Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ - ตอนที่ 2002 หินวิญญาณหยางสีม่วง
- Home
- Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์
- ตอนที่ 2002 หินวิญญาณหยางสีม่วง
ตอนที่ 2002 หินวิญญาณหยางสีม่วง
กลุ่มของหลิงฮันทั้งห้าคนตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
พวกเขารีบแยกย้ายไปกันไปขุดตามพื้นดิน
“ข้าเจอแล้ว!”
“ข้าก็เจอเหมือนกัน!”
เสียงของพวกนางตะโกนดังขึ้นทีละคน หลังจากที่ค้นพบซากศพของสิ่งมีชีวิตใต้มหาสมุทร
ซากศพสิ่งมีชีวิตที่พบทั้งหมด เป็นโครงกระดูกของตัวตนระดับตัดวิญญาณสวรรค์ ที่หินวิญญาณหยางเป็นสีฟ้าคราม สําหรับจอมยุทธคนอื่น หินวิญญาณหยางระดับนี้อาจจะเป็นสมบัติล้ําค่าที่สุด แต่พวกมันก็ถูกกลุ่มของหลิงฮันโยนเข้าไปยังอุปกรณ์มิติราวกับไม่มีค่า
หากคํานวณจากผลเก็บเกี่ยวในตอนนี้ พวกเขาใช้เวลาเพียงหนึ่งหรือสองเดือน ก็จะมีหินวิญญาณสีฟ้าครามมากถึงสองร้อยก้อนต่อคน และหลอมพวกมันให้กลายเป็นหินวิญญาณหยางสีม่วงที่เป็นความบริสุทธิ์ระดับสูงสุดได้
สถานที่แห่งนี้สมควรเป็นสุสานของสิ่งมีชีวิตใต้มหาสมุทรที่ทรงพลังเท่านั้น เพราะกว่าจะมาถึงที่นี่ได้ ร่างของสิ่งมีชีวิตใต้มหาสมุทรที่อ่อนแอ ก็คงถูกกัดกร่อนจนไม่เหลือซากไปแล้ว ซากศพที่จะลอยมาอยู่ที่นี่ได้จําเป็นต้องมีพลังในระดับตัดวิญญาณปฐพีเป็นอย่างน้อย
“ตรงนี้มีร่างของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากอยู่ด้วย!” หลิงฮันอุทานอย่าตกตะลึง หลังจากที่ขุดร่างของสิ่งมีชีวิตใต้มหาสมุทรตนหนึ่งขึ้นมาจากพื้นดิน
สิ่งมีชีวิตใต้มหาสมุทรตนนี้คือปลาปากดาบ ที่ผิวทั่วร่างเป็นสีทองอร่าม และถึงแม้มันจะตายไปแล้วหลายร้อยล้านปี ร่างของมันก็ไม่ปรากฏร่องรอยของการถูกกัดกร่อนเลยแม้แต่น้อย ทั่วร่างของมันมีตราประทับแห่งเต๋มากมายส่องประกายออกมา พร้อมกับปลดปล่อยออร่าที่น่ายําเกรง ราวกับจะสามารถบดขยี้สวรรค์
“ตัวตนระดับตําหนักอมตะ!” สตรีทั้งสี่เดินเข้ามาดู และอุทานออกมาพร้อมกัน
ในเมื่อหินวิญญาณหยาง ของสิ่งมีชีวิตใต้มหาสมุทรระดับตัดวิญญาณสวรรค์คือสีฟ้าคราม แล้วถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตใต้มหาสมุทรระดับตําหนักอมตะล่ะ?
สีม่วง!
