Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 184
ในที่สุดหยางฉือจี๋ก็ตามฮาวหยูอี้ทันในระยะ10เมตรสุดท้าย และตอนนี้เขากำลังตีคู่กันด้วยซ้ำ
คนดูทุกคนต่างชะโงกหน้าออกมาดูอย่างตื่นเต้น ในการแข่งขันวิ่ง100เมตรนั้น ถ้าผู้ชนะยังไม่ปรากฏออกมาอย่างชัดเจนในช่วง10นาทีสุดท้าย ผลสุดท้ายของการแข่งจะเกิดขึ้นตรงที่ใครจะแตะเส้นชัยได้ก่อนการ
“แรงระเบิดพลังในช่วงสุดท้ายของการแข่งหมอนั้นมันสุดยอดไปเลย! เขาเป็นใครกันเนี่ย”
“นักกีฬานั้นมาจากมหาลัยชิงฮั่ว ฉันเมินเขาไปได้ไงเนี่ย”
“เขาต้องเป็นเด็กใหม่แน่ๆ ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย
“ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะมาจากมหาลัยชิงฮั่ว พวกเขามีพรสวรรค์ที่หลากหลายจริงๆ เด็กใหม่นั้นเผลอๆจะเร็วกว่าหนิวกั๋วหงอีกมั้งนั้นนะ”
และด้วยความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป คนดูทุกคนเบิกตากว้างมองไปที่ลู่วิ่ง รอกรรมการตัดสินผู้ชนะ
หลี่ไต้กำหมัดแน่นรอลุ้นผลที่จะออกมา
หยางฉือจี๋มันก้าวข้ามตัวเองได้จริงๆด้วย! เขาตามมาทันแล้ว หลี่ไต้อดกลั้นความรู้สึกลุ้นจับใจไม่ได้อีกต่อไป
หลี่ไต้ได้เห็นความสามารถของนนักกีฬาพรสวรรค์ระดับAอีกครั้ง เทคนิคของหยางฉือจี๋นั้นยังไม่ดีเท่ากับของฮาวหยูอี้ก็จริง แต่เขาก็วิ่งแบบบ่าชนบ่ากับฮาวหยูอี้ได้ แถมเผลอเขายังจะสามารถแซงฮาวหยูอี้ได้อีกด้วย
เมื่อนักกีฬาที่มีพรสวรรค์ระดับนี้ก้าวข้ามตัวเองได้ พวกเขาก็ไม่มีอะไรมาหยุดได้แล้ว
หลี่ไต้นึกถึงเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่าเป็นดั่งพระเจ้า ซึ่งทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นโดยนักกีฬาอัจฉริยะ ยกตัวอย่างเช่น เทรซี้ แมคกราดี้ นักกีฬาบาสNBA ที่ทำสกอร์ไปทั้งหมด13แต้มในเวลาเพียงแค่35วินาที ซึ่งถือว่าเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับนักกีฬาธรรมดาๆ ถึงแม้ว่าจะเล่นคนเดียวก็ตาม
พรสวรรค์นั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกีฬา โดยเฉพาะในยามที่อยู่ในการแข่งขันระดับสูง บางทีมันอาจจะถึงขั้นสำคัญกว่าการทุ่มเทแรงกายด้วยซ้ำ ความขยันอดทน ตั้งใจทุ่มเทแรงกายแรงใจนั้นสามารถฝึกกันได้ แต่พรสวรรค์มันเป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดก นักกีฬาธรรมดาสามารถเปลี่ยนผลการแข่งขันได้ถ้าพวกเขาก้าวข้ามตัวเองได้ แล้วถ้านักกีฬาอัจฉริยะก้าวข้ามตัวเองได้ละ พวกเขาก็ไร้เทียมทานไงละ
ในตอนที่ความคิดนี้เด้งเข้ามาในหัวของหลี่ไต้นั้น นักกีฬาวิ่งในสนามกำลังจะถึงเส้นชัยพอดี
ฮาวหยูอี้ยื่นหน้าอกออกไปอย่างเข้มแข็ง แต่เขาอดไม่ได้ที่จะไปมองหยางฉือจี๋ เขาอยากที่จะรู้ว่าเขาชนะหยางฉือจี๋ไหม
ในขณะเดียวกัน หยางฉือจี๋ไม่ได้สนใจเลยว่าฮาวหยูอี้จะทำอะไรอยู่ เส้นชัยเป็นอย่างเดียวที่เขามองเห็นตอนนี้ หยางฉือจี๋ยืดอกออกไปรับเทปเส้นชัย
“พวกเขาเข้าเส้นชัยแล้ว! ใครชนะเนี่ย?”
