Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 159
ซูหลี่กลับมาที่ออฟฟิศตัวเองเเล้วนั่งลงหน้าโต๊ะอีกครั้ง กระดาษคำตอบของหลี่ไต้ยังคงอยู่ตรงหน้าเขา
ปัญหาที่ถูกละเลยไปโดยโค้ชทีมชาตินั้น กลับถูกเจอได้โดยหลี่ไต้คนนี้ ความสามารถในการสังเกตของเขานั้นยอดมาก +กับความเเม่นยำในการตัดสิน ฉันให้คะเเนนเต็มไปเลยสำหรับเเผนการฝึกนี้
เเละมันเป็นอีกครั้งที่ซูหลี่ให้คะเเนนเต็ม
วินาทีต่อมา ซูหลี่พึ่งรู้ตัวว่ากระดาษคำตอบของหลี่ไต้นั้น เต็มไปด้วยคะเเนนเต็ม คำถามทุกคำถามถูกหมดโดยไม่มีข้อสงสัย
ซูหลี่จะให้คำถาม1ข้อต่อ1ประเภทกีฬา ได้คะเเนนเต็มหมดนั้นหมายความว่าหลี่ได้นะเนได้คะเเนนเต็มในทุกประเภทกีฬา ซึ่งก็หมายความเขาโค้ชเก่งในทุกๆด้านของกรีฑา!
เขาได้คะเเนนเต็มทั้งในการวิ่งเร็ว วิ่งระยะกลาง วิ่งระยะไกล กระโดดสูง กระโดดค้ำถ่อ กระโดดไกล วิ่งเขย่งโดด วิ่งข้ามรั้ว วิ่งวิบาก หรือเเม้กระทั้งเดินวิ่ง!นี้มันเป็นไปไม่ได้ ทำไมเขาถึงรู้เยอะขนาดนั้นได้ละ? ไม่อยากจะเชื่อเลย! เขารู้เยอะเกินไปเเล้วนะอายุเเค่นี้เอง
ซูหลี่ตรวจดูคำถามที่เขาให้คะเเนนเต็มไปเเล้วก็ตกใจคำตอบพวกนั้นไร้ที่ติจริงๆ
นี้มันบ้าอะไรเนี่ย? ทำไมถึงได้มีโค้ชหนุ่มที่มีพรสวรรค์ได้ขนาดนี้? เออใช่ ฉันยังมีคำถามในส่วนของกีฬาขว้างอยู่นี้หว่า ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะได้คะเเนนเต็มจริงๆใช่เเล้ว โค้ชในส่วนของกีฬาวิ่งหรือกระโดดมันต้องไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกีฬาขว้างอยู่เเล้วซิ!
คำถามต่อมามันเกี่ยวกับกีฬาขว้างหอก ซูหลี่เริ่มอ่านคำตอบอย่างมั่นใจ
สำหรับนักขว้างหอกสายเร็วนั้นหลังจากที่นักกีฬาทำการเหวี่ยงไปเเล้ว เกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อส่วนบนกับกล้ามเนื้อท้องก่อนเวลา เเละ การเริ่มใช้กล้ามเนื้อส่วนร่างช้าเกินไป ทำให้การประสานกันระหว่างกล้ามเนื้อส่วนบนกล้ามเนื้อท้อง เเละกล้ามเนื้อส่วนร่างไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดผลคือเเรงส่งที่ไม่น่าพอใจเท่าที่ควร…
ตอบถูกด้วย! เขายังรู้เรื่องขว้างหอกอีกเหรอ
นักขว้างหอกนั้นจะเเบ่งเป็น2สาย สายความเร็วกับสายกำลัง สายความเร็วนี้จะได้ผลลัพท์ออกมาดีได้ด้วยเร่งความเร็วก่อนการขว้างหอกออกไป การเร่งความเร็วนี้จะเร่งตั้งเเต่การวิ่งเร็ว ชูหอกเร็ว สไลด์เร็ว เเเล้วต่อด้วยเขวี้ยงอย่างเร็ว
