Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 167
ก่อนหน้านี้ ฉินเฉี่ยวเทียนนั้นค่อนข้างมั่นใจในเทคนิคการวิ่งตัวเองมาก เขาคิดว่าความรู้ที่เขามีจะทำให้หลี่ไต้สงบปากสงบคำได้
แต่ไม่เลย หลังจากที่หลี่ไต้ได้อธิบายหลายๆอย่างแล้ว เขาก็รู้ทันทีว่าหลี่ไต้นั้นคิดถูก หลี่ไต้เข้าใจการฝึกวิ่งมากกว่าเขาหลายเท่านัก
คำสรุปของหลี่ไต้นั้นมีไว้เพื่อการโน้มน้าวใจโดยเฉพาะ เขาชี้ให้เห็นแล้วว่าวิธีการฝึกของฉินเฉี่ยวเทียนนั้นอาจจะทำให้เกิดอการเกร็งตัวของข้อสะโพกรวมไปถึงกระดูกเชิงกรานเคลื่อนด้วย ซึ่งทำให้ฉินนั้นตกใจอย่างมาก การบาดเจ็บของนักกีฬานั้นอาจจะนำไปสู้การจบอาชีพได้อย่างง่ายได้ บางทีอาจจะถึงขั้นที่เป็นไปตลอดชีวิต
ก่อนหน้าตอนนี้ ฉินนั้นเมินทุกอย่างที่หลี่ไต้พูด แต่พอนึกถึงคำของหลี่ไต้ดีๆแล้วไปลองประเมินดูกับสภาพร่างกายตัวเอง ฉินก็รู้สึกคล้อยตามหลี่ไต้ขึ้นมา เขาถึงขั้นอยากจะขอบคุณหลี่ไต้ที่เตือนเขาถึงปัญหาที่สำคัญขนาดนี้
หลี่ไต้นั้นโน้มน้าวฉินด้วยการแสดงความสามารถของตัวเอง วินาทีต่อมาฉินกลายเป็นคนหัวอ่อนแล้วพูดในน้ำเสียงที่แข็งขันมากขึ้น “โค้ชหลี่ ผมจะเชื่อฟังคำสอนของคุณ ผมต้องแก้ไขในสิ่งผิดให้ได้
หลี่ไต้พยักหน้าแล้วยื่นกระดาษเอ4ให้กับฉิน
“นี้เป็นแผนการฝึกที่ฉันทำไว้ให้นาย ก่อนหน้านี้นายเอาแต่ฝึกยกเข่าสูงซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเทคนิคที่นายใช้อยู่ มันไม่โอเคแน่ๆถ้าจะทิ้งสิ่งที่นายมีแล้วยัดเอาเทคนิคใหม่ๆเข้าไปให้นาย ผลที่ออกมามันจะแปลกๆแล้วมันจะทำให้นายเสียกำลังที่เคยมีจนไม่ได้อะไรกลับมาเลย”
“ดังนั้นฉันเลยปรับจากแผนการฝึกเดิม การฝึกใหม่ของนายนั้นจะเน้นไปที่การทำเข่าสูงของนายให้ต่ำลง เพื่อที่จะได้ขัดกับวิธีดั่งเดิมที่นายเคยทำ วิธีการฝึกนั้นจะเน้นแรงบริเวณต้นขา สร้างแรงเหวี่ยงไปข้างหน้าด้วยต้นขา การเบรกแล้วลงพื้นอย่างรวดเร็ว เพิ่มความสามารถในทั้งด้านความเร็ว และแก้ไขในสิ่งที่นายยังพลาดอยู่”
ตอนที่หลี่ไต้อธิบายนั้น ฉินเอาแต่พยักหน้า เขาเริ่มไปฝึกตามที่หลี่ไต้บอกทันที
“ขอบคุณครับโค้ชหลี่ ผมจะฝึกอย่างหนักแน่นอนครับ!”ฉินมองหลี่ไต้อย่างบูชา
พอเห็นการเปลี่ยนไปของฉินแล้ว คนอื่นๆก็เริ่มไม่สงสัยหลี่ไต้แล้ว
ฉินเฉี่ยวเทียนนั้นเป็นอันดับ2ของทีมวิ่งเร็วมหาลัยชิงฮั่ว แต่ตอนนี้ฉินคนนั้นกลับโดนหลี่ไต้เป่าหูไปเต็มๆ คนที่ไม่ได้เก่งกว่าฉินก็คงไม่มีข้ออ้างอะไรแล้ว
โค้ชหลี่ไต้เจ๋งไปเลย! เขาจับความผิดทางเทคนิคของฉินเฉี่ยวเทียนคนนั้นได้ แถมยังร่างแผนการฝึกให้เขาแบบมีประสิทธิภาพอีกด้วย รู้ได้เลยเพราะไม่งั้น ฉินคงไม่เปลี่ยนไปเร็วขนาดนั้นหรอก
ดูเหมือนว่าโค้ชทุกคนในทีมชาติจะเจ๋งเอาเรื่องแหะ โค้ชหลี่คนนี้ถึงจะยังหนุ่ม แต่เขาก็มีฝีมือทีเดียว
เมื่อไรจะถึงตาฉันละ? ฉันอยากได้รับคำแนะนำจากโค้ชหลี่เหมือนกันนะ ฉันอยากจะแก้ข้อเสียของตัวเอง แต่ฉันไม่รู้จะเริ่มยังไง ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ฉันคงต้องขอให้โค้ชหลี่ช่วยสอนละ”
ทุกคนเริ่มคิดกันอย่างจริงจังขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกชิวๆสบายๆนั้นหายไปดั่งสายลม พวกเขามองไปที่หลี่ไต้เป็นตาเดียวกัน เฝ้ารอคำสั่งสอนของเขา
