Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ - ตอนที่ 977 ดุดันยิ่งกว่า
- Home
- Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์
- ตอนที่ 977 ดุดันยิ่งกว่า
ในพื้นที่ของเมืองอันลูค่ายตั้งรบของเขี้ยวหมาป่านั้นตั้งอยู่ทางด้านหลังของสนามรบมาเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้ว พื้นที่รอบๆเริ่มมีจำนวนเต้นท์ตั้งขึ้นมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทีละเต้นท์จนเต็มไปหมด รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่ทยอยส่งมาจากค่ายเขี้ยวหมาป่า และยังมีเจ้าหน้าที่รักษายามคอยเฝ้าประจำการตามจุดต่างๆ 24 ชั่วโมงและจะคอยรายงานทันทีถ้ามีอะไรก็ตามเคลื่อนไหวให้เห็น
มันมีแผนสำหรับการสั่งการทุกอย่างเป็นขั้นตอนรวมถึงการมีอยู่ของทีมนักฆ่าขนนก ทีมหลงยาและฮูหยาทำให้แม้แต่ซอมบี้ระยะ 6 ที่ลอบโจมตีเข้ามาก็ถูกฆ่าตายในทันทีอย่างง่ายดาย
สำหรับการตายของฝูงซอมบี้จำนวนมากนั้นเกิดขึ้นอยู่ทุกๆวันโดยฝีมือของทหารเกณฑ์ใหม่ที่อยู่ใน3,000 คน พวกเขาถูกฝึกฝนตามโปรแกรมฝึกที่ชูฮันวางไว้อย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด กองทัพทหารเกณฑ์ใหม่ที่เหล่าทหารผ่านศึกทั้งหลายคาดว่าจะถูกฝูงซอมบี้คุกคามจนหวาดกลัวและจะต้องมีคนจำนวนมากตาย ทว่ากลับกันฝ่ายที่ถูกข่มขู่ให้กลัวจนต้องหนีไปกลายเป็นพวกซอมบี้ซะเอง
ค่ายตั้งรบที่ล้อมรอบไปด้วยการรักษาความปลอดระดับสูงนั้นแสนจะปลอดภัยเต็มที่ตลอดทั้งอาทิตย์บางคนที่มีพลังการต่อสู้ระดับสูงแทบจะรู้สึกคันไม้คันมือด้วยซ้ำ พวกเขาแอบภาวนาให้มีซอมบี้หรือลูกผสมโผล่มาให้ประหลาดใจทุกวัน เพื่อที่จะพวกเขาจะได้จัดเต็มความรู้สึกของตัวเอง
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้เหอเฟิงที่ตกใจลากยาวจนกระวันที่ 6 ที่ชูฮันจากไป ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เขาต้องเจอกับเรื่องประหลาดใจ เรื่องตกใจไม่รู้จบทั้งอาทิตย์จนสมองเบลอไปหมดแล้ว และสาเหตุก็มาจากความหวาดกลัวที่มีต่อชูฮัน…โปรแกรมการฝึกอันเข้มข้นที่เขาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
ไม่!
มันยังมีซอมบี้และลูกผสมจำนวนไม่น้อยเหลืออยู่แล้วไหนจะค่ายเขี้ยวหมาป่าที่ตั้งอยู่ทางด้านหลังค่ายตั้งรบของพวกเขาอีก ค่ายตั้งรบยังอยู่ในสถานะอันตรายที่มีความเป็นความตายเป็นเดิมพัน มันยังมีภัยคุกคามใหญ่หลวงที่ไม่สามารถกำจัดไปได้อยู่ เพราะฉะนั้นไม่มีใครหน้าไหนทั้งนั้นถอนตัวออกไปจากสนามรบได้
อย่างไรก็ตามตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเหล่าทหารผ่านศึกทั้งหลายของกองทัพเขี้ยวดูเจ็บปวดเพราะไม่ได้ต่อสู้อะไรเลย กลับกันมันเหมือนกับว่าพวกเขามาเข้าค่ายพักร้อนอย่างไรอย่างนั้น ความรู้สึกตื่นเต้นระทึกใจที่หัวหน้าชูฮันปรากฏตัวนั้นยังอยู่ในความทรงจำของทุกคนชัดเจน
แม้กระทั่งหลายคนคาดเดาว่าการที่ทหารเกณฑ์ใหม่ถูกส่งออกไปตามหาไล่ฆ่าซอมบี้ทุกวันแบบนี้สุดท้ายกองทัพซอมบี้ที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาลูกนี้คงถูกฆ่าตายหมดไม่ช้าก็เร็ว และพวกเขาก็จะเหลือหน้าที่แค่ตามหาลูกผสมที่เป็นตัวการเรื่องนี้เท่านั้น และสงครามก็น่าจะจบลง…
จบลงอย่างสงบเรียบง่าย!
