Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 150
ผู้ฝึกทุกคนตอนนี้กำลังจะได้เข้ารับการทดสอบร่างกายแล้ว ในขณะที่โค้ชทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องประชุมเพื่อรอผล
“ฉันรู้สึกกังวลมากเลย ไม่เคยกังวลแบบนี้มาก่อน รู้สึกเหมือนนำทีมตัวเองไปแข่งครั้งใหญ่เลย”บางคนพูด
“มีแค่30คนเท่านั้นที่จะอยู่รอด ฉันอาจจะโดนเตะออกก็ได้! ผู้ฝึกของฉันไม่เคยฝึกหนักเลยหลังจากที่เขาผ่านเกณฑ์แล้ว”อีกคนนึงบ่น
“อ้า เหมือนกันเลย คนฝึกของฉัน เจ้าหน้าที่หวางก็ทำตัวชิวๆมาตลอด5วันนี้แล้ว เมื่อไรก็ตามที่ฉันไม่ได้สนใจเขา เขาก็จะขี้เกียจทันที”
“นายตำรวจพวกนี้ไม่ใช่นักกีฬา เราจะบ่นหรือลงโทษพวกเขาก็ไม่ได้ พวกเขาไม่ได้จริงจังกับเรื่องพวกนี้มากพอ เราก็จะไปตำหนิอะไรพวกเขาไม่ได้ด้วย”
เสียงพวกนั้นเริ่มหายๆไป แต่ก็จะมีคนบางคนเริ่มแสดงอาการสงสารออกมา
มีโค้ชหลายคนอยู่ที่ยิ้มด้วยความมั่นใจ ที่พวกเขาหาทางกระตุ้นผู้ฝึกของพวกเขาได้สำเร็จหลังจากที่ผ่านเกณฑ์มาแล้ว ความสามารถของผู้ฝึกของพวกเขาต้องเหนือกว่าเส้นผ่านแน่นอน
“โค้ชเต็ง ผมบอกได้เลยว่าคุณชนะแน่นอน คะแนนเต็ม400คะแนน ผู้ฝึกของคุณน่าจะได้ซัก320เป็นอย่างต่ำใช่ไหมละครับ”
“อย่ามาล้อผมเล่นเล่นโค้ชเกี้ยว ผมพอใจที่จะให้ผู้ฝึกของผมได้คะแนนแค่300คะแนนนั้นละครับ แต่นักเรียนของคุณต้องได้320คะแนนแน่ๆเลยใช่ไหมละครับ”โค้ชเต็งถามกลับ
ทั้งคู่รู้จักกันมานาน แล้วก็ยังเป็นคู่แข่งกันในการแข่งหลายรายการ แต่ถึงอย่างนั้น ถึงแม้ว่าการพูดคุยนั้นจะไม่ได้เป็นมิตรมากนักแต่ก็ยังเคารพซึ่งกันและกันอยู่
พอได้ยินบทสนธนาอย่างงั้นแล้ว ฉวงซูฉีก็ลนลานทันที เขาไม่สามารถช่วยให้ลูกทีมของเขาได้300คะแนนใน10วันได้ เขารู้สึกเหมือนกับว่าโค้ช2คนนั้นกำลังอวดเบ่งกันอยู่
ไอ้พวกขี้อวดเอ้ย ฉวงซูฉีพูดกับตัวเอง
เขาหันไปหาหลี่ไต้อย่างไม่รู้ตัว แต่เขาตกใจที่เห็นว่าหลี่ไต้ดูสงบมาก เขาไม่รู้สึกถึงความกังวลในตัวหลี่ไต้เลย
ฉวงซูฉีรู้สึกตกใจทันที เขาไม่ได้เก่งในด้านการฝึกเท่ากับหลี่ไต้ แล้วตอนนี้หลี่ไต้ยังแสดงให้เห็นถึงความสงบภายใน เขาเลยรู้สึกว่าจิตใจเขาก็ยังเข้มแข็งไม่เท่าหลี่ไต้อีกด้วย
ฉวงซูฉีตัดสินใจที่จะสร้างปัญหาให้กับหลี่ไต้ เขาเลยหันไปหาหลี่ไต้แล้วถามเสียงดังๆ “เห้ยโค้ชหลี่ ได้ยินมาว่าผู้ฝึกของนายขาแพลงตั้งแต่วันแรกที่ฝึกเลยนี้?”
หลี่ไต้รู้สึกได้ถึงความหยี๋ในน้ำเสียงของฉวง เขาเลยพยักหน้าแล้วตอบด้วยรอยยิ้ม “มันเป็นอาการบาดเจ็บที่เลี่ยงไม่ได้ตอนฝึกหน่ะ แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่หลินฉงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก ตื่นมาก็หายแล้ว”
แต่นายก็เสียเวลาไปวันนึงเต็มๆเลยนะ ผู้ฝึกของนายจะเอาอยู่เหรอ เรามีเวลาฝึกแค่10วันเองนะ แต่นายก็เสียเวลาไป1วันเต็มๆเลย”ฉวงกดดันในความดวงซวยของหลี่ไต้
คำพูดของฉวงนั้นทำให้โค้ชคนอื่นๆเริ่มสนใจ ทุกคนเริ่มหันจุดสนใจมาที่พวกเขา โค้ชหลายๆคนเริ่มแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหลี่ไต้ด้วยเสียงเบาๆ
“อ้ออ เขานี้เองที่เป็นคนทำให้ผู้ฝึกบาดเจ็บตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา เขายังดูเด็กกว่าเราอีกนะนี้!”
