Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 166
เเน่นอนว่าตู่เหลียงนั้นรู้เกี่ยวกับข้อเสียของตัวเองดีอยู่เเล้ว เขาเป็นถึงนักศึกษาที่เฉลียวฉลาดที่เข้ามาอยู่ในมหาลัยชิงฮั่วได้ ตู่เหลียงไม่ได้เป็นนักกีฬาโง่ๆ ในทางกลับกัน IQของเขาก็เยอะมากด้วย เขาเก่งในเรื่องการคิดวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ
มันไม่มีคณะศึกษาทางด้านร่างกายในมหาลัยชิงฮั่ว ดังนั้น ถ้านักกีฬาอยากจะเข้ามหาลัยนี้ พวกเขาก็ต้องทำข้อสอบเอ็นทรานเข้ามหาลัย เเล้วก็ถูกรับเลือกเป็นนักเรียนความสามารถกีฬาเพื่อลดคะเเนนขั้นต่ำที่จะเข้าได้ การลดคะเเนนที่ว่านี้ มันก็ลดได้ไม่เยอะเท่าไรหรอก ปรกติก็จะลดลงไป30-50คะเเนนของเกณฑ์ผ่านก็พอใจเเล้ว
นักกีฬาความสามารถกีฬาที่ทำความสามารถได้คะเเนนสอบเกินมาเเค่100กว่าๆนั้นไม่มีทางได้เข้ามหาลัยชิงฮั่ว คะเเนนเต็มของการสอบเข้ามหาลัยคือ750 เเละเพราะว่าที่นี้เป็น1ในมหาลัยที่ดีที่สุดในจีน คะเเนนสอบเข้ามหาลัยชิงฮั่วจึงอยู่ราวๆ670คะเเนนขึ้นไป เเน่นอนว่าคะเเนนสิบเข้านั้นจะเเตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับเเต่ละภูมิภาค บางทีความต่างนั้นก็กว้างเหลือเกิน เเต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านักเรียนที่อยากจะเช้ามหาลัยชิงฮั่วนั้น จะต้องเป็นตัวท๊อปในเขตพื้นที่เเน่ๆ
เเละเพราะว่าเเผนกกีฬาของมหาลัยชิงฮั่วนั้นเต็วไปด้วยตัวท๊อปด้านมันสมองอยู่เเล้ว หลี่ไต้เลยไม่จำเป็นต้องพูดมาก ตอนที่เขาบอกจุดสำคัญของปัญหา หลี่ไต้รู้ดีเลยว่านักกีฬาพวกนี้จะต้องเข้าใจที่เขาบอกเเน่ๆ
ตู่เหลียงนั้นตะลึงกับคำพูดของหลี่ไต้ไปเลย
เขาสังเกตุเห็นทุกข้อผิดพลาดของฉันเลย ได้ไงอะ? เขาพึ่งมาเมื่อวานนี้เองนะ เเล้วก็ฝึกพื้นฐานนิดๆหน่อยๆตอนเที่ยงเมื่อวานเอง นี้เขาเห็นจุดอ่อนทั้งหมดของฉันตั้งเเต่การฝึกเมื่อวานเเล้วเหรอ? การเกร็งตัวเร็วเกินไปของกล้ามเนื้อสะโพกกับกล้ามเนื้อข้อเท้าเป็นปัญหาเล็กๆก็จริง ฉันรู้เรื่องปัญหานี้ของฉันตั้งเเต่ตอนที่ฉันส่งวีดีโอฝึกไปให้เเล็ปวิทยาศาสตร์กีฬาเเละร่างกายมนุษย์ เเล้วศาสตราจารย์ฉางก็วิเคราะออกมาด้วยเครื่องคอม เเต่โค้ชหลี่คนนี้เห็นปัญหาของฉันได้ จากการเเค่มองเฉยๆเนี่ยนะ!
ตอนที่เขารู้เรื่องนี้ ตู่เหลียงก็ไม่มีความรู้สึกที่ว่าหลี่ไต้ไม่มีความสามารถอีกต่อไป เขาถามอย่างสุภาพ “โค้ชหลี่ครับ เเล้วผมจะเเก้ปัญหานี้ได้ยังไงครับ”
“ฉันได้จัดเเผนการฝึกระยะสั้นไว้ให้นายเเล้ว เอาไปดูซิ!” หลี่ไต้ยื่นกระดาษเอ4ให้ตู่เหลียง
ตู่เหลียงหยิบกระดาษไปอ่านอย่างละเอียด
“เเก้โดยการสับขายกเข่าสูงเหรอ”ตู่เหลียงถาม
“ใช่เเล้ว เคยลองฝึกเเบบนี้มาบ้างไหม?” หลี่ไต้ถาม
“ไม่เคยนะ เคยเเต่เห็นในบทความเฉยๆ” ตู่เหลียงตอบกลับ
“สำหรับปัญหาของนายเเล้ว
ฉันต้องขอให้นายวิ่งเหยาะๆ ตามวิธีการฝึกเเบบเก่านั้น การวิ่งเหยาะๆเเบบปรกตินี้จะใช้ได้ผลดีสำหรับมือใหม่เท่านั้น เเต่สำหรับคนที่พอเป็นบ้างเเล้ว วิ่งเหยาะๆเเบบปรกติคงไม่ได้ผล”หลี่ไต้อธิบาย
“ใช่ครับ ฉันเคยใช้วิธีการวิ่งเหยาะๆเพื่อเเก้ไขการเกร็งกล้ามเนื้อเร็วเกินไป เดต่มันเเทบไม่ได้ผลเลย”ตู่เหลียงพยักหน้าทันที ขาเริ่มรู้สึกว่าคำพูดของหลี่ไต้นั้นมีประโยชน์มาก
หลี่ไต้พูดต่อ “ดังนั้นฉันจึงใช้การฝึกวิ่งเหยาะๆผสานกับการยกขาสูงครึ่งนึง ซึ่งต้องใช้เเรงเคลื่อนที่เเรงความเร็วในการลงข้อเท้า ใช้ท่าเดิมของการวิ่งเหยาะๆ เเต่เพิ่มองศาเเละความสูงของขาที่เหวี่ยง เดี๋ยวอีกซักพักฉันจะสอนเทคนิคการวิ่งอีกที”
“ขอบคุณมากครับโค้ชหลี่!”ตู่เหลียงพูดด้วยความจริงใจ
เขาโดนหลี่ไต้เป่าหูไปเต็มๆ การพบปัญหาเจอนี้เป็นอย่างเเรก เเต่เรื่องใหญ่จริงๆคือการเเก้ปัญหามากกว่า ตู่เหลียงรู้ปัญหาของตัวเองอยู่ดเล้ว เเละเขาพยายามเเก้ไขปัญหานี้ด้วยการฝึก เเต่เขายังไม่สำเร็จ เเต่ตอนนี้หลี่ไต้ได้เอาทางเเก้มาให้เขาเเล้ว ทำให้เขาเชื่อหลีไต้มากขึ้น
การได้เห็นอะไรเเบบนี้ต่อหน้าพวกเขา นักกีฬาที่เหลือก็เริ่มมีความคิดที่เเตกต่างกันไป
ถึงเเม้ว่าโค้ชหลี่จะเป็นโค้ชหนุ่ม เเต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีความวามารถอยู่นะ เขาสามารถมองเห็นปัญหาของตู่เหลียงได้ เเล้วก็ยังหาทางเเก้ให้เขาได้ด้วย ฉันประมาทหลี่ไต้คนนี้ไปจริงๆ
สิ่งที่โค้ชหลี่พูดก็มีประโยชน์ทีเดียว ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ต้องคอยกังวลเรื่องเเผนการฝึกเเล้วซิ
โค้ชนี้มันเก่งจริงหรือว่าเเค่บังเอิญวะ? ของลองดูอีกทีซิ
ทันใดนั้นเองหลี่ไต้ก็ตะโกนขึ้นมา “ฉินเฉี่ยวเทียนออกมาข้างหน้า!”
ฉินเฉี่ยวเทียนก้าวออกมาข้างหน้าทันที เขามองหลี่ไต้ด้วยความสนใจอย่างมาก เหมือนกับว่าเขาอยากจะรู้ว่าหลี่ไต้คนนี้ยังจะเดาถูกอีกไหม
ฉินเฉี่ยวเทียน ปัญหาของนายมีงี้ นายโฟกัสไปที่การยกขาตอนวิ่ง เเต่นายลืมเรื่องการเคลื่อนไหวของสะโพกไผด้วย การปรับตัวเเละเคลื่อนไหวสะโพกของนายเเทบไม่มีเลย ซึ่งทำให้ระยะทางที่ผลักออกไปนั้นต่ำ”หลี่ไต้พูด
ฉินเฉี่ยวเทียนยิ้มอย่างเหยียดหยามก่อนที่จะพูด “เทคนิคยองผมคือการเร่งเเรงขับในการเหวี่ยงขาก่อนลงพื้น มันจะได้เเรงออกตัวที่เยอะเหมือนกัน โค้ชบอกว่าสะโพกของฉันไม่ได้ทำงานใช่ไหม เเต่เหตุผลก็คือการเหวี่ยงขาหน้าของฉันมันสูงพอตอนวิ่ง เทคนิคของฉันเลยลดเเรงต้านได้”
นักกีฬาปรกติเเล้วจะพูดเเบบนั้นไม่ได้เลย เเต่นี่เป็นถึงนักเรียนตัวท๊อปในมหาลัยชิงฮั่ว นอกจากฉินจะมีผลการเรียนที่ดีเยี่ยมเเล้วเขายังเป็นที่2ในเรื่องการวิ่งของมหาลัยอีกด้วย ส่วนคนที่เผ็นที่1นั้นคือ หนิวกั๋วหง
เขาโตมาพร้อมกับความสำเร็จเเละความหยิ่งยะโสในตัว พร้อมที่จะเเย้งโค้ชอย่างหลี่ไต้ได้ตลอดเวลา
ดูเหมือนว่าฉินเฉี่ยวเทียนจะเรียนรู้ด้วยตัวเองในวิชาฝึกการกีฬามาเยอะ เขามีความรู้เรื่องทฤษฏีการฝึกพอสมควรเลย เเม้เเต่โค้ชผู้ช่วยที่เป็นเด็กปริญญาโทยังเถียนฉินไม่ได้เลย
ลองดูกันดีว่าว่าโค้ชหลี่จะตอบยังไง เขาถ้าเขาจะอวดความสามารถเเล้วเขาต้องอวดให้สุด ถ้าเขาโค่นฉินไม่ได้ หลี่ไต้ได้อายเเน่”
นักกีฬาคนอื่นๆเริ่มเตรียมรับความหรรษา
หลี่ไต้พูดอย่างไม่รีบด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็น “ตอนที่นายวิ่งขาหน้าที่เหวี่ยงออกไปนั้นไม่ใช่เเค่คำว่าสูงพอเเล้ว เเต่มันสูงเกินไปตั่งหาก! เดาได้ว่านายคงฝึกยกขาสูงไว้เยอะตอนฝึกประจำวันซินะ?”
“ร..รู้ได้ไง?”ฉินเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย หลี่ไต้พูดก็ถูก
“การฝึกยกขาสูงเนี่ยจริงๆเเล้วมันก็มีทั้งข้อดีเเละข้อเสียในเทคนิคการวิ่ง ถ้าเกิดว่ายังเหวี่ยงขาไม่พอ การฝึกนี้ก็ถือว่ามีประโยชน์ เเต่สำหรับนักวิ่งเเล้วความสูงของขาที่ยกตอนวิ่งนั้น มันขึ้นอยู่กับการเหวี่ยงตัวของสะโพกจนจบ การยกเหวี่ยงขาให้สูงขึ้นจากเดิมมันไม่ใช่ว่าจะได้ผลดีขึ้นซักหน่อย”
หลี่ไต้พูดเเล้วทำมือตาม “ตอนที่นายวิ่งสะโพกนายจะเป็นตัวเพิ่มเดรงบิดอย่างเห็นได้ชัด เทคนิคที่นายใช้อยู่ในตอนนี้ มันลดเเรงต้านทานได้โดยการสละระยะการดันตัวที่จำเป็นออกไป ผลก็คือ นายจะนำในช่วงเเรกของการวิ่ง เเต่ความห่างของขาตอนวิ่งของนายยังคงไม่ควบคู่กันนัก นายจดจ่ออยู่กับมุมการลงเท้า ซึ่งทำให้เกิดความล้าของสะโพกเข่าเเละข้อเท้า”หลี่ไต้หยุด เขาบอกได้เลยว่าฉินกำลังฟังเเล้วคิดตามที่เขาพูดอยู่
“ประเด็นที่สำคัญที่สุดเลยคือเทคนิคนี้มันส่งผลต่อร่างกายได้ อย่างเช่น การหดตัวของข้อต่อสะโพกกับการเคลื่อนตัวลงของกระดูกเชิงกราน ถ้าปล่อยให้ผลนี้เกิดต่อไปเรื่อยๆมันก็จะส่งผลถึงความเร็วในการวิ่งของนายเหมือนกันนะ” หลี่ไต้หยุดอีกครั้งแล้วพูดต่อ “ดังนั้น นายจะต้องเปลี่ยนเทคนิคของนายซะ”
ตอนที่หลี่ไต้พูดคำ4คำที่ว่า นาย จะ ต้อง เปลี่ยน แล้วความหยิ่งพยองของฉินก็หายไปในทันที เขาตกใจเหมือนกับตอนที่ตู่เหลียงเคยตกใจ
ที่โค้ชหลี่พูดมันถูกหมดเลย! ฉิงเฉี่ยวเทียนโดนหลี่ไต้เป่าหูไปอีกคนแล้ว