Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 233
ตอนที่ 233 10/10
ฉาเปาจุนเคยคิดว่าหลีใต้นั้นจะเลือกนักกีฬาที่เก่งที่สุด1คนจาก3คนและลูกศิษย์ของเขาอย่างเฉินกุนคงจะเป็นคนสุดท้ายที่เขาจะเลือกเพราะว่าเฉินกุนนั้นเป็นคนที่แก่ที่สุดแล้ว
และถึงแม้ว่าหลีใต้จะเลือกไป2คร โอกาสที่หลีใต้จะเลือกเฉินกุนก็ยังต่ําอยู่ดี
แต่ถึงอย่างนั้น พอหลีไต้บอกว่าจะมุ่งเน้นไปที่การวิ่งผลัด มันก็ทําให้เกิดความรู้สึกแย่ๆขี้นมาในใจของฉาเปาจุนทันที การแข่งวิ่งผลัดนั้นจําเป็นที่จะต้องใช้คน4คน และทันทีที่ชูเหว่ยตงอนุมัติความเห็นของหลีไร้ ทีมกรีฑาจําเป็นที่จะต้องส่งนักวิ่ง4คนที่ดีที่สุดไปให้หลีใต้แน่ๆ แล้วถ้ารวมตัวสํารองแล้วละก็ นักกีฬา5-6คนจะต้องได้ไปอยู่กับหลีใต้แน่ๆ
ถ้าเป็นงั้นจริงไม่ใช่แค่นักกีฬาของหลี่ถั่วตงเพียงอย่างเดียว แต่มันจะรวมถึงนักกีฬาของหมด
เลือกไปฝึกกีฬาวิ่งผลัด
ฉันดูถูกหลีใต้ไปเอง ความคิดของเขาที่ว่าจะเน้นไปที่การวิ่งผลัดนั้นเหนือความคาดหมายมากถ้าฉันรู้อย่างงี้ ฉันคงจะเข้าเป็นพวกกับเจ้าหลี่ถั่วตงไปตั้งแต่เมื่อวานเลยจะดีกว่า การคัดค้านของคนหลายๆอาจจะคัดค้านหลีใต้ได้ก็จริง แต่ตอนนี้เราต่างคนต่างค้านแล้ว ถ้าขาดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแบบนี้ เรามีปัญหาแน่ๆ
ฉาเปาจุนกลอดตา เขาไม่ได้แสดงการต่อต้านทางคําพูดเหมือนหลี่ถั่วตง แต่กลับกัน เขาทําตัวปรกติแต่แฝงความปองร้าย ด้วยรอยยิ้มสดใสแต่น้ําใจเชือดคอ เขาพูด
“โคเชหลี่ ผมมีคําถามครับ ทีมไทยชนะการแข่งเอเชี่ยนเกมไปเมื่อปีก่อนแล้ว ความสําเร็จของพวกเขาตอนนี้มาจากการฝึกที่ยาวนาน ประสบการณ์ของพวกเขาแน่นมากถ้าเทียบกับ ของเรา ที่จะต้องทําให้ได้ด้วยเวลาอันสั้น แล้วเราจะมีเวลาพอที่จะเรียนรู้เหมือนที่ทีมชาติไทยทําได้หรอครับ? เรามีเวลามากสุดแค่3เดือนเองนะครับก่อนการแข่งรอบคัดเลือกจะเริ่ม ถ้าเราเริ่มฝึกวิ่งผลัดตอนนี้ ไม่ใช่ว่ามันจะสายไปแล้วเหรอครับ?”