“ไม่รู้ดิ เห็นไม่ชัดเลยอะ”
“พวกเขาเร็วเกินไป ฉันก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าใครเข้าเส้นชัยก่อน”
“ดูเหมือนกับว่าพวกเขาจะชนเทปนั้นพร้อมๆกันเลย แล้วผลลัพท์นั้นดูเหมือนจะบอกไม่ได้ด้วยตาเปล่า งั้นเรารอผลจากเครื่องจับเวลาดีกว่า”
หลังจากที่เข้าเส้นชัยแล้ว หยางฉือจี๋กับฮาวหยูอี้ก็เบรกตัวลง พวกเขาไม่รู้ว่าใครชนะกันแน่ พวกเขาเลยหันไปมองกรรมการ
พวกกรรมการตอนนี้กำลังง่วนกันอยู่พอดี มีกรรมการหลายๆคนเดินกันไปมาเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเหมือนพึ่งงานที่กำลังเก็บน้ำผึ่งในรัง ไม่มีกรรมการคนไหนหยุดอยู่นิ่งๆแม้แต่คนเดียว
“พวกกรรมการบอกว่าไง?”
“ผลออกมาแล้ว 10.42วินาที!”
“10.42วินาทีเหรอ นี้มันเป็นระดับของนักกีฬาอันดับต้นๆของประเทศละนะเนี่ย นี้มันการแข่งกีฬามหาลัยแน่เหรอวะ นักกีฬาทำสกอร์ได้10.42วิเนี่ยนะ! เข้มจังวะ”
“แล้ว10.42วินั้นมันของใครกันละ ฮาวหยูอี้หรือว่าอีกคนจากชิงฮั่ว”
“ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งคู่จะได้10.42เท่ากัน”
“ผลมันเสมอกันแบบนี้ไม่ได้ซิ เฉียดกันเสี้ยววิจริงๆ”
“ตอนนี้กรรมการกำลังนั่งดูเทปย้อนหลังกันอยู่ แล้วจะตัดสินว่าใครจะเป็นแชมป์”
เครื่องจับเวลาไฟฟ้านั้นสามารถจับเวลาได้ถึง0.001วินาทีก็จริง แต่กรรมการก็ยังต้องเช็คผลที่ออกมาด้วยตัวเองเพื่อตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะ
ทุกคนตอนนี้เฝ้ารอกันเหงื่อซก หยางฉือจี๋กับฮาวหยูอี้เริ่มกังวลมากขึ้น ในขณะที่ฮาวหยูอี้กำลังรอผลอยู่นั้น เขาก็เริ่มหันไปมองหยางฉือจี๋อย่างระวัง
เขายังหนุ่มอยู่เลย ดูเหมือนเขาพึ่งอายุ20กว่าๆเอง แต่เขาก็ยังทำเวลาได้ถึง10.42วินาที พรสวรรค์ของเขามันไร้ที่ติอย่างแท้จริง ฮาวหยูอี้คิดถึงวัยหนุ่มของตัวเอง ดวงตาเขาปิดลง
ในตอนนั้นเอง หัวหน้ากรรมการพร้อมกระดาษในมือยืนขึ้นในที่นั่งกรรมการ ทุกคนรู้ดีว่าถึงเวลาแล้วที่จะประกาศผล
“ทางทีมงานจะประกาศผลของนักกีฬา2คนดังต่อไปนี้ นักกีฬาหมายเลข 3821 ฮาวหยูอี้ เวลาที่ทำได้ 10.423วินาที!”หัวหน้ากรรมการเบรกซักนิด
คิ้วของฮาวหยูอี้ก็เริ่มที่จะขมวดหนักขึ้น มันเป็นคะแนนที่ดีนะ แล้วก็ยังจัดอยู่ในเวลา10.42วินาทีด้วย
ความกดดันย้ายมาอยู่ที่หยางงฉือจี๋
หัวหน้ากรรมการพูดต่อ “หมายเลข 2670 หยางฉือจี๋ เวลาที่ทำได้คือ 10.420 วินาที!”
“ชนะ!!! ฉันชนะ!!”หยางฉือจี๋ตอบสนองไวมาก ก่อนที่คนอื่นจะทำอะไรทั้งหมด เขาชูมือขึ้นทันทีแล้วรีบวิ่งมาที่หลี่ไต้ที่กำลังเชียร์อยู่
ฉันแพ้ ใจของฮาวหยูอี้ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ความเจ็บปวดกัดกินหัวใจของเขาลึกๆข้างใน
หยางฉือจี๋ชนะฮาวหยูอี้! หนิวกั๋วหงมองดูหยางฉือจี๋ด้วยความใจหาย มากกว่า3เดือนที่ผ่านมาหยางฉือจี๋ยังเป็นแค่นักวิ่งที่กากที่สุดในทีม แต่ตอนนี้ เขากลับกลายเป็นคนที่โค่นฮาวหยูอี้แล้วกลายเป็นนักกีฬาที่แกร่งที่ในทีมไปแล้ว
มหาลัยชิงฮั่วชนะ! มหาลัยชิงฮั่วชนะการแข่ง
ก็ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะชนะ นั้นมันมหาลัยชิงฮั่วนะ! แค่ชื่อเสียงก็กินขาดแล้ว สุดท้ายแล้วตำแหน่งแชมป์ก็ต้องเป็นของมหาลัยชิงฮั่วนี้ละ!
