Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 152
“ที่1 หลินฉง 400แต้ม!” เสียงของครูฝึกประกาศชัดและก้องกังวาล
โค้ชทุกคนนั้นตกอยู่ในความเงียบ หน้าของโค้ชเกือบทุกคนกำลังตกใจ ไมเชื่อในหูตัวเอง
400แต้มมันคือคะแนนเต็มไม่ใช่หรอ นี้ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม ครูฝึกล้อฉันเล่นรึเปล่าเนี่ย โค้ชคนหนึ่งพูดอย่างเงียบๆคนเดียว เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่จริงจังของครูฝึกแล้ว เขาก็รู้ทันทีว่านี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
“โว้ววววว!!!”วินาทีต่อมาห้องประชุมก็ลุกเป็นไฟ
“400คะแนน เข้ คะแนนเต็มเหรอ เป็นไปได้ไงเนี่ย!”
“เรามีเวลาฝึกแค่10วันเองนะ ได้คะแนนเต็มได้ยังไงกัน แค่คะแนนรวมเกิน300ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วนะ นี้มันสุดยอดไปเลยที่มีคนได้คะแนนเต็มเนี่ย!”
โค้ชเกี้ยวกับโค้ชเต็งมองกันไปมา งงกันทั้งคู่
ใครกันวะ? โค้ชคนไหนที่มีความสามารถขนาดนั้นอีก โค้ชเกี้ยวคิดว่า320แต้มของเขาจะเป็นคะแนนที่มากที่สุดแล้ว แต่ก็ยังมีคนเหนือกว่าเขา แล้วถ้าจะมีใครเหนือกว่าเขาก็คงเหนือกว่าแค่ไม่เกิน5-10คะแนน
แต่ที่เขาตกใจคือ ที่หนึ่งกลับได้400คะแนนเต็ม ซึ่งมากกว่าของเขาถึง80คะแนน ถ้าจัดตามตารางการให้คะแนน 5คะแนนเท่ากับ1ระดับ คะแนนของเขานั้นห่างกับที่1 ถึง16ระดับทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น ในการพัฒนาระดับของผู้ฝึกนั้น การฝึกก็จะได้ผลยากขึ้นเรื่อยๆด้วย แล้วมันก็จะพัฒนายากขึ้นตามเลเวลที่มี ในกรณีนี้ ระหว่างการทดสอบความสามารถทางร่างกาย การเพิ่มคะแนนจาก90ไปถึง100นั้นยากกว่าการที่เพิ่มจาก70ไปเป็น80
โค้ชเกี้ยวเองก็เชื่อว่าเขา กับโค้ชที่ได้ที่2กับที่3นั้นต้องได้คะแนนห่างกันถึง2ระดับ เพราะว่าความห่างระหว่างที่2กับที่30คือ50คะแนนพอดี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันมีโลกมากั้นขวางระหว่างเขากับที่1ซะแล้ว
เสียงวิเคราะห์วิจารย์ดังลั่นทำให้ครูฝึกขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เขาคงคาดหวังมากไปสำหรับโค้ชบางคน สำหรับนายตำรวจนั้น ถ้าเกิดวุ่นวายเมื่อไรก็ต้องโดนทำโทษเมื่อนั้น
แต่เหล่าโค้ชก็ยังจะพูดคุยกันจอแจต่อไปโดยที่ไม่สนอารมณ์ของครูฝึก
“ใคร ใครกันที่ทำเรื่องเจ๋งๆแบบนั้นได้”
“มีแต่คนของพระเจ้าเท่านั้นละที่ทำคะแนนเต็มได้ใน10วัน ออกตัวมาเถอะฉันจะได้บูชา”
“ครูฝึกเขาบอกแค่ชื่อของนายตำรวจที่ได้คะแนนเต็ม ชื่อฉงหลิน แล้วใครคือฉงหลินอะ?”
“หลินฉง ทำไมชื่อคุ้นๆน้า เหมือนฉันเคยได้ยินชื่อนั้นที่ไหนน้า”
“โถ่ว ไม่ต้องบอกก็รู้ไหมละ แน่นอนซิว่าต้องคุ้นชื่อ ไม่เคยอ่าน”ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซานเหรอ(The Water Margin)”? หัวพยัคฆ์หลินฉงไง!”
“ฉันไม่ได้พูดถึงหลินฉงในผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซาน แต่ฉันเคยได้ยินชื่อของคนที่เคยพูดถึงเมื่อซักพักที่แล้วนี้เอง!”
