Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 200
เหลืออีกเพียง1เดือนเท่านั้นก่อนการแข่งขันเอเชี่ยนเกมจะเริ่มต้นขึ้น ทางทีมชาติก็ได้เดินทางมาถึงเมืองที่จัดงานอย่างเมืองชิงโค่วแล้ว
ข้อดีของการเป็นเมืองเจ้าภาพคือนักกีฬาสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องความรู้สึกเป็นธรรมชาติกับเรื่องของสภาพอากาศ แต่ละที่ก็จะส่งเสริมนักกีฬาของตัวเอง ในสมัยโบราณตอนที่การแพทย์ยังไม่ได้พัฒนาขนาดนี้ ผู้คนจํานวนมากมักจะตายระหว่างการเดินทางในระยะทางไกลๆไปยังต่างประเทศ ในช่วงเวลานั้น คนเราก็ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะเดินทางไปยังเขตต่างๆ
สําหรับนักกีฬาแล้ว การเดินทางไปแข่งนั้น สิ่งสําคัญที่สุดก็คือเรื่องของการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ เมื่อพวกเขามาถึงที่ใหม่ แล้วพวกเขาก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศ อุณหภูมิ เวลาที่ต่างออกไป อาหารที่ต่างกัน รวมไปถึงที่พักและอื่นๆ
นักกีฬาจะต้องทําตัวให้ชินกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้ พวกเขาจะได้แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทีมชาติมาถึงเมืองชิงโค่ว1เดือนก่อนเพื่อให้นักกีฬาเคยชินกับที่นี้ก่อน
เมืองชิงโค่วตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งเป็นภูมิอากาศที่ต่างออกไปจากเมืองฮั่วจิงอย่างชัดเจน อีกอย่าง อาหารการกินในเมืองชิงโค่วนี้ก็แปลกประหลาดสําหรับนักกีฬาชาวเหนือส่วนมากอีกด้วย สาเหตุที่ทีมชาติต้องพามาก่อนเวลาถึง1เดือนก็เพราะต้องการให้นักกีฬาเริ่มคุ้นชินกับอาหารที่นี้ด้วย
ทีมวิ่งประกอบไปด้วยผู้เข้าแข่ง5คน หยางฉือจี๋ หนิวกั๋วหงและ ฮาวหยูอี้เป็นหน้าใหม่ในการแข่งนี้ หนิวกั๋วหงโดนโยกมาสํารองที่การแข่งวิ่งผลัด และไม่ได้มีการแข่งเดียวให้ต้องกังวล ส่วนหยางฉือจีวิ่งในระยะ100เมตร ในขณะที่ฮาวหยูอี้แข่งในระยะ200เมตร
อีก2คนที่เหลือคือ ฉืออี้จุน กับเหว่ยซือเต๋าที่เข้าแข่งด้วยเหมือนกัน ทั้ง2คนเข้าไปแข่งในกีฬาโอลิมปิคเมื่อปีที่แล้วเหมือนกัน แล้วพวกเขาก็อยู่ในระดับต้นๆของเอเชีย พวกเขามาเพื่อชิงเหรียญโดยเฉพาะ ในกีฬาเอเชี่ยนเกมนี้ ทั้ง2คนเข้าร่วมในการแข่งทั้งในระยะ100และ200เมตร
