Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 193
โค้ชซูหลีนั้นเคยเป็นนักวิ่งมาก่อน ดังนั้นเขาจึงมีความรู้ในด้านความเร็วมากกว่าซูเหลื่นฮาว ซูเหลืนฮาวอาจจะทําได้แค่ดูว่าใครนําอยู่ในทางโค้ช แต่โค้ชชูหลิ่นั้นสามารถบอกถึงความเร็วของนักกีฬา คนนั้นได้เลย
“ฮาวหยูอี้เร็วมาก!”ซูหลี่เผลอกัดปาก ตาของเขาเปร่งประกายขึ้นมา
ผู้ชมทั้งหมดนั้นเป็นทั้งโค้ชและนักกีฬา ถึงแม้ว่าการแข่งวิ่ง200เมตรจะไม่ใช่ประเภทกีฬาของตนแต่อย่างน้อยพวกเขาก็ควรจะรู้เอาไว้ ดังคํากล่าวที่ว่า “คนไร้ประสบการณ์นั้นจะมองแค่ภายนอก แต่คนมีประสบการณ์นั้นจะชื่นชมเนื้อใน” การวิ่งของฮาวหยูอี้นั้นเรียกสายตาผู้คนได้เป็นอย่างดี
“เห้ย ดูคนที่นําอยู่นั้นซิ นั้นใช่ฮาวหยูอี้รึเปล่า?”
“ฉันไม่ได้เจอเขามา3ปีเต็มๆแล้วนะ ได้ข่าวว่าเขาเกษียรไปแล้วนี้ แล้วตอนนี้ก็เป็นการกลับมาของเขางั้นซิ ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะแกร่งขนาดนี้”
ฝนตอนนั้นเอง ฮาวหยูอี้เป็นคนแรกที่แตะทางตรงเอาจริงๆแล้ว เขาห่างไกลจากผู้เข้าแข่งรายอื่นอยู่เยอะเลย
“เขาได้เปรียบมากๆเลย เขาต้องชนะแน่ๆ!”ซูเหลื่นฮาวพูด ถึงแม้ว่าเกมยังไม่จบ แต่เขาก็บอกได้เลยว่าใครจะอยู่ใครจะไป
ซูเหลืนฮาวหันไปถามหลี่ “ซูหลี่ นายเป็นนักวิ่งมาก่อน ถามหน่อย นายคิดยังไงกับฮาวหยูอี้ตอนนี้”
“เขามีพื้นฐานดีทีเดียว แล้วก็มีเทคนิคการเข้าโค้งที่ยอดเยี่ยมเลย เขาเป็นนักกีฬาสายเทคนิคเขาเลยได้เปรียบเอามากๆในการวิ่ง200เมตร ปัญหาอย่างเดียวของเขาคือ เขาอายุ26แล้ว ซึ่งแก่กว่ามาตรฐานอยู่เยอะเลย เขาไม่ค่อยมีอะไรเหลือให้พัฒนาแล้ว ผมเลยคิดว่าเขาคงไม่เหมาะที่จะพัฒนาต่อเท่าไร”ซูหลี่พูด
ตอนที่ซูหลีพูดจบนั้น ฮาวหยูอี้ก็เข้าเส้นชัยพอดี เวลาของเขานั้นปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
“ 20.88วินาที ต่ํากว่า21วินาทีอีก วิ่งได้ดีเลย” ซูเหลื่นฮาวพูด
“ใช่ เวลาอันดับต้นๆของทีมชาติเลย”ซูหลี่ขมวดคิ้วแล้วตัดสินใจในตอนนั้น พูดขึ้นมา “บางที เราอาจจะเก็บเขาเอาไว้ก่อนได้นะครับ เพราะในรอบหน้า เราต้องการนักวิ่งขั้น
บันไดระดับสูง”
ด้วยเวลาที่ต่ํากว่า21วินาทีนั้นเอง ทําให้การผ่านรอบแรกไปได้นั้นเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว แต่สําหรับฮาวหยูอี้นั้น นี้เป็นเรื่องที่น่าดีใจมาก เพราะว่ามันเป็นการพิสูจน์แล้วว่า การเลือกที่จะวิ่ง200เมตรนั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้ว
แต่เขาก็ยังไม่ได้พอใจในผลงานตัวเองรอบนี้ เขาหวังที่จะอยู่ต่อจนไปแข่งเอเชี่ยนเกม เพราะงั้นเขาต้องฝึกให้หนักกว่านี้
