Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 181
มันเป็นเวลาเกือบเที่ยง เป็นช่วงเวลาของการเเข่งรอบที่2ได้เริ่มขึ้น
หนิวกั๋วหงในกลุ่มBยังคงชนะคู่เเข่งของเขาไเ้อย่างขาดรอยอยู่
หยางฉือจี๋ที่ตอนนี้เริ่มชินกับการเเข่งเเล้ว ก็เเสดงความกังวลน้อยกว่าการเเข่งในครั้งเเรกเยอะ เขาวิ่งด้วยความหมดห่วง ยังไงซะตอนนี้มันก็เเยกไม่ออกเเล้วว่าใครเก่งกว่ากันระหว่างหนิวกั๋วหงกับหยางฉือจี๋ หยางฉือจี๋เป็นนักกีฬาพรสวรรค์ระดับAอยู่เเล้วดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะวิ่งชนะทุกคน
เอาจริงในกลุ่มของหยางฉือจี๋ก็มีคู่เเข่งที่น่ากลัวอยู่นะ เเต่พวกเขาก็เป็นได้เเค่ตัวประกอบ3ช่องตายที่สุดท้ายก็โดนหยางฉือจี๋โค่นอยู่ดี เขาได้ที่1ในกลุ่มเเล้วเข้ารอบรองชนะเลิศ
ในขณะเดียวกัน กลุ่มEนั้นก็กำลังเตรียมเเข่งเเล่ว มันถึงเวลาที่ฉินเฉียวเทียนไปขึ้นเวทีเพื่อประลองกับคู่ต่อสู้ที่เเข็งเเกร่งที่สุด ฮาวหยูอี้!
ฉินเฉียวเทียนจ้องมองฮางหยูอี้จากอีกฝั่งนึงของลู่วิ่ง หลี่ไต้ได้บอกไว้เเล้วว่าฮาวหยูอี้คนนั้นเคยเป็นถึงกับตัวท๊อปในวงการวิ่งเร็วของประเทศนี้ เขาเเข็งเเกร่งขนาดที่ว่าฉินเฉียวเทียนไม่มีโอกาศที่จะชนะเขาได้เลยถ้าไม่เอาจริงเเบบสุดเเรงเกิด
ฉันไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะต้องมาใส่สุดเเรงตั้งเเต่รอบ2เเบบนี้ ฉินเฉียวเทียนคิดอย่่งลับๆกับตัวเอง
ฉินเฉียวเทียนไม่รู้ว่าที่หลี่ไต้พูดนั้นเป็นความจริงไหม ที่ว่าถึงเเม้ว่าเขาจะใส่สุดตัว เขาก็อาจจะยังเเพ้ฮาวหยูอี้อยู่ดี เหตุผลที่หลี่ไต้พูดเเบบนั้นคงเป็นเพราะไม่อยากให้ฉินเฉียวเทียนพลาดเเล้วเกิดบาดเเผลในใจได้
เสียงเชียร์ของหลี่ไร้ลั่นขึ้นมาในหูของฉินเฉียวเทียน
“ไปเลย!!!สู้ๆ!”หลี่ไต้ตะโกนดังๆ เขาใช้ความสามารถของหนังสือเพิ่มเเรงใจเพื่อเพิ่มความกล้าให้ฉินเฉี่ยวเทียน
โค้ชหลี่สอนฉันมาหลายอย่างเเล้วในตลอด3เดือนมานี้ เเล้วฉันก็เก่งขึ้นมากเเล้วด้วย ฉันไม่ใช่คนเดิมคนเก่าอีกเเล้ว! ฉันต้องชนะ! ฉันชนะ!