สําหรับทีมชาติแล้ว หยางฉือจี๋กับหนิวกั๋วหงนั้นมาเพื่อเก็บประสบการณ์พวกเขาเป็นตัวแทนของทีมชาติในอนาคต ส่วนฮาวหยูอี้นั้นเป็นผู้เข้าแข่งในระยะ200เมตรที่ทีมชาติไม่ได้หวังอะไรมากส่วนหน้าที่ชิงเหรียญคงจะให้เป็นหน้าที่ของฉืออี้จุน กับเหว่ยซือเต๋า
ระหว่างช่วงเดือนนั้นเองนอกจากการฝึกขั้นพื้นฐานแล้ว ทีมชาติวิ่งยังเน้นความสําคัญไปที่การฝึกวิ่งผลัดด้วย และด้วยความที่หนิวกั๋วหงลงแข่งในกีฬาวิ่งผลัดด้วย เขาจึงตั้งใจกับมันเป็นพิเศษ ในขณะที่หยางฉือจี๋กับฮาวหยูอี้ที่เข้าร่วมด้วยเช่นกัน หลี่ไต้ลยถือโอกาสเอาทีมวิ่งทั้งทีมเข้าไปอยู่ในรายการฝึกของระบบโค้ช เพื่อให้ได้ค่าประสบการณ์พร้อมกันทั้งหมดไปเลย
4-5วันก่อนการแข่งเอเชี่ยนเกมจะเริ่ม ทางคณะของต่างประเทศก็เริ่มมาถึงกันที่เมืองชิงโค่วกันแล้ว การแข่งเอเชี่ยนเกมกําลังจะเริ่มต้นขึ้น
ในสนามฝึกซ้อม การแข่งรอบอุ่นเครื่องของกีฬาวิ่ง100เมตรชายกําลังจะเริ่มขึ้น
และเพราะว่ามีนักวิ่งจํานวนมากเข้าแข่งในรายการวิ่ง200เมตร เพื่อที่จะลดความเครียดและความเหนื่อยล้าของนักกีฬา การแข่งวิ่ง100และ200เมตรจะแบ่งตารางแยกกัน ส่วนการแข่งวิ่งผลัดจะจัดอยู่ในช่วงสุดท้ายของการแข่งกรีฑา
นักกีฬา3คนในการวิ่ง100เมตร คือ ฉืออี้จุน และเหว่ยซือเต๋าและหยางฉือจี๋2คนแรกนั้นเคยไปแข่งโอลิมปิคแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่เคยชนะในรายการใหญ่ๆมาก่อน แต่เมื่อพวกเขาลงสนามจริง พวกเขากลับดูผ่อนคลายและสบายๆมากๆ
ในทางกลับกัน นี้เป็นครั้งแรกของหยางฉือจี๋ที่ได้มาแข่งในรายการนานาชาติที่ใหญ่ ก็ไม่แปลกใจที่จะตื่นเต้นเป็นเรื่องธรรมดา
แต่โชคดีที่หยางฉือจี๋สามารถผ่านการแข่งรอบอุ่นเครื่องไปได้อย่างไม่ยากเย็น เลเวลทางการกีฬาของชาวเอเชียโดยรวมแล้วจะอยู่ในระดับที่ต่ำ ผู้เข้าแข่งหลายๆคนมักจะมีส่วนร่วมในการแข่งรอบอุ่นเครื่อง ประเทศอย่างติมอร์เลสเตร์หรือมัลดีฟมีนักวิ่งในระดับแค่มือสมัครเล่นระดับก่อนเป็นโปร หรือไม่ก็แค่ชอบวิ่งเฉยๆก็ยังมี
โค้ชทีมชาติตอนนี้กําลังคอยจ้องคู่แข่งที่แกร่งๆ ซูหลี่ชี้ไปที่นักกีฬาผิวสีคนหนึ่งแล้วแนะนําให้หลี่ไต้รู้จัก “เห็นคนนั้นไหม เขาคือ คลาร์ก จากกาตาร์! ตอนนี้เขาครองตําแหน่งชายที่เร็วที่สุดในเอเชียตอนนี้อยู่!”