“ใช่แล้ว เขาอายุประมาณ24-25นี้ละ เขาเด็กกว่าเราอีก นายก็รู้นี้ว่าคนหนุ่มๆหน่ะไม่รู้จักการควบคุมตัวเอา เอาแต่จะพุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว มิหน้าละเขาถึงทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บได้”
การฝึกร่างกายก็คือวิทยาศาตร์อย่างนึงแหล่ะ ในฐานะโค้ช เขาไม่ควรจะเป็นแบบนั้นเลย เขาควรจะพิจารณาความสามารถของผู้ฝึกก่อนแล้วค่อยฝึก จะบอกว่าวันที่เขาเสียไปเป็นบทเรียนก็ได้”
“เป็นบทเรียนที่ราคาแพงซะด้วยนะ เขาเสียวันฝึกไปฟรีๆวันนึง แล้วอย่างนี้เขาจะได้ไปอยู่ในท๊อป30เหรอ เขาต้องโดนเตะออกแน่ๆ หวังว่าเขาจะได้เรียนรู้อะไรซะบ้างนะ”
“ฉันเดาว่าเขาน่าจะมีเส้นสายคอยหนุนหลังเยอะอยู่แหล่ะไม่งั้นคงเข้าโครงการมาด้วยอายุน้อยแบบนั้นไม่ได้หรอก ยังไงคนแบบนี้ก็ไม่ค่อยจะมีความสามารถอยู่แล้ว เตะๆออกไปก็ไม่ต่างกันหรอก”
ทุกคนมองว่าหลี่ไต้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
ในวงการโค้ชนั้น อายุไม่ใช่เป็นสิ่งยืนยันความสามารถก็จริง แต่ถ้าโค้ชหนุ่มเกินไปอย่างไต้หลี่แล้วบางทีก็อาจจะเด็กกว่านักกีฬาบางคนอีก บางทีโค้ชพวกนี้อาจจะไม่ได้มีโอกาสที่จะไปฝึกต่อหน้านักกีฬาที่อายุมากกว่าด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่จะคุมทีมเลย!
แต่ถึงกระนั้นก็มีโค้ชน้อยคนนักที่รู้ว่าหลี่ไต้นั้นผ่านอะไรมาบ้าง ส่วนมากจะคิดว่าเขาเข้ามาด้วยเส้นสาย แล้วตอนนี้คนที่เข้ามาด้วยเส้นสายก็จะโดนเขี่ยออกแล้ว โค้ชที่เข้ามาด้วยความสามารถจริงๆก็ดูหมิ่นเขา ส่วนโค้ชที่เข้ามาด้วยเส้นสายก็สงสารเขา
แต่หลี่ไต้ไม่ได้เถียงกลับอะไร แล้วก็ยังไม่สนใจสายตาอะไรด้วย ในวงการกีฬา การกระทำสำคัญกว่าคำพูด ชัยชนะในสนามแข่งมีค่ามากกว่า1000คำโม้ เมื่อพวกเขาได้รับผลการทดสอบมาแล้ว เมื่อนั้นจะเป็นเวลาที่หลี่ไต้จะได้เอาคืน
มันใช้เวลาไม่นาน หลังจากไม่กี่นาที ครูฝึกก็เขามาข้างในพร้อมแบบฟอร์มในมือ
“ผลการทดสอบร่างกายตอนนี้อยู่ในมือฉันแล้ว ตอนนี้ฉันจะประกาศคะแนนของทุกคน” ครูฝึกเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆแล้วพูด “คนที่ได้คะแนนสูงสุด30คนแรกจะได้อยู่กับทีมชาติต่อ ส่วนที่เหลือต้องถูกเขี่ยทิ้ง ดั่งนั้นผมจะบอกคะแนนเฉพาะของคนที่ได้คะแนน30คนแรกเท่านั้น ถ้าชื่อของผู้ฝึกคนไหนไม่ได้รับการประกาศหมายความว่า คนๆนั้นถูกคัดออกไปแล้ว”
“ที่30 เฟ็งหลี่ 270คะแนน”ครูฝึกขานชื่อแรก โค้ชคนหนึ่งกำหมัดอย่างตื่นเต้นและกระโดดอย่างดีใจ เฟ็งหลี่เป็นคู่ฝึกของเขา นั้นหมายความว่าเขาไม่โดนคัดออกแล้ว
แต่หน้าโค้ชหลายๆคนก็ซีดขึ้นมา คู่ฝึกของพวกเขานั้นต้องการแค่ผ่านการสอบ หมายความว่าคะแนนที่ผ่านคือ240คะแนน ถ้าตามกฎแล้ว ทุกๆ5คะแนนจะหมายถึง1ระดับ 240คะแนนก็ห่างจาก270คะแนนอยู่6ระดับ
“270คะแนนใน4การทดสอบ หมายความว่าโดยเฉลี่ยแล้วเฟ็งหลี่ได้คะแนน70 2การทดสอบ และ65อีก2การทดสอบ”
“ที่30ได้270คะแนน งั้นที่29ก็ต้องได้มากกว่านั้นอะซิ! ชิบหายแล้ว ฉันโดนเตะออกแน่ๆ หัวใจของฉวงซูฉีเต้นเร็วขึ้น เขาสัมผัสได้ว่าตัวเองก็อาจจะโดนเขี่ยออกเหมือนกัน