Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 154
ข่าวเรื่องการคัดเลือกรอบ2นั้นเองทำให้ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดทันที ทุกคนนั่งทำหน้าตึงตั้งใจฟังเพื่อที่จะไม่พลาดอะไรไป
ซูหลี่พอใจมากกับการตอบกลับของโค้ชพวกนั้น เขาอยากที่จะสร้างขวัญกำลังใจให้กับพวกโค้ชนะ แต่ด้วยลุคที่เหี้ยมเกรียมกับหัวล้านๆของเขาทำให้โค้ชพวกนั้นไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ
ซูหลี่พูดต่อ”การฝึกกรีฑาของทีมชาตินั้นจะแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม วิ่งเร็ว วิ่งระยะกลาง วิ่งระยะไกล วิ่งกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง วิ่งวิบาก เดินวิ่ง กระโดดไกล กระโดดสูง ประเภทขว้าง และ รอบด้าน การฝึกต่างๆก็จะถูกแยกออกเป็นกลุ่มๆตามระยะหรือประเภทของกีฬา
“กลุ่มวิ่งเร็วจะแบ่งเป็น2ทีม 100เมตร กับ200เมตร อยู่ทีม1 และ400เมตรอยู่ในทีม2 การวิ่งระยะกลางจะไม่แบ่งกลุ่มอะไร การวิ่งระยะไกลจะแบ่งเป็น2กลุ่ม 5000เมตร กับ 10000เมตรอยู่ทีม1 วิ่งมาราธอนอยู่ทีม2 ส่วนกีฬาประเภทอื่นอย่าง กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง วิ่งวิบาก เดินวิ่ง และรอบด้านนั้นจะไม่แบ่งกลุ่มใดๆ กระโดดไกลจะแบ่งเป็น2กลุ่มเช่นกัน วิ่งกระโดดบอร์ด กับ เขย่งก้าวกระโดด กระโดดสูงเองก็แบ่งเป็น2ทีมเช่นกัน กระโดดสูงกับกระโดดค้ำถ่อ แล้วสุดท้ายกีฬาขว้างนั้น แน่นอนว่าแบ่งเป็น4กลุ่ม ทุ่มน้ำหนัก ขว้างจักร ขว้างค้อนแล้วก็ขว้างหอก”
เมื่อเขาพูดจบแล้ว ซูหลี่มองไปที่โค้ชทั้งหลายแล้วพูด “ตามที่แนะนำไป ผมอยากจะบอกพวกคุณว่า ในเวลา2เดือนต่อจากนี้คุณจะถูกจัดเข้าไปฝึกในทีมต่างกันเพื่อช่วยในการฝึกทีมร่วมกับโค้ชทีมชาต พวกคุณต้องใช้เวลา2เดือนต่อไปนี้แหล่ะเป็นเวลาของการสังเกตุและเรียนรู้ ผมหวังว่าคุณจะได้ฟัง ดู และเรียนรู้อย่างตั้งใจ และคิดอย่างรอบคอบในตลอดช่วงเวลานี้ ถ้าพวกคุณไม่เข้าใจอะไรก็คิดให้ดีแล้วก็ถามคำถามได้เลย! หลังจาก2เดือนนั้น ทีมชาติจะจัดการทดสอบคัดเลือก”
หลี่ไต้คิดได้ทันทีว่าการทดสอบที่จะจัดขึ้นโดยทีมชาติในครั้งนี้มันต้องเกี่ยวข้องกับการจดจำสังเกตและเรียนรู้ตลอด2เดือนข้างหน้าแน่ๆ
นี้ทำให้หลี่ไต้คิดถึงในตอนที่เรียนม.ปลาย ก่อนที่เขาจะสอบ ครูก็จะเก็งข้อสอบที่จะออกในข้อสอบแน่ๆให้กับนักเรียน นักเรียนจะได้อ่านหัวข้อที่เก็งเอาไว้อย่างรอบคอบ การสังเกตและเรียนรู้มีส่วนร่วมในการฝึกตลอด2เดือนนี้จะต้องเหมือนกับการเก็งความรู้ที่สำคัญสำหรับใช้ในการทดสอบแน่ๆ
โค้ชทั้งหลายในห้องประชุมนี้เป็นตัวท๊อปจากทั่วทั้งประเทศ ไม่มีใครโง่และทุกคนก็มองออก ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครรู้ว่าเนื้อหาหรือรายละเอียดของการสอบคัดเลือกมันเป็นยังไง แต่ทุกคนก็รู้ว่าคำตอบของการสอบนั้น มันอยู่ในซักช่วงของการสังเกตุและเรียนรู้ใน2อาทิตย์หน้านี้
