Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 153
ในออฟฟิศของหัวหน้าโค้ชทีมกรีฑาชาติ ด้านหน้าของคอมพิวเตอร์นั้นชูเหล็นฮาวกำลังพิมบางอย่างลงในคีย์บอร์ด การพิมนั้นเร็วมาก นั้นหมายความว่าเขากำลังยุ่งอยู่ พร้อมกระดาษ1ใบที่อยู่ในมือ หลิวฉีผู้ช่วยหัวหน้าโค้ชทีมชาติเคาะประตูเเล้วเปิดเข้ามาอย่างร้อนรน
ชูเหล็นฮาวรู้ว่าซูหลี่เป็นคนที่อารมณ์ผุนผันอยู่เเล้ว เขาเลยถาม “ซูหลี่ เป็นอะไร ทำไมรีบร้อนขนาดนั้น?”
“ที่ค่ายฝึกตำรวจส่งผลการทดสอบมาเเล้ว พวกเขาพึ่งปริ้นออกมาในออฟฟิศ ฉันเลยเอาสำเนามาให้” ซูหลี่หยุด เเล้วพูดต่อ”มีคนได้คะเเนนเต็มด้วย!”ด้วนสีหน้าที่ไม่เชื่อ ชูเหล็นฮาวหยิบกระดาษไปดู การฝึกร่างกายนี้มันสำหรับนายตำรวจที่มีสภาพร่างกายที่ห่วยเเตกมากนะ คะเเนนเฉลี่ยของพวกเขาก่อนหน้าได้รับการฝึกมันน้อยกว่า100คะเเนนอีก เจ้าหน้าที่พวกนี้ไม่ใช่นักกีฬา เเล้วก็ยังมีเวลาฝึกที่น้อยนิดอีก ถ้าตามการคาดหมายของชูเหล็นฮาวก่อนหน้านี้ คนที่ได้คะเเนนมากกว่า300ก็ถือว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ระดับท๊อปละนะ ยิ่งกว่านั้น พอคะเเนนยิ่งสูงมันยิ่งยากที่จะฝึก เเละด้วยเวลาที่จำกัด มันเเทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้คะเเนนเต็ม
ชูเหล็นฮาวคิดว่าถึงเเม้จะเป็นเขาในฐานะโค้ชก็ตาม ก็ยังเป็นไปไม่ได้เลยที่จะช่วยนายตำรวจพวกนั้นให้ได้คะเเนนเต็มในเวลาอันสั้นเเค่นี้
“เขาเป็นใครกัน? นี้มันเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมากๆเลยนะ!”ชูเหล็นฮาวหยิบผลการทดสอบไปจากมือซูหลี่
“เขามาจากเขตฮั่นเบ ชื่อของเขาคือหลี่ไต้ครับ”ซูหลี่พูด
“หลี่ไต้เหรอ?”ชูเหล็นฮาวย้ำ เขารู้สึกคุ้นๆกับชื่อนี้
หลี่ไต้ได้อยู่ในศูนย์ฝึกเป๋ยโข่วต่ออีกเดือนนึง เพื่อให้เรื่องที่ให้หลี่ไต้อยู่ต่อเกิดขึ้นได้ โค้ชติ้งจี่ไฮ มาหาชูเหล็นฮาวด้วยตัวเองเพื่อขอให้เขาช่วย นี้เป็นเหตุผลที่ทำไมชื่อของหลี่ไต้ถึงคุ้นๆในหัวเขา เเต่ด้วยความที่ว่าเวลามันผ่านไปนาน ประกอบการต้องทำงานมากมาย ชูเหล็นฮาวลืมเรื่องนี้ไปสนิท
“หลี่ไต้คนนี้เคยมีผลงานอะไรเด่นๆไหม?”ชูเหล็นฮาวถาม
“ผมไปเช็คประวัติมาเเล้วครับ เขาเป็นโค้ชของฝางไฮควานในทีมเยาวชนเขตุฮั่นเบ ตอนที่ฝางไฮควานทำลายสถิติ หลี่ไต้ก็เป็นหัวหน้าโค้ชของเขา”
หัวหน้าโค้ชของฝางไฮควานงั้นเหรอ! การที่สามารถพัฒนาพรสวรรค์อย่างฝางไฮควานได้เนี่ย หลี่ไต้คนนี้ไม่ใช่ธรรมดาแล้วละ ตอนนี้ยังได้คะแนนเต็มอีก ให้ความสนใจเขาหน่อยละกัน ถ้าเขาเก่งจริงแล้วใช้งานได้ ก็เอาตัวเขามาอยู่ทีมชาติเลย” ชูเหล็นฮาวพูด
“นั้นก็เป็นสิ่งที่ฉันคิดเหมือนกัน ซูหลี่พยักหน้า เขาพูดกับตัวเองต่อ ว้าว คะแนนเต็มจริงๆเหรอเนี่ย เขาทำคะแนนเต็มได้ในเวลาแค่นั้นเนี่ยนะ! พ่อหนุ่มคนนี้มีฝีมือมากกว่านกแก่ๆอย่างฉันซะอีก
…
รถบัสเข้ามาจอดข้างนอกของค่ายฝึกตำรวจเเล้ว โค้ชทั้งหลายเเบกสัมภาระของตัวเองเเล้วขั้นรถ มากกว่าครึ่งของพวกเขาต้องกลับบ้านไปในวันพรุ่งนี้
หลี่ไต้พึ่งขึ้นรถมาได้ก็มีใครซักคนพูดขึ้นมา
“โค้ชหลี่ ทำไมไม่มานั่งกับผมละครับ?”
