Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 194
หลี่ไต้มองไปที่หนวกั้วหง เขาสัมผัสได้ถึงความต้องการอันแรงกล้าที่จะแข็งแกร่งขึ้น
” ตอนนี้น้ำหนักการฝึกของนายทันก็เยอะอยู่แล้วนะ ถ้าฉันยัดเพิ่มเข้าไปอีก ร่างกายนายจะรับไม่ไหวเอาได้นะ”หลี่ไต้พูดอย่างเป็นห่วง
“ผมเชื่อว่าผมทําได้ครับ! “หนิวกั๋วหงกําชับอย่างหนักแน่น
“งั้นมาฝึกเพิ่มเติมกันซัก2-3วันก่อนแล้วกัน จากนั้นค่อยมาดูกันว่าผลที่ออกมาเป็นยังไงบ้าง นายจะได้ปรับตัวเองเข้ากับเวลาฝึกต่างๆได้” หลี่ไต้ยอม “ถ้านายจะทําไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ การฝึกเสริมมันไม่ได้เหมือนกับการฝึกหลัก ถ้านายไม่ไหวก็ไม่ต้องอายที่จะพอนะ”
หนิวกั๋วหงไม่พูดอะไร แต่ดวงตาของเขาฉายแววความดื้อออกมา
“ก็เอาจริงๆ มันไม่จําเป็นเลยที่นายต้องสร้างภาระให้กับร่างกายมากขนาดนี้ การฝึกกีฬามันเป็นอะไรที่ยาวนานและมีขั้นตอน นายต้องค่อยๆไปทีละขั้น นายจะมาแบบคืนเดียวแล้วไปเป็นตัวท้อปเลยไม่ได้ ตอนนี้นายอยู่ในทีมชาติแล้ว พวกเขาไม่เตะนายออกหรอก ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นปะ”
“ผมอยากไปแข่งกีฬาเอเชี่ยนเกม!” หนิวกั๋วหงบอก “แวผมก็ไม่ได้อยากเป็นแค่ตัวสํารองด้วย ผมจะไปแข่งในฐานะตัวจริง!”
“งั้นก็รับให้ไหวละกัน! “หลี่ไต้ยิ้มเขารู้ว่าหนิวคั่วหงได้ตัดสินใจไปแล้ว และคงไม่รับฟังอะไรใควทั้งนั้นด้วย งั้นทําไมไม่ลองตันเด็กนี้ไปอีกหน่อยโดยการฝึกเสริมให้เขาช่วงเวลาว่างดูละ?
หนิวกั๋วหงกระตือรือร้นที่จะอยู่เหนือคนอื่นๆ แล้วถึงแม้ว่าหลี่ไต้จะไม่ยอมฝึกให้ เขาก็จะฝึกหนักเพิ่มด้วยตัวเองอยู่ดี ก็อย่างน้อยให้หลี่ไต้ช่วยสอนไปด้วยยังจะดีกว่าให้เด็กนี้มันฝึกคนเดียว
หลายวันต่อมา การฝึกในช่วงที่2ของค่ายฝึกเอเชี่ยนเกมก็จบลง มันเป็นเวลาที่ทีมชาติจะต้องคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันไปแข่ง ในห้องประชุม โค๊ชทีมชาติทั้งหมดมารวมตัวกันเพื่อคุยกันเรื่องรา ยชื่อผู้ที่จะได้ไผ
“หนิวกั๋วหงเป็นนักกีฬาจากมหาลัย ถึงแม้เขาจะเริ่มช้ากว่าคนอื่นๆ ก็จริง แต่เขาก็พยายามฝึกหนักมากๆ ก่อนหน้านี้เขาได้รับการฝึกเพิ่มพิเศษ จากฟอร์มของเขาตอนนี้แล้ว ผมเห็นได้ฝึกความก้าวหน้าเยอะมากเลยครับ หลี่ซูหยุดครู่นึง ก่อนจะพูด “ในการประเมินเมื่อวาน หนิวกั๋วหงทําเวลาได้10.28วินาที ซึ่งก็เข้าไปแตะในระดับBของมาตรฐานโอลิมปิคแล้วด้วย ปรกติแล้วนักกีฬาที่อยู่ในระกับนี้ก็สามารถไปลงแข่งในเอเชียนเกมได้แล้ว แต่จํานวนของผู้ที่สามารถเข้าแข่งได้มันมีจํากัด ดังนั้น ผมจึงวางแผนให้เขาไปเป็นตัวสํารองในการแข่งเอเชี่ยนเกม” ซูหลี่พูดจบแล้วถอนหายใจอย่างสงสาร ในการแข่งใหญ่ๆอย่างเอเชี่ยนเกมมันต่างจากการแข่งเล้ก การแข่งเล็กๆนั้นจะสมัครเข้าเป็นรายบุคคล ในขณะที่การแข่งระดับนี้ต้องลงทะเบียนเป็นกลุ่ม โดยกลุ่มผู้เข้าแข่งขันนั้นต้องจัดมาก่อนที่จะเริ่มแข่ง