“อ้อ อ้อ เริ่มจำได้ละ มีคนพูดชื่อของเขาเมื่อตะกี้ด้วย!”
ผู้คนรอบห้องประชุมหันตาไปมองฉวงซูฉี
“เขาไง เขาพึ่งพูดถึงชื่อหลินฉงไปเอง!”มีคนพูดแล้วชี้ไปที่ฉวงซูฉี
ฉวงซูฉีโดนกล่าวหาในทันที วินาทีต่อมาเขาก็จำได้ว่าเขาเป็นคนพูดเองว่า “เจ้าหน้าที่หลินฉงนี้โชคร้ายจริงๆนะ”ตอนที่เขาพูดกับหลี่ไต้ ชื่อของหลินฉงนั้น ถูกพูดถึงโดยหลี่ไต้ตั้งแต่แรกแล้ว
“ไอ้หลี่ไต้! โค้ชของหลินฉงคือไอ้นี้อะนะ!”ฉวงซูฉีหันหัวไปมองหลี่ไต้อย่างตกใจ นาทีก่อนหน้านี้เขายังล้อหลี่ไต้เรื่องที่ทำคู่ฝึกเจ็บตัวตั้งแต่วันแรกอยู่เลย แต่มาตอนนี้ นายตำรวจคนเดิมที่เจ็บตัวนั้นก็คือคนที่ได้คะแนนเต็มในการทดสอบร่างกาย แล้วก็เป็นคนเดียวที่ทำได้อย่างนั้นด้วย
“หลินฉงเป็นคู่ฝึกของนายเหรอ?”ฉวงซูฉีถาม กัดฟันแน่น เขายังยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขาไม่ได้
หลี่ไต้ยิ้มแล้วพูด “เจ้าหน้าที่หลินฉงขยันมากตอนฝึก การได้คะแนนเต็มก็ถือเป็นรางวัลกับการทุ่มเทและขยันขันแข็งของเขา”หลี่ไต้พูดอย่างชื่นชมเป็นนัยว่ายอมรับว่าตัวเองเป็นโค้ชของหลินฉง
“เขานี้เอง! เป็นพ่อหนุ่มนี้เอง เขาเป็นโค้ชของหลินฉง เขาเป็นคนที่ทำให้หลินฉงได้คะแนนเต็ม
“หะ? เขาเป็นคนที่ทำให้คู่ฝึกขาแพลงตั้งแต่วันแรกที่ฝึกไม่ใช่หรอ?”
“เป็นเขาจริงๆ! ฉันพึ่งบอกไปเองว่านายตำรวจที่ไปเข้าโรงบาลนั้นมันเสียเวลาเปล่า แล้วไหงเขามาได้คะแนนเต็มงี้ละ?”
“เขาได้คะแนนทั้งๆที่ฝึกแค่9วันเนี่ยนะ เขาใช้วิธีฝึกแบบไหนกัน?”
โค้ชเกือบทุกคนหันไปมองหลี่ไต้อย่างตกใจ คนพวกนี้ใช้เวลาฝึก10วัน แต่พวกเขาก็ยังทำคะแนนได้มากสุดแค่เกิน300มาหน่อยนึง ส่วนมากจะไม่เกิน300ด้วยซ้ำ หลี่ไต้สามารถทำให้คู่ฝึกของเขาได้รับคะแนนเต็มได้ในการฝึกแค่9วัน แค่นี้มันก็เป็นจุดล่อความสนใจที่ดีมากพอแล้ว
โค้ชที่ไปวิจารณ์หลี่ไต้ว่าเป็น “เหมือนคนหนุ่มที่ไม่รู้ระบบการฝึก” หรือว่า “เป็นแค่คนหนุ่มที่ทำอะไรผลีผลาม”นั้นหน้าแดงขึ้นมาทันที เพราะว่าพวกเขาเองวิจารณ์ไป แต่หลี่ไต้ก็ได้คะแนนเต็มไง ซึ่งคะแนนเต็มนี้ก็ขยี้คะแนนกระจ่อยร่อย แบบไม่เหลือซากเลย
ในนาทีก่อนหน้านี้ หลี่ไต้ยังเป็นตัวอย่างที่สำหรับทุกคน เพื่อเป็นบทเรียน แต่ดูตอนนี้ ไอ้ตัวอย่างที่ไม่ดีนั้น กลับสวนกลับได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยที่ไม่ใช่แค่ได้ที่1 แต่ได้คะแนนเต็มอย่างสวยงาม
โค้ชทั้งหลายที่เคยมองว่าหลี่ไต้นั้นเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเขินไปเลย คนหลายคนถึงขั้นคิดว่าพวกเขาจะไม่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแบบหลี่ไต้