ฉินเฉียวเทียนพร้อมที่จะวิ่ง และทันทีที่เสียงปืนดังสนั่นขึ้นเขาก็พุ่งตัวออกไปเหมือนธนูออกจากคันสอน
ความคิดของฮาวหยูอี้เปลี่ยนไปจากรอบเเรก รอบนี้เขาออกตัวไวที่สุดทันทีที่ได้ยินเสียงปืน เขาเก่งพอๆกับฉินเฉี่ยวเทียนเลย
ฉันต้องไปต่อยังฟอร์มดีอยู่ ต้องวิ่งต่อ!ฉินเฉียวเทียนรู้สึกได้ว่ามีพลังงานอะไรบางอย่างไหลอยผุ้ในร่างกาเชา เขารู้ทันทีเลยว่าวันนี้ฟอร์มตัวเองมาดีมาก
ฉันต้องชนะให้ได้! เเล้วในตอนนั้นเองฉินก็ได้เห็นร่างใครซักคนที่วิ่งเเซงเขาไป นั่นคือฮาวหยูอี้ เขาเเซงฉันไปเเล้ว ฉินเฉียวเทียนกังวลขึ้นมาทันที
ฉันต้องเร็วกว่านี้ ต้องเร็วกว่าเขา ฉินเฉียวเทียนคิดเเบบนั้นเเล้วเขาก็ใส่ทุกอย่างที่เชามีเเต่ความเร็วของเขาก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากมาย เขาถึงขีดจำกัดของตัวเองเเล้ว
นี้เป็นปัญหาส่วนมากของคนเอเชียหลายๆคนในนั้นขาดความอดทัชน โดยเฉพาะในช่วงเวลาสำคัญที่วินาทีนึงก็มีความหมาย
ฮาวหยูอี้มันเก่งเกินไป ฉันรู้สึกได้เลยว่ามันเร็วกว่าเพื่อนฉันอีก ฉันไม่มีทางตามเขาทันเเน่ๆ ถึงเเม้การเเข่งจะยังไม่จบเเต่ฉินเฉียวเทียนก็เริ่มรู้ชะตากรรมของตัวเองเเล้ว
…
เส้นชัยที่อยู่ข้างหน้าเขา ฮาวหยูอี้โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อเข้าเส้นชัย เขาเข้าเส้นชัยเป็นที่1! ฮาวหยูอี้ช้าลงเเล้วกำหมัดตัวเองเเน่นเเล้วทุบอกด้วยความตื่นเต้น
ฉันไม่สนหรอกว่านายจะเป็นโค้ชของทีมมหาลัยชิงฮั่วอะไรนั้น ฉันมาที่นี้เพื่อโค่นทีมชาติ ฮาวหยูอี้มองไปที่ฉินเฉียวเทียน
โค้ชหวูที่ยืนอยู่ข้างๆนั้นยิ้มอย่างโล่งใจ สุดท้ายเเล้วเขาก็เผยความสามารถที่เเท้จริงออกมา บางทีฮาวหยูอี้อาจจะไม่พยายามขนาดนี้เลยก็ได้ถ้าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นโค้ชจากทีมชาติ โค้ชหวูมองไปทางหลี่ไต้ เเต่เห็นเเค่หลี่ไต้นั้นยังดูนิ่งสงบอยู่
โค้ชหนุ่มคนนั้นมันนิ่งเอาเรื่องเลยเว้ย! ไม่เเปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงทำงานให้กับทีมชาติได้ โค้ชหวูคิด
เหตุผลที่หลี่ไต้ยังดูสงบได้เพราะว่าเขาคาดเดาผลที่จะออกมาได้อยู่เเบ้ว ฉินเฉียวเทียนยากที่สู้ได้อยู่เเล้ว ก็ตราบใดที่ฮาวหยูอี้ยังวิ่งได้เเบบปรกติ ฉินเฉียวเทียนก็ชนะยากมาก ฉินเฉียวเทียนเดินออกมาจากลู่ ดูหงุดหงิดน่าดู หลี่ไต้ปรอบใจเขา เพราะถึงเเม้เขาจะเเพ้ฮาวหยูอี้เเต่เขาก็ยังผ่านเข้ารอบไปรอบรองชิงชนะเลิศอยู่ดีซึ่งจะจัดในช่วงบ่ายในฐานะที่2ของกลุ่ม
