Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 148
ที่ค่ายฝึกตำรวจ
ฉวงซูฉีไม่มีความสุขเลย ผู้ฝึกของเขามักจะใจลอยทำให้ดารฝึกของเขานั้นไม่ดีเท่าที่ควร
นี้มันวันอังคารเเล้ว เมื่อวานผู้ฝึกของเขาก็ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย ฝึกไม่จริงจังเหมือนเมื่ออาทิตย์ที่เเล้วเลย ฉวงซูฉีคิดว่าเพราะว่าเขาพึ่งกลับมาจากวันหยุดมั้ง เเต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นเอาซะเลย ปัญหานี้ไม่เกิดกับเเค่ฉวงซูฉีคนเดียว เเต่เกิดกับโค้ชคนอื่นๆด้วย
ผู้ฝึกตอนนี้ไม่ไดฝึกอย่างจริงจังเเล่ว เเล้วพวกเขายังจะหวังว่าจะสอบผ่านอยู่อีก ความทุ่มเทที่พวกเขาลงไปนั้นน้อยกว่าอาทิตย์ที่เเล้วเยอะ
โค้ชทุกคนนั้นรู้ตัวว่านิสัยของผู้ฝึกนั้นเป็นปัญหาอย่างชัดเจน ในฐานะโค้ชนั้นการที่ได้เจอนักเรียนเเย่ๆนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ถึงเเม้ว่าเขาจะโค้ชให้กับคนเดิมก็จริง เเต่ผู้ฝึกนั้นก็อาจจะมีนิสัยที่ต่างออกไปได้ขึ้นอยู่กับหลายอย่าง
ถ้าผู้ฝึกนั้นเป็นนักกีฬา โค้ชจะมีวิธีที่หลากหลายในการลงโทษนักกีฬาที่ใีพฤติกรรมที่ไม่ดี อย่างเช่นลงโทษไม่ให้เข้าร่วมการเเข่งหรือว่าส่งนักกีฬากลับไปในที่ๆพวกเขาเคยอยู่ได้ เพราะว่าสำหรับนักกีฬามันมีอยู่เเค่2ทางเลือกเท่านั้น จะออกหรือจะยอมรับความผิดพลาดเเล้วเเก้ไขมัน
นักกีฬาบางคนก็กล้าที่จะออกไป ในระบบวงการกีฬามือสมัครเล่นนั้น นักกีฬาทำได้เเค่อยู่ในทีมเท่านั้น ถ้าออกก็ไม่มีอะไรเสียหายอะไร
แต่ประเด็นคือรอบนี้โค้ชต้องรับมือกับกลุ่มตำรวจ และถึงแม้ตำรวจพวกนี้จะไม่ยอมฝึกจริงจัง แต่โค้ชก็ไม่มีวิธีที่จะลงโทษอะไรได้เลย
…
กลับมาที่ทีมชาติ หัวหน้าโค้ชชูเหล็นฮาวกำลังนั่งเชยชมเซตชากงฟูแล้วพูด “นี้คงถึงเวลาที่พวกโค้ชหนุ่มๆจะเจอของหนักแล้วซินะ”
ฝึ่งตรงข้ามของชูเหล็นฮาวคือคนแก่อายุประมาณ60กว่าๆ หัวล้านหน้ากลมแล้วก็มีหน้าที่เหี้ยมโหด เขาคือซูหลี่ ผู้ช่วยหัวหน้าโค้ชทีมชาติ เขายังเป็นคนที่มีความอาวุโสที่สุดในหมู่โค้ชอีกด้วย
“ฉันได้ยินมาว่าตำรวจพวกนั้นเริ่มอู้กันแล้ว”ซูหลี่ยืดแขนไปรับแก้วชาจากชูเหล็นฮาว แล้วดื่มมันอย่างรวดเร็ว
“เห้ยพวก ใจเย็นๆซิ นี้มันชากงฟูเลยนะ! ค่อยๆจิบแล้วลิ้มรสมันซิ!”ชูเหล็นฮาวพูด แล้วทำชาแก้วใหม่ให้
ซูรับแก้วที่2มาแล้วถาม “ชูเหล็นฮาว นี้มันเป็นแผนของนายใช่ไหม”
ชูเหล็นฮาวพยักหน้ายืน “หลังจาก1อาทิตย์ของการฝึกแล้ว พวกตำรวจก็ควนจะถึงมาตรฐานได้แล้ว นิสัยและพฤติกรรมของพวกเขานั้นจะเปลี่ยนไปหลังจากที่รู้ว่าตัวเองผ่านแล้ว สำหรับโค้ชหนุ่มพวกนี้ อาทิตย์ที่จะถึงนี้แหล่ะคือของจริง!”
