Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 190
ในห้องเรียนของมหาลัยหนานตู ฮาวหยูอี้กำลังทำการบ้านอย่างตั้งใจ
ตื้ดดด ตื้ดดด ตื้ดดด เสียงโทรศัพท์ของเขาสั่นขึ้น เขาดูหน้าจอเเล้วเห็นว่าเป็นเบอร์ของหลี่ไต้ เขาออกจากห้องพร้อมโทรศัพท์ทันทีจากนั้นก็รับโทรศัพท์
“ฮัลโหลครับโค้ชหลี่ มีอะไรให้ช่วยครับ?”ฮาวหยูอี้ถาม
“ฉันมาบอกข่าวดีหน่ะ ทีมชาติกำลังวางเเผนที่จะเรียกตัวนายไปค่ายฝึกสำหรับไปเอเชี่ยนเกมด้วยนะ!”หลี่ไต้พูดต่อ “เเต่นายต้องลงในรายการวิ่ง200เมตรนะ”
“ผมโดนเรียกตัวไปทีมชาติเหรอครับ?”ฮาวหยูอี้ประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าทีมชาติยังคงต้องการเขาอยู่ทั้งๆที่เขาอายุ26เเล้ว
“ตกใจใช่ไหมละ?”หลี่ไต้ยิ้มเเล้วพูดต่อ “ฉันเกรงว่านายจะคงไม่ได้มีโอกาสในการวิ่ง100เมตรอีกเเล้วถ้านายยังอยากอยู่ในทีมชาติ นายก็ต้องวิ่งในระยะ200เมตร”
“รู้เเล้วหน่า!”ฮาวหยูอี้รู้ตัวว่านักกีฬาที่อายุ26ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปวิ่งในรายการ100เมตรอยู่เเล้ว เขาคงไปสู้กับเด็กๆไม่ไหว เขาต้องมุ่งเป้าไปที่การเเข่งรุ่น200เมตรอย่างเดียวเท่านั้น ด้วยเทคนิค ประสบการณ์ที่เขามี บางทีเขาอาจจะได้อยู่ในทีมชาติต่อก็ได้
เเต่วินาทีต่อมา ภาพของพ่อเเม่ฮาวหยูอี้ก็ผุดมาในหัว พวกเขาไม่อยากให้เขาเป็นนักกีฬาอีกต่อไปเเล้ว
“โค้ชหลี่ครับ ขอบคุณจริงๆนะครับ! เเต่ผมไม่อยากเป็นนักกีฬาอีกเเล้ว ผมต้องตั้งใจเรียนเเล้วเอาปริญญามาเเล้วก็หางานทำดีๆให้ได้”ฮาวหยูอี้พูด
“นายจะยอมเเพ้เเค่นี้เหรอ”หลี่ไต้พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ เขาอุส่าห์เอาโอกาสงามๆมาให้ฮาวหยูอี้เเล้วมันก็ไม่ได้ได้มาง่ายๆด้วย เเต่เขาไม่คิดว่าฮาวหยูอี้จะยอมเเพ้
“นายลำบากลำบนรักษาอาการตัวเองจนได้ลงสนามอีกครั้งแล้วนี้ ทำไมนายถึงยอมแพ้ละ? เพราะว่านายแก่เกินไปเหรอ?”หลี่ไต้ถาม
“ไม่ใช่เรื่องอายุหรอกครับ แต่มันเพราะ…”ฮาวหยูอี้ลังเลแต่สุดท้ายก็ตอบ “พ่อแม่ผมไม่อยากให้ผมเป็นนักกีฬาต่อไปแล้ว”
“พวกเขายังกังวลเรื่องที่ตรวจผิดอยู่ใช่ไหม?”หลี่ไต้ถอนหายใจ
“พ่อแม่ผมเริ่มแก่แล้ว พวกท่านรับอะไรแบบนั้นเป็นรอบที่2ไม่ได้แล้ว”ฮาวหยูอี้พูดช้าๆ
“แล้วนายละจะเอาไง จะยอมแพ้ตรงนี้เหรอ ฉันยังจำที่นายเล่าถึงความทรมารแสนสาหัสตอนที่นายอยู่อเมริกาเพื่อแค่ที่จะรักษาขานายให้หาย แล้วนายจะไปทำแบบนั้นเพื่ออะไรละ ไม่ใช่เพื่อกลับมาคืนสนามเหรอ? ไม่ใช่เพื่อกลับมารับงานที่นายรักเหรอ ถ้านายยอมแพ้ตอนนี้ ความพยายามทั้งหมดที่นายอดทนบากบั่นมันจะไร้ค่าทันทีเลยจริงไหม?”หลี่ไต้พยายามเกลี้กล่อมฮาวหยูอี้
