Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 186
หยางฉือจี๋ ฮาวหยูอี้และหนิวกั๋วหงยืนบนแท่นรับรางวัล พวกเขาเป็นที่1ที่2และที่3 และด้วยความที่ว่าเหรียญทองกับเหรียญทองแดงตกเป็นของมหาลัยชิงฮั่วทำให้มหาลัยนั้นดูเป็นเจ้าถิ่นในด้านการวิงเร็วในหมู่มหาลัยด้วยกัน ซึ่งเรียกสายตาอิจฉาได้เยอะทีเดียว
แต่ถึงอย่างนั้น หลี่ไต้ตอนนี้มีเรื่องอะไรให้คิดเยอะมาก เขารู้สึกเสียใจกับฮาวหยูอี้และก็สงสารเขาด้วย หลังจากโดนตรวจว่าเป็นมะเร็งไขกระดูก ฮาวหยูอี้ต้องการการดูแลและต้องการความช่วยเหลือมากๆ แต่ทีมชาติกลับทิ้งเขาไว้ให้ตายอย่างช้าๆ
ฮาวหยูอี้ในตอนนั้นอายุ23ปี เขาควรที่จะเข้าสู่สถานะที่สูงที่สุดในอาชีพนักกีฬาของเขาแล้วตอนนั้น แต่ถึงอย่างนั้น ไอ้การตรวจผิดเนี่ย มันก็ทำให้เขาเสียเวลาไปเปล่าๆ3ปี เมื่อเขาคืนสนามมาแล้วช่วงพีคๆนั้นก็ผ่านพ้นไปซะแล้ว
นี้มันโหดร้ายเกินไปแล้ว หลี่ไต้ลดตาลงมาเงียบๆ เขาไม่อยากที่จะมองฮาวหยูอี้บนท่ารับรางวัล เพราะยังไงซะ หลี่ไต้ก็เป็นคนที่เรียนอยู่ในทีมชาติเป็นนเวลานานแล้ว เกียรติยศที่เขามีในใจต่อทีมชาติของเขานั้นกำลังพยายามบอกเขาว่าสิ่งที่ฮาวหยูอี้เจอมันไม่ใช่เรื่องจริง
ในชีวิตจริงนั้น มันก็มีกรณีแนวๆนี้เกิดให้เห็นอยู่เป็นเรื่องปรกตินะ ข่าวเกี่ยวกับเรื่องแชมป์เก่าที่พาดหัวข่าวซะน่าเกลียดอย่างเช่น “แชมป์เก่าตอนนี้ย้ายไปขายของชำแล้ว”หรือ “แชมป์เก่าทำตัวเหมือนยาม”หรือพาดหัวข้าวทำนองนี้ก็สามารถเห็นได้บ่อยในอินเตอร์เน็ต บางอันก็นับว่าเป็นโฆษณาชวนเชื่อของสื่อ และเป็นตัวอย่างของการเอะอะไรก็ขอให้มีข่าวลงไว้ก่อน
สำหรับหลี่ไต้แล้ว ข่าวกีฬามันน่าจะเหมือนกับเสียงปวดร้องคร่ำครวญโดยที่ไม่ได้ป่วยจริงๆ การลาออกหรือเกษียรมันเหมือนกับเป็นหายนำหรับนักกีฬาส่วนมาก นักกีฬาที่เอาจริงเอาจังส่วนมมากก็จะฝึกตั้งแต่วัยเด็ก พวกเขาจะไม่มีทักษะในการดำรงชีพอย่างอื่นเลยนอกจากการเป็นนักกีฬาเท่านั้น ดังนั้นสำหรับนักกีฬาแล้ว การเกษียรก็เหมือนกับการเสียทุกอย่างไปหมด
แย่ยิ่งกว่านั้นคือการที่นักกีฬาจะต้องหาทางไปต่อในชีวิตหลังจากเกษียรแล้ว พวกเขาไม่มีทั้งการศึกษาดีๆ ไม่ได้มีทักษะที่หางานได้ยกเว้นร่างกายที่แข็งแรง เงินชดเชยเกษียรนักกีฬาซึ่งก็ให้มาแค่1หมื่นหยวนก็เป็นแค่เงินตั้งต้นเล็กๆน้อยๆเท่านั้น นอกจากการเป็นพ่อค้าแล้ว มันยังจะเป็นอะไรได้อีกเหรอ
