Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ - ตอนที่ 2000 สู่กันมหาสมุทร
- Home
- Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์
- ตอนที่ 2000 สู่กันมหาสมุทร
ตอนที่ 2000 สู่กันมหาสมุทร
เหนือความบริสุทธิ์สีฟ้าใส ยังมีความบริสุทธิ์สีฟ้าครามและความบริสุทธิ์สีม่วงอยู่อีก
ตามหลักแล้ว เพียงแค่หินวิญญาณสีอําพันก็สามารถใช้เป็นภาชนะรองรับดวงวิญญาณได้แล้วเพียงแต่พลังต่อสู้ของดวงวิญญาณจะอ่อนแอกว่าร่างต้นหลายเท่า หากทะลวงผ่านระดับแบ่งแยกวิญญาณไปแบบนั้นก็จะกลายเป็นจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณที่อ่อนแอที่สุด
แต่ปัญหาที่หลิงฮันก็พบเจอก็คือเวลาที่ไม่เพียงพอเพราะแค่การจะหลอมให้หินวิญญาณหยางสีเขียวมีความบริสุทธิ์เป็นสีฟ้าใสก็จําเป็นต้องใช้เวลาเกินกว่าร้อยล้านปี แล้วการจะหลอมให้มีความบริสุทธิ์เป็นสีฟ้าครามหรือสีม่วงละต้องใช้เวลาเท่าไหร่?
ในมุมมองของเขา มีเพียงหินวิญญาณหยางสีม่วงเท่านั้นที่ถือเป็นการทะลวงผ่านระดับที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
ยิ่งเขาจําเป็นต้องโค่นล้มจีอูหมิงด้วยแล้ว
การทะลวงผ่านด้วยหินวิญญาณสีฟ้าใสย่อมไม่เพียงพอ!
“ลองไปที่ใต้ก้นมหาสมุทรดู” จู่ๆ หอคอยน้อยก็เอ่ยแทรกขึ้นมา“ทุกครั้งที่มหาสมุทรวิญญาณหยางปิดตัวลงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดภายใต้มหาสมุทรจะสิ้นชีพและมีสิ่งมีชีวิตใหม่ถือกําเนิดนมาที่บริเวณลึกสุดของมหาสมุทรแห่งนี้น่าจะมีซากของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นอยู่”
หลิงฮันชะงัก “หากที่นั่นมีซากสิ่งมีชีวิตระดับตําหนักวิญญาณอมตะอยู่ละก็ หินวิญญาณหยางของพวกมันจะต้องมีความบริสุทธิ์สีฟ้าครามหรือไม่ก็สีม่วงอย่างแน่นอน!”
“นับว่าเจ้าไม่โง่ที่คิดได้” หอคอยน้อยเหน็บกัด
นิสัยปากเสียของหอคอยปากไม่ตรงกับใจตนนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
หลิงฮันส่ายหัวและทําเป็นไม่สนใจ
“สําหรับคนอื่นอาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะลงไปถึงก้นมหาสมุทร เพราะกายหยาบไม่แข็งแกร่งพอจะต้านทานแรงกดดัน ต่อให้เสริมความแข็งแกร่งด้วยปราณก่อเกิด สุดท้ายพลังปราณก็ต้องแห้งเดือดและเสียชีวิตอยู่ดี”
“เพียงแต่ข้านั้นแตกต่างออกไป”
“กายหยาบของข้าไม่จําเป็นต้องใช้ปราณก่อเกิดห่อหุ้ม และจะไม่อ่อนแอลงไม่ว่าจะต้านทานแรงกดดันนานเท่าใด”
หลิงฮันในใจ และไปแจ้งเรื่องนี้ให้กับสตรีทั้งสามฟัง