แชมป์คนใหม่เป็นใครละ? ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย มหาลัยชิงฮั่วนี้มีแต่ตัวท๊อปๆจริงๆ
โค้ชจากทีมอื่นๆมองทีมชิงฮั่วด้วยสายตาอิจฉา
มหาลัยชิงฮั่วแบกรับชื่อเสียงที่ดีขนาดนั้นซึ่งก็เป็นผลลัพท์ที่เข้าใจได้สำหรับโค้ชและนักกีฬาจากทีมอื่นๆ
หลังจากที่ยินดีกับหยางฉือจี๋แล้ว หลี่ไต้ก็เดินไปหาฮาวหยูอี้ ตามทำเนียมของกีฬาแล้วโค้ชและนักกีฬาควรที่จะมีน้ำใจนักกีฬาที่ดีต่อกัน
“ยินดีด้วยนะ!”หลี่ไต้ยื่นมือออกไปให้ฮาวหยูอี้
ฮาวหยูอี้ลังเลซักพัก แต่สุดท้ายก็ยื่นมือออกไปจับตามมารยาทที่หลี่ไต้มีให้ แต่ถึงอย่างนั้น แรงจับมือของเขาค่อนข้างอ่อน ทำให้ไม่มีแรงที่จะจับมากนัก
หลี่ไต้คิดว่าฮาวหยูอี้คงจะแค้นนิดหน่อยเพราะว่าตัวเองแพ้ในการแข่ง หลี่ไต้เลยพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฮาวหยูอี้ ยังจำฉันได้ไหม?”
“นายเป็นโค้ชจากทีมชาติใช่ไหม?”ฮาวหยูอี้พูดอย่างเยือกเย็น “ก็อย่างที่เห็นนั้นละ ฉันหาทางกลับมาคืนสนามได้ แปลกใจเหรอ? หรือว่าจะแค่มาเช็คว่าขาฉันยังดีอยู่ไหม?”
สมองของหลี่ไต้เต็มไปด้วยคำถาม ยกเว้นประโยคแรกที่เหลือเขาไม่เข้าใจที่ฮาวหยูอี้พูดเลยซักนิด
ฮาวหยูอี้บอกว่าฉันเป็นโค้ชจากทีมชาติ แต่ฉันแค่ย้ายไปอยู่ที่ศูนย์ฝึกเป๋ยโข่วแค่ชั่วคราวเองนะ งานฉันก็คล้ายกับลูกกระจ๊อกข้างสนามด้วย ฉันไม่ได้ทำหน้าที่โค้ชอะไรเลย ฮาวหยูอี้น่าจะรู้เรื่องนี้ซิ ใช่มะ? ฮาวหยูอี้ คงจำฉันไม่ได้แน่ๆเลย หรือไม่ก็จำฉันสลับกับคนอื่น
ตอนที่เขาคิดนั้น หลี่ไต้ก็พูดขึ้นมา “ฮาวหยูอี้ นายจำฉันผิดแล้ว ฉันไม่ใช่โค้ชจากทีมชาติหรอก ฉันเป็นโค้ชจากทีมเขตฮั่นเบหน่ะ”
“นายมาจากเขตฮั่นเบเหรอ? นายไม่ใช่โค้ชจากทีมชาติงั้นเหรอ?”ฮาวหยิอี้หยุดไปซักพัก จากนั้นก็พูด “แล้วนายไปเป็นโค้ชของมหาลัยนั้นได้ไงกันละ”
“ฉันโดนย้ายมามหาลัยชิงฮั่วชั่วคราวหน่ะ”หลี่ไต้พูด
ฮาวหยูอี้จู่ๆก็ดูอายมากๆขึ้นมา แล้วเขาก็ทำหน้าสำนึกผิดก่อนจะพูดว่า “ขอโทษครับ ผมผิดเอง หน้าคุณดูคุ้นๆมากผมเลยคิดว่าคุณเป็นโค้ชทีมชาติ”
ทัศนคติของฮาวหยูอี้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เขายื่นมือออกมาเพื่อจับมือหลี่ไต้อีกครั้งแล้วยิ้ม
กลายเป็นว่าพอเขารู้ว่าฉันไม่ใช่โค้ชทีมชาติเขาฮาวหยูอี้ก็เป็นมิตรกับฉันขึ้นมาทันที รึว่าเป็นไปได้รึเปล่าว่าฮาวหยูอี้อาจจะเคยมีปัญหากับทีมชาติ? หลี่ไต้เริ่มอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา