Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 225
ตอนที่ 225 คนดี
เฉียวหยูหนานมองดูชายด้านหลังเธอด้วยความโกรธเก็บลูกประมาณจะบอกว่าเขายังเข้าไปช่วยได้เลย ทําไมฉันจะเข้าไปไม่ได้
คนที่ล้มอยู่ดูไร้หนทางมาก เขาคงไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาช่วยตาแก่คนนึงที่ไม่รู้จักโดยที่ไม่ระระวังตัวก่อนแน่ๆ
แต่คนๆนี้ คนที่เป็นเพื่อนร่วมของของหลิวเป่ากังนี้ โค้ชจากทีมชาติด้วย เฉียวหยูหนานจําหลีไต้ได้
“คุณครับ โอเคไหม?” หลีใต้ถามด้วยความระมัดระวังแล้วตรวจดูคนแก่
เอาจริงคนแก่นั้นก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้นหรอก ดูจากภายนอกแล้วเขายังอายุน้อยกว่า60 แต่ด้วยผมที่หงอกทําให้เขาดูอายุมากกว่านั้น เขาดูเจ็บปวด กัดฟันแน่น และเอามือทั้ง2ข้างกุมขาเอาไว้
พอได้ยินหลีใต้ถามว่าโอเคไหม ชายแก่เลยตอบ “ขาผมเป็นตะคริว!”
หลีใต้เข้าใจทันทีว่าทําไมชายแก่คนนี้ถึงล้ม
การวิ่งมาราธอนนั้นตะคริวถือว่าเป็นเรื่องที่ธรรมดาเอามาๆเพราะว่านักกีฬาพวกนี้มักจะเสียพลังงานอย่างมากและมีปริมาณอิเล็กโทรไลต์ไม่เพียงพอชายคนนี้เลยเสียสมดุลตอนที่เขาเริ่มเป็นตะคริวเลยล้มไปกับพื้น
“ยืดขาครับ อย่างงั้นละครับ อย่างอขานะครับให้ผมช่วยนะ”ด้วยความที่หลีใต้เป็นโค้ชมืออาชีพมันจึงเป็นเรื่องธรรมชาติของเขาที่ต้องเจอกับตะคริวเขารู้วิธีจัดการกับมันดี
นาทีต่อมา ความรู้สึกเจ็บปวดของชายแก่ก็หายลงไปเยอะอาการตะคริวกินดูเหมือนจะหายไปแล้ว
“เป็นไงบ้างครับ ดีขึ้นไหม?”หลีใต้ถาม
“หายเป็นตะคริวแล้ว แต่ยังเจ็บตรงนี้ ตรงน่องอยู่เลย” ชายแก่พูด
“กล้ามเนื้อของคุณมันตึงเกินไป” หลี่ได้จับน่องของชายแก่แล้วพูด“ให้ผมนวดให้นะครับ”
หลีใต้ใช้การนวดผ่อนคลายซึ่งมันใช้ได้ผลกับคนธรรมดาและในอีกไม่นาน ชายแก่คนนั้นก็รู้สึกผ่อนคลายมากๆอาการบาดเจ็บที่เกิดจากตะคริวหายไปหมดแล้ว
“พ่อหนุ่ม นวดเก่งเหมือนกันนี้ เป็นหมอนวดเหรอ?” ชายแก่ถามแล้วมองไปที่หลีใต้
“เปล่าครับ ผมเป็นโค้ชกีฬา” หลีใต้ตอบ
“ไม่แปลกใจเลยที่เก่งกับเรื่องพวกนี้” ชายแก่พูดต่อ “สมัยนี้พอคนธรรมดาเห็นคนแก่ๆอย่างฉันล้มลงไปพวกเขาต้องลังเลกันก่อนตลอดเลยไม่ค่อยมีใครเหมือนพ่อหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าฉันเท่าไรหรอก”