หลี่ไต้นั้นก็ไม่คิดจะเสียเวลา ตลอดเวลาที่อยู่กับทีมชาตินั้น เขาใช้ทุกวินาทีเพื่อเรียนรู้ แล้วตอนนี้ความรู้นั้นก็ส่งผลดีกับเขาแล้ว และด้วยการโกงอย่างถึงขีดสุดของเครื่องตรวจสอบ +กับความรู้ที่เขามี รวมไปถึงความสามารถและประสบการณ์ที่เขาได้จากซูหลี่ ทำให้หลี่ไต้จัดการกับนักกีฬาได้อย่างง่ายได้และมีประสิทธิภาพ
ไอ้ความพยายามที่จะอวดของฉันไม่ได้ผลเว้ย เอ๊ะ เดี๋ยวซิ มันต้อง50%ดิ ฉันยังเหลือนักกีฬาที่เวลสูงสุดอยู่นี้ หลี่ไต้แสกนทีมแล้วผ่อนคลายนิดหน่อย วินาทีต่อมา หลี่ไต้มองรายชื่อแล้วเรียก “หนิวกั๋วหง ออกมา”
หลี่ไต้เรียกหนิวกั๋วหงออกมา เขาเป็นนักกีฬาพรสวรรค์ระดับB-มีความสามารถอยู่ที่ประมาณ500กว่าๆ ในขณะเดียวกันเขายังเป็นหัวหน้าทีมวิ่งของมหาลัย หนิวเป็นนักกีฬาที่มีอำนาจมากที่สุดในทีมรวมไปถึงเป็นตัวเต็งของแผนกกีฬามหาลัยชิงฮั่ว ความสามารถของเขานั้นเหนือกว่าฉินที่เป็นอันดับ2ของทีมอีก
ในจุดที่หนิวอยู่ตอนนี้ เขาสามารถไปเข้าทีมชาติแล้วได้รับการฝึกที่ดีเยี่ยม จนกลายมาเป็นนักวิ่งระดับแนวหน้าของประเทศจีนได้แน่ๆ
เอาความเป็นจริงแล้วหนิวนั้นได้รับความสนใจจากทีมชาติมานานแล้ว เคยถูกเชิญเข้าทีมชาติแล้วด้วย แต่หนิวปฏิเสธ เขาเลือกที่จะอยู่ที่มหาลัยชิงฮั่วต่อ การเข้าทีมชาตินั้นมันอาจจะดูยิ่งใหญ่สำหรับนักกีฬาธรรมดา แต่สำหรับเด็กที่อยู่ในมหาลัยนี้ ทีมชาติก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น
การเข้าทีมชาตินั้นหมายความว่าต้องฝึกอย่างต่อเนื่อง นักกีฬาบางช่วงนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าทีมชาติ ดังนั้น หนิวจึงจำเป็นต้องทิ้งการเรียนของตัวเองถ้าเขาอยากจะเข้าทีมชาติซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ แต่บางที หนิวอาจจะเข้าทีมชาติหลังจากที่เขาเรียนจบก็ได้
ยิ่งกว่านั้น นักกีฬาในทีมชาตินั้นถูกจำกัดสิทธ์ในการแข่งขันของมหาลัยบางที่ เพราะว่ามหาลัยนั้นขึ้นตรงกับกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนทีมชาติขึ้นตรงกับกระทรวงการกีฬา เส้นแบ่งระหว่าง2องกรณ์นี้ชัดเจน
…
หลี่ไต้รู้ดีว่าแค่เป่าหูฉินเฉี่ยวเทียนคนเดียวมันไม่พอ เขาต้องเป่าหูหัวหน้ากลุ่มด้วย เพื่อที่จะให้นักกีฬาทุกคนเชื่อฟังเขา ทีมวิ่งของมหาลัยนั้นจะต้องมีหัวหน้าทีม ซึ่งเป็นนักกีฬาที่มีพรสวรรค์(ที่ใช้ได้)มากที่สุด อย่างหนิวกั๋วหง ถ้าหนิวยอมทำตามเขา นักกีฬาคนอื่นก็ต้องยอมตามหัวหน้าแน่นอน
หลังจากที่ได้ยินชื่อของเขา หนิวก็เดินออกมาข้างหน้า เขาสงบมาก ความหยิ่งพยองของเขาถูกกลบจนหมดสิ้น แต่ลึกๆในใจแล้วหนิวยังคงไม่เชื่อว่าหลี่ไต้จะเห็นจุดอ่อนของเขา เพราะว่าหนิวนั้นแทบจะไม่ได้มีจุดอ่อนที่เด่นชัดอะไรเลย
เทคนิคของฉันนั้นใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบแล้ว ที่ฉันต้องทำในการแข่วก็แค่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายจะมองเห็นจุดอ่อนของฉันชัดขนาดนั้น เขามองหลี่ไต้อย่างตั้งใจเหมือนกับนักล่าที่จ้องมองเหยื่อ
หลี่ไต้รู้สึกได้ถึงความมั่นใจของหนิว ซึ่งจุดไฟในการสู้ของเขาเอง หนิวเป็นหัวหน้าทีมถ้าทำให้หนิวเชื่องได้หมายความว่าทีมวิ่งของมหาลัยชิงฮั่วก็เป็นของเขาแล้ว
“หนิวกั๋วหง จากการสังเกตของฉันเมื่อวาน ฉันเจอปัญหาใหญ่ๆของนายคือเรื่องของแรงออกตัวที่ใหญ่เกินไป”
หลังจากที่ได้ยินหลี่ไต้พูด ดวงตาของหนิวก็ส่องประกายความมั่นใจมากกว่าเดิม