คะเเนนเต็มที่หลี่ไต้ทำได้ในตอนนั้น ดันหลี่ไต้ให้เป็นจุดเด่นในตอนนี้ โค้ชทุกคนที่เข้าร่วมโครงการนี้รู้จักหลี่ไต้เเล้วไม่ว่าพวกเขาจะได้อยู่ต่อหรือไปจากที่นี้
ความสามารถของหลี่ไต้นั้นเป็นที่จดจำได้ของทุกๆคน โค้ชเกี้ยวที่เป็นที่2เเละโค้ชเต็งที่3นั้นเชื่อในฝีมือของหลี่ไต้เอามากๆ ผลลัพธ์นั้นเป็นจุดสิ้นสุดในวงการกีฬา เเละยิ่งเเข็งเเกร่งเท่าไรก็จะยิ่งได้รับการชื่นชมเท่านั้น
ตอนที่หลี่ไต้นั่งลงก็มีคนๆนึงพูดกับเขาในทันที “โค้ชหลี่ ในเวลาสั้นๆแค่นั้น คุณช่วยให้ตำรวจคนนั้นได้คะแนนเต็มได้ คุณใช้อะไรอะ โค้ดวิเศษเหรอ? บอกพวกเราหน่อยได้ไหม?”
“ใช่โค้ชหลี่ บอกเคล็ดลับพวกเราหน่อย ผมอยากจะเรียนรู้จากคุณ”อีกคนข้างหลังเขาพูด
หลี่ไต้ยิ้มแล้วพูด “ผมก็ใช้การฝึกแบบพื้นฐานที่สุดแหล่ะครับ ผมแค่โชคดีฝึกนายตำรวจที่ทำงานปราบปรามยาเสพติดมาก่อน ความสามารถทางร่างกายของเขาเลยเหนือกว่าคนอื่น”
การวิ่งไปกลับ4*10เมตร การกระโดดไกล ดึงข้อแล้วก็วิ่ง1กิโลนั้น เป็นการฝึกขั้นพื้นฐานที่สุดในการเป็นโค้ชกีฬามืออาชีพที่รู้เทคนิคการฝึกดีอยู่แล้ว หลี่ไต้ก็ไม่ได้อยากให้อะไรที่โค้ชพวกนั้นรู้อยู่แล้ว เขาเลยบอกแค่ว่าเขาโชคดี ซึ่งเขาก็ไม่ได้โกหก
ไม่เหมือนกับนายตำรวจคนอื่นๆที่สอบไม่ผ่านเพราะว่าสภาพร่างกายที่ย่ำแย่ ฉงหลินเองได้รับความผิดพลาดจากการตรวจร่างกายนั้นทำให้เขาเกิดปัญหาทางจิตใจขึ้น
ยกตัวอย่างเช่นหลิยฉงกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บที่ขาของเขา ทำให้เขาใส่แรงไม่เต็มที่ระหว่างการวิ่งไปกลับ4*10เมตร นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมฟอร์มของเขาถึงไม่เป็นที่น่าพอใจ ตอนที่เขาได้รับการบอกว่า ขาของเขาไม่บาดเจ็บอีกต่อไปแล้ว เขาเลยสามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเจ็บขาอีก แล้วผลที่ออกมาก็คือเขาพัฒนาไปได้อย่างก้าวกระโดด เพราะว่าในทางร่างกายแล้ว หลินฉงนั้นดีกว่านายตำรวจทั่วๆไปมาก นั้นเป็นสาเหตุว่าทำไมหลี่ไต้ถึงใช้คำว่า โชคดีได้
หลินฉงนั้นฝึกอย่างเข้มงวดและขยันมาก สำหรับหลี่ไต้แล้ว มันเหมือนกับว่าหลินฉงเป็นคนที่ขยันที่สุดในบรรดาคู่ฝึกทั้งหมด เขาสมควรอย่างยิ่งที่จะได้คะแนนเต็มในการทดสอบ
วันต่อมา โค้ชทั้งหลายที่ตกรอบก็กลับไปที่ทีมฝึกเดิมของตัวเอง ส่วนโค้ชที่ได้อยู่ต่อนั้น เดินทางไปที่ศูนย์ฝึกกรีฑาทีมชาติ
…