ในการฝึกของค่ายฝึกขั้น2นั้น จํานวนของนักกีฬาได้ถูกลดลงไปแล้ว รอบนี้จึงมีทั้งการฝึก แบบแยกและการฝึกแบบรวมผสมเข้าด้วยกัน คือช่วงเข้าเกือบทั้งหมดจะเป็นการที่นักกีฬาฝึกรวมกัน และในช่วงเที่ยงเป็นต้นไปนักกีฬาก็จะแยกกันฝึกเดี่ยวตามปัญหาของตัวเอง
การฝึกแบบกลุ่มนั้นจะเป็นวิธีการที่ทําให้ง่ายต่อการเผยให้เห็นกันไปเลยว่าใครเหนือกว่าใคร ในด้านความสามารถการฝึกเวลาเท่ากัน ก็ฬาแบบเดียวกันแต่ผลที่ได้ต่างกัน อายุของฮาวหยูอี้นั้นเป็นจุดอ่อนยอย่างมาก เขาเลยทําการคืบหน้าไปได้ไม่มากเท่ากับนักกีฬาอายุน้อยๆ
แต่ทุกๆตอนเที่ยง เมื่อฮาวหยูอี้ได้ฝึกตามลําพังกับหลีใต้ เขาสามารถพัฒนาไปได้อย่างมาก เพราะหลีไต้ตอนนี้เป็นโค้ชระดับท็อปแล้ว ถึงแม้จะยังเป็นขึ้นเริ่มต้น แต่การฝึกของเขาตอนนี้ก็เหนือกว่าโค้ชคนอื่นๆในทีมชาติแน่ๆ ความสามารถของฮาวหยูอี้นั้นเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด หลีไต้ คาดการไว้ว่า จากความสามารถของฮาวหยูอี้ตอนนี้ เป็นไปได้อย่างมากเลยว่า เขาจะสามารถวิ่ง ได้ต่ํากว่า20.75วินาที่แน่นอน
ในพื้นที่โล่งๆที่นึ่ง หลีไต้กําลังศัยกับพ่อแม่ของเขาทางโทรศัพท์
“ครับแม่ ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมมีเสื้อผ้าใส่พอใช้ครับ ไม่ได้ป่วยด้วยครับ” หลีไต้พูดแล้วเหม่อ มองท้องฟ้า พระจันทร์ส่องสว่างที่อยู่ตรงนั้นแต่กลับไร้แสงดวงดาว
หลีไต้คิดถึงวันเก่าๆตอนที่เขามานั่งดูท้องฟ้ายามค่ําคืนบ่อยๆ ตอนนี้เขาก็เริ่มเห็นดวง ดาว1หรือ2ดวงค่อยๆสว่างขึ้นมาตามท้องฟ้าในความมืดแล้ว
หลีไต้มองไปที่ไกลๆอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะมีตแล้ว แต่ก็ยังมีคนอยู่ที่ลู่วิ่งอีก
ใครมาข้อมดึกดื่นปานนี้นะ? หลังจากที่คุยกับพ่อแม่จบแล้ว หลี่ไต้ก็เอากล้องโทรศัพท์ส่องดูว่าใครอยู่ที่ลู่วิ่ง
เหมือนจะเป็นหนิวกั๋วหง! เขายังฝึกตอนกลางวันไม่พออีกเหรอ? หลีไต้คิดซักพักก่อนจะตัดสินใจเข้าไปดูด้วยตัวเอง
หลีไต้เลยหยิบขวดน้ําเกลือแร่2ขวดแล้วเดินไปที่สนามฝึก พอเห็นว่าเป็นหนิวกิ้วห่งที่กําลังตั้งหน้าตั้งตาฝึกแล้ว เขาก็เดินเข้าหาเขาทันที
“หนิวกั๋วหง ทําไมมาฝึกพิเศษคนเดียวกลางดึกแบบนี้ละหม?” หลีไต้ตะโกนหาหนิวกั๋วหง
หนิวกั๋วหงหยุดทันทีที่เขาเห็นหลีไต้ เขามองหลีไต้อย่างเขินๆ หลีไต้เลยโยนยวดน้ำให้กับหนิวกั๋วหง จากนั้นก็ชี้ไปที่ว่างข้างๆ ทั้ง2เลยนั่งลงบนพื้นด้วยกัน
“ทําไมยังฝึกอยู่คนเดียวละ? ตอนที่นายอยู่ในชิงชั่วนายไม่เห็นจะฝึกหนักขนาดนี้เลยนี้”หลี่ไต้พูดกับหนิวกั๋วหง
หนิวกั๋วหงดื่มน้ําก่อนจะพูด “โค้ช ผมอยากจะเก่งขึ้นครับ!”