แล้วถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว ฮาวหยูอี้ดวงซวยกว่าเยอะเลย นอกจากเขาจะสูญเสียทุกอย่างไปในฐานะนักกีฬาแล้ว เขายังต้องกลับมาชดใช้หนี้ก้อนโตที่เขาต้องจ่ายคืนอีกดเวย
ฮาวหยูอี้ตอนนี้ก็ตรรกะป่วยเองด้วยละ เอาจริงมันก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบอะไรของทีมชาติจริง แต่หลี่ไต้ก็เข้าใจความรู้สึกของฮาวหยูอี้ สิ่งที่คนสิ้นหวังต้องการที่สุดคือการดูแลและแรงใจจากผู้อื่น แต่ฮาวหยูอี้กลับโดนบีบให้ลาออกหลังจากที่ข่าวเรื่องขาเขาแพร่กระจายออกไป ก็ไม่แปลกเลยที่เขาจะมีความรู้สึกแย่ๆกับทีมชาติ
หลี่ไต้รู้สึกเหมือนกับว่าเขาควรจะบอกเรื่องนี้ให้ซูหลี่รับรู้
…
หลี่ไต้โทรหาซูหลี่
“ไงหลี่ไต้ เด็กที่ไปแข่งที่กีฬามหาลัยเป็นไงบ้าง ได้แชมป์กลับมาไหม??”ซูหลี่ถาม
“เราได้แชมป์กับที่3มาครับ”หลี่ไต้ตอบ
“ดีเลย นายไม่ทำให้ฉันหรือทีมชาติผิดหวังเลยจริงๆ พยายามต่อไปนะ!”ซูหลี่พูดต่อ”นายคงไม่ได้โทรมาแค่จะบอกฉันเรื่องได้แชมป์ใช่ไหม”
“คุณจำนักกีฬาที่ชื่อฮาวหยูอี้ได้ไหมครับ?”หลี่ไต้ถาม
“ฮาวหยูอี้เหรอ!”ซูหลี่เหมือนจะกำลังถอนหายใจอยู่ปลายสาย “เขาเป็นนักกีฬาหนุ่มที่มีความสามารถทีเดียว ความสามารถของเขาดีเยี่ยมแล้วก็มีพรสวรรค์ที่จะเป็นนักวิ่งอันดับต้นๆได้ง่ายๆ น่าสงสารนะที่เขาเป็นมะเร็งไขข้อกระดูกซะอย่างนั้นเลยแล้วต้องโดนตัดขาทิ้ง นายเจอเขาที่หวางโจเหรอ?
“ใช่ครับ”หลี่ไต้ตอบทันที
“เขาเป็นไงบ้าง ตอนนี้นั่งรถเข็นหรือใช้ขาเทียม มะเร็งไม่ได้ลามไปที่อื่นใช่ไหม?”ซูหลี่ถามอย่างตั้งใจ
หลี่ไต้ตกใจมาก ตามที่ฮาวหยูอี้เล่า ทีมชาติดูเหมือนโหดร้ายมากกับสถานการณ์แบบนั้น แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงจากใจในน้ำเสียงของซูหลี่
“ฮาวหยูอี้ไม่ได้นั่งรถเข็นหรือขาเทียมครับ ตอนที่ผมบอกว่าเราได้ที่1กับที่3 ฮาวหยูอี้ได้ที่2ครับ!”หลี่ไต้บอก
“อะไรนะ?ขาของเขาแข็งแรงพอจะต่ออาชีพเขาได้อีกเหรอ?”ซูหลี่ไม่เชื่อที่เขาได้ยิน
“มะเร็งไขข้อกระดูกนั้นเป็นการตรวจผิดครับ…”หลี่ไต้เล่าเรื่องของฮาวหยูอี้ให้เขาฟัง รวมถึงเรื่องใบยื่นขอเบิกเงินแล้วโดนเด้งมาหรือเรื่องที่เขาโดนบีบให้ลาออก รวมถึงเรื่องที่เขาไปรักษาตัวที่อเมริกาด้วย
“อยู่ยากเลยซิอย่างนี้”ซูหลี่ถอนหายใจยาวๆแล้วเงียบไป
หลี่ไต้พูด “โค้ชครับผมว่าทีมชาติควรจะช่วยฮาวหยูอี้นะครับ มันไร้เหตุผลเกินไปที่จะบังคับให้เขาออกนะครับ!”
