Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 198
การฝึกของทั้งวันนั้นขึ้นอยู่กับการเริ่มต้นที่ดีในตอนเช้ส สําหรับนักกีฬา อาหารเช้าเป็นสิ่งที่สําคัญมากๆ สารอาหารจากข้าวเช้านั้น จะมอบพลังงานทั้งหมดในการฝึกรอบเช้า กลับกันข้าวเย็นนั้นไม่ค่อยจําเป็นเท่าไร สําหรับนักกีฬาที่ต้องการจะควบคุมน้ำหนักของตัวเอง นักกีฬาหลายๆคนจึงเลือกที่จะไม่กินข้าวเย็นตอนที่กําลังไดเอ็ต
งานวิจัยนึงเคยกล่าวไว้ว่า การไม่ได้กินข้าวเช้าเป็นเวลานานนั้นไม่เป็นผลดีกับตัวเองเอาซะเลย ตั้งแต่7โมงเช้าเชฟจะเตรียมอาหารที่หลากหลายเอาไว้ในโรงอาหารพร้อมเสิร์ฟสําหรับทุกคน เนื่องจากว่านักกีฬาในทีมชาตินั้นมาจากต่างพื้นที่ต่างถิ่นของประเทศ โรงอาหารจึงจําเป็นต้องเตรียมของกินที่ครอบคลุมลักษณะการกินของทุกคนให้ได้ และที่สําคัญคือต้องอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่า และภายในครึ่งชั่วโมง ทั้งโค้ชและนักกีฬา ก็จะโถมเข้ามาในโรงอาหาร ทําให้โรงอาหารหนาแน่น
หลี่ไต้วิ่งไปที่โรงอาหาร เชฟจําหน้าเขาได้แต่ไกล “ว่าไงหลี่ไต้ เอาแบบกลับบ้านเหมือนเดิมไหม?” เชฟถาม
“ใช่ครับ ผมขออาหารสําหรับ2ที่ ใส่กล่อง แล้วก็ขอไขให้ผมเพิ่ม2ฟองแล้วก็…”หลี่ไต้สั่งอาหาร และจากนั้นไม่นาน เชฟก็จัดการเสร็จใส่กล่องเรียบร้อยแล้วยื่นให้หลี่ไต้ หลี่ไต้ขอบคุณเชฟ ก่อนจะรับกล่องข้าวแล้ววิ่งออกจากโรงอาหาร
โค้ชบางคนที่เห็นแบบนั้น ก็เริ่มคุยกันเรื่องนี้
“นี้เจ้าหลี่ไต้มันเอาข้าวเช้าใส่กล่องอีกแล้วเหรอ เขาทําแบบนี้มา5-6วันแล้วนะ?”
“วันนี้วันที่ 7 แล้วตั้งหาก” อีกคนนึงตอบขึ้นมา “ฮาวหยูอี้ช่วงนี้ฝึกเป็นบ้าเป็นหลังเลย เขาว่ากันว่า เขาเริ่มฝึกตั้งแต่ตี5 แล้วกลับไม่ต่ำกว่า4ทุ่มเลย”
“ตี5-4ทุ่มเหรอ เดี๋ยวนะ ขอนับแปป …โห 17ชั่วโมงเลยเหรอ ทําไปได้ไงเนี่ย ฝึกนานขนาดนั้น ถ้าเป็นแบบนั้นแค่วัน2วันก็ยังพอรับได้ แต่นี้7วันแล้วเนี่ยนะ?! สุดจริงวะ ขนาดคนเหล็กยังรับการฝึกแบบนั้นไม่ไหวเลย!”