หลี่ได้ยิ้มแต่ไม่ตอบอะไรตอนที่เขาเห็นชายแก่ล้มเขาไม่คิดอะไรมากเลยเขาแค่อยากจะช่วย
“หัวหน้าเป็นอะไรรึเปล่าครับ?” เสียงร้องอย่างกังวลใจดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ
คนที่ตามเสียงนั้นมาเป็นชาย3คน คนแรกเป็นชายที่อ้วนนิดหน่อยอายุ30กว่าๆ ส่วนอีก2คนเป็นชายอายุ20ที่วิ่งตามมา
ชายอ้วนวิ่งตรงเขาหาหลีใต้และชายแก่ หอบหายใจอย่างหนักก่อนจะมองหลีใต้แล้วพูดทันที “นี้แกชนผู้จัดการล้มใช่ไหม”
หลี่ได้รู้สึกว่าทั้งรําคาญแล้วก็ทั้งประหลาด แต่หลังจากลองคิดอีกทีเขาก็คิดว่ามันก็ไม่แปลกหรอกเพราะจักรยานของเขาก็อยู่ข้างๆไม่แปลกหรอกที่คนจะคิดว่าเขาชนชายแก่ล้มเราะ
“หลิน อย่ามาชี้ชั่วนะ! คนๆนี้เขาเป็นคนดี!” ชายแก่จ้องไปที่ชายอ้วนแล้วพูด“ฉันล้มเพราะตะคริวกินส่วนคนๆนี้ใจดีเข้ามาช่วยฉัน!”
ชายอ้วนรู้สึกอายทันที เขายิ้มแล้วพูด “ขอโทษนะที่เข้าใจนายผิด”
“ไงครับ ผู้จัดการเฉียว เห็นไหมครับ? อันตรายมากเลยนะครับนั้น! โชคดีนะที่ชายแก่คนนั้นเป็นคนมีเหตุผล ไม่งั้นถ้าเป็นมิจฉาชีพเหมือนกันนะ โดนฟันเงินยับแน่นอน” ชายที่อยู่ข้างๆเฉียวหยูหนานพูดต่อ“ชายแก่คนนั้นก็ไม่ใช่ตาแก่ธรรมดาเหมือนกันนะ”
“ทําไมละ” เฉียวหยูหนานถาม
“ผมได้ยินคนๆนั้นเรียกชายแก่ว่าผู้จัดการ ในเมืองของเรานั้นมันเป็นเรื่องยากมากที่จะบอกได้ว่าผู้จัดการมันเป็นตําแหน่งอะไร แต่ปรกติแล้ว ถ้าผู้จัดการเฉยๆมักจะไม่ได้เป็นตําแหน่งเล็กๆแน่ๆตําแหน่งนี้มันมีความหมายมาก บางองกรณ์เล็กๆอาจจะมีผู้จัดการหลายคน แต่ในขณะเดียวกันหัวหน้าคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติก็เรียกว่าผู้จัดการเหมือนกัน แล้วบางผู้จัดการในคณะกรรมการนั้นก็ทําให้บริษัทใหญ่ๆมีปัญหาได้ง่ายๆเหมือนกันครับ”
“เข้าใจแล้ว โค้ชหนุ่มจากทีมชาตินั้นเป็นคนที่ใจดีมากเลยนะ”เฉียวหยูหนานพยักหน้าแล้วพูด “ก็ไหนๆทุกอย่างก็โอเคแล้ว ไปกันเถอะ
หลีได้ไม่รู้ตัวหรอกว่าเขาถูกตราหน้าโดยเฉียวหยูหนานไว้ว่าเป็นคนดีไปแล้ว
ทําไมหลีใต้ยังไม่มาอีกน้า ถึงจะขี่จักรยานเช่า แต่เขาก็น่าจะไม่ช้าขนาดนี้นะ หลิวเป่าลังมองนาฬิกาแล้วคิดกับตัวเอง
เขามองไปข้างหน้าอีกรอบแล้วเห็นหลีใต้ ขับมาพร้อมกับนักวิ่งอีกเกือบ10คน