“เก่งขึ้นงั้นเหรอ?”หลีไต้มองหนิวกิ้วหง “ ทําคนที่นี้ก็รู้สึกว่าตัวเองยังเก่งไม่พอ ทุกคนอยากที่จะเก่งขึ้นทั้งนั้นละ”
หนิวกั๋วหงหายใจลึกๆก่อนตอบกลับ “ผมคิดมาตลอดเวลาเลยนะ ว่าผมก็เก่งอยู่ เหมือนกันตอนอยู่ทั้งที่มหาลัยชิงฮั่ว หรือในระดับมหาลัยในฮั่วจิง หรือแม้กระทั้งในระดับมหาลัยทั้งประเทศนี้ ผมเคยเป็นที่1มาโดยตลอดแต่พอผมเข้าทีมชาติ มันกลับกลายเป็นว่ามีคนอีกเยอะเลยที่เก่งกว่าผม นักกีฬาที่เด็กกว่าผม แต่ก็เก่งกว่าผมก็ยังมี!”
หลี่ไต้รู้ทันทีว่าหนวกั๋วหงนั้นกําลังเจอกับปัญหาเรื่องตัวตน
คนที่จะเข้าไปในมหาลัยชิงฮั่วได้นั้น นับเป็นจํานวนในล้านคน แล้วหนิวกั๋วหงก็ยังเป็นตัวท็อปในนั้นอีก ซึ่งหมายความว่าเขาเคยเป็นที่สุดของที่สุดมาก่อนไม่แปลกใจ เลยว่าทําไมเขาถึงได้มีความมั่นใจได้ถึงขนาดนี้
แต่มันก็มีช่องว่างระหว่างนักกีฬาในระดับมหาลัย กับนักกีฬามืออาชีพอยู่ เอากีฬาที่ซับซ้อน อย่างบาสเก็ตบอลเป็นตัวอย่างก็ได้ เมื่อต้องเล่นกับมืออาชีพ นักก็ฬาอันดับ1ของประเทศจากมหาวิทยาลัย ก็ยังไม่เก่งเท่าใครก็ตามในโปรลีกหรอก
กีฬาอย่างการวิ่งนั้นมันไม่ได้มีการร่วมมือการหรือมีกลยุทธอะไรมาก เกือบทุกอย่างในกรีฑานั้นต้องพึ่งตัวเองล้วนๆ ดังนั้น ความต่างของนักกีฬาระดับมหาลัยกับนักกีฬามืออาชีพนั้นเลยน้อยลงหน่อยนึ่ง หนิวกั๋วหง ที่เป็นนักกีฬาอันดับ1ของระดับมหาลัย แล้วก็อาจจะกลายมาเป็นนักกีฬามืออาชีพที่ดีมากได้ แต่เขาต้องการเวลาและการทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดในการฝึก ซ้อมเพื่อที่จะทลายช่องว่างน้อยๆนั้นลงให้ได้
เอาจริงๆ ฟอร์มของหนิวกั๋วหงตอนนี้ก็ไม่ได้แย่นะ เขาอยู่เหนือมาตรฐานของนักกีฬาทีมชาติด้วยซ้ําแต่ถ้าเทียบกับนักกีฬาตัวท้อปแล้ว เขายังอยู่อีกห่างไกล
หลังจากลองคิดจากปัจจัยพวกนั้นแล้ว หลีใต้ก็ปลอบใจหนิวกั๋วหง “มันก็เป็นเรื่องปรกตินะ ตอนนี้นายอยู่ในทีมชาติแล้ว ที่นี้คือที่ๆนักกีฬาที่เก่งที่สุดในประเทศมารวมตัวกัน บางคนเริ่มฝึกตั้ง แต่อายุ7-8ขวบ จากนั้นก็ไปเข้าโรงเรียนกีฬาอีกจากนั้นก็ได้รับการฝึกแบบมืออาชีพตั้งแต่นั้นมา ถ้าเทียบกับพวกนั้นแล้ว นายฝึกมาน้อยมากเลยนะ”
หลีไต้ตบไหล่ของหนิวคั่วหง ก่อนจะพูด “อย่าฝืนตัวเองมากไปเลย นายเจ๋งอยู่แล้ว ที่นายต้องการที่แค่เวลา เมื่อนายได้ฝึกนานพอเมื่อไร นายก็จะได้เป็นนักกีฬาระดับต้นๆ ของประเทศได้เอง”
แต่หยางฉือจี๋ที่เข้าทีมมาพร้อมผม สถิติของเขามันระดับBของโอลิมปิคแล้วนะครับ เวลาของ ผมมันยัง10.40วิอยู่เลย ผมตามหลังแล้ว”
สําหรับการวิ่ง100เมตร ระดับBของโอลิมปิคคือ10.20วินาที ก็อย่างที่บอกไปแรกๆ แค่0.1วินาทีที่สร้างความห่างได้มากขนาดนี้แล้ว
“หยางฉือจี้เด็กกว่าผมด้วยซ้ํา แต่ผมยังเก่งได้ไม่เท่าเลย แค่6เดือนที่เขาฝึก เขาก็นำผมไปแล้ว” หนิวกั๋วหงกําหมัดแน่น “โค้ช ช่วยผมได้ไหมครับ? ผมอยากจะเก่งขึ้นมากกว่านี้จริง!”