Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ - ตอนที่ 978 ไหนเมื่อไม่มีผู้หญิง งั้นก็ลองผู้ชาย?
- Home
- Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์
- ตอนที่ 978 ไหนเมื่อไม่มีผู้หญิง งั้นก็ลองผู้ชาย?
แววตาของเหอเฟิงวาววับหวังเฉินมาหาตัวชูฮัน!
”ถ่วงเวลาเขาไว้”เหอเฟิงสั่งเจียงเทียนชิงสั้นๆ
”จะให้ผมถ่วงยังไง?”เจียงเทียนชิงอยากจะร้องไห้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ไม่มีใครตอนนี้รู้เลยว่าตอนนี้สถานการณ์ที่ค่ายจินหยางเป็นยังไง…
ในสถานการณ์เช่นนี้ถ้าซางจิงรู้ขึ้นมาว่าหัวหน้าชูฮันไม่ได้อยู่ที่ค่ายตั้งรบ แผนการที่ค่ายจินหยางจะล้มเหลวหรือเปล่า?
นี้มันวันที่7 แล้ว วันสุดท้ายที่มีความสำคัญที่สุด พวกเขายังอยากจะรอให้ชูฮันกลับมาพร้อมกับข่าวดี และรอดูการเปลี่ยนแปลงของค่ายจินหยาง รอให้ค่ายใหญ่ๆทั้งหลายแตกตื่นและเริ่มคลั่ง… ”ถามได้ดีจะถ่วงเวลายังไง?” เหอเฟิงเหลือบมองทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆ ทหารหลายคนเริ่มตื่นลุกขึ้นจากที่นอน มองไปทางไหนก็เจอแต่ทหารร่างใหญ่เนื้อตัวกำยำทั้งนั้น ทันใดนั้นหน้าของเหอเฟิงก็คร่ำเครียดขึ้นมาทันที
บ้าเอ๊ย!
เขามีแต่ทีมทหารร่างกำยำแบบนี้จะเอาอะไรไปถ่วงเวลาอีกฝ่าย?
แต่แล้วจู่ๆเหอเฟิงก็หันมามองเจียงเทียนชิงด้วยท่าทีแปลกๆ”เคยมีอะไรกับใครรึยัง?”
ถ้าไม่มีผู้หญิงงั้นก็ลองผู้ชายตัวเล็กดูเป็นไง?
เจียงเทียนชิงเป็นเด็กหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดผิวพรรณที่ขาวนวลไม่ต่างจากผู้หญิง อาจจะตรงกับความชอบของบางคนก็เป็นได้…
”เอ่อ…”เจียงเทียนชิงงุนงงกับคำถามที่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของเหอฟิง จากนั้นก็ตอบด้วยน้ำเสียงโมโห “ผมอายุ 18! จะไปเคยได้ยังไง ก่อนจะเกิดการปะทุผมก็แค่ 16! รึจะให้ผมเป็นคนเลวไล่ปล้ำผู้หญิง!”