ความมั่นใจของหลีใต้นั้น มาจากป้ายชื่อที่ชื่อว่า”โซ่เชื่อมสามัคคี” แต่ถึงอย่างนั้น เขายังต้องพูดให้ฉาเปาจุนเชื่อถืออะไรที่มีอยู่จริงๆให้ได้ก่อน
“โค้ชคนนั้นคือ ฉาเปาจุนครับ” ใครบางคนหลังหลีใต้แนะนําเขาให้รู้จัก
หลีได้พยักหน้า “โค้ชฉา ผมเข้าใจเรื่องที่คุณเป็นห่วงดี คุณกังวลเรื่องที่ว่าเราคงจะไม่สามารถทําได้เท่าทีมไทยถ้าเราเริ่มฝึกตอนนี้ซินะครับ เอาจริงๆแล้ว จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ของผมโค้ชในทีมชาติเราก็ได้ศึกษาการวิ่งผลัดของทีมไทยมานานแล้วเหมือนกันครับ พวกเขาได้ทําการวิเคราะห์และเก็บรวบรวมข้อมูลตจากหลายๆมุมมอง ผมสามารถบอกได้แค่ว่าตอนนี้ทีมชาติของเราสามารถฝึกแบบเต็มระบบได้เหมือนทีมชาติไทยละครับ ในทีมชาติตอนนี้ ก็ได้เริ่มวางแผนการฝึกที่คล้ายๆกับของทีมชาติไทยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น นักกีฬาในทีมชาติส่วนมากจะยุ่งอยู่กับการแข่งแบบเดี่ยว พวกเขาเลยไม่ค่อยจะมีแรงและเวลาเหลือพอที่จะให้ฝึกวิ่งผลัดแบบที่ทีมชาติไทยทํา แผนที่ว่านี้เลยยังไม่ได้ใช้ครับ” หลีไต้พูดแล้วมองไปที่ชูเหว่ยตง
“แต่ตอนนี้เราได้ก๊อปแผนของทีมชาติที่ลอกทีมไทยมาอีกที แล้วจะใช้กับทีมเรา และถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถไปได้ถึงระดับของทีมชาติไทย แต่อย่างน้อยในเวลาสั้นๆแบบนี้ แผนนี้มันดีมากเกินพอที่จะทําให้ได้ผลงานดีๆในกีฬาชาติแบบนี้”
ชูเหว่ยตงพยักหน้าแล้วพูด “โค้ชจากทีมชาตินั้นเป็นที่สุดของวงการนี้ในประเทศแล้ว แผนการฝึกของพวกเขาเลยดีกว่าของพวกเราเห็นๆ เราโชคดีมาที่มีคุณอยู่ในทีมชาติ ตอนนี้เราก็มีอาวุธลับไว้กับเราแล้ว!”
ฉาเปาจุนมุ่งไปที่คําถามต่อไปทันที “โค้ชหลี่ครับ การฝึกนี้มันถูกวางแผนมาโดยทีมชาติงั้นหมายความว่าโค้ชคนอื่นๆที่อยู่ในทีมชาติที่โดนเรียกกลับทีมเขตเหมือนกันเพื่อเตรียมตัวแข่งกีฬา ชาติ งั้นก็หมายความว่าโค้ชคนอื่นๆก็สามารถเข้าถึงแผนการฝึกนี้ได้เหมือนกันแล้วทีมเขตอื่นๆก็รู้ เรื่องนี้เหมือนกันซิครับ แล้วยิ่งเราล้มเลิกการฝึกในรายการเดี่ยวแล้วมุ่งเป้าไปที่การแข่งวิ่งผลัดอย่างเดียว อย่างนี้เราก็ไม่มีข้อได้เปรียบเลยซิครับว่าไหม?”
ในห้องประชุมมีโค้ชหลายๆคนพยักหน้าเป็นการตอบรับ
แผนการฝึกนั้นมันไม่ใช่เทคโนโลยีที่ล้ําสมัย ใครก็สามารถใช้พวกมันได้ ไม่ใช่แค่หลีใต้อย่างเดียวแต่เป็นทุกคนที่รู้แผนนี้ โค้ชคนไหนที่รู้แผนการฝึกแบบนี้แล้วจะไม่ใช้มัน แผนการฝึกนี้เลยไม่ได้นับว่าเป็นอาวุธลับแต่อย่างใด
หลี่ได้มองไปที่ฉาเปาจุน เขาสังเกตได้ว่าฉาเปาจุนนั้นเสแสร้งแกล้งทําเป็นคนดี แต่เขากลับพยายามหาเรื่องหลีใต้อยู่ตลอดเวลาโดยแอบซ่อนคมมีดไว้ในรอยยิ้ม
หลีใต้เลยพูดต่อ “แน่นอนครับ ว่าโค้ชคนอื่นๆก็รู้ถึงแผนการฝึกนี้ที่จะทุ่มทรัพยากรในการฝึกวิ่งผลัดบางคนในนั้นถึงขั้นเป็นคนที่ช่วยคิดแผนนี้ขึ้นมาด้วยซ้ํา แต่ถึงอย่างนั้น ผมเองก็การันตีได้เลยว่าผลการฝึกของผมนั้นดีกว่าคู่แข่งแน่ๆ ภายใต้เงื่อนไขและแผนเดียวกัน ผลของเราจะดีกว่าของคนอื่นแน่ๆ”
“โค้ชหลี่ ทําไมคุณถึงมั่นใจนักละครับ” ฉาเปาจุนยิ้ม
ข้างๆเขา หลี่ถั่วตงพูดเสริมเข้ามา “ทีมชาตินั้นเต็มไปด้วยคนที่เก่งกาจ โค้ชหลี่ ผมไม่คิดว่าคุณจะมีคุณสมบัติหรือประสบการณ์มากพออะไรขนาดนั้นในทีมชาติเลย อะไรเป็นสิ่งที่ทําให้คุณคิดว่าแผนการฝึกของคุณมันจะดีกว่าของโค้ชคนอื่นในทีมชาติละ? หรือว่าคุณเป็นโค้ชของแชมป์วิ่งผลัดเหมือนกับที่เป็นแชมป์วิ่ง200เมตรอีก?”