จักรพรรดินีกับฮูหนิวไม่คัดค้านใดๆ ทั้งสองพยักหน้าและเข้าไปในหอคอยทมิฬ ในขณะที่ธิดาโรั่วทําการต่อรอง ว่าหลิงฮันจะต้องมอบหินวิญญาณหยางสีม่วงให้นางด้วย แต่นางก็ถูกหลิงฮันจับโยนร่างเข้าไปในหอคอยทมิฬทันที
หลิงฮันทําการมุ่งหน้าดิ่งลงสู่ก้นมหาสมุทร
ยิ่งลงไปลึกเท่าไหร่ แรงกดดันของคลื่นน้ําก็ยิ่งทวีคูณความรุนแรงขึ้น เพียงแต่กายหยาบของหลิงฮันนั้นไร้เทียมทานเป็นอย่างมาก มีเพียงในเรื่องนี้เท่านั้น ที่แม้แต่จีอูหมิงก็ไม่อาจเทียบเคียงเขาได้
หลิงฮันดําดิ่งลงไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากผ่านไปครึ่งวันเศษๆ เขาก็ดําลงไปลึกจากระยะเดิมกว่าสองเท่า และในขณะที่ดําลงไปลึกกว่าเดิมสามเท่านั้นเอง แม้แต่กายหยาบของเขาก็เริ่มเกิดความรู้สึกเจ็บปวด
โชคยังดีที่เขามีหอคอยทมิฬ หากในระดับความลึกใดที่เขาไม่สามารถต้านทานไหว เขาก็แค่เข้าไปหลบอยู่ในหอคอยทมิฬก็พอ ซึ่งไม่เหมือนกับอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่น ที่จําเป็นต้องใช้ปราณก่อเกิดและอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห่อหุ้มเอาไว้ ไม่เช่นนั้นอุปกรณ์มิติจะถูกแรงกดดันของคลื่นน้ําบีบรัดจนพังทลาย
ระยะที่เขาอยู่ตอนนี้อยู่ห่างจากก้นมหาสมุทรไม่มากแล้ว หลังจากดําต่อไปอีกหนึ่งร้อยฟุตพื้นดินก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
หลิงฮันว่ายน้ําสํารวจพื้นที่โดยรอบ เพื่อค้นหาชากศพของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตามพื้นมหาสมุทร
ความลึกในระดับนี้ เป็นสิ่งที่คนอื่นๆ ไม่สามารถลงมาได้แน่นอน เพราะงั้นทั่วทั้งมหาสมุทรในระดับนี้ จึงเปรียบเสมือนกับสุสานที่เงียบสงัด แต่ปรากฏเพียงพื้นทรายสีขาวที่กว้างใหญ่ไร้พรมแดน
เขาว่ายสารวจต่อไปอีกราวๆ หนึ่งวัน ดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้าง
ที่เบื้องหน้าเขามีภูเขาปรากฏขึ้นในสายตา
แต่ที่ก้นมหาสมุทรที่มีแต่พื้นทรายสีขาวเช่นนี้ จะมีภูเขาอยู่ได้อย่างไร?
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ไม่ใช่ภูเขา แต่เป็นซากศพของสิ่งมีชีวิตใต้มหาสมุทรขนาดมหึมา
หินวิญญาณหยางที่สิ่งมีชีวิตตนนี้ทิ้งเอาไว้ จะต้องมีขนาดใหญ่มากเป็นแน่
หลิงฮันโคจรทักษะนิรันดร์ พร้อมกับแก่นกําเนิดพลังวารี เนื่องจากกายหยาบของเขาไม่สามารถต้านทานแรงกดดัน ของบริเวณก้นมหาสมุทรได้ทั้งหมด เขาจึงต้องใช้อํานาจแห่งกฎเกณฑ์เข้ามาเสริมช่วย
เขาดิ่งร่างลงไป และพบว่าสิ่งมีชีวิตตรงหน้านี้คือเต่ายักษ์ ที่ใหญ่โตราวกับขุนเขา ร่างกายส่วนใหญ่ของมันยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และมีส่วนที่ถูกกัดกร่อนไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลิงฮันใช้ดาบอสูรนิรันดร์แทงเข้าใส่ แต่ก็ไม่อาจทะลวงร่างกายของเต่ายักษ์ตนนี้ได้