เหอเฟิงเองก็ค่อยพัฒนาความคิดชั่วร้ายในหัวตัวเองคนเดียวเงียบๆและมั้นใจมากว่าวิธีการนี้ของเขาอาจจะได้ผล แต่เจียงเทียนชิงจะต้องไม่รู้เด็ดขาด
ทันใดนั้นเองร่างของหวังเฉินก็โผล่ออกมานอกเต้นท์
”ฉันเดินทางข้ามคืนมาเหนื่อยล้ามาก ดังนั้นอย่ามามัวเสียเวลากันดีกว่า ฉันมีอย่างอื่นให้ต้องไปทำอีก ไปบอกหัวหน้าชูฮันว่าฉันต้องการพบตัวเขา และอย่าขัดขวางฉันดีกว่า ไม่งั้นก็อย่ามาโทษกันถ้าฉันจะจัดการพวกคุณด้วยกฏระเบียบทหาร!” แววตาของหวังเฉินเต็มไปด้วยความร้อนระอุ มองไปยังเต้นท์สูงใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปด้วย พลังผันผวนรุนแรงกระจายออกมารอบตัวหวังเฉินเพื่อสร้างแรงกดดันให้คนรอบข้าง
”ยอดเยี่ยม”ผู้คุมกฏระเบียบทางทหารของเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดอย่างหลิวยู่ติงเดินเข้ามาหาหวังเฉิน น้ำเสียงและท่าทางที่แสดงออกถึงความไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจน รัศมีความน่ากลัวของหลิวยู่ติงแผ่ออกมาเงียบๆ “แม้ว่าคุณจะมาจากซางจิงและพวกเราควรให้ความเคารพคุณ แต่ขอโทษด้วย ระเบียบการทางทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่านั้นค่อนข้างมีความพิเศษ นอกเหนือจากพลเอกชูฮันและฉัน ไม่มีบุคคลที่สามสามารถ โอ้ะ โทษทีจะใช้คำว่าสามารถมันไม่เหมาะสม ควรจะพูดว่าไม่มีบุคคลที่สามมีสิทธิ์จะสั่งลงโทษคนในเขี้ยวหมาป่า”
นี้มันเทียบเท่ากับการตบหน้าหวังเฉินชัดๆเจียงเทียนชิงยืนเงียบกริบอย่างไม่รู้จะต้องทำตัวอย่างไรดี
หวังเฉินโกรธจัดหากไม่คิดจะสนใจเดินเท้าต่อมุ่งหน้าไปยังเต้นท์ใหญ่ที่สุดด้วยฝีเท้าที่เร็วขึ้นกว่าเดิม “พลตรีหลิวยู่ติง ฉันรู้ว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่ามีความพิเศษ แต่ฉันจำเป็นต้องถามอะไรบางอย่างกับพลเอกชูฮันจริงๆ นี้เป็นเรื่องด่วน มีคนหายไปตัวและเขาเป็นคนสำคัญของซางจิง เขาหายไปพร้อมกับเฮลิคอปเตอร์ที่บินออกจากซางจิง ซึ่งการบินออกล่าสุดของซางจิงคือการบินมาส่งความช่วยเหลือให้ที่นี้ เพราะฉะนั้น กรุณาเข้าใจด้วยพลตรีหลิวยู่ติง”
หวังเฉินรู้ว่าเขาไม่สามารถระเบิดอารมณ์ใส่หลิวยู่ติงได้เขารู้ว่าเขาไม่สามารถใส่อารมณ์หรือใช้อำนาจกับใครในเขี้ยวหมาป่าได้เลย ท้ายที่สุดเขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถแตะต้องพวกกองทัพไร้กฏหมายพวกนี้ได้เลย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะโดนอุ้มไปฆ่ารึเปล่า?
ชูฮันมีอดีตมืดมนจำนวนมากทำให้หวังเฉินค่อนข้างกังวลและต้องระวังตัวให้มากที่สุด
เป็นอย่างที่เหอเฟิงเดาการอ้างเรื่องมีคนที่สถาบันวิจัยของซางจิงหายตัวไปมันเป็นแค่ข้ออ้างที่จะได้เผชิญหน้ากับชูฮันเท่านั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงคือต้องการยืนยันว่าตอนนี้ชูฮันอยู่ที่ค่ายตั้งรบจริงหรือเปล่า เพราะเมื่อคืนกลางดึกเกือบตีหนึ่งค่ายหลักทั้งหลายต่างได้รับข่าวร้ายอันน่าหวาดหวั่นพร้อมกัน
ค่ายจินหยางหายไปแล้ว!
มันคืออะไร?
ทั่วทุกมุมแห่งแม้แต่ระดับสูงสุดไล่ลงมาต่ำสุด ตั้งแต่พลเอกจนมาถึงพลทหารทั่วไป ทั้งหมดตายเรียบ!
ตั้งแต่เมืองชั้นในจนถึงพื้นที่ผู้ลี้ภัยตั้งแต่ที่ประจำการทหารจนถึงกลางถนน มันมีแต่เปลวไฟลุกโชนไปทั่วทุกที่!