…
การฝึกกีฬาต่างๆนั้นเป็นข้อบกพร่องของหลี่ไต้มาโดยตลอด ถึงแม้ว่าหลี่ไต้จะเรียนจบในคุณฝึกการกีฬาของมหาวิทยาลัยมาแต่ความรู้ของเขานั้นก็ยังอยู่แค่ในตำราแค่นั้น การฝึกกีฬาที่แตกต่างออกไปหลี่ไต้รู้แค่ขั้นตอนการฝึกกีฬาที่ง่ายๆ อย่างเช่นวิ่งเร็ว ทุ่มน้ำหนัก แล้วก็กระโดดไกล
แต่ถึงอย่างงั้น แม้แต่กีฬาพื้นฐานพวกนี้เอง ความรู้ในทางอาชีพของหลี่ไต้ก็ยังนับว่าอ่อนด้อยถ้าเทียบกับทีมชาติ เนื้อหาการฝึกกับแนวทางการฝึกของทีมชาตินั้นอยู่เหนือความเข้าใจของหลี่ไต้ทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่นความรู้เรื่องการฝึกวิ่งเร็ว100เมตรที่หลี่ไต้ได้เรียนมาจากมหาวิทยาลัยนั้นไร้ประโยชน์ไปทันทีถ้าเทียบกับวิธีของทีมชาติ
โค้ชที่เคยเป็นนักกีฬามืออาชีพมาก็จะเข้าใจเรื่องกีฬานั้นดีกว่าหลี่ไต้อยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น โค้ชที่เคยเป็นนักกีฬาวิ่งเร็วมาก่อน อาจจะมีความรู้ในด้านการฝึกกีฬาอื่นๆน้อยก็จริง แต่ความรู้ที่เขามีนี้มากกว่าหลี่ไต้แน่ๆถ้าเป็นเรื่องของการฝึกวิ่งเร็ว
ไอ้คำว่า”ดีกว่า”นี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าจริงๆหรอก แต่มันหมายถึงการจัดตารางฝึกที่ดีกว่า ความเข้าใจที่ดีกว่า ความรู้งานที่ดีกว่า วิธีที่ดีกว่า สำหรับผลลัพธ์นั้น หลี่ไต้เชื่อว่าเขาเองมีผลลัพธ์ที่ดีพอๆกับโค้ชอื่นๆ มันเป็นสิ่งที่ระบบโค้ชการันตีให้เขาได้
ในตอนที่หลี่ไต้อยู่ในทีมเยาวชนในเขตฮั่นเบนั้น เขาจะเน้นไปที่การสอนเทคนิค และการฝึกร่างกายในการกระโดดไกลหรือว่าทุ่มน้ำหนัก เขามีความรับผิดชอบในการฝึกขั้นพื้นฐาน
นักกีฬาหนุ่มนั้นก็เหมือนกับหยกที่ยังไม่ถูกเจียรนัย สิ่งสำคัญที่สุดในขั้นแรกเลยก็คือการสร้างรากฐานให้มั่นคง มันเป็นการฝึกขั้นพื้นฐานซ้ำไปซ้ำมาไม่มีวันจบตลอดทุกวันของการฝึกสำหรับนักกีฬาอายุน้อย
การฝึกขั้นพื้นฐานทั้งหมดนั้นเหมือนกันในทุกกีฬา โค้ชที่ยังไม่เชี่ยวชาญในความรู้แบบมืออาชีพมักจะสอนนักกีฬาในการฝึกขั้นพื้นฐาน เพราะอย่างนี้หลี่ไต้จึงสามารถรับการฝึกได้แบบง่ายๆและสบายๆ อีกอย่าง ด้วยการช่วยเหลือของระบบโค้ชนั้นช่วยให้หลี่ไต้เองโดดเด่นขึ้นมาในบรรดาโค้ชทั้งหลาย แล้วตอนนี้เขาก็มายืนอยู่ในทีมชาติแล้วจะมีส่วนร่วมในการฝึกหลากหลาย หลี่ไต้คิดว่า เขายังต้องเรียนรู้อีกมาก
ความประทับใจครั้งแรกของหลี่ไต้ที่มีต่อการฝึกของทีมชาติคือการที่ทีมชาติเก่งในการหาปัญหาและแก้ปัญหาของนักกีฬาได้อย่างรอบด้าน รวมไปถึงวิธีการจัดตารางการฝึกของนักกีฬาให้แก้ไขปัญหาพวกนั้นอย่างรอบคอบด้วย