“นายพูดถูก คนเรามีความคิดต่อการทำงานที่หลากหลาย ถ้าบอกว่าคะแนนเต็ม100 บางคนอาจจะพยายามเต็มที่เพื่อให้ได้120 บางคนก็พอใจที่จะได้100คะแนน ส่วนคนอื่นๆนั้น บางคนก็พอใจที่80คะแนนเพราะว่าก็ถือว่าดีแล้ว บางคนถึงขั้นเชื่อว่าแค่ผ่านแบบคาบเส้นก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“ผู้ฝึกพวกนี้เป็นพวกปลายแถว ถ้าเกิดมีคนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบละก็ พวกเขาคงผ่านการทดสอบร่างกายไปหมดแล้ว แต่พวกนี้ไม่ใช่ พวกนี้ยังไม่ผ่าน เอาจริงๆ แค่ผ่านการทดสอบก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายของพวกเขาแล้ว แล้วตอนนี้พวกเขาก็ถือว่าผ่านแล้วด้วย พวกเขาคงไม่พยายามมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลที่ดีกว่านี้หรอก”ซูหลี่วิเคราะห์
“ก็ใช่ไง ทีนี้พวกโค้ชหนุ่มๆพวกนี้จะทำยังไงเพื่อให้รับมือกับสถานการณ์แบบนี้ แล้วก็ทำยังไงที่จะสร้างแรงบรรดาลใจให้ผู้ฝึกฝึกหนักต่อไป”ชูเหล็นฮาวหยุด ก่อนจะพูดต่อ “ทีมชาติของเรามีมีเกณฑ์การรับโค้ชหนุ่มที่มีความสามารถ ไม่ใช่แค่ความสามารถในการฝึกเท่านั้น แต่ยังต้องมีความสามารถรอบด้านที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย การที่ทำให้นักกีฬามีส่วนร่วมการฝึกมากก็เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จเหมือนกัน!”
…
ฉวงซูฉีพูดกับคนฝึกของเขา “เจ้าหน้าที่หวางครับ การฝึกของเราในวันนี้มันไม่ค่อยน่าพอใจเลย เอาจริงเรากำลังถดถอยลงถ้าเทียบกับเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนะครับ ผมรู้สึกได้ว่าคุณไม่ได้ทุ่มเทให้กับการฝึกเต็มที่อีกแล้ว มีอะไรติดใจอยู่ไหมครับ หรือว่ากำลังเจอปัญหาอะไรอยู่รึเปล่า?”