ฮาวหยูอี้พูดอย่างเสียใจ “คุณก็พูดถูก ผมอยากที่จะไปต่อในทางกีฬาก็จริง แต่ชิวิตคนเราไม่ได้เป็นแค่ของเราคนเดียวซักหน่อย พ่อแม่ที่เลี้ยงผมมา แล้วก็เสียสละไปมากมายเพื่อผม ผมไม่อยากที่จำให้พวกท่านเป็นห่วงอีกต่อไปแล้ว
“แต่นี้มันเป็นโอกาสเดียวของนายแล้วนะ อีกอย่าง นี้มันค่ายฝึกเอเชี่ยนเกมเลยนะ มันเป็นเหมือนชิงช้ามารับนายถึงหน้าบ้านพานายขึ้นสวรรค์ได้เลยนะ ถ้านายทำได้ดีนายก็จะได้มีโอกาสไปเล่นในเอเชี่ยนเกม แล้วคิดดูซิ นี้มันเป็นโอกาสที่นักกีฬาหลายๆคนฝันหามาทั้งชีวิตเลยมั้ง แต่นายกลับจะทิ้งมันไปง่ายๆงี้หน่ะเหรอ”
“ผม…ผมไม่รู้ละ! ผมไม่รู้จริงๆ!”ฮาวหยูอี้พูดอย่างขมขื่น “โค้ชหลี่ครับ ปล่อยผมไปเถอะครับ อย่ามายุ่งกับผมเลย โอเคไหมครับ?”
หลี่ไต้รู้สึกได้ในความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในใจของฮาวหยูอี้ ฮาวหยูอี้ตอนนี้มีปัญหากับการตัดสินใจ
“โอเคก็ได้ ฉันว่าประกาศเกี่ยวกับค่ายฝึกของเอเชี่ยนเกมน่าจะส่งไปที่หนานตูเดือนหน้า ถ้าจะมาหรือไม่มาก็ตัดสินใจเอานะ”
…
ตอนนี้มันมีรายการวาไรตี้โชว์กำลังฉายบนทีวี พ่อของฮาวหยูอี้นั่งอยู่หน้าทีวีกำลังดูอย่างสนุกสนาน
“ยกขาขึ้น!”แม่ของฮาวหยูอี้สั่งการในขณะที่พ่อก็ยกขาขึ้นทันที ไม้ถูพื้นในมือของแม่ถูเข้าไปใต้ขาของพ่อทันที
“คุณคะ คุณว่าช่วงนี้ลูกเราเป็นอะไรไปรึเปล่าคะ?”แม่พูดในขณะที่ถูกพื้นไปด้วย
“ก็ใชช่นะ มีบางอย่างผิดปรกติกับเขา ดูเหมือนว่าเขาจะเครียดนิดหน่อยด้วย”พ่อพูดต่อ “ฉันว่าการสอบน่าจะใกล้เข้ามาแล้วมั้ง แล้วเขาก็คงเครียดเรื่องเรียนแหล่ะ ไม่ต้องห่วงลูกโตขึ้นเยอะแล้ว เขาไม่เป็นไรหน่า”
“ก็จริงคะ ลูกของเราไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว มันคงถึงเวลาที่ลูกต้องหาแฟนแล้วละมั้งคะ”แม่พูดในขณะที่เดินไปอีกห้องพร้อมไม้ม๊อปในมือ
“ตอนนี้เราก็กำลังแย่อยู่เลย เราไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน มีแต่หนี้ ผู้หญิงที่ไหนจะอยากมาเป็นแฟน”พ่อพูดอย่างอ่อนใจ
แต่แม่พูดขึ้นมาทันที “คุณคะ มาดูอะไรนี้ซิ!”
พ่อของเขาลุกขึ้นแล้วเดินไปหาแม่ทันที บนโต๊ะของฮาวหยูอี้นั้นมีใบประกาศที่ส่งมาจากทีมชาติ ฮาวหยูอี้มีสิทธิ์ที่จะได้รับการฝึกในค่ายฝึกสำหรับการแข่งเอเชี่ยนเกม
“ฉันเจอนี้ตอนที่ฉันเก็บกวาดโต๊ะของลูก”แม่พูด “คุณคะ ลูกได้บอกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้รึเปล่า”
พ่อส่ายหัว “เขายังไม่ได้บอกอะไรเลย ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงซึมเศร้ามาหลายวัน เรื่องนี้นี่เอง!”