“มันก็ถูกแค่ครึ่งเดียวนะ อย่าลืมว่ามันจะมีเวลาพักและเวลากินข้าวเย็นด้วยซิ แต่เขาก็ยังคงฝึก13-14ชั่วโมงต่อวันอยู่ดี เพราะงั้นการที่จะฝึกต่อแบบนี้ยาวๆ 7วันเนี่ยมันดูเป็นไปไม่ได้เลย”
“4ปีก่อน ตอนที่ฉันฝึกให้ฮาวหยูอี้ ฉันยังไม่คิดเลยว่าเขาจะอึดได้ถึงขนาดนี้
“เขาฝึกอย่างหนักมากด้วยนะ ฉันบอกได้เลยว่าตําแหน่งในเอเชี่ยนเกมที่สุดท้ายของการแข่งงงวิ่ง200เมตร เขาต้องได้ไปแน่นอน แต่ฉันก็สงสัยว่าเขาจะทนรับการฝึกแบบนั้นไปได้อีกซักกี่น้ำ”
เสียงของบทสนทนานี้ได้ยินไปถึง หวางเหยาซู ซึ่งทําให้เขาไม่สบายใจเอามากๆ
นี้มัน7วันแล้วนะ ทําไมเจ้าฮษวหยูอี้มันถึงฝึกแบบนั้นต่อไปได้วะ! นี้มันไม่สมเหตุสมผลเลย! หวางเหยาซูกําตะเกียบแน่นเหมือนว่ากําลังแสดงความไม่พอใจ
เจ้าฮาวหยูอี้มันฝึกทุกอย่างจบจริงๆ ฉันเห็นมากับตา ฉันเลยรู้ว่าเขาไม่ได้กู้เลย แล้วฉันก็รู้ว่าการฝึกของเขามันหนักมาๆด้วย แต่คําถามคือ เขารับไปได้ไง? ชูฉงลองฝึกแบบเดียวกันแล้ว แต่แค่10ชั่วโมงเขาก็ลงไปหมอบแล้ว ทําไมกัน หรือว่ามันเป็นที่แผนการฝึก?
หวางเหยาซูนึกถึงหลี่ไต้ขึ้นมา แล้วมันก็ทําให้เขาหงุดหงิด
ก่อนหน้านี้หวางเหยาซูได้สังเกตการณ์โค้ชของหลี่ไต้ แต่เขาก็ไม่ได้เจออะไรแปลกๆเลย วิธีของหลี่ไต้นั้นมันเป็นวิธีเดียวกับที่ใช้ในทีมชาติ หวางเหยาซูเลยคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี
หวางเหยาซูยังมีอีกเหตุผลนึงในใจที่มันติดอยู่อย่างนั้นมานานมากแล้ว ว่ามันอาจจะเป็นเพราะการนวดของหลี่ไต้ หวางเหยาซูเคยลองลอกเรียนแบบท่าการนวดของหลี่ไต้ทุกประการ ทุกครั้งที่พวกเขาเบรก หวางเหยาซูจะลองทําเหมือนหลี่ไต้ แล้วนวดขาให้ชูฉง แต่มันก็ไม่ได้ผล
ถ้าหลี่ไต้นวดให้ฮาวหยูอี้ประมาณ5-6นาที ฮาวหยูอี้ก็สามารถลุกขึ้นมาฝึกต่อแบบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ แต่สําหรับหวางเหยาซูถึงเขาจะนวดไปเป็น10นาที ชูฉงก็ยังลุกไม่ได้เลย
นี้เป็นเพราะความห่างชั้นระหว่าหลี่ไต้กับฉันงั้นเหรอ? ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับว่าเขาเก่งไม่เท่าหลี่ไต้ แต่มันก็มีความคิดเดียวที่อธิบายเรื่องแบบนี้ได้
ในตอนนี้หวางเหยาซูเริ่มเริ่มลนลานแล้ว เขาทํานายได้เลยว่าตําแหน่งสุดท้ายของเอเชี่ยนเกมต้องตกไปอยู่กับฮาวหยูอี้แน่ๆ เพราะเขาฝึกมากกว่าชาวบ้านเขาเยอะเลย
การฝึกนั้นขึ้นอยู่กับการสะสมความสามารถ มันก็เหมือนกับมาราธอน ถ้านักกีฬาวิ่งในระยะ1กิโลเมตร ช่องว่างระหว่างนักกีฬามันก็ยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่ถ้าเป็นการแข่งมาราธอนที่ระยะมากกว่า40กิโลเมตรขึ้นมา นักวิ่งจะเร็วกว่านักกีฬาคนอื่นเพียง1วินาทีในทุกๆกิโลเมตร ในตอนสุดท้าย พวกเขาจะห่างกันมากถึง40วินาที
ฮาวหยูอี้ได้ประโยชน์จากการสะสมนั้น ทุกๆวันเขาฝึกมากกว่าคนอื่นๆหลายชั่วโมงและหลังจาก2สัปดาห์ของการฝึก ความสามารถของเขาจะต้องเหนือกว่าของนักกีฬาคนอื่นๆแน่ๆ อีกอย่างฮาวหยูอี้ก็มีพรสวรรค์ในด้านการวิ่ง200เมตรอยู่แล้วด้วย มันยิ่งทําให้เขาเก่งขึ้นไปใหญ่
2อาทิตย์ผ่านไป ในทีมวิ่ง200เมตรมีการประเมินภายในเกิดขึ้น นักกีฬา6คนเข้าร่วมการแข่งขัน ใน6คนนั้นไม่ใช่ว่าทุกคนจะวิ่งได้ภายใน20.75วินาที บางคนก็แค่มาวัดดวง คนที่เก่งที่สุดในนั้นมีแค่ฮาวหยูอี้กับชูฉงเท่านั้น
ในอัฒจันทร์หลัก ชูเหล็นฮาวจ้องมองไปที่เส้นปล่อยตัวแล้วถาม “ได้ยินมาว่าทั้งฮาวหยูอี้และชูฉงได้รับการฝึกเพิ่มเติมเหมือนกัน ซู นายว่าใครจะชนะ?”