มันใช้เวลาไม่นานกว่ากรรมการจะเเบ่งกลุ่มในรอบต่อไป หยางฉือจี๋อยู่กลุ่มA ฉินเฉียวเทียนอยู่กลุ่มB ส่วนหนิวกั๋วหงกับฮาวหยูอี้นั้นอยู่กลุ่มD ดูเหมือนว่ากรรมการอยากจะดูเเมทย์ตัดสินเร็วๆซะเเล้ว! หลี่ไต้มองดูรายชื่อกลุ่มเเล้วพบว่า นอกจาก2คนนั้นเเล้ว นักกีฬาคนอื่นๆในกลุ่มDก็ออกจะเป็นพวกธรรมดาซะหมด เขาเลยเข้าใจในส่งที่กรรมการตั้งใจจะทำในทันที
หนิวกั๋วหงเเละฮาวหยูอี้นั้นต่างก็เป็นนักกีฬาที่ถูกจับตามองว่าจะเป็นเเชมป์ในการเเข่งนี้ การเเข่งกันระหว่าง2คนนี้เป็นที่สนใจของคนทั้งสนาม ทางผู้จัดการเเข่งคงอยากที่จะเรียกความสนใจในช่วงที่พีคที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั้นเป็นเหตุผลที่พวกเขาจับเอาหนิวกั๋วหงกับฮาวหยูอี้มาอยู่กลุ่มเดียวกัน พวกเขาอยากให้ทั้งคู่ตีกันในรอบรองชนะเลิศ
ถ้าเทียบความสามารถกันรุ่นต่อรุ่นเเล้ว ยังไงพวกเขาก็เข้ารอบชิงกันได้อยู่เเล้ว เหตุผลที่ผู้จัดการเเข่งลงตารางให้พวกเขาเเข่งกันก่อนรอบนึงก็เพื่อที่จะเรียกความสนใจจากคนดู เเล้วพวกเขาก็จะได้เเข่งกัน2รอบเเทนที่จะเป็นรอบเดียว
มันก็คล้ายๆกับการเเข่งNBAรอบคัดออก สิ่งสุดท้ายที่พวกคนดูอยากจะเห็นคือ ทีมกากๆโดนขยี้จนเละเทะเเบบไม่มีทางสู้ การเจออะไรเเบบนั้นมันเป็นอะไรที่ไม่มีอะไรให้น่าตื่นตาตื่นใจ ยิ่งน่าสนใจน้อยสปอนเซอร์ก็เข้าน้อยตามไปด้วย
ผู้จัดการเเข่งนี้เเม่งโคตรเหี้*
หลี่ไต้พูดกับตัวเอง ในฐานะโค้ช เขาเองไม่อยากให้หนิวกั๋วหงเจอฮาวหยูอี้ในรอบนี้ มันจะมีเเต่เพิ่มเเรงกดดันให้กับนักกีฬาทั้ง2ฝ่าย
และในตอนบ่าย2วันนั้นเอง การแข่งรอบรองในกีฬาวิ่งเร็ว100เมตรก็เริ่มขึ้น
หยางฉือจี๋ที่ขึ้นสนามในกลุ่มAนั้น เก่งขึ้นและเก่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในรอบรองก็เถอะ แต่เขาก็ยังเอาชนะคู่แข่งได้ทุกคนอยู่ดี
ในกลุ่มB ฉินเฉียวงเทียนต้องเจอกับงานหนักมากขึ้น ในรอบนี้มีนักกีฬา2คนเข้าเส้นชัยแทบจะเวลาเดียวกัน หลังจากที่กรรมการเปิดดูภาพย้อนหลังแล้ว พวกเขาก็ตัดสินให้ฉินเฉียวเทียนเข้าเป็นคนแรก ส่วนคนที่2ที่เข้าไปนั้นคือ ฉิวฉือจี๋
และการแข่งขันที่แท้จริงในกลุ่มDระหว่างหนิวกั๋วหงและฮาวหยูอี้ก็กำลังจะเริ่มขึ้น
…
ทุกคนดูจริงจังมากๆตอนที่พวกเขายืนอยู่ตรงจุดออกตัววิ่ง พวกเขาแทบจะรู้สึกได้ถึงจิตสังหารของแต่ละคนที่ปล่อยออกมาแบบพุ่งพล่าน