หลี่ได้มาช้าจนมาพร้อมๆกับนักวิ่งแถวหน้า ฉันไม่รู้หรนอกว่าทําไมเขาถึงสายแต่เจ้าเด็กคนนี้มันเป็นโค้ชมาราธอนที่ไม่มีออาชีพเอาซะเลย ก็ไม่แปลกละที่ไม่เตรียมพร้อมอะไรเลยหลิวเป่ากังหยิบขวดน้ําแล้วคิดกับตัวเอง
หลีไต้ซึ่งจักรยานขับตรงเข้ามาที่จุดเสบียงแล้วรีบถอดเบี้เอาน้ําออกมาเตรียมยื่นให้ทีมเขา
พอหลีใต้มาถึงทีมตํารวจก็มาถึงจุดเสบียงพอดี หลีใต้ยิบน้ําออกมาให้อย่างไวแล้วรีบซิ่งไปที่จุดเสบียงต่อไปที่17.5กิโลทันที
คนที่วิ่งมาได้ถึงหลักกิโลที่17.5เป็นคนแรกๆก่อนคนอื่นนั้น มักจะไม่ใช่คนธรรมดาๆ และจนถึงตอนนี้ยังไม่มีทีมไหนมาถึงจุดเสบียงนี้เลยและหลิวเป่ากังก็ภาวนาในใจว่าให้เป็นทีมของตั้งเทียนที่มาถึงไวที่สุดที่ทําได้
มาแล้ว! หลิวเป่ากังถอนหายใจอย่างโล่งอก วินาทีต่อมา เขาก็ได้เห็น กลุ่มผึ้งเทียนนั้นมีอีกทีมหนึ่งที่ตามมาติดๆ คือทีมที่ใส่เสื้อกีฬาสีน้ําเงิน
นั้นมันทีมตํารวจ
ตั้งแต่เริ่มแรก ทั้ง2ทีมวิ่งเทียบกันมาตลอด และไม่มีใครแซงใครกันได้แบบเห็นได้ชัดอะไร
มันเกือบจะถึง3.5กิโลเมตรสุดท้ายแล้ว มันต้องได้ตัดสินกันแล้ว ตอนนี้พวกนายต้องเร่งกันหน่อยแล้ว หลิวเป่ากังหยิบปากกาและเขียนข้อความลงไปบนขวดเครื่องดื่ม
และในขณะเดยวกัน หลีใต้ก็เขียนไปอย่างเร็วเหมือนกัน
ในช่วย3.5กิโลสุดท้ายนี้ มันถึงเวลาที่จะต้องเร่งความเร็วกันแล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากวงแหวนเพิ่มความอึก สภาพร่างกายของทีมฉันจึงดีกว่าทีมของโค้ชหลิง หลีใต้คิดแล้วเขียนข้อความบอกให้ทีมเร็วขึ้นในกระดาษแล้วแปะลงไปที่เครื่องดื่มก่อนจะเดินไปข้างสนาม
โค้ชหลิวเป่ากังมาอยู่ตรงจุดเดียวกันแล้วพร้อมที่จะส่งข้อความให้ทีมตัวเองกันแล้ว
ทั้ง2ทีมได้รับข้อความแล้วก็เริ่มเพิ่มความเร็วขึ้นไปร้อมๆกัน
พวกนั้นก็เร็วขึ้นเหมือนกันเหรอ! ความคิดนี้ผุดขึ้นมาทั้งในหัวหลีใต้และหลิวเป่ากัง พวกเขามองด้วยสายตาเครียดแค้นผสานกัน
หลีใต้อยู่ในทีมชาติแบบไม่เสียเปล่าจริงๆ ถึงแม้เขาจะไม่ใช่โค้ชมาราธอน แต่อย่างน้อยเขาก็เรียนรู้เทคนิคติดกลับมาด้วย เขารู้ว่าจังหวะไหนควรเร่งความเร็ว หลิวเป่ากังคิด
ส่วนหลี่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีกําลังใจมากขึ้น
หลิวเป่าทั้งนั้นเลือกที่จะเร็วขึ้นเหมือนกัน เขาคิดแบบเดียวกับฉันหมายความว่าฉันทําถูกแล้ว!บางที่วันนี้เราอาจจะชนะก็ได้! ถ้าชนะโค้ชมาราธอนทีมชาติได้คงรู้สึกดีแย่เลย!