ส่วนสายกำลังนั้นจะเขวี้ยวด้วยกำลังที่มีล้วนๆ ทำให้ไม่ยืดหยุ่นเท่ากับนักกีฬาสายความเร็ว เพราะว่าพวกเขาไม่ได้มีท่าการเคลื่อนไหวที่ยากมากนักเเต่พวกเขาก็สามารถทำผลงานออกมาได้ดีได้ผ่านการส่งกำลังทั้งหมดในตัวออกไปเขวี้ยง
ระหว่างสองสายนี้ ความยากทางเทคนิคของสายเร็วนั้นยากกว่าอยู่เเล้ว
การขว้างหอกนั้นจะเเบ่งออกเป็น3ส่วนใหญ่ๆ ง้าง เหวี่ยง เเล้วก็เขวี้ยง 2ส่วนเเรกเขาเรียกเทคนิคนี้ว่าการเหวี่ยง มันเป็นเทคนิคที่สำคัญ เพราะมันจะเป็นท่าเชื่อมผสานระหว่างท่าที่1กับ3 ดังนั้นถ้าเหวี่ยงอ่อน ผลสุดท้ายที่ออกมานั้นก็คงไม่ได้น่าพอใจนักหรอก
นักกีฬาในทีมชาตินั้น ไม่ได้อ่อนด้านเทคนิคเเบบเห็นได้ชัดขนาดนั้น ไม่งั้นพวกเขาคงไม่ได้รับเลือกมาเข้าทีมชาติหรอก
การเกร็งตัวเร็วเกินไปของกล้ามเนื้อส่วนบนนั้นเเน่นอนว่าจุดอ่อนเล็กๆ ถ้าเกิดนักกีฬาไม่ใส่เสื้อ โค้ชอาจจะสังเกตเห็นการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อส่วนบนกับกล้ามเนื้อท้องได้เเต่ถึงอย่างงั้น นักกีฬาพวกนี้ใส่ชุดฝึกตลอดเวลา กล้ามเนื้อของพวกเขาโดนเสื้อผ้าปกครุมอยู่ มันยากมากสำหรับโค้ชที่จะรู้ถึงจุดอ่อนตรงนี้ได้
ในตอนนั้นเองซูหลี่ตกใจมาก
การเกร็งตัวก่อนเวลาของกล้ามเนื้อส่วนบนกับกล้ามเนื้อท้อง เเล้วก็การเริ่มใช้กล้ามเนื้อส่วนล่างช้าไป ทำให้การประสานกันระหว่างกล้ามเนื้อส่วนบนกล้ามเนื้อท้องเเละกล้ามเนื้อส่วนล่างนั้นไม่สมบูรณ์….งั้นเหรอ
ปัญหานี้ก็ถูกหยิบยกขึ้นมาระหว่างการสัมมนาที่จัดขึ้นเมื่อวานเหมือนกัน นั้นหมายความว่าเรากำลังปรับเเต่งเเผนการฝึกให้กับนักกีฬาอย่างชั่วคราว นอกจากโค้ชในกลุ่มขว้างหอกเเล้ว ก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีกเลยนะ เเล้วหลี่ไต้ไปรู้เรื่องนี้มาได้ยังไงเนี่ย?
หลังจากหลายวินาทีเเห่งการลังเล ซูหลี่ให้คะเเนนเต็มกับหลี่ไต้ไปอีกข้อ
มุมการยกสูงไม่พอระหว่างการหมุนของร่างกาย …ถูก! เขารู้เรื่องทุ่มน้ำหนักด้วย
กล้ามเนื้อลำตัวดีดตัวไม่มากพอ ก็ถูกอีก!เขารู้เรื่องขว้างจักรด้วย
ขาดสมาธิเเละความตั้งใจจากการถูกรบกววนโดยสิ่งเร้าภายนอก สมบูรณ์เเบบ เขาถึงขั้นทองเรื่องนี้ออกด้วย!!
หลังจากที่ดูกระดาษคำตอบของหลี่ไต้ได้คะเเนนเต็ม ซูหลี่ก็รู้สึกช๊อกในจิตใจมาก
นี้มันเป็นไปได้ไง? เขาได้คะเเนนเต็มในทุกคำถาม! เขาตอบคำถามได้อย่างตรงประเด็นมากเเละคำตอบของเขานั้นไร้ที่ติ! มันจะเป็นไปได้ไหมที่เขาจะเก่งทุกสายในกรีฑา?