ในห้องประขุมของทีมกรีฑาชาตินั้น มีผู้บริหารระดับสูงของทีมกรีฑาชาติเป็นคนจัดขึ้น รวมถึงหัวหน้าโค้ชอย่างชูเหล็นฮาวด้วย
“สวัสดีทุกๆท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ทีมกรีฑาชาติ และยินดีต้อนรับเข้าสู่โครงการฝึกสำหรับโค้ชกรีฑาแห่งชาติ” ชูเหล็นฮาวเริ่มกล่าวแนะนำโครงการ เขายืนอยู่บนแท่นตรงกลางพร้อมกระดาษโพยในมือ
ในตอนที่หลี่ไต้เริ่มที่จะง่วงนั้นเอง ไมโครโฟนก็ถูกส่งไปที่ผู้ช่วยหัวหน้าโค้ช ซูหลี่
“โครงการฝึกนี้จะแบ่งออกเป็น3ขั้นใหญ่ๆ ขั้นแรกคือขั้นคัดเลือก ขั้นที่2คือขั้นพัฒนา และขั้น3คือขั้นตรวจสอบ” ตอนที่ซูหลี่พูดนั้น เขามองไปที่โค้ชที่มาเข้าร่วมทั้งหมด แล้วชูนิ้วชี้ขึ้นมา “เราจะเริ่มขั้นตอนการคัดเลือก วันนี้”
“อะไรนะ ขั้นตอนการคัดเลือกเหรอ?”โค้ชทั้ง30คนตกใจ รวมถึงหลี่ไต้ด้วย
“นี้ฉันได้ยินถูกใช่ไหม โค้ชซูพูดคำว่า คัดเลือกอีกใช่ไหม?”
“เราพึ่งกลับออกมาจากค่ายฝึกตำรวจ ตอนแรกเรามีกันมากกว่า60คน ตอนนี้โดนคัดออกไปมากกว่า30 นั้นยังไม่ใข่การคัดเลือกจริงๆอีกเหรอ?”
“นี้มันเรื่องอะไรเนี่ย หมายความว่าพวกเราบางคนอาจจะโดนคัดออกอีกเหรอ?”
ทุกคนมองหน้าซูหลี่ด้วยความเกรงกลัว
ซูหลี่พูดอย่างใจเย็น “ผมรู้ว่าทุกคนกำลังสงสัยในโครงการของเรา พวกคุณพึ่งจะจบการอยู่ที่ค่ายฝึกตำรวจมาเป็นเวลา2อาทิตย์ แล้วมีพวกคุณมากกว่าครึ่งที่ถูกคัดออก แต่สิ่งที่ผมกำลังจะบอกพวกคุณคือ นั้นไม่ใช่การคัดเลือกของโครงการฝึกของเราจริงๆหรอก แต่คนที่ถูกคัดออกตั้งแต่2อาทิตย์ แรกนั้นไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะเข้ามาเหยียบที่นี้ด้วยซ้ำ”
“จุดมุ่งหมายดั่งเดิมของโครงการนี้ก็คือการเฟ้นหาสุดยอดโค้ชจากโครงการที่ดีที่สุด เเล้วนำไผพัฒนาต่อยอดต่อไผ สิ่งที่เราต้องการคือโค้ชที่ยอดเยี่ยว 4หัวข้อกิจกรรมที่ใช้ในค่ายฝึกตำรวจนั้นเเม้เเต่ครูพละในโรงเรียนม.ต้นก็ทำได้ จะเอาการทดสอบเเบบนั้นมาใช้วัดในการคัดเลือกโค้ชเข้าทีมชาติได้ไงกัน?”
โค้ชทั้งหมดพูดไม่ออก ทั้ง4กิจกรรมที่ใช้ทดสอบร่างกายของตำรวจนั้นเป็นอะไรที่พื้นฐานสุดๆ ครูพละในโรงเรียนก็ฝึกให้ผ่านได้ การฝึกเเบบนั้นเลยเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับโค้ชมืออาชีพ มันเลยเอามาใช้วัดเป็นมาตรฐานในการคัดคนของทีมชาติไม่ได้
ทุกคนเริ่มตระหนักกันเเล้วว่าเอาจริงที่ค่ายฝึกตำรวจนั้น เป็นเหมือนอาหารเรียกน้ำย้อยก่อนเข้าอาหารจานหลัก เเล้วการเเข่งขันที่เเท้จริงนั้นมันพึ่งจะเริ่มต้นขึ้น