Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 168
หนิวกั๋วหงในการสังเกตเมื่อวานแล้ว ฉันก็พบปัญหาใหญ่ของนายเลย คือนายมีแรงออกตัวที่เยอะเกินไป”หลี่ไต้พูดให้เห็นถึงจุดอ่อนของหนิว
“มีแรงออกตัวที่เยอะไปเหรอ?”หนิวพูดอย่างหยิ่งๆ “โค้ชหลี่ ไม่ใช่ว่าการมีแรงออกตัวเยอะๆเนี่ยมันจะเป็นเรื่องดีเหรอ ยิ่งมีแรงออกตัวเยอะ ก็ยิ่งมีแรงขับเคลื่อนเยอะเหมือนกันนะ ทำให้นักกีฬาสามารถเร่งความเร็วได้ด้วย โค้ชมักจะบอกว่านักกีฬามีแรงออกตัวน้อยไม่ใช่เหรอ แต่นี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินโค้ชบอกว่ามีแรงออกตัวมากเกินไป โค้ชหลี่ครับ ทำไมถึงคิดว่าข้อดีมันเป็นข้อเสียไปได้ละ?”
หลี่ไต้ยิ้มบนใบหน้า เมื่อวานนี้ระหว่างที่ใช้เครื่องตรวจกับหนิว เขาพบว่ามีแรงออกตัวเยอะเกินไปในช่องจุดอ่อน เขาก็คิดว่าเครื่องตรวจน่าจะรวนเหมือนกัน เพราะว่าปรกติแล้วการมีแรงออกตัวเยอะมันควรจะเป็นข้อดีมากๆ
แต่หลังจากนั้นมา หลังจากที่วิเคราะห์การวิ่งแล้วเขาก็เริ่มสังเกตได้ถึงคำว่าแรงออกตัวที่เยอะเกินไปจริงๆ ซึ่งเป็นจุดอ่อนในเทคนิคของหนิว
หลี่ไต้เริ่มอธิบายอย่างไม่ลังเล “เทคนิคการวิ่งดั้งเดิมนั้นจะใช้ข้อต่อเข่าในการช่วยซัพพอร์ตขาในช่วงระหว่างการออกตัว เทคนิคการออกตัวที่ดีนั้นจะเป็นสิ่งสำคัญของนักกีฬา ที่ต้องทำการเพิ่มแรงออกตัวกับความสามารถของอวัยวะส่วนล่าง นี้คงเป็นเทคนิคที่นายใช้ก่อนหน้านี้ถูกไหม?
“หนิวพยักหน้า “เทคนิคนี้ละครับที่ผมใช้มาตั้งแต่ม.ต้นถึงม.ปลายเลย แต่ถึงอย่างนั้นตั้งแต่ผมเข้ามาอยู่ในมหาลัยนี้ ผมก็เปลี่ยนไปใช้เทคนิคการวิ่งแบบเหวี่ยงขาแทนนะครับ มันเป็นวิธีที่ง่ายๆแล้วก็ใช้กันเป็นปรกติของทีมชาติถูกไหมครับ”
“ทีมชาติใช้อะถูก แต่ถึงอย่างนั้นนักกีฬาก็วิ่งเร็วมากๆด้วย ตามที่เตคนี้บอก พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องยืดหัวเข่าออกมาจนสุดเลยนี้”หลี่ไต้พูด
“หัวเข่าฉันก็ไม่ได้ยื่นออกมาจนสุดซักหน่อย”หนิวตอบกลับทันที
“ใจเย็นๆ ฉันยังอธิบายไม่จบ ตอนที่นายวิ่งอะ นายไม่ได้ยืดหัวเข่าก็จริง แต่นายใช้แรงเยอะเกินไประหว่างที่กำลังออกตัวนี้ เทคนิคการเหวี่ยงขาของนายเลยยังไม่สมบูรณ์ นายเผลองอเข่าอย่างไม่ได้ตั้งใจระหว่างการออกตัว ซึ่งทำให้เกิดการเหวี่ยงขาหน้าช้าตามไปด้วย เพราะอย่างนี้ เวลาที่นายใช้ในการลงขาสนับสนุนมันเลยนานเกินไป แล้วฉันก็ว่านายคงไม่ต้องการคำอธิบายของฉันหรอกว่าทำไมการลงขานานไปถึงส่งผลต่อความเร็วของนาย จริงไหม
