Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 195
การตั้งเป้าให้กับฮาวหยูอี้ในการตัดสินความสามารถนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่แฟร์มาก
“งั้นเราจะตั้งไว้ที่เท่าไรดีละ?”ใครบางคนถามขึ้นมา
ห้องประชุมที่ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งนึง ถ้ามาตรฐานที่ตั้งไว้ต่ำไป มันก็เหมือนกับเป็นการส่งฮาวหยูอี้เข้าไปแข่งเอเชี่ยนเกมเลย แต่ถ้ามาตรฐานมันสูงไป มันก็ดูเหมือนกับว่าจะสร้างขวากหนามเพื่อหยุดฮาวหยูอี้ไม่ให้ไปเข้าแข่ง
“งั้ว 20.75วินาทีเป็นไงครับ? ” ซูหลี่ถาม
ซูเหล็นฮาวตอบกลับทันที “มีเวลาเหลือแค่2อาทิตย์ ก่อนแข่งแล้วนะ ถ้าจะบอกให้ฮาวหยูอี้พัฒนาจาก20.78เป็น20.75 การเพิ่มขึ้นมาแค่0.03วินาทีมันก็ยากเอาเรื่องแล้วนะ”
มันเป็นเรื่องยากสําหรับนักกีฬาระดับสูงที่จะพัฒนาให้วิ่งไวขึ้นแม้แต่แค่เสี้ยววินาทีเดียว ถ้าดูตามความสามารถของฮาวหยูอี้ตอนนี้ การที่จะลดเวลาการวิ่งลง0.03วินาทีใน2อาทิตย์ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
โค้ช ผมว่าเราควรให้โอกาสนักกีฬาคนอื่นๆด้วยนะครับ” ใครบางคนพูดขึ้นมา “ขอเวสาผม2อาทิตย์ ผมสามารถทําให้ซูฉงวิ่งได้ต่ำกว่า 20.75วินาทีแน่ๆ!”
โค้ชของเหว่ยฉางก็พูดขึ้นมาเช่นกัน “ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเหว่ยฉางทําเวลานั้นได้ใน2อาทิตย์เหมือนกันครับ!”
โค้ชทั้ง2คนนี้เห็นได้ชัดเลยว่าจะไม่ยอมยื่นโอกาสทองให้กับฮาวหยูอี้แน่ๆ
เหสนฮาวหัวเราะ “ดี ยิ่งแข่งกันก็ยิ่งดี! เอางี้ละกัน ไม่ใช่แค่ฉงกับเหว่ยฉางเท่านั้นที่จะได้แข่งนะ แต่นักกีฬาวิ่ง200เมตรคนอื่นๆ ก็จะได้เข้าแข่งเหมือนกัน เราตั้งเป้าไว้ที่20.75วินาที ใครที่ผ่าน จะได้ตั๋วไปเอเชี่ยนเกม”
“แล้วถ้ามีคนผ่านมากกว่า1คนละครับ?” โค้ชหวางพูด
“เราก็เอาคนที่เก่งที่สุดไง!” ซูเหล็นฮาวหยุดแล้วพูดต่อ “ทีมของเราเป็นตัวแทนของประเทศนี้ เราต้องมั่นใจว่าเราส่งคนที่เก่งที่สุดในประเทศไปแข่ง!”