ค่ายกลางค่ายเล็กที่อยู่ใกล้เคียงกับค่ายจินหยางซึ่งมีชาวบ้านของค่ายจินหยางหนีอพยพมาพร้อมกับข้าวการล่มสลายของค่ายจินหยางที่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์ที่ปะทุขึ้นมาทำให้ค่ายหลักๆทั้งหลายที่ได้รับข่าวก่อนล่วงหน้าคนอื่นนั้นวิตกกังวลกันอย่างมาก เหล่าผู้นำของค่ายหลักทั้งหลายไม่ได้นอนกันทั้งคืน คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของหลายคน ค่ายต่างๆเรียกตัวสายลับของตัวเองกลับมาเพื่อสืบสวนว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น
นั่นคือค่ายจินหยางหนึ่งในห้าค่ายใหญ่ที่สุดของจีน แถมมีกองกำลังทหารเป็นอันดับต้นๆกลับถูกทำลายภายในชั่วข้ามคืน?
ในยุคโลกาวินาศพละกำลังในการต่อสู้นั้นแสดงถึงพื้นฐายของการอยู่รอดของแต่ละค่าย ยิ่งค่ายใหญ่ ยิ่งมีทหารเก่งกาจในมือจำนวนมาก แม้จะมีการพัฒนาเศรษฐกิจดีขนาดไหน จะมีตึกอาคารก่อสร้างเติบโตดีแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าหากไม่มีกองทัพที่แข็งแกร่งคอยปกป้อง ทุกอย่างก็ไม่มีความหมาย…
ดังนั้นสำหรับค่ายจินหยางที่มีกองกำลังทหารเป็นอันดับหนึ่งแต่แล้วกลับถูกซะล้างจนนองเลือดภายในข้ามคืนเช่นนี้ ชะตาของค่ายจินหยางมาถึงจุดจบได้ยังไง…เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องหาคำตอบ
มีแต่คนระดับสูงที่รู้ดีว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มันมีความแปลกและข้อผิดสังเกตหลายจุดดังนั้นค่ายหลักทั้งหลายจึงรีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจจะระงับข่าวของค่ายจินหยางที่กำลังแพร่ไปทั่ว ไม่สนใจความตื่นตระหนกที่กระจายไปสู่ค่ายขนาดกลางและขนาดเล็กทั้งหลาย เวลานี้พวกเขาสนใจแต่จะตามหาความจริงเท่านั้น
ซึ่งซางจิงเองก็ไม่ต่างดังนั้นเมื่อกลางดึกมันจึงมีการเรียกประชุมฉุกเฉินจัดขึ้นที่ซางจิง ค่ายหลักทั้งฐานเข้าประชุมอย่างเร่งด่วนลากยาวตลอดทั้งคืน และผลที่ได้คือ…เกินกง่าครึ่งของเสียงต่างชี้เป้ามาที่ชูฮันกันหมด
การลอบเข้าไปโจมตีความสามารถในการปั่นป่วน การสร้างความเสียหายระดับนี้ นอกเหนือจากชูฮันแล้ว พวกเขาไม่สามารถคิดถึงคนอื่นได้เลย คนจากตระกูลลึกลับก็เป็นไปไม่ได้ที่จะลงมือเอง เพราะว่าถ้าคนจากตระกูลลึกลับคิดจะลงมือจริงๆพวกเขาไม่มีจำเป็นคนต้องคอยหลบซ่อนและไม่เปิดเผยตัวแบบนี้ เพราะเพียงแค่สั่งมาคำเดียว ค่ายหลักๆทั้งหลายก็รีบร่วมมือกันเพื่อจัดการให้ทุกอย่างทันที
ในเวลาเดียวกันมันมีอีกเหตุผลที่พวกเขาสงสัยในตัวชูฮัน นั่นก็คือ สองพ่อลูกพลเอกจงไคและพลเอกจงคุยนั้นมีความเกลียดชังกับชูฮัน
ใครจะกล้ารับประกันอารมณ์ของชูฮัน?
ใครที่กล้ายั่วยุชูฮัน…ชูฮันสามารถฆ่าล้างได้ทั้งโคตร!