“พวกเจ้าลองหาดูอีกครั้ง ที่นี่ต้องมีซากศพระดับตําหนักอมตะมากกว่าหนึ่งร่างแน่นอน” หลิงฮันกล่าว สุสานแห่งนี้น่าจะสะสมซากศพของสิ่งมีชีวิตใต้มหาสมุทร มาเกินกว่าสองหรือสามร้อยล้านปี เพราะงั้นทุกๆจุดของช่องแคบแห่งนี้ล้วนแต่ต้องมีสมบัติถูกฝังเอาไว้
“อืม” สตรีทั้งสี่แยกย้ายกันไปคนละทิศ
ส่วนทางด้านของหลิงฮันนั้น แน่นอนว่าเขาไม่มี
กะจิตกะใจ
ไปขุดหาสิ่งมีชีวิตใต้มหาสมุทรตนอื่นแล้ว ตราบใดที่เขานําหินวิญญาณหยาง ของปลาปากดาบตัวนี้ออกมาได้ แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นหินวิญญาณหยางสีม่วง ซึ่งเป็นความบริสุทธิ์ที่สูงที่สุดแล้ว
“ฉัวะ” เขาแทงดาบลงไปที่ลูกตาของปลาปากดาบ แต่ลูกตาของมันก็ทนทานเป็นอย่างมาก หลังจากผิวของลูกตายุบลงไปเพียงเล็กน้อย ตราประทับเจ็บดวงก็ส่องประกาย และเด้งคืนกลับสู่สภาพเดิมทันที
ขนาดเป็นบริเวณดวงตา ก็ยังแทงไม่เข้า
เป็นร่างกายที่ทนทานอะไรอย่างนี้
หลิงฮันตกตะลึงเป็นอย่างมาก ปลาปากดาบตนนี้ตายไปเป็นเวลานานหลายร้อยล้านปีแล้ว พลังป้องกันของมันจะยังแข็งแกร่งอยู่ได้อย่างไร?
จะต้องเป็นเพราะมันมีกายหยาบที่คงกระพันมาแต่กําเนิดเป็นแน่
หลิงฮันถอนหายใจ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพยายาม นําร่างของปลาปากดาบเข้าไปในหอคอยทมิฬ
เขาควบคุมสัมผัสสวรรค์ให้ปกคลุมไปทั่วร่างปลาปากดาบ
ตราประทับบนร่างของปลาปากดาบ ส่องประกายขึ้นมาในทันที ราวกับตระหนักรับรู้ถึงการกระทําของหลิงฮัน แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง หลิงฮันก็เผยสีหน้าดีใจ
เขาใช้สัมผัสสวรรค์ปกคลุมร่างของปลาปากดาบได้สําเร็จ
“พรึบ” ร่างขนาดใหญ่ของปลาปากหายไปทันใด ซึ่งแน่นอนว่าร่างของมันได้ถูกส่งไปภายในหอคอยทมิฬ
หลิงฮันตามเข้าไปภายในหอคอยทมิฬ
ถึงแม้พลังของหอคอยทมิฬในตอนนี้ จะถูกจํากัดเอาไว้ด้วยพลังบ่มเพาะของเขา แต่อํานาจของมันก็ต้องทรงพลังกว่าเขามากแน่นอน
“หอคอยน้อย มาช่วยข้าหน่อย!” หลิงฮันเริ่มลงมือผ่าชําแหละปลาปากดาบอีกครั้ง
หอคอยน้อยปรากฏตัวและกล่าว “โอ้ ไม่คิดว่าตัวดวงซวยบัดซบเช่นเจ้า จะหาซากศพระดับตําหนักอมตะพบด้วย”
หลิงฮันไร้คําพูดใดๆ หอคอยปากเสียตนนี้ หากไม่เหน็บแนมเขาคงนอนไม่หลับจริงๆ
“รีบๆ ช่วยข้า!”