เหอเฟิงหยิบแผนที่ออกมาพยายามเพ่งมองทุกอย่างอีกครั้งเขาทบทวนและตรวจสอบแผนที่ชูฮันทิ้งไว้หลายต่อหลายรอบแล้วจนจะเป็นบ้า
เป็นไปได้มั้ยว่ามันคือความพินาศ?
นอกเหนือจากการปรากฏตัวอย่างกระทันหันของซางฮั่นฉิงเหอเฟิงค่อนข้างกังวล ตลอดหกวันที่ผ่านมาเหตุการณ์มันดูเงียบสงบเกินไป แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าควรจะทำอะไรต่อ!
โชคดีที่วันนี้คือวันที่6 และอิงจากแผนในกระดาษแผ่นเล็กที่ชูฮันเขียนทิ้งไว้ให้เขา ชูฮันน่าจะกลับมาถึงในวันพรุ่งนี้
ในขณะที่เหอเฟิงทำงานหนักตลอดคืนในที่สุดเขาก็สงบจิตสงบใจลงได้ในเช้าตรู่ของวันที่ 7 เขาวางแผนจะรอการกลับมาของชูฮันและถามถึงแผนการรบที่ชูฮันวางเอาไว้
”ฟรึบ!”
ผ้าใบเต้นท์ถูกเลิกเปิดขึ้นกระทันหันเจียงเทียนชิงวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีตระหนก กระดุมที่เสื้อยังติดไม่เรียบร้อยดีด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่ามันต้องมีเรื่องเร่งด่วนอะไรเกิดขึ้น
”เกิดอะไรขึ้น”เขาเฟิงนอนหลับในทันที
”มีบางอย่างผิดปกติครับ”เจียงเทียนชิงดึงเหอเฟิงออกมานอกเต้นท์และรีบพูดต่อขณะทั้งคู่กำลังเร่งฝีเท้า “จำซางฮั่นฉิงได้มั้ยครับ?”
”นายไม่ได้ส่งเขาไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าแล้วเหรอ?”แววตาของเหอเฟิงขุ่นมัวอย่างสงสัย “แม้ว่าจะเขาจะถูงขังอยู่ในห้องที่มีเจ้าหน้าทีคุมล้อมรอบ แต่ถึงอย่างไรซางจิ่วตี้ก็อยู่ที่ค่าย ไม่ใช่ที่นี่ ซางฮั่นฉิงไม่น่าจะรนหาที่ตาย!” เมื่อได้ยินเหอเฟิงพึมพำกับตัวเองเรื่องซางฮั่นฉิงรนหาที่ตายเจียงเทียนชิงก็มองหน้าหอเฟิงทันที ก่อนจะส่ายหัวอย่างหมดหนทาง “คิดไปถึงไหนครับ ไม่ใช่ว่ามีเรื่องเกิดกับซางฮั่นฉิง ตัวเขาเขาเข้าใจกฏระเบียบปฏิบัติของพวกเราเป็นอย่างดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นและก็ไม่ใช่สิ่งทีเกี่ยวกับสงครามด้วย”
เหอเฟิงไม่ได้มีปัญหาอะไรกับซางฮั่นฉิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจัง “แล้วมีอะไร? มันเกี่ยวอะไรกับซางฮั่นฉิง?”
