Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 163
หลังจากนั้นชีวิตของหลี่ไต้ก็เข้าสู่จุดพลิกผันครั้งใหญ่ นอกจากการฝึกนักกีฬาในฐานฝึกของทีมชาติแล้ว หลี่ไต้ยังได้เข้าร่วมการแข่งกรีฑาประจำเขตต่างๆตามซูหลี่
ไม่แปลกใจเลยที่ซูหลี่นี้เป็นโค้ชกรีฑาอันดับต้นๆของประเทศ ความรู้ทางด้านทฤษฏี การซ้อมฝึกฝนรวมไปถึงประสบการนั้นยอดเยี่ยมยิ่งกว่าโค้ชไหนๆที่หลี่ไต้เคยเจอมา หลี่ไต้บอกได้เลยว่าตัวเองนั้นพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้การสั่งสอนของซูหลี่
2ปีก่อนหน้านี้ ตอนที่หลี่ไต้เข้ามาประจำการชั่วคราวที่ศูนย์ฝึกเป๋ยโข่ว เข้าได้มีส่วนร่วมในการฝึกหลินเฟ่ยเหลียง โดยการนำของโค้ชติ้งจี่ไฮ ในขณะเดียวกัน โค้ชติ้งในตอนนั้นก็ไม่ได้สอนหรือส่งต่อความรู้ทางด้านการฝึกให้กับหลี่ไต้อะไรหรอก แต่เป็นหลี่ไต้เองที่เรียนรู้และสังเกตด้วยตัวเอง เพราะว่าหลี่ไต้ถูกย้ายไปเพราะว่าเรื่องงาน โอกาสที่จะได้ถามคำถามเลยน้อยแบบน้อยมากๆถ้าเทียบกับตอนนี้
ซูหลี่เองก็ทำตัวมากกว่าเป็นแค่อาจารย์ เขาส่งต่อความรู้ทั้งหมดและความสามารถในการฝึกที่เขามีให้กับหลี่ไต้ แม้กระทั้งแชร์ประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาตลอดหลายปีมานี้ให้กับหลี่ไต้โดยไม่กั๊ก
ซูหลี่นั้นอายุเกือบๆจะ60แล้ว เขาอยู่ในวงการวิ่งเร็วมามากกว่า40ปี แล้วก็มีประสบการณ์ในการเป็นโค้ชมากกว่า30ปี เขายังรับตำแหน่งรองหัวหน้าโค้ชประจำทีมชาติมาเกือบๆจะ10ปีแล้ว ซูหลี่นั้นเห็นการเปลี่ยนแปลงไปของวงการกรีฑามาโดนตลอด ประสบการณ์และความสามารถของเขา ทำให้เขาเป็นครูที่ดีได้
ถ้าเทียบกับการเรียนรู้ด้วยตัวเอง การสอนโดยมีครูสอนนั้นดีกว่าเห็นๆ การทำงานภายใต้การนำของซูหลี่นั้นทำให้หลี่ไต้พัฒนาในด้านการฝึกวิ่งได้ไกลมาก
ทรัพยากรการฝึกของทีมชาตินั้นดีกว่าที่ทีมเขตมากๆ ทีมชาตินั้นถึงขั้นมีห้องข้อมูลพิเศษที่เอาไว้เก็บรวบรวมพวกหนังสือพิมหรือแมกกาซีนที่เกี่ยวกับกีฬาและการฝึกกีฬาจากทั่วโลก หนังสือพิมพ์กับนิตยสารเหล่านั้นจะรวบรวมและสรุปออกมาให้โค้ขทีมชาติได้ดูและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฝุกขั้นสูงในกีฬากรีฑาต่างๆรวมไว้ที่นี้