เอาง่ายๆว่าการแข่งในรายการใหญ่ๆแบบนี้จะมีตัวสํารองอยู่ด้วย ถ้าตัวจริงตารางแน่นเกินไปหรือตัวจริงบาดเจ็บอยู่ ตัวสํารองก็จะเข้ามาแทน ดังนั้นตัวสํารองก็ต้องถนัดในการวิ่งนั้นๆด้วย ดังนั้น ในฐานะที่หนึ่งนิ้วหงเป็นตัวสํารอง หน้าที่ต่อไปของเขา คือการเตรียมตัวที่จะวิ่งตลอดเวลา และด้วยความสามารถระดับเขา โชคนอื่นๆ ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรเรื่องนี้ให้หนิวกั๋วหงเป็นตัวสํารอง
“โอเคครับ งั้นตอนนี้ เราจะมาคุยกันเรื่องการแข่งวิ่ง200เมตรกันนะครับ!” ซูหลี่หยุด แล้วพูดต่อ “สําหรับการวิ่ง200เมตร ฉืออี้จุนกับเหว่ยฉือเต๋าก็จองไปแล้ว2ตําแหน่ง ปัญหาตอนนี้คือ เราจะเลือกใครเป็นคนสุดท้ายดี ตอนแรกผมวางแผนที่จะเลือกซูฉงหรือไม่ก็ฉางเหว่ย แต่พวกคุณก็เห็นการทดสอบภายในรอบสุดท้ายกันแล้วใช่ไหมครับ เรามีม้ามืดเข้ามาด้วย! ฮาวหยูอี้ทําเวลาได้ 20.78วินาที ผมรู้ครับว่า20.78วินาทีมันก็ไม่ใช่คะแนนที่โดดเด่นอะไรขนาดนั้น เพราะทั้งซูฉงและเหว่ยฉางก็สามารถทําเวลาแบบนั้นได้เหมือนกัน ยิ่งกว่านั้นทั้งคู่ยังเป็นสมาชิกทีมขาติด้วยส่วนฮาวหยูอี้เป็นแค่คนจากภายนอก แต่ผมก็กลับคิดว่าฮาวหยูอี้ยังมีอะไรให้เล่นได้อีกเยอะ!”
ซูหลี่พูดต่อ “ฮาวหยูอี้ตอนนี้อายุ26แล้ว ปรกที่นักกีฬาที่อายุ26จะไม่เหลืออะไรให้ฝึกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ระหว่าการทดสอบครั้งสุดท้าย เขาทําได้ 20.88วินาที ซึ่งมีเวลาเพียงแค่20วันเท่านั้นระหว่าครั้งแรกกับครั้งที่ 2 แต่เขาก็สามารถเพิ่มความเร็วตัวเองแล้ววิ่งได้เร็วขึ้นถึง0.1วินาที ผมค่อนข้างตกใจกับผลที่ออกมานี้มา
และมันก็ยังเหลือเวลาอีกตั้ง2เดือนก่อนการแข่งเอเชี่ยนเกมจะเริ่ม ถ้าฮาวหยูอี้พัฒนาอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ พอถึงเวลาแข่งเขาต้องทําเวลาได้น้อยกว่า20.70วินาทีแน่ๆ เวลาประมาณนั้น ทําให้ได้เหรียญได้เลยนะครับ ดังนั้นคนสุดท้ายของรายการวิ่ง200เมตร ผมอยากจะฟังความคิดเห็นของทุกคนครับ” ซูหลี่พูดจบแล้วมองไปรอบๆ โค้ชในห้องเริ่มคุยกัน
ดูเหมือนว่าโค้ชซูจะวางแผนยกที่สุดท้ายให้กับฮาวหยูอี้
โค้ชของฮาวหยูอี้คือหลี่ไต้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่โค้ชของทีมชาติ แต่เขาก็เป็นลูกศิษย์คนโปรดของซูหลี่ หรือว่าซูหลี่กําลังพยายามอวยหลี่ไต้กันเนี่ย?
มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่จะได้เห็นนักกีฬาระดับธรรมดาได้ตําแหน่งในการไปแข่งกับนักกีฬามืออาชีพ! การส่งฮาวหยูอี้ไปมันอาจจะดูแปลกๆ ด้วยซ้ำ
ทุกคนเริ่มออกไอเดียความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป แต่สุดท้ายก็มีคนพูดขึ้นมา “โค้ชซูครับ สถิติเวลาของฮาวหยูอี้ตอนนี้อาจจะเป็น20.78ก็จริง แต่หลังจาก2เดือนไม่มีใครบอกได้เลยนะครับ ว่าเขาจะวิ่งได้ต่ำกว่า20.70ได้จริงๆ แล้วด้วยความที่ฟอร์มของเขายังไม่นิ่งด้วย ผมไม่คิดว่าการส่งเขาไปแข่งจะเป็นเรื่องที่ซักเท่าไร”
ซูหลี่พยักหน้ารับอย่างเงียบๆ แล้วหันไปหาคนอื่น
“โค้ชซู ผมคิดว่าฮาวหยูอี้นี้แหละที่แล้วครับ สําหรับการวิ่ง200เมตร ถ้าเราส่งไม่ซูฉงหรือเหว่ยฉางไป คงไม่มีใครทําเหรียญได้จริงๆแน่ๆ ทําไมไม่ลองเสี่ยงดวงดูเลยละครับ ถ้าเขาวิ่งได้ต่ำกว่า20.70จริงๆ เขาก็อาจจะได้เหรียญก็ได้นะครับ
ซูหลี่พยักหน้าอีกครั้งก่อนจะมองโต๊ะที่เหลือ โค้ชบางคนก็เห็นด้วยกับความเห็นนี้ในขณะที่คนอื่นๆ ก็ไม่เห็นด้วย พวกเขาให้เหตุผลที่แตกต่างกันออกไป การพูดคุยกันที่ดุเดือดจนไม่สามารถสรุปได้เลยจนตอนสุดท้ายหต้องพึ่งซูเหล็นฮาวในการตัดสินสุดท้าย
ซูเหล็นฮาวเครียร์ลําคอ ก่อนจะพูด “เป็นข้อเสนอแนะที่ดีมากเลยครับทุกคน แต่ตอนนี้เหลือเวลาอีกตั้ง2อาทิตย์ ผมเลยจะอยากให้พวกเราทุกคนไม่ต้องรีบ ทําไมเราไม่ลองดูฮาวหยูอี้ไปเรื่อยๆ ก่อนละ แทนที่จะรีบตัดสินใจ ดีไหมละครับโค้ชซู?”
“ก็ดีครับ เรายังเหลือตั้ง2อาทิตย์ เราน่าจะดูไปก่อนอีกหน่อยดีกว่า “ถึงแม้ว่าซูหลี่จะบอกแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะทําแบบนั้นจริงๆหรอก เขาละอยากให้ทุกอย่างจบให้เร็วที่สุดเขาจะได้เตรียมแผนการฝึกต่อได้ แต่ซูเหล็นฮาวเป็นหัวหน้าโค้ช เขาเลยไม่กล้าขัดเท่าไร
“แต่การที่เราจะวางใจเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่นี้ครับ จะเกิดอะไรถ้าในอีก2อาทิตย์เรายังตัดสินใจอะไรกันไม่ได้ละ เราจะเสียเวลาเปล่าประโยชน์นะครับ” ซูหลี่หันไปหาซูเหล็นฮาวแล้วพูด “ผมมีไอเดียแล้ว ทําไมเราไม่ลองตั้งเป้าคุณสมบัติให้กับฮาวหยูอี้ดูละครับ?”
“ก็ดีนะ”ซูเหล็นฮาวเคาะโต๊ะเบาๆเพื่อเรียกความสนใจทุกคน จากนั้นเขาก็พูด “ระหว่างช่วงนี้ฮาวหยูอี้ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆแน่ๆ แต่เราไม่แน่ใจเลยว่าเขาจะพัฒนาไปได้แค่ช่วงนี้หรือว่าตลอดไป ที่ซูหสี่พึ่งบอกบอกไปคือเราสามารถตั้งมาตรฐานให้กับเขาได้ ก่อนที่จะถึงวันที่กําหนด ถ้าเขาไปถึงจุดที่เราตั้งไว้ เขาก็ได้ไปในวงการกีฬาคนที่แกร่งคือผู้อยู่รอด ถึงแม้ว่าฮาวหยูอี้จะมาจากทีมอื่น แต่ตราบใดที่เขาเก่งจริง เขาก็มีสิทธิ์”