“ไม่อะ ผมโอเค ผมแค่ไม่ได้อยากฝึกขนาดนั้นเฉยๆ!”เจ้าหน้าที่หวางพูดแล้วยิ้ม “โค้ชฉวงครับ ผมว่าการฝึกประมาณนี้ก็พอแล้ว เราไม่เห็นจะต้องฝึกมากกว่านี้เลยนี้ครับ“
ฉวงซูฉีรู้สึกเครียดขึ้นมา เจ้าหน้าที่หวางพึ่งจะผ่านเกณฑ์การทดสอบมาได้ แล้วตอนนี้เขาก็ฝึกอย่างเดิมซ้ำๆแล้วไม่มีการออกกำลังกายเพิ่มเติม เขาพัฒนาไปได้ช้ามากตอนนี้ พอถึงเวลาที่เขาต้องทำแบบทดสอบร่างกาย เขาไม่ได้คะแนนดีแน่ๆ
ฉวงซูฉีพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมเขา “เจ้าหน้าที่หวางครับ เราผ่านการฝึกมาอาทิตย์นึงแล้ว ตอนนี้คุณสามารถฝึกความเข้มข้นมากขึ้นได้แล้วนะครับ เรามาฝึกไปพร้อมๆกันดีกว่า เหลืออีกไม่กี่วันแล้วนะครับก่อนจะถึงวันทดสอบ พอคุณทดสอบร่างกายแล้วคุณจะได้คะแนนดีๆไงครับ”
“แต่ผมก็สามารถผ่านมันได้แล้วนี้ครับ”เจ้าหน้าที่หวางพูดแล้วทำหน้าตาจิ้มลิ้ม “ตราบใดที่ผมผ่านเกณฑ์ ผมก็ถือว่าผ่านการทดสอบแล้วนั้นก็หมายความว่าผมแค่คงเส้นคงวาไว้ให้ผ่านได้ก็พอ”
“เออออออ”ฉวงซูฉีพูดไม่ออก เขาไม่รู้จะแย้งยังไงดี
ฉวงซูฉีไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมเจ้าหน้าที่หวางยังไงแล้ว ถ้าเขาเป็นนักกีฬา เขาคงพูดถึงเรื่องเกียรติยศ ความฝันแล้วก็อนาคตอันรุ่งโรจน์ที่เขาสามารถจินตนาการถึงได้ จินตนาการไปว่าตัวเขาเองกำลังยืนอยู่บนแท่นรับรางวัลเหรียญทอง พร้อมกับร้องเพลงชาติอย่างภาคภูมิใจ แต่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น เกียรติยศไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะเขาไม่ใช่นักกีฬา
ทำยังไงดีวะ? ฉวงซูฉีรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไก่ไม่มีหัว วิ่งพล่านไปทั่ว
โค้ชคนอื่นๆก็มีปัญหาคล้ายๆกัน “เป้าหมายของผมคือแค่สอบผ่าน แล้วตอนนี้ผมก็ผ่านได้แล้ว ทำไมผมต้องฝึกเพิ่มอีกละ” นี้กลายเป็นคำพูดหลักๆของคนฝึกไปแล้ว
ทุกๆอาชีพนั้นต้องมีคนที่มึความรับผิดชอบ ก็เหมือนกับพนักงานเงินเดือนทั่วไป ที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในองกรณ์ของรัฐบาล และเพราะว่าคนในองกรณ์พวกนี้มีอนาคตที่มั่นคงอยู่แล้ว พวกนี้เลยขี้เกียจไปเรื่อยๆได้ เพราะว่ายังไงเงินเดือนที่พวกเขาได้นั้น ยังไงก็ยังเท่าเดิม เพราะงั้น ตราบใดก็ตามที่พวกเขาทำงานของตัวเองเสร็จ ไม่ว่าจะทำงานได้แย่แค่ไหน พวกเขาก็ยังได้เงินเดือนเท่าเดิม ทำไมพวกเขาต้องเหนื่อยเพิ่มด้วย
แล้วสำหรับคนที่อยากจะเลื่อนตำแหน่ง พวกเขาก็จะไม่มาทำตัวเหลวแหลกอย่างงั้นหรอก พวกเขาคงคว้าทุกโอกาสที่จะทำให้พวกเขาไปอยู่ในจุดที่ดีที่สุดที่จะเสนอหน้าให้ผู้นำของพวกเขาเห็น
และสำหรับนายตำรวจ พวกเขาไม่ได้ผ่านการทดสอบร่างกายขั้นพื้นฐาน นั้นหมายความว่าพวกเขานั้นไม่ได้มีความรับผิดชอบอะไรขนาดนั้นหรือว่าไม่ใช่พวกที่ไล่ตามความสำเร็จอะไร พวกเขาขอแค่ได้ตามน้ำไปเรื่อยๆ ตราบใดที่พวกเขาทำงานของตัวเองเสร็จ พวกเขาก็ไม่คิดจะทำอะไรมากกว่านั้นอีกแล้ว พวกเขาขอแค่สอบให้ผ่าน แค่ผ่านก็พอ
สำหรับโค้ชแล้ว การที่ใช้คำว่าแค่ผ่านนั้น มันเป็นสถานะการณ์ที่แย่มาก