หลี่ไต้มองไปทางที่ชี้แล้วพบกับนักกีฬาผิวสีเข้มตัวไม่สูงมากคนนึง เขาสูงประมาณแค่1.6เมตร เขาดูไม่ได้แข็งแรงอะไรมากนักดูแก่ไปหน่อยด้วย เขาดูเหมือนคนอายุ40ทั้งๆที่ประวัติบอกไว้ว่า เขาอายุแค่30
คลาร์กเกิดในเคนย่า ก่อนจะย้ายมาอยู่กาตาร์ และหลังจากนั้นเพียง2ปี เขาทําให้กาตาร์เป็นแชมป์เอเชียครั้งแรก และหลังจากนั้นอีก2ปี เขาก็วิ่งเร็วถึงขนาดต่ำกว่า10วินาทีได้สําเร็จ ซึ่งทําลายสถิติของชาวเอเชียทั้งหมด เขาเป็นชาวเอเชียคนแรกที่วิ่งได้ต่ำกว่า10วินาที
ความสําเร็จของคลาร์กนั้นทําให้เทรนด์การนําเข้านักกีฬาในเอเชียตะวันตกดังขึ้นมา ประเทศอย่างเช่นซาอุดิอารเบีย อาหรับเอมิเรตหรือบาเรนก็เริ่มที่จะนําเข้านักกีฬาจากประเทศแถบแอฟฟริกาซะเยอะ ดังนั้นในเอเชี่ยนเกมสมัยนี้ นักกีฬาผิวสีเลยเห็นได้ทั่วไปแล้ว
ซูหลี่ชี้ไปอีกทางนึงก่อนจะพูด “ส่วนทางนั้น พวกญี่ปุ่น เห็นโค้ชที่หวีผมเรียบแป้เนี๊ยบๆนั้นไหม? เขาเคยเป็นราชานักวิ่งชาวเอเชีย ซาซากิ อะกิตะ!”
ถ้าเทียบกับคลาร์กแล้ว ซาซากิคุ้นกับหลี่ไต้มากกว่า เพราะว่าเขาเป็นถึงตัวแทนของยุคทองวงการวิ่งของเอเชีย
ประเทศญี่ปุ่นนั้นคุมวงการวิ่งของเอเชียมาเป็นเวลามากกว่า30ปี ช่วงนั้นเรียกว่าเป็นยุคทองของญี่ปุ่นเลยก็ได้ แล้วซาซากิอะกิตะคนนั้น ก็เป็นตัวแทนของยุคนั้น หลังจากที่เขาเกษียรแล้ว เขาก็ไปเป็นโค้ชทีมชาติญี่ปุ่นแล้วก็กลับมาคืนสนามเอเชี่ยนเกมอีกครั้ง
ซูหลี่พูดต่อ “เห็นชายหนุ่มที่ยืนข้างๆซาซากิไหม ที่ตัดผมเกรียนหน่ะ เขาเป็นนักวิ่งมากพรสวรรค์ที่ชื่อ โอดะ โชคิ โอดะ โชคิคนนี้อายุ20ปี เขาเคยวิ่งได้9.97วินาทีตั้งแต่สมัยยังเรียนม.ปลาย ถึงแม้ว่าตอนนั้นมันยังไม่นับผลอย่างเป็นทางการเลยเก็บมาเป็นสถิติไม่ได้ แต่เขาก็ยังเป็นนักกีฬาที่เก่งมากอยู่ดี
“โอดะ โชคินับว่าเป็นอนาคตของวงการวิ่งญี่ปุ่น ถึงแม้เว่าตัวเขาจะอายุแค่20 แต่เขาก็มีประสบการณ์สูงมาก ปีที่แล้ว ในการแข่งIAAF ที่โอซาก้า เขาแข่งกับนักวิ่งระดับท็อปๆของโลก”
“แข่งกับนักวิ่งตัวท็อประดับโลกเลยเหรอครับ? แล้วที่โหล่ไหมครับ?” หลี่ไต้ยิ้ม
“เปล่าเขาเป็นที่รองโหล่” ซูหลี่พูด
“มีใครที่เขาชนะได้ด้วยเหรอครับ?”หลี่ไต้ถามอย่างตกใจ
“มีนักกีฬาคนนึงปรับแพ้ฟาวน์เพราะออกตัวก่อนกําหนด โอดะเลยได้ที่รองโหล่ด้วยความฟลุค” ซูหลี่พูดต่อ “หยางฉือจี๋ก็อายุน้อยกว่าโอดะแค่ไม่กี่เดือน พวกเขาถือว่าเป็นคู่แข่งกัน แต่ตอนนี้ โอดะมีแต้มต่ออยู่เยอะเลยจากประสบการณ์ที่มากกว่าหยางฉือจี๋เยอะ”