อีกอย่างนึงคือ การฝึกของทีมชาตินั้นใส่ใจในรายละเอียดมากๆ สำหรับหลี่ไต้รายละเอียดเล็กๆน้อยๆนั้นเป็นอะไรที่ไม่มีพิษมีภัย และไม่ได้ส่งผลอะไรกับผลลัพธ์การฝึกมากนัก แล้วไอ้รายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ถูกเมินโดยโค้ชทั่วไปเนี่ยละ จะต้องถูกทำถูกต้องในทีมชาติ ก็จริงอยู่ว่าจุดผิดพลาดเล็กๆมันไม่ได้ส่งผลอะไรกับผลลัพธ์โดยรวม แต่ถึงอย่างนั้น การสะสมความผิดพลาดเล็กๆไว้หลายๆครั้งมันจะทับถมจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ บางครั้ง จุดผิดพลาดเล็กๆนั้นอาจจะส่งผลแบบกระทบชิ้งหากันและกัน จนเป็นบัตเตอร์ฟรายเอฟเฟ็ค ความผิดพลาดในจุดเล็กๆ จะนำมาซึ่งความหายนะอันยิ่งใหญ่ได้
2ปีก่อนหน้านี้หลี่ไต้ยังได้ไปอยู่แค่ในศูนย์ฝึกเป๋ยโข่ว แล้วเขาได้ไปมีส่วนร่วมในการฝึกของหลินเฟ่ยเหลียง หลี่ไต้ไม่คิดถึงความเป็นจริงตอนนั้นเลย แต่ตอนนี้ ความเข้าใจในเรื่องการฝึกของเขามีมากขึ้นแล้ว รวมไปถึงพร้อมที่จะไปมีส่วนร่วมในการฝึกที่แตกต่างแล้วด้วย
ตอนนี้หลี่ไต้เหมือนกับฟองน้ำแห้งๆ ที่จู่ๆก็ถูกเอาไปโยนลงในทะเล เขาเริ่มที่จะซึมซับทุกๆอย่างที่อยู่รอบตัว เขารู้สึกได้ว่าตัวเองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆแล้วได้ฝึกในความรู้ที่มีมา แล้วก็ได้ประสบการณ์จากการสังเกตเรียนรู้ และมีส่วนร่วมในการฝึก
การซ้อมและประสบการณ์ ซึ่งจะสะสมไปตามการเวลาในทุกวงการ เป็นสิ่งที่หลี่ไต้ขาดมากที่สุด สำหรับโค้ชกีฬา การฝึกซ้อมและประสบการณ์นั้นมากกว่าแค่สำคัญ ไม่เหมือนกับบางวงการที่จู่ๆก็แจ้งเกิดได้ในชั่วพริบตา กลับกัน การเติบโตเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยมนั้นต้องใช้เวลาพัฒนาอย่างเนิ่นนาน
การสังเกตและเรียนรู้ในทีมชาตินั้นให้โอกาสเริ่มต้นใหม่กับหลี่ไต้ การได้ฝึกกับทีมชาตินั้นเป็นเหมือนถ่านที่เปลี่ยนแปลงสภาพกลายเป็นเพรชแท้แล้ว วิธีการฝึกรวมไปถึงแนวคิดในการฝึกนั้นจัดอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า ศิลปะ อย่างน้อยก็ในประเทศนี้แล้วก็สามารถนำไปใช้ได้จริง ประสบการณ์การมาเยือนทีมชาติของหลี่ไต้ในครั้งแรกนั้น ช่วยชีวิตเขาในช่วงวิกฤตมาหลายครั้งแล้ว
ในขณะเดียวกัน ทีมชาติเองก็มีนักกีฬาที่ดีที่สุดจากทั่วทั้งประเทศมารวมตัวกันด้วย หลี่ไต้ก็จะได้มีส่วนร่วมในการฝึกประจำวันของพวกเขา ทำให้ได้รับค่าประสบการณ์มากมายสำหรับระบบโค้ช อีกอย่าง เพราะว่าความสามารถในการนวดผ่อนคลายของเขานั้นเลื่องลือมาก ทำให้งานเข้าเขาบ่อยๆ ซึ่งก็จะใช้เวลาในช่วงว่างๆซะส่วนมาก ค่าประสบการณ์ของเขาเลยขึ้นแบบพรวดพลาดอีกครั้ง
เมื่อช่วงสังเกตและเรียนรู้2เดือนผ่านไปได้ครึ่งทางแล้ว ระบบของหลี่ไต้ก็ได้รับการอัพเกรดอีกครั้ง เขาได้ผ่านช่วงที่ยากลำบากของโค้ชระดับ2 แล้วกลายมาเป็นโค้ชระดับ1ในสำเร็จ