก
มีคํากล่าวว่า หากจอมยุทธระดับโลกียนิพพานที่ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก ไปยังดินแดน แห่งเซียนฝั่งตะวันตกล่ะก็ โอกาสที่จะทะลวงผ่านระดับต่อไปสําเร็จจะเพิ่มสูงขึ้นถึงสามส่วน
ด้วยเหตุนี้ เพื่ออนาคตที่รุ่งโรจน์ของตนเอง ทุกคนจึงมาที่นี่เพื่อหาทางใกล้ชิดกับหม่าถงกวาง
“ผู้สืบทอด!”
“ผู้สืบทอด!”
คนอื่นๆ เริ่มสังเกตเห็นหลิงฮัน พวกเขารีบทําการคารวะหลิงฮันอย่างรวดเร็ว โดยที่ภายในใจรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
ประมุขในอนาคตมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ แต่พวกเขากลับไปให้ความสนใจกับคนนอกมากกว่าเสียได้
หลิงฮันยิ้มและเดินผ่านฝูงชนเข้าไป
“ผู้สืบทอดหลิง!” เมื่อเขาเดินมาถึงที่พักของหม่าถงกวาง ใครบางคนก็ปรากฏตัวมาขวางทางเขา
หลู่เซียนหมิง!
อีกฝ่ายแสยะยิ้มมายังหลิงฮัน จ้องมองด้วยสายตาเย้ยหยัน “หากจะพบกับนายน้อยหม่า เจ้าต้องรออยู่ที่นี้ และให้ข้าไปแจ้งกับนายน้อยหม่าก่อน”