แม้หอคอยน้อยจะหยิ่งยโสแค่ไหน แต่ผลประโยชน์ของหลิงฮันก็คือทุกอย่าง เพราะงั้นมันจึงไม่พูดอะไรสักคํา และเริ่มขึ้นําพลังของหอคอยทมิฬ มาช่วยหลิงฮันผ่าร่างของปลาปากดาบทันที
การชําแหละดําเนินไปเป็นเวลาสามวัน ในที่สุดพวกเขาก็หันหัวของปลาขาดได้
“เป็นหินวิญญาณหยางความบริสุทธิ์สีม่วงจริงๆ!” หลิงฮันหัวเราะ ทีนี้เป้าหมายของเขาก็สําเร็จแล้ว
เขาออกมาจากหอคอยทมิฬ และพบว่าจักรพรรดินี ธิดาโร่ว และสตรีนกอมตะนั้นยังคงขุดหาอยู่ ในขณะที่ซูหนิวนั่งอยู่บนปูยักษ์ตัวหนึ่ง นางสายขาไปมาพร้อมกับแทะน่องไก่อย่างเพลิดเพลิน
หลิงฮันปลดปล่อยสัมผัสสวรรค์เหมือนเดิม และนําร่างของปูยักษ์เข้าไปในหอคอยทมิฬ ซึ่งครั้งนี้ต้องใช้เวลาถึงเจ็ดวัน กว่าจะผ่าร่างของมันได้ เนื่องจากพลังป้องกันของปูยักษ์นั้นทนทานเป็นพิเศษ
เมื่อเขาออกมาจากหอคอยทมิฬอีกครั้ง จักรพรรดินีเองก็พบซากศพของสิ่งมีชีวิตใต้มหาสมุทรระดับตําหนักอมตะแล้ว
เรื่องนี้ทําให้ธิดาโร่วเป็นกังวลเป็นอย่างมาก
นางรีบเอ่ยขอให้สตรีนกอมตะมาช่วยนางขุดหาอีกแรง เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็ยังไม่แม้แต่ทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพาน ต่อให้ได้หินวิญญาณหยางไปก็ไม่มีความหมายอะไร นอกจากนี้หินวิญญาณหยางก็ต้องใช้ที่นี่เท่านั้น ไม่สามารถเก็บกลับไปด้านนอกได้
เมื่อหลิงฮันผ่านําหินวิญญาณหยางออกมาให้จักรพรรดินีได้สําเร็จ ในที่สุดธิดาโร่วก็พบเจอวาสนาเสียที
กล่าวได้ว่าสถานที่แห่งนี้คือขุมสมบัติแห่งหินวิญญาณหยางอย่างแท้จริง
และแล้วจอมยุทธระดับโลกียนิพพานทั้งสี่คน ก็ได้หินวิญญาณสีม่วงมาครอบครอง
“ทะลวงผ่านระดับแบ่งแยกวิญญาณ”
ทั้งสี่คนแยกย้ายกันไปนั่งคนละทิศ โดยที่เบื้องหน้าของทุกคนมีหินวิญญาณหยางขนาดเท่าบ้านวางอยู่
การเดินทางในมหาสมุทรวิญญาณหยางนั้น ทุกคนจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการตามหาหินวิญญาณหยาง โดยที่การทะลวงผ่านระดับนั้น ใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนก็พอ
พวกหลิงฮันทั้งสี่คนบรรลุระดับโลกียนิพพานสูงสุด ตั้งแต่ร้อยปีก่อนแล้ว พวกเขาทุกคนติดอยู่ที่หน้าธรณีประตูทางเข้าสู่ระดับแบ่งแยกวิญญาณ โดยที่หินวิญญาณหยางคือกุญแจที่จะใช้เปิดผ่านธรณีประตูเข้าไป
พวกเขาเขย่าดวงวิญญาณของตนเอง เพื่อนําบางส่วนของวิญญาณเข้าไปยังหินวิญญาณหยาง
“อย่าใช้ดวงวิญญาณของตัวเจ้าเอง” จู่ๆหอคอยน้อยก็เอ่ยขึ้นมา
“หือ?”
“ใช้สามแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่ที่อยู่ในร่างของเจ้าแทน” หอคอยน้อยไม่อธิบายเหตุผล และสังออกไปตรงๆว่าหลิงฮันควรทําอย่างไร
“ทําไมกันล่ะ?” หลิงฮันเอ่ยถาม เขามีนิสัยที่อยากรู้ไปเสียทุกเรื่องอยู่แล้ว
หอคอยน้อยถอนหายใจ “แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่นั้นเป็นสิ่งที่มีสติปัญญา หากเจ้าใช้พวกมันในการทะลวงผ่าน ด้วยการที่พวกมันมีความนึกคิดเป็นของตนเอง ดวงวิญญาณก็จะเป็นอิสระและสามารถพัฒนาได้ดีกว่า”
“และถึงแม้หลังจากบรรลุระดับตําหนักอมตะแล้ว ดวงวิญญาณจะหวนคืนกลับสู่ร่าง แต่ถ้าหากเจ้าใช้ดวงวิญญาณของตัวเอง และดวงวิญญาณถูกทําลายล่ะก็ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีผลลัพธ์ตามมา”
“การแทนที่ดวงวิญญาณของตัวเอง ด้วยแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี จึงเป็นการทะลวงผ่านที่สมบูรณ์แบบที่สุด”