ฮาวหยูอี้รู้ดีว่าหนิวกั๋วหงนั้นเป็นนักกีฬาที่เก่งที่สุดในมหาลัยชิงฮั่ว และเขาก็ได้เชิญตัวเข้าทีมชาติเหมือนกัน เขารู้ดีว่าหนิวกั๋วหงนั้นเป็นอุปสรรคเดียวที่ขวางเขาไม่ให้ไปหาเหรียญทอง
ส่วนหนิวกั๋วหงนั้นก็รู้ว่าฮาวหยูอี้นั้นเป็น”นักรบที่แข็งกล้า”ในทีมชาติถึงแม้ว่าเขาจะลาออกมาด้วยอาการบาดเจ็บแล้วก็ยังไม่เคยได้เข้าแข่งอะไรเลยในระหว่าง2ปีมานี้ แต่เขาก็ยังคงเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอยู่ดี ดังคำกล่าวที่ว่า อูฐที่หิวโสนั้นวิ่งเร็วกว่าม้า แน่นอนว่าเขาโค่นฉินเฉียวเทียนไปได้อย่างง่ายๆอีกด้วย
พวกเขาต่างมาที่นี้เพื่อชนะ แล้วพวกเขาก็รู้ดีกันด้วยว่าการที่จะได้เป็นแชมป์นั้น ต้องโค่นทุกคนที่อยู่ตรงหน้าทิ้งซะให้หมด
ในตอนที่เสียงปืนดังขึ้นนั้นเอง ทุกคนออกตัวพร้อมกันแล้วเริ่มเร่งความเร็ว
หนิวกั๋วหงกับฮาวหยูอี้นั้นวิ่งแทบจะความเร็วเดียวกันเลย! คนทุกคนต่างมองไปที่ลู่วิ่ง แล้วก็หวังว่าทั้งคู่จะทำให้รู้ชัดไปเลยว่าใครเหนือกว่าใคร แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็แทบจะวิ่งแบบไหล่ชนไหล่เกือบตลอดการแข่ง
หนิวกั๋วหงนั้นใช้แรงที่มีทั้งหมดเพราะเขาก็ไม่อยากแพ้ฮาวหยูอี้ ฮาวหยูอี้ก็ไม่ยอมง่ายๆเหมือนกัน พวกเขาเลยเริ่มเร่งความเร็วขึ้นอีก
ถึงแม้ว่าดูเหมือนว่าพวกเขาจะวิ่งที่ความเร็วเท่ากัน แต่เอาจริงๆมันมีความต่างอยู่นิดหน่อย
ฮาวหยูอี้เร็วกว่า หนิวกั๋วหงกำลังจะแพ้! หลี่ไต้รู้ตัวในทันที
ในฐานะโค้ชของหนิวกั๋วหง หลี่ไต้รู้เกือบทุกอย่างเกี่ยวกับเขา เห็นได้ชัดเลยว่าหนิวกั๋วหงใส่ทุกอย่างที่เขามีแล้ว
ส่วนฮาวหยูอี้กลับกันเลย ยังมีแรงเหลืออยู่อีกหน่อยด้วยซ้ำ ตอนแรกมันก็ดูเหมือนจะเร็วเท่ากันแหล่ะ แต่ความต่างมันเห็นได้ชัดมากๆตอน20เมตรสุดท้าย
การเดาของหลี่ไต้ก็แม่นซะด้วย ฮาวหยูอี้น้ำไปตอนเข้า20เมตรสุดท้าย และตอนที่นักกีฬาทั้งคู่เข้า10เมตรสุดท้าย ฮาวหยูอี้ก็นำอยู่ครึ่งก้าว
และทันทีพวกเขาเข้าเส้นชัย ฮาวหยูอี้ยังนำหนิวกั๋วหงอยู่มากกว่าครึ่งก้าว สุดท้ายแล้วฮาวหยูอี้ก็เป็นคนที่เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก
ฉันชนะ!ฮาวหยูอี้ชูมือขึ้นฟ้าตอนที่เข้าเส้นชัย เขาร้องลั่น ปล่อยให้หนิวกั๋วหงเป็นแค่เบื้องหลังที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดต่อไป
ก่อนหน้านี้ฉินเฉียวเทียนก็แพ้ฮาวหยูอี้แล้วและตอนนี้หนิวกั๋วหงก็มาแพ้อีก มหาลัยชิงฮั่วแพ้การแข่ง2รอบรวดแล้ว
ฮาวหยูอี้ตอนนี้รู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่ไปแล้ว