”ซางจิงส่งเฮลิคอปเตอร์มาอีกแล้ว!”เจียงเทียนรีบรายงานทันที “เฮลิคอปเตอร์พึ่งลงจอด บอกว่ามีคนของซางจิงหายไป พวกเขามาตามหาคนครับ ผมสงสัยว่าบุคลที่ทางนั้นเอ่ยถึงน่าจะเป็นซางฮั่นฉิง”
”ไม่มีทาง”เหอเฟิงพูดแทรกขึ้นมาทันที “เป็นไปไม่ได้ ซางฮั่นฉิงอาจจะเป็นบุคคลสำคัญต่อซางจิงก็จิง แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่ซางจิงจะส่งคนมาตามเขาในเวลาเช่นนี้ และพวกเขาจะไม่มีทางได้เจอซางฮั่นฉิงที่นี้”
เหอเฟิงวิเคราะห์ข้อมูลออกมาอิงจากข้อมูลที่เกาช้าวฮุ่ยเปิดเผยให้ฟัง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครรู้ว่าซางฮั่นฉิงได้หนีออกจากซางจิงมาแล้ว และแน่นอนว่าการหายตัวไปของคนคนเดียวในแผนกวิจัยไม่มีทางสร้างความแตกตื่นให้ทั้งค่ายซางจิงได้ และยิ่งการมาตามหาตัวคนหายที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าเช่นนี้ยิ่งไม่มีทาง
เหอเฟิงเชื่อที่เกาช้าวฮุ่ยพูดและเชื่อว่าคนที่ชูฮันส่งไปพาตัวซางฮั่นฉิงหนีมา จะไม่มีทางทิ้งข้อบกพร่องชิ้นใหญ่ไว้ให้คนตามมาได้เช่นนี้
อย่างที่รู้กันดีว่าชูฮันไม่เคยทิ้งข้อผิดพลาดใดๆไว้!
ดังนั้นเรื่องนี้จึงค่อนข้างแปลกอย่างมาก!
มีประกายแสงดุดันวิ่งผ่านนัยน์ของเหอเฟิงจากนั้นก็เหอเฟิงก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตึงเครียด “ใครคือคนที่ซางจิงส่งมา?”
เจียงเทียนชิงปาดเหงื่อออกจากหน้าผากเงยหน้าขึ้นทองฟ้าสีหม่นที่ยังไม่ทันสว่างดี “ไม่ใช่ทหารกระจอกๆ ดูมีพลังไม่เบา รูปร่างสูงใหญ่ แต่มันแปลกที่เขาไม่มีตำแหน่งทางทหาร รู้แค่ว่าเขาชื่อหวังเฉิน”
”หวังเฉิน?”เหอเฟิงตะลึงตกใจ ทันใดนั้นจู่ๆก็มีพลังงานดุดันราวกับหมาป่าคลั่งระเบิดโพล่งออกมาจากตัวเหอเฟิง
เหอเฟิงที่อยู่ในซางจิงมาเป็นเวลานานจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์กับค่ายเขี้ยวหมาป่าเขาจึงถูกผู้บัญชาการมู๋และท่านเลาหมิงส่งตัวมาที่นี้ เพราะงั้นเขาจริงรู้เรื่องราวมากมายในซางจิงดี และแน่นอนเขาก็รู้จักหวังเฉินผู้มีชื่อเสียงในซางจิงดี
ที่มาที่ไปของหวังเฉินนั้นไม่มีใครรู้เหอเฟิงเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ดีๆหวังเฉินก็โผล่มาและกลายเป็นที่รู้จัก มีทั้งพละกำลังและอิทธิพลที่แผ่ไปทั่วซางจิง จนเกือบจะเทียบเท่ากับผู้บัญชาการมู๋…
ผู้บัญชาการมู๋โดนข้ามหน้าข้ามตาไปหลายต่อหลายครั้ง! ดังนั้นพอได้ยินชื่อหวังเฉินจึงยากที่เหอเฟิงจะเก็บอารมณ์ได้อยู่ สัญชาตญาณบอกเขาว่าหวังเฉินน่าจะใช้ข้ออ้างที่มีคนในแผนกวิจัยของซางจิงหายไป จุดประสงค์ที่แท้จริงน่าจะเป็นชูฮัน
”ฉันจะเจอคนคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด”เหอเฟิงที่คิดทบทวนมาอย่างหนักเอ่ยบอกเจียงเทียนชิง คิ้วขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นโบว์ได้อยู่แล้ว “ฉันถือว่าตายไปแล้วจากโลกนี้ ถ้าหวังเฉินรู้ว่าฉันอยู่ที่นี้ สองนายท่านสองคนในซางจิงจะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก”
สองนายท่านของเหอเฟิงก็คือผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของเหอเฟิง เพื่อที่จะสนับสนุนชูฮันตลอดทางเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์สูงสุด
”เอ่อออ…”เจียงเทียนชิงไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคเช่นนี้จากเหอเฟิง จึงได้แต่ยืนหันรีหันขวาไปมาอย่างกระวนกระวาย “แล้วผมควรทำยังไง? อีกฝ่ายบอกว่าต้องการคุยกับหัวหน้าชูฮันอย่างสมศักดิ์ศรี แต่หัวหน้าไม่ได้อยู่ที่นี้ อีกฝ่ายดูมีพละกำลังมาก ถ้าเขาไม่ได้เจอชูฮัน เราต้องแย่แน่ๆ!”