แข็งมาก
เขาพยายามแทงอยู่หลายครั้งก็ไม่สําเร็จ จนต้องเคลื่อนที่ไปยังตําแหน่ง ที่ร่างกายของเต่ายักษ์ถูกกัดกร่อน ถึงจะใช้ดาบแทงเข้าไปได้สําเร็จ
หลิงฮันฝ่าเปิดร่างของเต่ายักษ์จากด้านใน และใช้เวลาอยู่สี่วันกว่าจะผ่ามาถึงส่วนหัวได้
“หินวิญญาณหยางสีฟ้าคราม!” หลิงฮันเผยท่าที่ตื่นเต้นออกมาอย่างปิดไม่มิด หินวิญญาณหยางตรงหน้าเขานี้ มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าตัวตนเสียอีก
หลิงฮันเก็บหินวิญญาณเข้าไปในหอคอยทมิฬ และตัดเนื้อบางส่วนติดไปด้วย เพราะถึงแม้เต่ายักษ์ตนนี้จะตายไปหลายร้อยล้านปีแล้ว แต่ด้วยระดับพลังที่สูงสุดของมัน ทําให้เนื้อและโลหิตยังสดใหม่อยู่
เขาเข้าไปแสดงความยินดีกับสตรีทั้งสามในคอยทมิฬ และกลับออกมาทําการสํารวจต่อ
หินวิญญาณหยางที่มีความบริสุทธิ์สีฟ้าครามไม่ใช่เป้าหมายของเขา แม้แต่หินวิญญาณหยางสีม่วงที่เกิดจากการหล่อหลอมก็เช่นกัน เป้าหมายหนึ่งเดียวของเขาคือหินวิญญาณหยางที่มีความบริสุทธิ์สีม่วงของแท้
หลิงฮันใช้เวลาสิบปี และได้รับหินวิญญาณหยางสีฟ้าครามมาทั้งหมดสิบสี่ก้อน
สวนหินวิญญาณหยางความบริสุทธิ์สีม่วงนั้น ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเจอเลยแม้แต่น้อย
หลิงฮันยังคงค้นหาต่อไป บางครั้งหากโชคดี ในระยะเวลาสองถึงสามปีเขาจะพบหินวิญญาณหยางสองสามก้อน และหากโชคไม่ดีแม้เวลาผ่านจะไปสองหรือสามปี เขาไม่พบเจอหินวิญญาณหยางเลยแม้แต่ก้อนเดียว หนึ่งในเหตุผลที่หาไม่เจอ ก็เพราะเขาพบเจอสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่ทรงพลังไล่จนต้องเสียเวลาหลบหนี
เวลาผ่านพ้นไปหนึ่งร้อยปีอย่างรวดเร็ว โดยมหาสมุทรแห่งนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลยแม้แต่น้อยราวกับมันจะคงสภาพอยู่แบบนี้ต่อไปตลอดกาล
หลิงอันแหงนมองไปที่แสงจากกุ้งเจ็ดสีขนาดมหึมาที่สาดลงมา โดยที่สีของรุ้งในตอนนี้ได้มีหนึ่งสีที่กลายเป็นซีดขาวไปแล้ว และเหลือเพียงหกสีที่ยังคงส่องแสงอยู่ดังเดิม
จากข้อมูลจากคนรุ่นก่อนๆ เมื่อเวลาที่มหาสมุทรวิญญาณหยางใกล้จะปิดตัว แสงทั้งเจ็ดของสายรุ้งจะหม่นแสงทั้งหมด โดยเมื่อเป็นเช่นนั้น ระยะเวลาที่สามารถอยู่ต่อได้ จะเหลืออยู่เพียงหนึ่งร้อยปีเท่านั้น
หากคํานวณจากตรงนี้ กล่าวคือเขายังมีเวลาเหลือให้อยู่ใต้มหาสมุทรต่อไปได้อีกเจ็ดร้อยปี
แต่ระยะเวลาเจ็ดร้อยปีนี้ จะเพียงพอให้เขาค้นหาหินวิญญาณหยางสีม่วงได้สักก้อน หรือมากกว่านั้นรึเปล่า?