Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ - ตอนที่ 2059 เคลื่อนย้าย
- Home
- Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์
- ตอนที่ 2059 เคลื่อนย้าย
ตอนที่ 2059 เคลื่อนย้าย
นี่มันเรื่องอะไรกัน เมื่อครู่พวกเจ้ายังสู้กันอย่างดุเดือดอยู่เลยไม่ใช่รึ เหตุใดตอนนี้การต่อสู้ถึงได้จบแล้วล่ะ?
หร่วนตงครุ่นคิดและสีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไป
ในชั่วขณะหนึ่ง พลังต่อสู้ของเขาได้ลดลงมาจนแตกต่างกับธิดาโร่วไม่มาก เพราะงั้นกว่าเขาจะกําราบธิดาโร่วได้ การโจมตีจึงผ่านไปอย่างน้อยหนึ่งหรือสองพันกระบวนท่า
แต่แค่นั้นเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่กันเชียว?
หลิงฮันยิ้มอย่างไม่แยแสและกล่าว “บุรุษกํายําที่รังแกสตรี เจ้าไม่รู้สมเพชตัวเองบ้างเลยรึ?”
“จะ… เจ้าจะทําอะไร?” หร่วนตงเอ่ยถามด้วยน้ําเสียงสั่นเครือ
“ทิมดวงตาของเจ้าไงล่ะ!” ธิดาโร่วคําราม และทะลวงมือขวาเข้าใส่ดวงตาของหร่วนตง
“อ้ากกก!” หร่วนคงร้องโอดครวญ ถึงแม้แค่ถูกทิมทะลวงดวงตาจะไม่ทําให้เขาตาบอด แต่ความเจ็บที่เกิดขึ้นก็ยังสาหัสอยู่ดี
ความเกรี้ยวกราดของธิดาโรวยังไม่หายไป และกระหน่ําโจมตีใส่หร่วนคงอย่างต่อเนื่อง ตัวบัดซบตนนี้คิดจะสังหารนางยังไม่พอ แต่ยังตั้งใจจะจับหน้าอมของนางด้วย ช่างน่ารังเกียจนัก
“เมื่อพูดให้เสียเวลากันทําไม สังหารทิ้งไปเลย!” ฮูหนิวกล่าว
“ไม่ ไม่ อย่าสังหารข้า!” หร่วนตงโอดครวญ “ข้าจะมอบทุกอย่างให้เจ้าเลย ได้โปรดอย่าสังหารข้า!”
“ไม่จําเป็น!” หลิงฮันปล่อยหมัดออกไป โพละ” พริบตาเดียวร่างของหร่วนตงก็ระเบิด เป็นฝนโลหิต
“ครั้งนี้คงไม่ใช่ร่างวิญญาณอีกหรอกนะ?” ธิดาโร่วถาม
หลิงฮันใช้สัมผัสตรวจสอบแลพยักหน้า “ไม่ใช่ร่างวิญญาณ แต่เป็นร่างจริง”
เขาเดินกลับไปเก็บอุปกรณ์มิติของพวกชายวัยกลางคนชุดเหลือง เมื่อส่องดูด้านในก็พบว่ามีอผลึกมังกรธรรมดาเก็บเอาไว้มากมาย และมีบ้างบางส่วนที่เป็นผลึกมังกรพิเศษ
เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้เองก็รู้ถึงวิธีการใช้ผลึกมังกรพิเศษเช่นกัน พวกเขาถึงได้สั่งให้หลิงฮันทิ้งร่างของราชสีห์ทองคําเอาไว้
ที่กลุ่มของหลิงฮันไม่รู้ในตอนแรก เป็นเพราะฟูเยว่เองก็ไม่รู้เหมือนกัน ส่วนตู้เส่าจจิ้นนั้นคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้อยู่แล้ว เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นคนของอาณาเขตสวรรค์สู่อัน แต่ที่อีกฝ่ายไม่ได้บอกหลิงฮัน ก็เพราะคงไม่คิดว่าหลิงฮันจะไม่รู้
ฝ่ายหนึ่งไม่ได้เถาม และฝ่ายหนึ่งไม่ได้บอก ผลลัพธ์จึงกลายเป็นอย่างตอนนี้นั่นเอง
“ดูเหมือนพวกเราจะมาถูกทางแล้ว ผลึกมังกรพิเศษสามารถช่วยให้เราหาทางข้ามแม่น้ําไปได้”
กลุ่มของหลิงฮันออกเดินหน้าล่าสัตว์อสูรต่อ และเก็บรวบรวมผลึกมังกรพิเศษเพิ่ มมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากเก็บรวบรวมได้ถึงจุดหนึ่ง ผลึกมังกรก็สามารถนํามาผสานต่อเข้าด้วยกันได้ ลวดลาย แต่ละอันเชื่อมต่อเข้าหากันกลายเป็นรูปร่างของประตู แต่เนื่องจากยังมีส่วนเล็กๆที่ขาดหายไปอยู่ ประตูที่ปรากฏขึ้นมาจึงยังไม่สมบูรณ์
“ประตูงั้นรึ?” พวกหลิงฮันคาดเดา ที่แท้ก็ไม่ใช่แผนที่!
ทั้งสี่คนเดินหน้าล่าสัตว์อสูรต่อ และหลังจากที่เวลาผ่านไปสองสามเดือน ในที่สุดพวกหลิง ฮันก็รวบรวมผลึกมังกรพิเศษชิ้นสุดท้ายได้สําเร็จ “ครืนน” เมื่อหลิงฮันนําผลึกมังกรมาเชื่อมต่อกัน ประตูมังกรก็ปรากฏขึ้นมา
ผลึกมังกรแต่ละอันส่องแสงสว่างเจิดจ้า และลวดลวยทั้งหมดได้เชื่อมต่อเข้าหากันราวกับเป็น โลหิตที่กําลังไหลเวียนไปมา
“เป็นประตูจริงๆ ด้วย” หลิงฮันสัมผัสได้ถึงอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติที่รุนแรง
“ไปกันเถอะ!”
พวกเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย และก้าวเดินเข้าประตูไปทีละคน เมื่อหนึ่งคนผ่านประตูเข้าไป แสงของประตูจะลดลงหนึ่งส่วน หลังจากที่จักรพรรดินีฮูหนิว และธิดาโร่วผ่านประตูเข้าไปหมดแล้ว ประตูก็เริ่มสั่นสะเทือนไม่มั่นคง
ดูเหมือนว่าหลังจากที่หลิงฮันเข้าไป หรือมีอีกหนึ่งคนเข้าตามมาเป็นคนสุดท้าย แสงของประตูก็จะสลายหายไปทันที
หรือก็คือจํานวนคนที่ประตูสามารถรองรับได้มีจํากัดนั่นเอง
หลิงฮันข้ามเดินตามเป็นคนสุดท้ายอย่างไม่ลังเล ทันทีที่เท้าของเขาก้าวผ่านพ้นประตู ร่างของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อหลิงฮันเดินผ่านเข้าประตูไปได้สักพัก แสงของประตูก็สั่นตลอดและพังทลายลงทันที ผลึกมังกรแตกกระจายร่วงสู่พื้น ซึ่งหากมีใครไปสัมผัส พวกมันก็จะสลายกลายเป็นฝุ่นผง
หลิงฮันรู้สึกราวกับตนเองตกลงไปในบ่อโคลน แม้จะลืมตาอยู่ก็มองอะไรไม่เห็น ร่างกายกลายเป็นไร้น้ําหนักและไร้เรี่ยวแรว
แต่นั่นก็แค่ความรู้สึกชั่วครู่เท่านั้น ผ่านพริบตาเดียวร่างกายของเขากลับมาเบาหวิว และมาปรากฏตัวที่ด้านล่างภูเขาใหญ่สูงชันเสียดฟ้าที่มองไม่เห็นปลายยอด
ภูเขาเทพมังกร!
เขารู้ได้ในทันทีเพราะถึงแม้ที่ผ่านๆ มาจะได้แต่มองมาจากระยะห่างไกล แต่จากการที่เฝ้ามองมาเป็นเวลาหลายวัน มีรีที่เขาจะจําภูเขาตรงหน้าไม่ได้?
“จุดหมายของเขาคือปลายยอดของภูเขาสินะ?”
“ลุยกันเลย!”