มันมีแผนสำหรับการสั่งการทุกอย่างเป็นขั้นตอนรวมถึงการมีอยู่ของทีมนักฆ่าขนนก ทีมหลงยาและฮูหยาทำให้แม้แต่ซอมบี้ระยะ 6 ที่ลอบโจมตีเข้ามาก็ถูกฆ่าตายในทันทีอย่างง่ายดาย
สำหรับการตายของฝูงซอมบี้จำนวนมากนั้นเกิดขึ้นอยู่ทุกๆวันโดยฝีมือของทหารเกณฑ์ใหม่ที่อยู่ใน3,000 คน พวกเขาถูกฝึกฝนตามโปรแกรมฝึกที่ชูฮันวางไว้อย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด กองทัพทหารเกณฑ์ใหม่ที่เหล่าทหารผ่านศึกทั้งหลายคาดว่าจะถูกฝูงซอมบี้คุกคามจนหวาดกลัวและจะต้องมีคนจำนวนมากตาย ทว่ากลับกันฝ่ายที่ถูกข่มขู่ให้กลัวจนต้องหนีไปกลายเป็นพวกซอมบี้ซะเอง
ค่ายตั้งรบที่ล้อมรอบไปด้วยการรักษาความปลอดระดับสูงนั้นแสนจะปลอดภัยเต็มที่ตลอดทั้งอาทิตย์บางคนที่มีพลังการต่อสู้ระดับสูงแทบจะรู้สึกคันไม้คันมือด้วยซ้ำ พวกเขาแอบภาวนาให้มีซอมบี้หรือลูกผสมโผล่มาให้ประหลาดใจทุกวัน เพื่อที่จะพวกเขาจะได้จัดเต็มความรู้สึกของตัวเอง
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้เหอเฟิงที่ตกใจลากยาวจนกระวันที่ 6 ที่ชูฮันจากไป ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เขาต้องเจอกับเรื่องประหลาดใจ เรื่องตกใจไม่รู้จบทั้งอาทิตย์จนสมองเบลอไปหมดแล้ว และสาเหตุก็มาจากความหวาดกลัวที่มีต่อชูฮัน…โปรแกรมการฝึกอันเข้มข้นที่เขาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
ไม่!
มันยังมีซอมบี้และลูกผสมจำนวนไม่น้อยเหลืออยู่แล้วไหนจะค่ายเขี้ยวหมาป่าที่ตั้งอยู่ทางด้านหลังค่ายตั้งรบของพวกเขาอีก ค่ายตั้งรบยังอยู่ในสถานะอันตรายที่มีความเป็นความตายเป็นเดิมพัน มันยังมีภัยคุกคามใหญ่หลวงที่ไม่สามารถกำจัดไปได้อยู่ เพราะฉะนั้นไม่มีใครหน้าไหนทั้งนั้นถอนตัวออกไปจากสนามรบได้
อย่างไรก็ตามตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเหล่าทหารผ่านศึกทั้งหลายของกองทัพเขี้ยวดูเจ็บปวดเพราะไม่ได้ต่อสู้อะไรเลย กลับกันมันเหมือนกับว่าพวกเขามาเข้าค่ายพักร้อนอย่างไรอย่างนั้น ความรู้สึกตื่นเต้นระทึกใจที่หัวหน้าชูฮันปรากฏตัวนั้นยังอยู่ในความทรงจำของทุกคนชัดเจน
แม้กระทั่งหลายคนคาดเดาว่าการที่ทหารเกณฑ์ใหม่ถูกส่งออกไปตามหาไล่ฆ่าซอมบี้ทุกวันแบบนี้สุดท้ายกองทัพซอมบี้ที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาลูกนี้คงถูกฆ่าตายหมดไม่ช้าก็เร็ว และพวกเขาก็จะเหลือหน้าที่แค่ตามหาลูกผสมที่เป็นตัวการเรื่องนี้เท่านั้น และสงครามก็น่าจะจบลง…
จบลงอย่างสงบเรียบง่าย!