จงคุยและจงไคยั่วยุอารมณ์ชูฮันไปกี่ครั้งแล้ว?
ชูฮัน…มันมีความเป็นไปได้ที่การสังหารหมู่ทั้งค่ายจะเป็นฝีมือของชายผู้บ้าคลั่งคนนี้!
คำถามก็คือ…ชูฮันทำอะไรลงไปกันแน่?แล้วเขาไม่ได้อยู่ที่สนามรบเมืองอันลูหรอกเหรอ? เขาไม่ได้เป็นคนนำทัพต่อสู้กองทัพซอมบี้และลูกผสมเหรอ?
ดังนั้นหลังจากการประชุมฉุกเฉินของค่ายหลักทั้งหลายที่มารวมตัวกันที่ซางจิงหวังเฉินจึงถูกส่งมาตั้งแต่ฟ้ามืดด้วยเฮลิคอปเตอร์ที่เร็วสุดมุ่งตรงมายังสนามรบในเมืองอันลูและลงจอดที่ค่ายตั้งรบของกองทัพเขี้ยวหมาป่าทันทีอย่างไม่ให้เสียเวลา
เขาต้องยืนยันให้ได้ว่าชูฮันไม่ได้อยู่ที่นี้!
เมื่อได้เห็นการดื้อดึงที่ไม่ยอมอ่อนให้ของหวังเฉินแถมยังเดินมุ่งหน้าไปที่เต้นท์ของตำแหน่งพลเอกที่เวลานี้คนข้างในยังหลับอยู่ เหอเฟิงก็รีบแอบลอบไปที่ด้านหลังเต้นท์ผลักเจียงเทียนชิงออกไปหน้าเต้นท์กันหวังเฉินเอาไว้ทันที ไม่เปิดโอกาสให้เจียงเทียนได้พูดอะไรทั้งนั้น
”เร็วเข้า!ไม่ว่าต้องใช้วิธีอะไรก็ตาม จะยั่วยวนมันก็ได้ อะไรก็ได้ เอาหวังเฉินออกไปจากที่นี้!” เหอเฟิงกระซิบสั่งอยู่ด้านหลังเจียงเทียนชิง โดยที่ตัวเหอเฟิงยังอยู่ภายในเต้นท์
”ถ่วงเวลาเขาไว้”เหอเฟิงสั่งเจียงเทียนชิงสั้นๆ
”จะให้ผมถ่วงยังไง?”เจียงเทียนชิงอยากจะร้องไห้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ไม่มีใครตอนนี้รู้เลยว่าตอนนี้สถานการณ์ที่ค่ายจินหยางเป็นยังไง…
ในสถานการณ์เช่นนี้ถ้าซางจิงรู้ขึ้นมาว่าหัวหน้าชูฮันไม่ได้อยู่ที่ค่ายตั้งรบ แผนการที่ค่ายจินหยางจะล้มเหลวหรือเปล่า?
นี้มันวันที่7 แล้ว วันสุดท้ายที่มีความสำคัญที่สุด พวกเขายังอยากจะรอให้ชูฮันกลับมาพร้อมกับข่าวดี และรอดูการเปลี่ยนแปลงของค่ายจินหยาง รอให้ค่ายใหญ่ๆทั้งหลายแตกตื่นและเริ่มคลั่ง… ”ถามได้ดีจะถ่วงเวลายังไง?” เหอเฟิงเหลือบมองทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆ ทหารหลายคนเริ่มตื่นลุกขึ้นจากที่นอน มองไปทางไหนก็เจอแต่ทหารร่างใหญ่เนื้อตัวกำยำทั้งนั้น ทันใดนั้นหน้าของเหอเฟิงก็คร่ำเครียดขึ้นมาทันที
บ้าเอ๊ย!
เขามีแต่ทีมทหารร่างกำยำแบบนี้จะเอาอะไรไปถ่วงเวลาอีกฝ่าย?
แต่แล้วจู่ๆเหอเฟิงก็หันมามองเจียงเทียนชิงด้วยท่าทีแปลกๆ”เคยมีอะไรกับใครรึยัง?”