“ฉันรู้แล้วว่านายจะพูดแบบนั้น!”ซูหลี่อธิบาย “ตอนที่ฮาวหยูอี้ตรวจเจอมะเร็ว ฉันเป็นคนช่วยเขายื่นเอกสารเบิกค่ารักษาเอง แต่ใบเบิกของฉันมันไม่ได้รับการอนุมัติจากหัวหน้าระดับสูง”
“เพราะว่ามะเร็วไขข้อกระดูกมันไม่ได้เกิดจากการฝึกหรือการแข่งถูกไหมครับ?”หลี่ไต้ถาม
“นั้นก็ข้อนึง แต่เหตุผลหลักๆของมันเลยก็คือ เบื้องบนไม่อยากใช้งบเยอะ พวกเขารู้สึกว่ามันสิ้นเปลืองใช้เหตุ ค่ารักษามะเร็งก็แพงมาก หมอยังบอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันจะหายขาด ทำได้แค่บำบัดไปเรื่อยๆเท่านั้น การตัดอวัยวะนั้นทิ้งเลยเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยชีวิตเขาไว้”ซูหลี่พูด
“ฮาวหยูอี้ก็เคยบอกไว้ว่า หลังจากเขาหายแล้ว เขาคงเป็นนักกีฬาต่อไม่ได้ เขามันไร้ค่า มันเลยไม่จำเป็นที่จะต้องรักษาเขางั้นเหรอครับ”หลี่ไต้เริ่มอารมณ์ขึ้นแทน
“งบประมาณของเรามันมีจำกัดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เหล็กที่ดีที่สุดควรจะนำไปตีเป็นดาบ เราใช้เงิน1ล้านหยวนในการรักษามะเร็งให้ฮาวหยูอี้ ซึ้งมันเป็นราคาเดียวกันกับที่จ่ายให้กับนักกีฬาที่บาดเจ็บ10คนในการกลับมาคืนสนาม
ซูหลี่หายใจเข้าลึกๆแล้วพูด “ผลลัพท์คือปัจจัยสำคัญในวงการกีฬานี้ ผลงานดีก็จะทำให้เงินดีด้วย ซึ่งช่วยให้ทีมฝึกต่างๆอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ มีแชมเปี้ยนได้แค่คนเดียวเท่านั้น และการเสียสละก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉันทำหน้าที่โค้ชมาหลาย10ปีแล้ว ฉันเห็นสถานการณ์แบบนี้มาเยอะเหมือนกัน บางทีฉันถึงขึ้นคิดว่าวงการนี้มันโหดยิ่งกว่าในทุ่งซาวาน่าของแอฟริกาที่ใช้กฏของป่าในการห่ำหั่นกันซะอีก
หลี่ไต้เปิดปากแต่เขาไม่พูดอะไร นี้เป็นสิ่งที่วงการกีฬาจริงๆมันทำกัน คนชนะได้เป็นราชาส่วนคนแพ้ไม่มีสิทธิ์เป็นได้แค่คนธรรมดาด้วยซ้ำ แล้วกฎนี้มันก็ใช้ได้กับนักกีฬาในวงการกีฬาทั้งหมดด้วย
ซูหลี่พูดต่อ “แบบฟอร์มการเบิกเงินของเราโดนเพิกถอนก็จริง แต่หลังจากนั้นแม่ของฮาวหยูอี้ก็มาที่ทีมชาติแล้วเข้าพบกับฉันแล้วก็หัวหน้าโค้ช เขามาขอให้พวกเราบีบให้เขาต้องลาออก
“อ้าวไม่ใช่ว่าทีมชาติเป็นคนบังคับให้ฮาวหยูอี้ลาออกเหรอครับ?”หลี่ไต้ไม่คิดว่าจะเจอการหักดริฟแบบนี้
“ทำไมพวกเราต้องทำอะไรไร้เหตุผลแบบนั้นด้วยละ? ยังไงฮาวหยูอี้ก็เป็นพวกเราอยู่นะ เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติด้วย ถ้าเขาเป็นมะเร็งแล้วเราจะไปบังคับให้เขาออกได้ไง!”ซูหลี่พูดต่อ “แม่ของเขาบอกให้เราทำแบบนั้นเอง เธอไม่อยากให้ฮาวหยูอี้เป็นนักกีฬาอีกต่อไปแล้ว
“แล้วฮาวหยูอี้รู้เรื่องนี้ไหมครับ?”หลี่ไต้ถาม
“ฮาวหยูอี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่เค้ามาหาเรา แม่เขากำชับไว้ด้วยว่าให้เก็บเป้นความลับ แม่ของฮาวหยูอี้รู้ดีว่าเขาไม่ได้อยากเกษียรหรอกดังนั้น เราเลยทำการบังคับฮาวหยูอี้ให้ลาออกตามที่ครอบครัวของเขาต้องการ”ซูหลี่พูด
ดูเหมือนว่าทีมชาติจะโบ้ยความผิดที่บังคับให้ฮาวหยูอี้ลาออกให้กับพ่อแม่ ตอนที่เขาคิดแบบนี้ หลี่ไต้ก็ถามขึ้นมา “ทำไมละครับ ทำไมแม่ของฮาวหยูอี้ถึงต้องทำแบบนั้นด้วย?”
“บางทีแม่เขาคงคิดว่าการเป็นนักกีฬามันยากเกินไปสำหรับเขามั้ง”ซูหลี่ถอนใจ “พ่อแม่ทุกคนบนโลกก็รักลูกกันทั้งนั้นละ”