ในการวิ่งนั้น การลงขาสนับสนุนนั้นหมายถึงการเจอกันระหว่างร่างกายมนุษย์กับพื้นดิน ทุกๆการเจอกันระหว่าง2วัตถุจะทำให้เกิดแรงเสียดสีเสมอ ดังนั้น ยิ่งลงขาสนับสนุนนานเท่าไร ก็ยิ่งต้องเจอกับแรงเสียดสีที่ต้านทานเท้านานเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลต่อการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า นักวิ่งมักจะพยายามทำยังไงก็ได้ให้ลงขาสนับสนุนโดยใช้เวลาน้อยที่สุด ซึ่งจะลดแรงต้านทานที่ต้องเจอขณะวิ่งเร็ว และแน่นอน เวลาที่ใช้ในการลงขาสนับสนุนนั้น ไม่มีทางเป็น0ได้ ไม่งั้นนักกีฬาคงต้องบินได้ แล้วมันก็จะเปลี่ยนจากการแข่งวิ่งเป็นแข่งบินในทันที
สำหรับนักวิ่งเบอร์หนึ่งอย่างหนิวกั๋วหงแน่นอนว่าต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะว่าเขาเป็นตัวท๊อปของมหาลัยเหมือนกัน เขาเลยเก่งด้านการคิด หลังจากไตร่ตรองอย่างดีแล้ว เขาก็พบว่าสิ่งที่หลี่ไต้พูดมา มันถูก
แต่ถึงอย่างนั้นหนิวก็ยังไม่อยากเปลี่ยนวิธีการวิ่งของตัวเองอยู่ดี เขาเป็นคนที่มีความหยิ่งในตัวเอง แล้วก็เป็นถึงหัวหน้าทีมและหัวหน้าหลายๆอย่างตั้งแต่ยังเด็ก ความมั่นใจในตัวเองนั้น คอยบอกเขาอยู่เสมอว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
“ที่โค้ชบอกมันก็ถูกอยู่นะว่าแรงออกตัวของฉันหน่ะมันทำให้ต้องลงขาสนับสนุนเยอะเกินไปซึ่งทำให้ผมวิ่งช้าลงนิดหน่อยก็จริง แต่อย่าลืมนะครับว่าแรงออกตัวนั้นจะทำให้ยิ่งมีแรงขับเคลื่อนและความเร็วมากเหมือนกัน แถมความเร็วที่เพิ่มเข้ามานั้น มันก็กลบข้อเสียของการการที่ลงขานานไปนั้นแล้วด้วย”หนิวพูดอย่างใจเย็น เข้ารู้ว่าถ้าเขาอยากที่จะยึดจุดยืนของตัวเอง ยังไงเขาก็ต้องเอาความจริงกับเหตุผลมาพูดกับหลี่ไต้อย่างใจเย็นๆ
“มันก็จริง แต่เพราะว่าทั้ง2ทางนั้นมันก็ได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด แรงขับเคลื่อนที่ได้มาจาการออกตัวหรือแรงต้านที่มาจากการลงขาสนับสนุนนานเกินไป แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็มั่นใจว่าเทคนิคของนายต้องพัฒนาขึ้นไปอีกได้แน่ๆ”
“ทำไมละครับ ในเมื่อแรงขับเคลื่อนที่มาจากการออกตัวมันเยอะกว่าแรงต้านทานอยู่แล้ว ปรับเทคนิคไปมันอาจจะทำให้ฉันวิ่งได้ช้าลงนะ”หนิวพูด
หลี่ไต้อธิบายอย่างช้า “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่นายเคยรู้สึกเหมือนเข่าของขาหน้าให้งอไปพร้อมๆกับจุดศูนย์ถ่วงล่างบ่อยไหมละ?”
“รู้ได้ยังไงเนี่ย”หนิวสีหน้าเปลี่ยนไป
“มันมีอีกอย่างนึงที่เป็นผลมาจากการมีแรงออกตัวมากเกินไปของนาย ซึ่งไม่ใช่แค่ลงขานานอย่างเดียว แต่มันจะทำให้ขานายไม่ได้พักด้วย ซึ่งมันจะไปส่งผลกับการเชื่อมต่อความเร็วของการเหวี่ยงสะโพก บางครั้ง มันก็เลยเกิดผลข้างเคียงอย่างเช่นรู้สึกเหมือนเข่างอเองได้หรือว่าจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง นี้มันไม่ใช่ลักษณธของการวิ่งแบบเหวี่ยงขาเลย ซึ่งมันต้องมีจุดศูนย์ถ่วงที่ดี เหวี่ยงเท้าอย่างว่องไว กดขาหน้าลงแล้วเปลี่ยนขาอย่างเร็วในขณะที่บีบเข่าให้เกร็งไว้!”
หนิวตะลึง ข้อเสียที่หลี่ไต้บอกมานั้นไม่ได้อยู่ในสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้แล้วก็ไม่เคยมีใครบอกกับเขาแบบนี้มาก่อน
พูดกันในทางเทคนิคนั้น หลี่ไต้พูดได้ถูกหมดเลย แต่ถึงอย่างนั้น ก็ดูเหมือนว่าทฤษฏีที่ยอดเยี่ยมนั้นมันจะยังไม่พอที่จะโน้มน้าวหนิวได้แต่ แต่พอหลี่ไต้พูดถึงผลข้างเขียง2อย่างที่หนิวเคยเจอแล้ว ทั้งจู่ๆเข่าก็งอรวมไปถึงจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำด้วยในการฝึกรายวัน
ผลัข้างเคียงนี้มันไม่ได้เกิดตลอดทุกครั้ง แต่มันก็เป็นบ่อยๆ โดยเฉพาะในเวลาที่ฝึกหนักๆ หนิวเคยคิดว่ามันคงเป็นผลมาจากความเหนื่อยล้า
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลี่ไต้จะบอกเหตุผลของการเกิดผลข้างเคียงพวกนั้น การที่แรงออกตัวเยอะไปทำให้ต้องเพิ่มเวลาการลงขาสนับสนุนแล้วก็ยังไม่ให้กล้ามเนื้อได้พักตัวอีกด้วยซึ่งส่งผลต่อการเชื่อมต่อกันของความเร็วการเหวี่ยงสะโพก
ในตอนนั้นเอง หนิวก็ได้รู้ตัวว่าหลี่ไต้นั้นพูดถูก แรงออกตัวของเขาเป็นจุดอ่อนจริงๆด้วย
ฉันโดนแล้ว โดนไปเต็มๆเลย หนิวกั๋วหงพูดกับตัวเอง เขาพูดอย่างอ่อนน้อม “โค้ชหลี่ ช่วยผมอุดรูโหว่นี้ด้วยครับ!”
หลี่ไต้ยิ้มแล้วพยักหน้า สุดท้ายเขาก็สามารถทำให้หนิวกั๋วหงที่เป็นถึงเชื่องได้ เขาประสบความสำเร็จในการเป็นโค้ชที่นี้แล้ว เขายื่นกระดาษA4ให้หนิวแล้วพูด นี้เป็นแผนการฝึกของนาย เอาไปดู!”
“ขอบคุณครับ โค้ชหลี่ ผมจะตั้งใจฝึกตามแผนครับ”หนิวหยิบแผนการฝึกไปด้วยมือ2ข้างแสดงความตั้งใจแม้กระทั้งกับแผนการฝึก
ดี ที่หลังเดี๋ยวฉันจะสอนให้อีกทีนะ”หลี่ไต้ยิ้ม หัวหน้าทีมก็เชื่องแล้ว เขาก็หมดเสี้ยนหนามมาขวางแล้ว
หลี่ไต้มองไปที่หยางฉือจี๋ที่ยืนอยู่สุดแถว
เหลือแค่หยางฉือจี๋ละทีนี้ คนที่มีพรสวรรค์ระดับA แล้วก็ยังเป็นคนที่มีปัญหาที่สุดด้วย