ถ้าไม่มีผู้หญิงงั้นก็ลองผู้ชายตัวเล็กดูเป็นไง?
เจียงเทียนชิงเป็นเด็กหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดผิวพรรณที่ขาวนวลไม่ต่างจากผู้หญิง อาจจะตรงกับความชอบของบางคนก็เป็นได้…
”เอ่อ…”เจียงเทียนชิงงุนงงกับคำถามที่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของเหอฟิง จากนั้นก็ตอบด้วยน้ำเสียงโมโห “ผมอายุ 18! จะไปเคยได้ยังไง ก่อนจะเกิดการปะทุผมก็แค่ 16! รึจะให้ผมเป็นคนเลวไล่ปล้ำผู้หญิง!”
เหอเฟิงเองก็ค่อยพัฒนาความคิดชั่วร้ายในหัวตัวเองคนเดียวเงียบๆและมั้นใจมากว่าวิธีการนี้ของเขาอาจจะได้ผล แต่เจียงเทียนชิงจะต้องไม่รู้เด็ดขาด
ทันใดนั้นเองร่างของหวังเฉินก็โผล่ออกมานอกเต้นท์
”ฉันเดินทางข้ามคืนมาเหนื่อยล้ามาก ดังนั้นอย่ามามัวเสียเวลากันดีกว่า ฉันมีอย่างอื่นให้ต้องไปทำอีก ไปบอกหัวหน้าชูฮันว่าฉันต้องการพบตัวเขา และอย่าขัดขวางฉันดีกว่า ไม่งั้นก็อย่ามาโทษกันถ้าฉันจะจัดการพวกคุณด้วยกฏระเบียบทหาร!” แววตาของหวังเฉินเต็มไปด้วยความร้อนระอุ มองไปยังเต้นท์สูงใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปด้วย พลังผันผวนรุนแรงกระจายออกมารอบตัวหวังเฉินเพื่อสร้างแรงกดดันให้คนรอบข้าง
”ยอดเยี่ยม”ผู้คุมกฏระเบียบทางทหารของเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดอย่างหลิวยู่ติงเดินเข้ามาหาหวังเฉิน น้ำเสียงและท่าทางที่แสดงออกถึงความไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจน รัศมีความน่ากลัวของหลิวยู่ติงแผ่ออกมาเงียบๆ “แม้ว่าคุณจะมาจากซางจิงและพวกเราควรให้ความเคารพคุณ แต่ขอโทษด้วย ระเบียบการทางทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่านั้นค่อนข้างมีความพิเศษ นอกเหนือจากพลเอกชูฮันและฉัน ไม่มีบุคคลที่สามสามารถ โอ้ะ โทษทีจะใช้คำว่าสามารถมันไม่เหมาะสม ควรจะพูดว่าไม่มีบุคคลที่สามมีสิทธิ์จะสั่งลงโทษคนในเขี้ยวหมาป่า”
นี้มันเทียบเท่ากับการตบหน้าหวังเฉินชัดๆเจียงเทียนชิงยืนเงียบกริบอย่างไม่รู้จะต้องทำตัวอย่างไรดี
หวังเฉินโกรธจัดหากไม่คิดจะสนใจเดินเท้าต่อมุ่งหน้าไปยังเต้นท์ใหญ่ที่สุดด้วยฝีเท้าที่เร็วขึ้นกว่าเดิม “พลตรีหลิวยู่ติง ฉันรู้ว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่ามีความพิเศษ แต่ฉันจำเป็นต้องถามอะไรบางอย่างกับพลเอกชูฮันจริงๆ นี้เป็นเรื่องด่วน มีคนหายไปตัวและเขาเป็นคนสำคัญของซางจิง เขาหายไปพร้อมกับเฮลิคอปเตอร์ที่บินออกจากซางจิง ซึ่งการบินออกล่าสุดของซางจิงคือการบินมาส่งความช่วยเหลือให้ที่นี้ เพราะฉะนั้น กรุณาเข้าใจด้วยพลตรีหลิวยู่ติง”
หวังเฉินรู้ว่าเขาไม่สามารถระเบิดอารมณ์ใส่หลิวยู่ติงได้เขารู้ว่าเขาไม่สามารถใส่อารมณ์หรือใช้อำนาจกับใครในเขี้ยวหมาป่าได้เลย ท้ายที่สุดเขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถแตะต้องพวกกองทัพไร้กฏหมายพวกนี้ได้เลย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะโดนอุ้มไปฆ่ารึเปล่า?