แล้วถึงแม้ว่าจะมีโค้ชอีกหลายคนที่อ่านหนังสืออังกฤษไม่ออก แต่ผู้เชี่ยวชาญก็สามารถเข้าใจข้อมูลที่วิเคราะห์ออกมาได้อยู่ดี มันก็เหมือนเอกสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญจริงๆไม่ได้สนใจเรื่องผลลัพท์ แต่เป็นข้อมูลทางแลปตั่งหากที่พวกเขาสนใจ นักวิทยาศาสตร์อยากได้ก็แค่ตารางข้อมูลเท่านั้น
ภาษาอังกฤษของหลี่ไต้นั้นอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ ถึงแม้ว่าสกิลการพูดปากเปล่าภาษาอังกฤษของเขาจะห่วยแตกแต่อย่างน้อยเขาก็อ่านภาษาอังกฤษออก สำหรับหลี่ไต้ ห้องข้อมูลของทีมชาตินั้นเป็นเหมือนขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ เกือบทุกวันเขาต้องใช้เวลา1-2ชั่วโมงในห้องนั้น ทุกครั้งเขาจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆกลับไปเสมอ เพราะเหตุนี้ หลี่ไต้เลยเข้าสู่ช่วงเรียนอย่างบ้าคลั่ง เขารู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเรียนมหาลัยใหม่อีกครั้ง
มันมีหลายครั้งที่คนเราจะเมินความสำคัญของการเรียนในมหาลัย มันเป็นเรื่องธรรมดา คนหลายคนทำตัวขี้เกียจแล้วก็เริ่มอ่านหนังสือจริงจังก็แค่ตอนที่ใกล้สอบเท่านั้น
ถึงอย่างนั้น ทันทีที่พวกเขาได้งานทำ พวกเขาก็จะคิดถึงความสำคัญของความรู้ขึ้นมาทันที จากนั้นพวกเขาก็จะเริ่มเรียนรู้และศึกษาด้วยตัวเอง นั้นเป็นสาเหตุว่าทำไมการศึกษาผู้ใหญ่ถึงเป็นที่นิยมทุกวันนี้
หลี่ไต้เองก็เหมือนกัน ตลอดเวลาที่เขาเรียนจบไปจากมหาลัย พบเจออะไรใหม่ๆ เจอโค้ชมากหน้านักกีฬาหลากตา โดยเฉพาะการได้เจอกับฉวงซูฉี ทำให้หลี่ไต้มีความรู้สึกอย่างแรงกล้าในความสำคัญของการพัฒนาตัวเอง ความรู้เป็นทุกอย่างที่เขามี ยิ่งมีความรู้มากเท่าไร เขาก็สามารถไปได้ไกลในฐานะโค้ชมากเท่านั้น
เพราะอย่างนี้ หลี่ไต้เลยยินดีกับโอกาสนี้มากๆ เขาทำงานอย่างหนักจนเข้าตาซูหลี่เลยทีเดียว
…
“หลี่ไต้ ฉันวางแผนที่จะส่งนายไปมหาลัยชิงฮั่วเดิอนหน้า”ซูหลี่หยุดแล้วพูดต่อ “นายจะไปมหาลัยชิงฮั่วและเป็นตัวแทนของทีมชาติ”
“ผมจะไปทำไมที่นั้นละครับ? มหาลัยชิงฮั่วต้องการโค้ชอย่างพวกเราเหรอครับ?”หลี่ไต้ถามอย่างสับสน
มหาวิทยาลัยชิงฮั่วนั้นเป็นจุดสูงสุดแห่งการศึกษาในประเทศจีน หลี่ไต้เองมีความประทับใจกับมหาลัยนี้ว่าเป็นสถานที่สำหรับการทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้วก็มีเหล่าอาจารย์ใส่เสื้อแลปแว่นกลมๆหน้าดูฉลาดๆเดินป้วนเปี้ยนแถวห้องแลป ในฐานะผู้ใช้แรงงานร่างกายอย่างโค้ชนั้น ไม่ควรจะมีอะไรให้ทำที่นั้นเลยแม้แต่น้อย”