“อ้าว รู้ได้ไงครับเนี่ย?” หลีใต้ทําเป็นตกใจ แล้วพูด “ระหว่างการแข่งเอเชี่ยนเกม นักกีฬาของเราบาดเจ็บหลายคน คือ จุนชนล้มทําให้ออกจากการแข่งไป ส่วนเหว่ยซือเต่นั้นมีปัญหากับไข้ระหว่างการแข่ง อุบัติเหตุพวกนี้มันถูกรายงานออกมาในข่าวแล้วนี้ครับ แล้วก่อนการแข่งวิ่งผลัดทีมชาติเลยเหลือนักวิ่งผลัดแค่3คน พวกเราเลยต้องไปขอให้ฝางไฮควานที่เป็นนักกระโดดไกลมาช่วย เติมในตําแหน่งที่ขาดหายไป”
“เรารู้ปัญหาพวกนั้นดีอยู่แล้วเหอะ แต่คุณเข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย” หลี่ถั่วตงถามตรงๆ เขาพยามหาข้อผิดพลาดของหลีใต้
หลีใต้พูดต่ออย่างไม่รีบร้อน “นักกีฬาที่เข้ามาใหม่ชั่วคราวนั้นทําให้เรามีปัญหามากเรื่องของความที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ทําให้มีปัญหาเรื่องทีมเวิร์ค และที่สําคัญ เวลาในการฝึกเพื่อเพิ่มทีมเวิร์คของเรามีเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนการแข่งเท่านั้น และคนที่รับผิดชอบในการฝึกเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงนั้นก็คือผมเอง!”
“เหยดดดด!” หลีใต้ได้ยินใครบางคนสบทออกมาในห้องประชุม
“ผมว่าพวกคุณน่าจะได้ดูแมทช์นั้นกันแล้วนะครับ ทีมเวิร์คของทีมในตอนนั้นมันเยี่ ยมไปเลยใช่ไหมครับ” หลีได้พูด
ทุกคนในห้องประชุมเป็นโค้ชมืออาชีพหมด แน่นอนว่าพวกเขารู้ว่าการเอานักกระโดดไกลมาแข่งวิ่งผลัดนั้นมันแย่แค่ไหน และที่หลีใต้พูดนั้นเหมือนเป็นการบอกว่าเขาเป็นคนที่ช่วยให้ทีมวิ่งผลัดนั้นชนะการแข่งเอเชี่ยนเกมรอบชิงนั้นได้เพียงการฝึกแค่วันเดียวเท่านั้น
อีกอย่างการสานสัมพันธ์ระหว่างนักวิ่ง4คนยังไร้ที่ติอีกด้วย หลีใต้สามารถพัฒนาทีมเวิร์คของนักกีฬาที่ไม่ค่อยถึงไม่เคยรู้จักกัน ให้สนิทกันได้ในวันเดียว จะบอกว่าถ้าถึงขั้นทําแบบนี้ได้แล้วจะเรียกเขาว่าโค้ชที่เก่งที่สุดในทีมชาติก็ได้แล้วละ หรือไม่ก็ถือขั้นเก่งที่สุดในเอเชียก็ยังได้
จริงหรอที่แชมป์เอเชี่ยนเกมจะเก่งที่สุดในเอเชีย ?
ไม่ออก นักกีฬานั้นก็เหมือนกับนักสู้ มีคนแพ้และมีผู้ชนะเสมอ ถ้าการเป็นแชมป์คือเป็นที่1ดังนั้นการที่หลีใต้ประกาศตัวเองว่าเป็นโค้ชของทีมวิ่งผลัดที่ชนะการแข่งเอเชี่ยนเกมมาได้ ทําให้โค้ช ทุกคนในห้องประชุมเชื่อในความสามารถของเขา
นี้เขาเป็นโค้ชทีมวิ่งผลัดเองหรอ! หลี่ถั่วตงอับอาย เมื่อกี้เขายังพูดไม่คิดอยู่เลย ไม่คิดว่าเหรียญทองของทีมวิ่งผลัดนั้นเป็นผลงานของหลีใต้
ข้างๆเขา ฉาเปาจุนก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มเข้ามาจริงๆ
เขาพึ่งรู้ว่าหลีใต้นั้นเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเผยตัวออกมาเลยว่าเป็นโค้ชทีมวิ่งผลัดที่ได้แชมป์เอเชี่ยนเกม จนกระทั้งฉันถาท การแสดงนี้มันระดับออสการ์ชัดๆ! เขาทําตัวไม่เด่นตั้งแต่ที่แรกเพื่อหรอกให้ทุกคนตายใจว่าเขานั้นเป็นคนขี้โม้ แต่พอเขาเผยตัวตนแล้ว มันกลับกลายเป็นการตบหน้าทุกคนที่ว่าเขาโม้ซะงั้นเลย การแสดงของเขาเอาไปเลย10คะแนนเต็ม!