เหอเฟิงหยิบแผนที่ออกมาพยายามเพ่งมองทุกอย่างอีกครั้งเขาทบทวนและตรวจสอบแผนที่ชูฮันทิ้งไว้หลายต่อหลายรอบแล้วจนจะเป็นบ้า
เป็นไปได้มั้ยว่ามันคือความพินาศ?
นอกเหนือจากการปรากฏตัวอย่างกระทันหันของซางฮั่นฉิงเหอเฟิงค่อนข้างกังวล ตลอดหกวันที่ผ่านมาเหตุการณ์มันดูเงียบสงบเกินไป แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าควรจะทำอะไรต่อ!
โชคดีที่วันนี้คือวันที่6 และอิงจากแผนในกระดาษแผ่นเล็กที่ชูฮันเขียนทิ้งไว้ให้เขา ชูฮันน่าจะกลับมาถึงในวันพรุ่งนี้
ในขณะที่เหอเฟิงทำงานหนักตลอดคืนในที่สุดเขาก็สงบจิตสงบใจลงได้ในเช้าตรู่ของวันที่ 7 เขาวางแผนจะรอการกลับมาของชูฮันและถามถึงแผนการรบที่ชูฮันวางเอาไว้
”ฟรึบ!”
ผ้าใบเต้นท์ถูกเลิกเปิดขึ้นกระทันหันเจียงเทียนชิงวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีตระหนก กระดุมที่เสื้อยังติดไม่เรียบร้อยดีด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่ามันต้องมีเรื่องเร่งด่วนอะไรเกิดขึ้น
”เกิดอะไรขึ้น”เขาเฟิงนอนหลับในทันที
”มีบางอย่างผิดปกติครับ”เจียงเทียนชิงดึงเหอเฟิงออกมานอกเต้นท์และรีบพูดต่อขณะทั้งคู่กำลังเร่งฝีเท้า “จำซางฮั่นฉิงได้มั้ยครับ?”
”นายไม่ได้ส่งเขาไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าแล้วเหรอ?”แววตาของเหอเฟิงขุ่นมัวอย่างสงสัย “แม้ว่าจะเขาจะถูงขังอยู่ในห้องที่มีเจ้าหน้าทีคุมล้อมรอบ แต่ถึงอย่างไรซางจิ่วตี้ก็อยู่ที่ค่าย ไม่ใช่ที่นี่ ซางฮั่นฉิงไม่น่าจะรนหาที่ตาย!” เมื่อได้ยินเหอเฟิงพึมพำกับตัวเองเรื่องซางฮั่นฉิงรนหาที่ตายเจียงเทียนชิงก็มองหน้าหอเฟิงทันที ก่อนจะส่ายหัวอย่างหมดหนทาง “คิดไปถึงไหนครับ ไม่ใช่ว่ามีเรื่องเกิดกับซางฮั่นฉิง ตัวเขาเขาเข้าใจกฏระเบียบปฏิบัติของพวกเราเป็นอย่างดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นและก็ไม่ใช่สิ่งทีเกี่ยวกับสงครามด้วย”
เหอเฟิงไม่ได้มีปัญหาอะไรกับซางฮั่นฉิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจัง “แล้วมีอะไร? มันเกี่ยวอะไรกับซางฮั่นฉิง?”
”ซางจิงส่งเฮลิคอปเตอร์มาอีกแล้ว!”เจียงเทียนรีบรายงานทันที “เฮลิคอปเตอร์พึ่งลงจอด บอกว่ามีคนของซางจิงหายไป พวกเขามาตามหาคนครับ ผมสงสัยว่าบุคลที่ทางนั้นเอ่ยถึงน่าจะเป็นซางฮั่นฉิง”
”ไม่มีทาง”เหอเฟิงพูดแทรกขึ้นมาทันที “เป็นไปไม่ได้ ซางฮั่นฉิงอาจจะเป็นบุคคลสำคัญต่อซางจิงก็จิง แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่ซางจิงจะส่งคนมาตามเขาในเวลาเช่นนี้ และพวกเขาจะไม่มีทางได้เจอซางฮั่นฉิงที่นี้”
เหอเฟิงวิเคราะห์ข้อมูลออกมาอิงจากข้อมูลที่เกาช้าวฮุ่ยเปิดเผยให้ฟัง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครรู้ว่าซางฮั่นฉิงได้หนีออกจากซางจิงมาแล้ว และแน่นอนว่าการหายตัวไปของคนคนเดียวในแผนกวิจัยไม่มีทางสร้างความแตกตื่นให้ทั้งค่ายซางจิงได้ และยิ่งการมาตามหาตัวคนหายที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าเช่นนี้ยิ่งไม่มีทาง
เหอเฟิงเชื่อที่เกาช้าวฮุ่ยพูดและเชื่อว่าคนที่ชูฮันส่งไปพาตัวซางฮั่นฉิงหนีมา จะไม่มีทางทิ้งข้อบกพร่องชิ้นใหญ่ไว้ให้คนตามมาได้เช่นนี้
อย่างที่รู้กันดีว่าชูฮันไม่เคยทิ้งข้อผิดพลาดใดๆไว้!