“แผนกกีฬาของมหาลัยชิงฮั่ว นายไม่รู้ใช่ไหมเนี่ย?”ซูหลี่ถาม
แผนกกีฬามหาลัยอะไรนะครับ? ผมคิดว่ามหาลัยชิงฮั่วมีแต่พวกนักวิจัยซะอีก”หลี่ไต้รู้สึกเหมือนได้เปิดโลกใหม่
มหาวิทยาลัยที่หลี่ไต้เคยอยู่นั้นไม่ได้อยู่ในทั้งโปรเจ็ค985* และโปรเจ็ค211* มหาวิทยาลัยของเขานั้นเป็นแค่มหาลัยระดับ2ธรรมดา แล้วก็ไม่ได้เสี้ยวของมหาลัยชิงฮั่วด้วยซ้ำซึ่งเป็นมหาลัยที่หลี่ไต้ไม่เคยคิดจะไปแตะ ดังนั้นจึงไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่หลี่ไต้จะรู้จักแผนกกีฬาในมหาลัยนั้นได้
“มหาวิทยาลัยชิงฮั่วนั้นมีแผนกกีฬาที่ทรงอำนาจมากถึงขั้นเคยทำผลงานในการแข่งระดับโลกมาแล้วนะ”ซูหลี่พูดต่อ “ในแผนกกีฬาของมหาวิทยาลัยนั้นประกอบไปด้วย26ประเภทกีฬาและ36ทีม พวกเขาไม่ได้มีแค่ทีมกีฬาทั่วไปอย่างกรีฑา บาสเก็ตบอล ฟุ๊ตบอล แต่ยังรวมไปถึงทีมโกะ ทีมหมากรุก ทีมปีนเขาและอื่นๆอีกมากมาย”
“มันควรจะถูกเรียกว่าเป็นชมรมซิครับ ผมนึกว่ามันจะเชี่ยวขาญขนาดเป็นถึงแผนกได้เลยซธอีก!” หลี่ไต้รู้ตัวว่าเขากำลังเข้าใจซูหลี่ผิดอยู่เขาคิดว่ามันก็เป็นแค่แผนกพละของมหาลัยที่เก่งขึ้นมาหน่อยเท่านั้นเอง
“ชมรมนักเรียนเหรอ? นี้มันไม่ใช่ชมรมธรรมดาๆซักหน่อย ในบรรดานักกีฬาของพวกนั้น มีหลายคนที่มีพรสวรรค์มากๆ บางคนถึงขั้นทำให้ทีมชาติอย่างเราอิจฉาได้เลยนะ อีกอย่างแผนกกีฬาของมหาลัยนั้นก็ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยกีฬาและสุขภาพกับ แลปวิทยาศาสตร์กีฬาและร่างกายมนุษย์ขึ้นมา มีศาสตราจารย์หลายคนมากๆสมัครเข้าไปในสถาบันนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีหมอกับคณาจารย์ระดับสูงอีกมากกว่า10คน สำคัญกว่านั้นเลย สถาบันนั้นถูกเลือกให้เป็นฐานการวิจัยโดยกรมการกีฬาประเทศจีนเนี่ย!”ซูหลี่อธิบาย
“ยอดไปเลย!”หลี่ไต้แปลกใจเลยว่าทำไมที่นั้นถึงมีทรัพยากรการสอนมากขนาดนั้น มหาลัยนั้นเป็นทั้งมหาลัยอันดับ1และอยู่ทั้งในโปรเจ็ค985และ211
ก็ไม่ค่อยน่าแปลกใจเท่าไร นั้นมหาลัยชิงฮั่วเลยนะ มันเจ๋งอยู่แล้วหลี่ไต้พูดกับตัวเอง แล้วถาม “แล้วหน้าที่ของผมที่จะเข้าไปในมหาลัยนั้นคืออะไรละครับ มีทั้งด๊อกเตอร์มีทั้งผู้เชี่ยวชาญระดับสูงกว่าผมมากทั้งนั้น ผมคงไปช่วยวิจัยเขาไม่ได้หรอกนะครับ ยกเว้นซะแต่จะเอาผมไปชำแหล่ะวิจัยซะเอง”