“คนญี่ปุ่นส่วนมากจะปลูกฝังนักกีฬาแบบใช้ความหวังเพื่อให้พวกเขาเติบโตขึ้นมา ซึ่งมักจะทําโดยการส่งนักกีฬาวัยรุ่นอายุน้อยๆไปแข่งในระดับนานาชาติ เพื่อไปแข่งกับผู้ใหญ่อายุ20กว่าๆ ที่อยู่ในจุดสูงสุดของความสามารถ เมื่อพวกเขาชนะการแข่ง สื่อก็จะอวยพวกเขาอย่างแรง แต่เมื่อเหล่าอัจฉริยะพวกนี้โตขึ้นมา พวกเขาก็จะโดนลืมตลอด” หลี่ไต้กล่าวโทษ
“มันอาจจะเป็นธรรมชาติของคนญี่ปุ่นก็ได้ พวกเขามักจะเดิมพันอนาคตไว้กับปัจจุบัน แต่วงการกีฬามันต้องการให้นักกีฬาเติบโตขึ้นที่ละขั้นมากกว่า ไม่มีใครสามารถกลายมาเป็นยอดมนุษย์ได้ในวันเดียวหรอก ดังนั้นถึงส่วนมากพวกเขาจะชนะในตอนนี้ แต่ในอนาคตพวกเขาก็แพ้อยู่ดี”ซูหลี่ตอบกลับ
ในตอนนั้นเองที่หลี่ไต้ตรวจสอบโอดะ โอดะนั้นมีพรสวรรค์ระดับB ซึ่งก็ถือว่าดี แต่น้อยกว่าหยางฉือจี๋ แต่ถึงอย่างนั้น ระดับความสามารถของเขาถือว่าสูงทีเดียว แล้วก็สูงกว่าหยางฉือจี๋มากด้วย หลี่ไต้รู้ดีกว่าความสามารถขนาดนั้นมาจากการสะสมประสบการณ์และทรัพยากรการฝึกทั้งหลาย
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เป็นเกาะก็จริงแต่ก็ยังเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นอันดับ2ของโลกอีกด้วย พวกเขามีทรัพยากรการฝึกกีฬาที่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ถ้าพวกเขายัดทุกอย่างให้โอดะโชคิคนนี้ ความสามารถของเขาเยอะขนาดนี้ก็ไม่แปลก
เอาจริงๆนักกีฬาญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์ที่คล้ายๆกันอย่างหนึ่ง คือเมื่อพวกเขายังหนุ่ม พวกเขาจะถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะที่100ปีจะมีคนนึง แล้วก็คาดหวังว่าจะเป็นแชมป์โลกในอนาคต ชนะทุกคนในทุกการแข่งขัน แต่ในความเป็นจริงเมื่อพวกเขาโตะขึ้น พวกเขาก็จะกลายเป็นคนธรรมดาที่แพ้คนอื่นในการแข่ง
แล้วทันใดนั้น ก็มีเสียงโฮ่มาจากคนดูดังขึ้น
อะไร? เกิดอะไรขึ้น? หลี่ไต้หันไปดูรอบๆ เขาเห็นลางๆว่ามีคนต้องการให้ช่วยพาออกจาหลุมทรายกระโดดไกล ดูจากสีเสื้อแล้ว มันเป็นนักกีฬาของทีมชาติจีน
“คนของเราบาดเจ็บ!” หลี่ไต้พูด
ในตอนนั้นเองที่โทรศัพท์ของซูหลี่ดังขึ้น เขารับโทรศัพท์แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนสี
“ในการแข่งกระโดดไกลรอบชิง ฝางไฮควานข้อเท้าพลิกจากการกระโดดครั้งที่2! ฉันต้องไปดูเขาเดี๋ยวนี้” ซูหลี่พูดอย่างเร่งรีบแล้วเร่งเดินไปทางนั้น
“ผมไปด้วย!” หลี่ไต้ตามซูหลี่ไปอย่างไม่ลังเล