ชูฮันมีอดีตมืดมนจำนวนมากทำให้หวังเฉินค่อนข้างกังวลและต้องระวังตัวให้มากที่สุด
เป็นอย่างที่เหอเฟิงเดาการอ้างเรื่องมีคนที่สถาบันวิจัยของซางจิงหายตัวไปมันเป็นแค่ข้ออ้างที่จะได้เผชิญหน้ากับชูฮันเท่านั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงคือต้องการยืนยันว่าตอนนี้ชูฮันอยู่ที่ค่ายตั้งรบจริงหรือเปล่า เพราะเมื่อคืนกลางดึกเกือบตีหนึ่งค่ายหลักทั้งหลายต่างได้รับข่าวร้ายอันน่าหวาดหวั่นพร้อมกัน
ค่ายจินหยางหายไปแล้ว!
มันคืออะไร?
ทั่วทุกมุมแห่งแม้แต่ระดับสูงสุดไล่ลงมาต่ำสุด ตั้งแต่พลเอกจนมาถึงพลทหารทั่วไป ทั้งหมดตายเรียบ!
ตั้งแต่เมืองชั้นในจนถึงพื้นที่ผู้ลี้ภัยตั้งแต่ที่ประจำการทหารจนถึงกลางถนน มันมีแต่เปลวไฟลุกโชนไปทั่วทุกที่!
ค่ายกลางค่ายเล็กที่อยู่ใกล้เคียงกับค่ายจินหยางซึ่งมีชาวบ้านของค่ายจินหยางหนีอพยพมาพร้อมกับข้าวการล่มสลายของค่ายจินหยางที่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์ที่ปะทุขึ้นมาทำให้ค่ายหลักๆทั้งหลายที่ได้รับข่าวก่อนล่วงหน้าคนอื่นนั้นวิตกกังวลกันอย่างมาก เหล่าผู้นำของค่ายหลักทั้งหลายไม่ได้นอนกันทั้งคืน คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของหลายคน ค่ายต่างๆเรียกตัวสายลับของตัวเองกลับมาเพื่อสืบสวนว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น
นั่นคือค่ายจินหยางหนึ่งในห้าค่ายใหญ่ที่สุดของจีน แถมมีกองกำลังทหารเป็นอันดับต้นๆกลับถูกทำลายภายในชั่วข้ามคืน?
ในยุคโลกาวินาศพละกำลังในการต่อสู้นั้นแสดงถึงพื้นฐายของการอยู่รอดของแต่ละค่าย ยิ่งค่ายใหญ่ ยิ่งมีทหารเก่งกาจในมือจำนวนมาก แม้จะมีการพัฒนาเศรษฐกิจดีขนาดไหน จะมีตึกอาคารก่อสร้างเติบโตดีแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าหากไม่มีกองทัพที่แข็งแกร่งคอยปกป้อง ทุกอย่างก็ไม่มีความหมาย…
ดังนั้นสำหรับค่ายจินหยางที่มีกองกำลังทหารเป็นอันดับหนึ่งแต่แล้วกลับถูกซะล้างจนนองเลือดภายในข้ามคืนเช่นนี้ ชะตาของค่ายจินหยางมาถึงจุดจบได้ยังไง…เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องหาคำตอบ