“เราจะปล่อยให้เขาไปไม่ได้ เดี๋ยวถ้าเขาป่วยอีกจากการฝึกขึ้นมาจะทำยังไง”แม่พูด
พ่อไม่ได้พูดอะไร เเล้วหลังจากนั้น เขาก็พูด “เมื่อ2วันก่อน ฉันก็เริ่มสงสัยว่า การตัดสินใจของเราที่ห้ามไม่ให้ลูกไปต่อทางกีฬามันถูกหรือเปล่า”
“เเน่นอนซิว่าเราถูก!”เเม่ของฮาวหยูอี้พูดทันที
“อาชีพกีฬาของลูกเราทำให้เป็นมะเร็งกระดูกนะ ขาเขาเกือบพิการเเล้ว ทำไมเราถึงต้องให้เขาไปต่อละ?”
“เเต่ดูเหมือนว่าลูกเราไม่มีความสุขเลยนะ”พอมองดูประกาศที่อยู่บนโต๊ะเเล้ว พ่อก็พูดต่อ “ลูกเราอยากที่จะไปเข้าค่ายฝึกนี้เเน่ๆ เเต่เขายังไม่ได้บอกเรา หยูอี้เป็นคนที่อ่อนไหวมาก เขาคงรู้ว่าเราจะห้ามไม่ให้ไปเเน่ๆ”
ทั้งคู่เงียบไปซักพัก ช่วงนี้รอยยิ้มของฮาวหยูอี้หาได้ยากขึ้นทุกวัน เขาซึมเศร้ามาตลอด2วันที่ผ่านมา ซึ่งก็ทำให้พ่อเเม่สังเกตุได้อย่างง่ายดาย
“ฉันว่าเราคงเลือกตัดสินใจผิดไปเเล้วละ”พ่อพูดขึ้นมา
…
หลังจากมื้อเย็น ฮาวหยูอี้อยู่ที่ห้องเรียนต่ออีก2ชั่วโมงก่อนจะกลับบ้าน
“พ่อครับ เเม่ครับ ผมกลับมาเเล้ว”ฮาวหยูอี้เข้ามาในบ้าน เเล้วพบว่าพ่อกับเเม่ดูเหมือนกับกำลังรอเขาอยู่ ต่อมาเขาก็เห็นใบประกาศรับสมัครเข้าเเคมป์ฝึกเอเชี่ยนเกมบนโต๊ะ
“พ่อครับ เเม่ครับ นี้มัน…”ฮาวหยูอี้รู้วึกเหมือนกับว่าโดนจับได้คาหนังคาเขา วินาทีถัดมาเขาไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี
“มันก็เเค่ใบปลิวเอง ผมไม่ได้คิดที่จะไปซักหน่อย”
เเม่ของเขาพูดขึ้นมา “ถ้าลูกอยากไปเข้าก็ไปซิ!”
“เเม่พูดถึงเรื่องอะไรหน่ะ?” เขาไม่เชื่อที่เขาได้ยินมา เเม่ของเขามักจะพูดขัดกับความต้องการที่จะเป็นนักกีฬาของเขาเสมอ
“เเม่กับพ่อรู้ว่าลูกไม่อยากเลิกซ้อมวิ่ง เเล้วลูกก็ยังอยากกลับไปที่ทีมชาติด้วย ไปเข้าค่ายฝึกนี้เถอะลูก พยายามไปกับทีมชาติแล้วก็พยายามไปเข้าเอเชี่ยนเกมให้ได้”พ่อของเขาพูด
“ทำไมละครับ?”ฮาวอยูอี้ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น “ไม่ใช่ว่าพ่อกับแม่ไม่อยากให้ผมเป็นนักกีฬาไม่ใช่เหรอครับ?”
“ลูกเอ้ย เราไม่อยากให้ลูกเป็นนักกีฬาต่อก็เพราะว่ากลัวลูกจะบาดเจ็บระหว่างการฝึกอีก แต่เราก็ยังอยากให้ลูกมีความสุขอยู่นี้”แม่ของเขาพูดด้วยความจริงใจ
“ลูก แม่กับพ่อรู้ดีว่ากีฬาเอเชี่ยนเกมมันจัดแค่4ปีครั้ง แล้วค่ายฝึกนี้มันก็เป็นโอกาสที่หายากมากๆ เราไม่อยากให้ลูกเสียดายโอกาสนั้นๆ รอบนี้พ่อกับแม่สนับสนุนนะ”