ทั้งสี่คนเริ่มทําการเดินขึ้นเขา เนื่องจากเขตแดนลี้ลับแห่งนี้มีอํานาจแห่งกฎเกณฑ์แรงโน้มถ่วง พิเศษที่ทําให้จอมยุทธไม่สามารถเหาะเหินได้ เมื่อพวกเขาเดินขึ้นไปถึงความสูงระดับหนึ่ง แรงกดดันที่กดทับลงมาจึงหนักหน่วงราวกับกําลังแบกดวงดาวเอาไว้บนแผ่นหลัง
ทั้งสี่คนหายใจเหนื่อยหอบ โดยที่แม้แต่หลิงฮันก็ไม่มีข้อยกเว้น
อํานาจแห่งกฎเกณฑ์แรงโน้มถ่วงที่ส่งผลไปยังแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ยิ่งเป็นจอมยุทธที่ทรงพลัง แรงกดดันที่ได้รับก็จะรุนแรงขึ้น ทําให้ไม่มีใครได้เปรียบใคร
“เหนื่อย! เหนื่อยจะตายแล้ว!” ฮูหนิวแลบลิ้นแผ่ตัวนอนลงไปกับพื้น
จักรพรรดินียังคงเก็บอาการเอาไว้ ถึงแม้เหงื่อของนางจะไหลท่วมไปทั่วร่าง แต่นางก็ไม่แสดงท่าที่ว่าอยากพัก
หลิงฮันกล่าวออกมา “หรือพวกเจ้าจะเข้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬก่อน?”
จักรพรรดินีสายหัว แววตาของนางแสดงออกอย่างมุ่งมั่นว่านการทดสอบ ที่นางต้องผ่านไปด้วยตนเองให้ได้
ซูหนิวเองก็กล่าว “เหนื่อยแต่ก็สนุกที่เหมือนกัน”
ธิดาโร่วยกมือ “ข้า! ข้า! ข้าอยากเข้าไป!”
“เจ้าน่ะจะไปไหนก็ไป” หลิงฮันกรอกตามอง
ธิดาโรวรู้สึกน้อยเนื้อต่ําใจ บุรุษผู้นี้ช่างน่ารังเกียจจริงๆ
หลังจากเดินขึ้นเขาต่อไปอีกห้าวันพวกเขาก็มองไม่เห็นตีนเขาอีกต่อไป ทิวทัศน์เดียวที่เหลืออยู่คือเมฆสีขาว ที่ต่อให้แหงนมองขึ้นด้านบนก็ยังไม่เห็นปลายยอด
จะต้องเดินต่อไปอีกกี่วันกัน?
“นั่นมัน?”
จู่ๆ หลิงฮันก็หยุดชะงัก ฮูหนิวและจักรพรรดินีที่ตามอยู่ด้านหลังหยุดเดินไปตามๆกัน
ที่ด้านหน้าของพวกเขามีบางอย่างสีเขียวปราฏขึ้นมา
การจะมีบางอย่างสีเขียวอยู่บนภูเขานั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่แปลกก็เพราะบางอย่างสีเขียวตรงหน้าพวกเขานี้กําลังขยับอยู่
อะไรบางอย่างสีเขียวตรงหน้า คือมนุษย์!
พวกหลิงฮันทั้งสี่คนเผยสีหน้าประหลาดใจ บุคคลตรงหน้าคือชายร่างกํายําที่มีศีรษะเป็นมังกร และหนวดเคราสีเขียว เพราะงั้นเมื่อมองจากระยะไกลจึงเห็นเหมือนกับเป็นสาหร่ายสีเขียว
“จอมยุทธจากภาคนอก โปรดตามข้ามา” บุรุษหัวมังกรกล่าว
พวกหลิงฮันทั้งสี่คนมองหน้ากันด้วยความตะลึง สัตว์อสูรต่างๆ ที่พวกเขาพบเจอก่อนหน้านี้นั้นมีเพียงสัญชาตญาณในการสังหารเท่านั้น แต่บุรุษตรงหน้าพวกเขานี้กลับสามารถแสดงท่าทีสุภาพได้อย่างไม่คาดฝัน
“ตามข้ามา” บุรุษหัวมังกรกวักนิ้วและหันหลังเดินนําทาง
“ตามเขาไป!” หลิงฮันตัดสินใจหลังจากลังเลเล็กน้อย
แน่นอนว่าฮูหนิวกับจักรพรรดินีย่อมไม่คัดค้าน และเดินลากขาอย่างเหน็ดเหนื่อยต่อไป
“ทําไมถึงไม่มีใครถามความเห็นของข้าเลยล่ะ?” ธิดาโร่วโอดครวญ และเดินรีบไล่ตามทั้งสามคน
หลังจากเดินต่อไปได้อีกราวๆ สองชั่วโมง เมืองขนาดย่อมก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าพวกเขา บ้านทุกคนในหมู่เมืองถูกสร้างขึ้นจากต้นไม้ ทําให้สัมผัสได้ถึงความเก่าแก่