หลี่ไต้ไม่ใช่โค้ชอย่างเป็นทางการของทีมชาติ เขาเลยไม่มีสิทธิ์อะไรไปนั่งประชุมกับเขาด้วย ที่เขาทําได้ตอนนี้คือรอ แต่เขาก็ไม่ได้รอคนเดียว มีอีก2คนที่รอเหมือนกัน คือฮาวหยูอี้กับหนิวกั๋วหง
“ รายชื่อผู้เข้าแข่งขันที่จะได้ไปแข่งเอเชียนเกมติดประกาศหน้าบอร์ดแล้ว!”ใครบางคนตะโกนขึ้นมา โศขและนักกีฬาทุกคนหยุดฝึกแล้วมาดูรายชื่อ
หยางฉือจี๋ได้รับเลือกไปแข่ง100เมตรจริงๆด้วย ตามที่คิดไว้เลย หลี่ไต้มองดูรายชื่ออย่างละเอียดแต่ก็ยังไม่เห็นชื่อของหนิวกั๋วหง
แน่นอนละว่าหนิวกั๋วหงหงุดหงิดอย่างแรงเลย เขาถนัดการวิ่งระยะ100เมตร แล้วเขาก็รู้สึกว่าเขาเสียโอกาสนี้ไปแล้ว
“หนิวกั๋วหง ฉันเจอชื่อนายแล้ว!”ฮาวหยูอี้พูดขึ้นมา เขาชี้ไปที่ช่องของการแข่งวิ่งผลัด “ฉันเจอชื่อนายอยู่ในส่วนของการวิ่งผลัดด้วย”
หนิวกั๋วหงมองทันที แล้วเขาก็เจอชื่อของเขาอยู่บนนั้น
“นี้ฉันต้องกลายเป็นนักกีฬาวิ่งผลัดเหรอ!”หนิวกั๋วหงตกใจ ถึงแม้ว่าเขาจะพลาดโอกาสที่จะไปแข่งเดียว แต่อย่างน้อย เขาก็ยังได้เข้าร่วมการแข่งในกีฬาวิ่งผลัด อย่างน้อยก็ทําให้เขาโล่งใจได้หน่อย
หลี่ไต้ที่ยืนอยู่ข้างๆหนิวกั๋วหงก็ดีใจกับเขาด้วย ในขณะเดียวกันหลี่ไต้ก็ไปดูผู้เข้าร่วมในกีฬาอื่นๆ
พอเขาถึงของของการแข่งวิ่ง200เมตร เขาก็ขมวดคิ้ว
การแข่งวิ่ง200เมตร : ซืออี้จุน เหว่ยฉือเต๋อ เว้นว่าง ทําไมมีชื่ออยู่แค่2ชื่อ แต่ไม่มีชื่อฮาวหยูอี้อยู่ในนั้น แล้วไอ้การที่เว้นว่างนี้คืออะไร นี้ฮาวหยูอี้ยังมีโอกาสอยู่ไหมเนี่ย ฉันต้องถามเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง หลี่ไต้คิด
ทันใดนั้น หลี่ไต้ก็ได้ยินเรื่องการตั้งมาตรฐานคุณสมบัติขึ้นมา
2อาทิตย์กับการทําให้นักกีฬาวิ่งได้ต่ำกว่า20.75วินาที ก็ไม่ได้ยากนะ แต่คนอื่นก็คงคิดว่าไม่ยากเหมือนกัน นั้นหมายความว่าแค่20.75มันยังไม่พอ! มันยังไม่ยืนยันว่าฮาวหยูอี้จะได้มันมา
หลี่ไต้เงียบซักพัก เขารู้ว่าฮาวหยูอี้ต้องการเวลา
พรสวรรค์ของฮาวหยูอี้ในเรื่องการวิ่ง200เมตรนั้นมันแน่นอนว่าดีที่สุดในทีมชาติแล้วแถมเขายังมีเทคนิคที่แพรวพราวอีกด้วย ซึ่งตอนนี้เขาอยู่ในระดับต้นๆของทีมแต่ปัญหาก็คือเขาตันเสียเวลาไปฟรีๆ 5ปีเต็มๆ เขาต้องการเวลามากกว่านี้กว่าจะกลับไปอยู่ในจุดเริ่มได้ อย่าว่าแต่จะเก่งขึ้นเลย
เราต้องหาเวลาฝึกพิเศษเพิ่มซะแล้ว! หลี่ไต้กําหมัดแน่น
ฮาวหยูอี้หมอบลงกับพื้น หอบอย่างหนัก ตอนนี้การฝึกของเขามันหนักมาก หนักซะจนเขาเหนื่อยจนอาเจียนออกมา
หลังจากที่อาเจียนออกมาแล้ว ฮาวหยูอี้ก็ดื่มน้ำอัดไปครึ่งขวดก่อนจะเดินกลับไปที่สนามฝึก
“โค้ช มาต่อกันเลยครับ!” เสียงของฮาวหยูอี้เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
หลี่ไต้มองหน้าที่ซีดเซียวของฮาวหยูอี้ แล้วถอนหายใจเล็กน้อย เขาพูดด้วยความสงสาร “พักซักหน่อยไหม?”