มีแต่คนระดับสูงที่รู้ดีว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มันมีความแปลกและข้อผิดสังเกตหลายจุดดังนั้นค่ายหลักทั้งหลายจึงรีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจจะระงับข่าวของค่ายจินหยางที่กำลังแพร่ไปทั่ว ไม่สนใจความตื่นตระหนกที่กระจายไปสู่ค่ายขนาดกลางและขนาดเล็กทั้งหลาย เวลานี้พวกเขาสนใจแต่จะตามหาความจริงเท่านั้น
ซึ่งซางจิงเองก็ไม่ต่างดังนั้นเมื่อกลางดึกมันจึงมีการเรียกประชุมฉุกเฉินจัดขึ้นที่ซางจิง ค่ายหลักทั้งฐานเข้าประชุมอย่างเร่งด่วนลากยาวตลอดทั้งคืน และผลที่ได้คือ…เกินกง่าครึ่งของเสียงต่างชี้เป้ามาที่ชูฮันกันหมด
การลอบเข้าไปโจมตีความสามารถในการปั่นป่วน การสร้างความเสียหายระดับนี้ นอกเหนือจากชูฮันแล้ว พวกเขาไม่สามารถคิดถึงคนอื่นได้เลย คนจากตระกูลลึกลับก็เป็นไปไม่ได้ที่จะลงมือเอง เพราะว่าถ้าคนจากตระกูลลึกลับคิดจะลงมือจริงๆพวกเขาไม่มีจำเป็นคนต้องคอยหลบซ่อนและไม่เปิดเผยตัวแบบนี้ เพราะเพียงแค่สั่งมาคำเดียว ค่ายหลักๆทั้งหลายก็รีบร่วมมือกันเพื่อจัดการให้ทุกอย่างทันที
ในเวลาเดียวกันมันมีอีกเหตุผลที่พวกเขาสงสัยในตัวชูฮัน นั่นก็คือ สองพ่อลูกพลเอกจงไคและพลเอกจงคุยนั้นมีความเกลียดชังกับชูฮัน
ใครจะกล้ารับประกันอารมณ์ของชูฮัน?
ใครที่กล้ายั่วยุชูฮัน…ชูฮันสามารถฆ่าล้างได้ทั้งโคตร!
จงคุยและจงไคยั่วยุอารมณ์ชูฮันไปกี่ครั้งแล้ว?
ชูฮัน…มันมีความเป็นไปได้ที่การสังหารหมู่ทั้งค่ายจะเป็นฝีมือของชายผู้บ้าคลั่งคนนี้!
คำถามก็คือ…ชูฮันทำอะไรลงไปกันแน่?แล้วเขาไม่ได้อยู่ที่สนามรบเมืองอันลูหรอกเหรอ? เขาไม่ได้เป็นคนนำทัพต่อสู้กองทัพซอมบี้และลูกผสมเหรอ?
ดังนั้นหลังจากการประชุมฉุกเฉินของค่ายหลักทั้งหลายที่มารวมตัวกันที่ซางจิงหวังเฉินจึงถูกส่งมาตั้งแต่ฟ้ามืดด้วยเฮลิคอปเตอร์ที่เร็วสุดมุ่งตรงมายังสนามรบในเมืองอันลูและลงจอดที่ค่ายตั้งรบของกองทัพเขี้ยวหมาป่าทันทีอย่างไม่ให้เสียเวลา
เขาต้องยืนยันให้ได้ว่าชูฮันไม่ได้อยู่ที่นี้!
เมื่อได้เห็นการดื้อดึงที่ไม่ยอมอ่อนให้ของหวังเฉินแถมยังเดินมุ่งหน้าไปที่เต้นท์ของตำแหน่งพลเอกที่เวลานี้คนข้างในยังหลับอยู่ เหอเฟิงก็รีบแอบลอบไปที่ด้านหลังเต้นท์ผลักเจียงเทียนชิงออกไปหน้าเต้นท์กันหวังเฉินเอาไว้ทันที ไม่เปิดโอกาสให้เจียงเทียนได้พูดอะไรทั้งนั้น
”เร็วเข้า!ไม่ว่าต้องใช้วิธีอะไรก็ตาม จะยั่วยวนมันก็ได้ อะไรก็ได้ เอาหวังเฉินออกไปจากที่นี้!” เหอเฟิงกระซิบสั่งอยู่ด้านหลังเจียงเทียนชิง โดยที่ตัวเหอเฟิงยังอยู่ภายในเต้นท์