ดังนั้นเรื่องนี้จึงค่อนข้างแปลกอย่างมาก!
มีประกายแสงดุดันวิ่งผ่านนัยน์ของเหอเฟิงจากนั้นก็เหอเฟิงก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตึงเครียด “ใครคือคนที่ซางจิงส่งมา?”
เจียงเทียนชิงปาดเหงื่อออกจากหน้าผากเงยหน้าขึ้นทองฟ้าสีหม่นที่ยังไม่ทันสว่างดี “ไม่ใช่ทหารกระจอกๆ ดูมีพลังไม่เบา รูปร่างสูงใหญ่ แต่มันแปลกที่เขาไม่มีตำแหน่งทางทหาร รู้แค่ว่าเขาชื่อหวังเฉิน”
”หวังเฉิน?”เหอเฟิงตะลึงตกใจ ทันใดนั้นจู่ๆก็มีพลังงานดุดันราวกับหมาป่าคลั่งระเบิดโพล่งออกมาจากตัวเหอเฟิง
เหอเฟิงที่อยู่ในซางจิงมาเป็นเวลานานจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์กับค่ายเขี้ยวหมาป่าเขาจึงถูกผู้บัญชาการมู๋และท่านเลาหมิงส่งตัวมาที่นี้ เพราะงั้นเขาจริงรู้เรื่องราวมากมายในซางจิงดี และแน่นอนเขาก็รู้จักหวังเฉินผู้มีชื่อเสียงในซางจิงดี
ที่มาที่ไปของหวังเฉินนั้นไม่มีใครรู้เหอเฟิงเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ดีๆหวังเฉินก็โผล่มาและกลายเป็นที่รู้จัก มีทั้งพละกำลังและอิทธิพลที่แผ่ไปทั่วซางจิง จนเกือบจะเทียบเท่ากับผู้บัญชาการมู๋…
ผู้บัญชาการมู๋โดนข้ามหน้าข้ามตาไปหลายต่อหลายครั้ง! ดังนั้นพอได้ยินชื่อหวังเฉินจึงยากที่เหอเฟิงจะเก็บอารมณ์ได้อยู่ สัญชาตญาณบอกเขาว่าหวังเฉินน่าจะใช้ข้ออ้างที่มีคนในแผนกวิจัยของซางจิงหายไป จุดประสงค์ที่แท้จริงน่าจะเป็นชูฮัน
”ฉันจะเจอคนคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด”เหอเฟิงที่คิดทบทวนมาอย่างหนักเอ่ยบอกเจียงเทียนชิง คิ้วขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นโบว์ได้อยู่แล้ว “ฉันถือว่าตายไปแล้วจากโลกนี้ ถ้าหวังเฉินรู้ว่าฉันอยู่ที่นี้ สองนายท่านสองคนในซางจิงจะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก”
สองนายท่านของเหอเฟิงก็คือผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของเหอเฟิง เพื่อที่จะสนับสนุนชูฮันตลอดทางเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์สูงสุด
”เอ่อออ…”เจียงเทียนชิงไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคเช่นนี้จากเหอเฟิง จึงได้แต่ยืนหันรีหันขวาไปมาอย่างกระวนกระวาย “แล้วผมควรทำยังไง? อีกฝ่ายบอกว่าต้องการคุยกับหัวหน้าชูฮันอย่างสมศักดิ์ศรี แต่หัวหน้าไม่ได้อยู่ที่นี้ อีกฝ่ายดูมีพละกำลังมาก ถ้าเขาไม่ได้เจอชูฮัน เราต้องแย่แน่ๆ!”