ผลลัพท์นั้นเป็นสิ่งที่ตัดสินในการฝึกกีฬามาโดยตลอด ยิ่งผลลัพท์ที่ออกมาดีเท่าไร โค้ชก็ยิ่งเก่งและฝึกได้ระดับสูงเท่านั้น ตั้งแต่ครั้งโบราณ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาคำว่าเก่งที่สุดในการเขียนหนังสือ หรือว่าไม่เป็น2รองใครในการต่อสู้ แม้คนอ่านจะเห็นได้บ่อยๆตามนิยายทั่วๆไป แต่คนส่วนมากก็คิดว่ามันไม่มีจริงอยู่ดี ไม่มีอาหารจานไหนมีครบทุกรส คนเราก็ต่างมีเกณฑ์การตัดสินที่ต่างกัน
แต่ในวงการกีฬานั้น คำว่าผู้ชนะคือชัดเจนที่สุดเสมอ ในการแข่งวิ่ง นักวิ่งอาจจะแพ้เพราะว่าเขาช้ากว่าผู้ชนะอยู่0.01วินาที ความต่างเพียงแค่0.05วินาทีก็ชี้เป็นชี้ตายในการแข่งได้ ในวงการกีฬาอาชีพนั้น ทุกคนที่ยืนอยู่ ณ จุดปล่อยตัวเริ่มต้นเท่ากันหมด การที่ชนะทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้ ผู้ชนะก็สมควรได้รับการนับถือ
หลี่ไต้การเป็นจุดสนใจของทุกคนไปในทันที ในขณะที่ฉวงซูฉี หงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ
ชื่อของนายตำรวจที่ฝึกโดยฉวงซูฉีนี้ไม่ได้ถูกประกาศออกมาโดยครูฝึก นั้นหมายความว่าเขาไม่ติดท๊อป30แล้วก็โดนเขี่ยออก ฉวงซูฉีต้องกลับไปที่เขตฮั่นเบอย่างชอกช้ำ
ถ้าหลี่ไต้ตกรอบด้วย ฉวงคงจะรู้สึกดีกว่านี้แน่ๆ อย่างน้อยก็มีคนด่วนจากลาเมืองฮั่วจิงด้วยกัน ถ้าพวกเขากลับไปพร้อมกัน ก็จะไม่มีใครสงสัยอะไรเท่าไร
แต่นี้หลี่ไต้อยู่ส่วนฉวงซูฉีต้องกลับไปคนเดียว เขาต้องเจอคำถามที่เขาไม่รู้จะตอบยังไงอย่างเช่น “ทำไมกลับมาคนเดียวละ” จากทั้งเพื่อนร่วมงาน เพื่อน ลุง เชฟร้านข้าว ลามไปยันป้าภารโรงแน่ๆ มันต้องน่าอายมากๆแน่ๆถ้าจะบอกว่า “ผมโดนทีมชาติปฏิเสธมา”
ฉวงซูฉีรู้ความต่างระหว่างเขากับหลี่ไต้ดี เพราะอย่างนั้น ก่อนหน้านี้ฉวงซูฉีเลยเก็บเกี่ยวทรัพยากรที่มีรวมถึงฉกฉวยโอกาสไปจากหลี่ไต้โดยใช้ลุงของเขา ที่เป็นรองผู้จัดการกรมการกีฬาเขต แต่ตอนนี้ หลี่ไต้ได้ไปแตะในระดับทีมชาติแล้ว ที่ๆแม้แต่ลุงของฉวงซูฉ๊นั้นไม่อาจหยุดหลี่ไต้ได้อีกแล้ว
ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะไปเตะหินแข็งขนาดนี้ ฉวงซูฉ๊เริ่มเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำไป
ฉวงซูฉีขี้เยอะไปหน่อยช่วงหลังๆมานี้ แล้วตอนนี้การที่เขาทำตัวเด่นนั้น มันกลายเป็นภาระอันหนักอึ้งในใจของเขา
ในตอนนั้นเองที่ฉวงซูฉีได้รู้จักความหมายที่แท้จริงของคำว่า “อย่ากินใหญ่เกินคำ”