ฮาวหยูอี้ลังเล เขาเหนื่อยล้ามาก มากจนแทบอยากจะไปหลับอยู่กับพื้น แต่เขาก็ตอบอย่างดื้อรั้น “เวลามันไม่คอยใครครับ ผมไม่มีเวลาไปพักแล้ว ผมต้องฝึกมากกว่านี้”
ไม่ได้การเลย น้ำหนักการฝึกในตอนนี้มันสร้างภาระกับร่างกายฮาวหยูอี้เยอะเกินไปแล้ว
หลี่ไต้กังวลแต่เขาก็ทําอะไรไม่ได้ เขายัดเยียดการฝึกที่มหาโหดให้กับฮาวหยูอี้ แล้วมันเป็นการฝึกที่ฮาวหยูอี้แทบจะต้องคลานลากไป มันไม่ใช่แค่เป็นการทดสอบกําลังกายของเขาอย่างเดียว แต่เป็นการทดสอบกําลังใจด้วย
คนธรรมดาอาจจะรับอะไรแบบนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ฮาวหยูอี้ต่างออกไป การตรวจโรคที่ผิดพลาดพลากเวลาไปจากเขาถึง2ปี ตอนนี้จิตใจเขาแข็งกร่าว ทุกๆครั้งที่เขาเหนื่อยล้าเกินกว่าจะลุกไหว เขาจะนึกถึงภาพในอดีต อดีตที่ขื่นขมและรสชาติของชีวิตที่ห่วยแตก ตลอดเวลา3ปีที่เขาเจอมา นั้นก็เป็นแรงผลักดันให้เขาก้าวต่อไปได้แล้ว
ตั้งแต่ 7 โมงเข้ายัน3ทุ่ม ฮาวหยูอี้อยู่กับสนามฝึกแทบจะตลอดเวลา จะมีแค่ช่วงข้าวเที่ยงกับข้าวเย็นเท่านั้นที่เบรก และพอการฝึกในแต่ละวันจบลง เขาจะนอนแผ่หลาบนพื้น เขารู้สึกได้เลยว่าพละกําลังทั้งหมดของเขามันใช้ไปหมดแล้ว
ถ้าเขาไปต่อแบบนี้ วันพรุ่งนี้จะเหลือแรงอีกซักเท่าไรกันนะ? หลี่ไต้มองฮาวหยูอี้ด้วยความเป็นห่วง
แล้วจู่ๆ กระบบแจ้งเตือนขึ้นมา (เกือบลืมไปแล้วว่ามีระบบด้วย) “เออนี้ข้าสงสัยมานานละนะ ทําไมแกไม่ใช่วงแหวนเพิ่มความอึดซักทีวะ?”
หลี่ไต้งง “ก็นี้มันการวิ่ง200เมตร มันเป็นการวิ่งระยะสั้นเอง ทําไมฉันต้องใช้มันด้วยละ?”
“ก็เพิ่มความอึดของเขาไงเจ้าโง่” ระบบบอก “การวิ่ง200เมตรมันเป็นการวิ่งระยะสั้นอะข้ารู้ว่ามันไม่ได้ใช้ความอึดอะไรเยอะ แต่อย่าลืมซิ ว่าตอนแกฝึกให้นักกีฬา นักกีฬาก็เหนื่อยเป็นนะโว้ย วงแหวนเพิ่มความอึดเนี่ยจะเพิ่มความต้านทานทําให้นักกีฬาฝึกได้นานขึ้นกว่าเดิม”
หลี่ไต้จู่ๆ ก็บรรลุ ทําไมฉันไม่คิตให้ได้เร็วกว่านี้ว้า!!
ตั้งแต่ที่หลี่ไต้ได้วงแหวนความอึดมา เขายังไม่เคยได้ใช้มันเลย หลี่ไต้ที่โค้ชอยู่ในทีมวิ่งเร็ว ซึ่งไม่ได้ใช้ความอึดอะไรมากนัก หลีได้เลยไม่คิดว่าจะเอาวงแหวนมาใช้กับการฝึกใต้ เพราะเขาเชื่อว่ามีแต่การวิ่งระยะกลางกับไกลเท่านั้นที่ใช้ความอึด
แต่หลี่ไต้ก็ลืมไปเลย ว่านักวิ่งก็ต้องฝึกอยู่ในสภาวะที่กดดันและหนักหน่วงตลอดเวลา และใช้พลังงานไปเทียบเท่ากับการวิ่งระยะไกล10กิโลเลย การฝึกของฮาวหยูอี้ ถึงพลังงานของเขามาใช้มากกว่านั้นซะอีก
มันเป็นความผิดฉันเอง ฉันควรจะคิตให้ได้เร็วกว่านี้ว่ามันเอามาใช้ได้ หลี่ไต้หงุดหงิดแล้วเกาหัว โทษความโง่ของตัวเองส่วนๆ แต่อย่างน้อยมันก็ยังไม่สาย เขายังมีเวลาอยู่ หลี่ไต้ถอนหายใจแล้วกดใช้วงแหวนความอุดช่วยในการฝึกควบคู่ไปด้วย