ความคิดผุดขึ้นมาในหัวของซูหลี่มากมายจนทำให้เขาต้องประหลาดใจมากกว่าเดิม
บางทีคนเราอาจจะเชื่อว่าโค้ชที่อายุประมาณเดียวกับซูหลี่ที่อยู่ในวงการฝึกกรีฑามานานมากกว่า40ปีนั้น จะเก่งในทุกสายกรีฑาได้ เเต่ในความเป็นจริงเเล้ว เรื่องนี้ยังคงเป็นปริศนา ในฐานะผู้ช่วยหัวหน้าโค้ชของทีมชาติเอง ซูหลี่ก็ถือว่าเป็นคนที่มีความรู้เเละประสบการณ์สูง เเต่เขาก็ยังไม่กล้าพูกว่าเขาเก่งทุกด้านของการฝึกกรีฑา
เเต่ในวันนี้ ดูเหมือนว่าซูหลี่จะได้เจอกับผู้เชี่ยวชาญด้านกรีฑาทุกสายเเล้ว เเถมเขายังอายุกเเค่20กว่าๆเองด้วย ถ้ามันไม่ใช่การสอบเเบบถามทีละข้อโดยคำถามนั้นซูหลี่เป็นคนให้คำถามเเบบสุ่ม ซูหลี่ก็อาจจะเชื่อว่าหลี่ไต้คนนี้เเอบได้คำถามมาก่อนชาวบ้านก็ได้
หลี่ไต้คนนี้หาปัญหาหาที่ถูกเมินไปเเม้กระทั้งกับโค้ชจากทีมชาติเจอ ความสามารถในการตัดสินกับการสังเกตนั้นไม่มีใครเทียมเลย เขาอาจจะเหมาะสมกับคำว่าอัจฉริยะเลยก็ได้ ความสามารถระดับเขานี้ ฉันไม่ปล่อยเขาไปไหนเเน่
นักกีฬานั้นจะมีอัจฉริยะในหมู่นักกีฬา โค้ชก็มีอัจฉริยะในหมู่โค้ชเหมือนกัน ในขณะที่นักกีฬาธรรมดาๆบางคนสามารถเป็นโค้ชที่ประสบความสำเร็จได้ กลับกัน นักกีฬาที่ประสบความสำเร็จมากๆบางคนอาจจะเป็นได้เเค่โค้ชธรรมดาๆที่ไม่ได้มาตรฐานก็ได้
มันมักจะมีคำว่าอัจฉริยะอยู่ในทุกวงการ พวกเขามักจะอยู่ในระดับท๊อปๆกัน
เเค่นั่งมองกระดาษคำตอบนี้ซูหลี่ยังประทับใจมากขนาดนี้ หลี่ไต้เป็นอัจฉริยะชัดๆ ซูหลี่ถึงขั้นคิดเลยว่าถ้าเกิดเขาได้เป็นคนสอนหลี่ไต้คนนี่ด้วยตัวเอง เขาต้องกลายเป็นศิทษ์คนโปรดของเขาเเน่ๆ
เเต่ไอเดียนี้ก็หายไปจากหัวเขาทันที ถ้าเกิดซูหลี่ยังหนุ่มกว่านี้อีกนิดเเล้วก็เจอหลี่ไต้เร็วกว่านี้อีกหน่อย ซูหลี่คงเอาเขาไปเป็นลูกศิษท์ไปเเล้ว
เเต่โชคร้ายที่ซูหลี่อายุก็ปาเข้าจะ60เเล้ว เเล้วก็กำลังจะเกษียร
เเล้วหลี่ไต้ก็อายุเเค่25 ซูหลี่ไม่ได้มีเวลาปลูกฝังให้กับลูกศิทษ์ในอนาคตอีกเเล้ว
เเต่ทองเเท้ยังไงก็ยังเป็นทอง ถ้านายเก่งจริงๆละก็ ฉันเชื่อว่าอนาคตของนายต้องสดใสกว่าฉันเเน่นอน ดวงตาของซูหลี่ส่องประกาย