“ฮาวหยูอี้แน่นอน!”ซูหลี่ตอบอย่างไม่ลังเล “ถึงแม้ว่า2คนนั้นจะฝึกพิเศษเหมือนกัน แต่น้ำหนักการฝึกของฮาวหยูอี้มันเยอะกว่ามาก ผลของการฝึกอย่างหนักในระยะสั้นมันทําให้เขาน่าจะชนะแน่ๆ
ชูเหล็นฮาวพยักหน้าเบาๆ ถ้าเวลาและความเข้มขนในการฝึกปรกติ ถึงแม้จะฝึกพิเศษไปมันก็ไม่ได้ผลเท่าไรหรอก เพื่อที่จะให้พัฒนาต่อไปได้ คนๆนั้นต้องทุ่มทั้งแรงกายแรงใจและเวลาให้มากขึ้นภายใต้การฝึกความเข้มข้นสูง
มันก็เหมือนกับพฤติกรรมของนักเรียนมหาลัยก่อนสอบนั้นละ ห้องสมุดก่อนสอบคนจะแน่นเป็นพิเศษ นักเรียนจะมาติวหนักเก็งกันก่อนสอบ นักเรียนที่แย่ๆบางคนที่ไม่เข้าเรียนเลย ตลอดทั้งเทอมส่วนมากก็ใช้วิธีนี้ในการผ่านสอบเหมือนกัน
เสียงปืนดังขึ้นและฮาวหยูอื้ออกตัวไปได้ดี การออกตัวทันทีที่เสียงปืนดังสมบูรณ์แบบมากไม่เร็วไม่ช้าเกินไป หลี่ไต้เริ่มโล่งใจขึ้นมา
ถ้าออกตัวไม่พลาดงั้นก็หมายความว่าฮาวหยูอี้ชนะแล้วละ! หลี่ไต้ยิ้ม
ก่อนที่จะเริ่มการทดสอบ หลี่ไต้ได้เข้าไปตรวจสอบความสามารถของนักกีฬาทุกคนมาแล้วและผลบอกว่า ฮาวหยูอี้มีค่าความสามารถเหนือกว่าทุกคน แถมฮาวหยูอี้ยังมีวงแหวนระเบิดพลังคอยช่วยอีก ทําให้เขาไม่มีทางแพ้แน่ๆ
ส่วนที่ยืนข้างๆหลี่ไต้คือหวางเหยาซูที่ตอนนี้ดูกังวลเอามากๆ เขามองหลี่ไต้แล้วเห็นว่าหลี่ไต้กําลังยิ้มอยู่
ยิ้มเหรอ? ไปเอาความมั่นหน้าแบบไหนมายิ้มวะ มั่นใจในฮาวหยูอี้ขนาดนั้นเลยเหรอ?
หวางเหยาซูกลับไปมองที่สนาม แล้วพบว่าฮาวหยูอี้ขึ้นนําอยู่ หวางเหยาซูเริ่มเหงื่อตก
“ดูเหมือนว่าการฝึกแบบเข้มข้นพิเศษจะได้ผลแหะ!”โค้ชที่ยืนอยู่ข้างๆหวางเหยาซูพูด พอได้ยินแบบนั้น หวางเหยาซูก็เครียดหนักกว่าเก่า
บนอัฒจันทร์ ชูเหล็นฮาวและซูหลี่มองหน้ากันเอง ผลมันออกมาชัดเจนแล้ว
ฮาวหยูอี้ได้ตั๋วใบสุดท้ายไปเอเชี่ยนเกมแล้ว