หลังจากได้ยินมุกตลกของหลี่ไต้ ซูหลี่ก็ขำ “มันมีนักกีฬามากมายในมหาลัยนั้น ถึงแม้พวกเขาจะมีนักวิจัยเยอะแยะก็ตาม แต่พวกนั้นฝึกนักกีฬาไม่ได้ซักหน่อย แน่นอนละว่านายจะถูกส่งไปที่นั้นเพื่อฝึกนักกีฬาในฐานะโค้ชไงละ”
เดี๋ยวนะ รอบนี้ฉันจะได้ไปเป็นผู้ช่วยหรือไปฝึกจริงๆกันหว่า? ฉันหวังว่ารอบนี้คงจะไม่เหมือนกับการที่ไปเป็นลูกกระจ๊อกในศูนย์ฝึกเป๋ยโข่วนะ! หลี่ไต้นึกถึงวันวานที่ต้องเหนื่อยในศูนย์ฝึกเป๋ยโข่วเมื่อ2ปีก่อน
“เรื่องมันเป็นงี้ ทางทีมชาติได้ทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับทางมหาลัย มหาลัยชิงฮั่วนั้นมีโค้ชอยู่น้อยมาก ส่วนมากจะยังมีหน้าที่สอนอยู่ด้วยไม่ใช่หน้าที่โค้ช อีกอย่าง ความสามารถของโค้ขที่นั้นไม่ได้ดีเท่ากับของเรา พวกเขาเลยมักจะ”ยืม”โค้ชของพวกเราประจำ”
พอบอกแบบนั้นซูหลี่ก็รู้สึกอายขึ้นมานิดหน่อย “เอาจริงๆแล้ว การร่วมมือกันระหว่างเรากับมหาวิทยาลัยชิงฮั่วนั้นมันค่อนข้างเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกันหน่ะ นายคงรู้ว่ามีโรงเรียนมัธยมที่อยู่ในเครือของมหาลัยชิงฮั่วใช่ไหม? มันเป็นโรงเรียนที่ดังมากเลยนะ โค้ชของทีมชาติแต่ละคนก็อยากส่งลูกไปเรียนที่นั้นกันทั้งนั้น แต่ละปี ทางมหาลัยจะเสนอที่สำหรับลูกหลายโค้ชในทีมชาติเข้าโรงเรียนมัธยมในเครือหน่ะ เราเป็นหนี้มหาลัยชิงฮั่วในเรื่องนี้ ดังนั้น เมื่อพวกเขาขาดคน เราก็ต้องส่งคนเข้าไปช่วยพวกเขาเหมือนกัน”
หลังจากได้อธิบายแล้ว ซูหลี่ก็พูดอย่างแข็งกร้าวขึ้นมา “ปรกติแล้วฉันจะส่งโค้ชที่เป็นโค้ชประจำการของทีมชาติไปที่มหาลัยชิงฮั่วแต่เห็นว่ารอบนี้นายได้ติดตามฉันมาหลายเดือนแล้ว ฉันหวังว่านายคงจะได้เรียนรู้อะไรเยอะแล้วในช่วงเวลาเหล่านี้ ฉันเลยตัดสินใจที่จะส่งนายไปเพื่อคล้ายๆกับการฝึกงาน จะบอกว่ามันเป็นคล้ายๆกับการทดสอบสิ่งที่นายได้เรียนมาก็ได้นะ”
“จำไว้ ว่านายเป็นตัวแทนของทีมชาติ อีกอย่าง ฉันก็โม้เรื่องนายไว้ให้มหาลัยนั้นไว้เยอะด้วย บอกว่านายเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายที่ได้รับพลังโค้ชไปจากฉัน ดังนั้น ทำงานให้ดีในมหาลัยชิงฮั่ว อย่าทำให้ฉันขายหน้าเชียว!”
*โปรเจ็ค211และ985นั้นเป็นระบบการมหาวิทยาลัยในประเทศจีน ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การสร้างมหาวิทยาลัยต้นแบบที่ดีที่สุด