Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 169
หลี่ไต้ได้แต่วิตกกังวลพอคิดถึงเรื่องหยางฉือจี๋ พูดกันตามตรงแล้ว หยางนั้นไม่ได้อยู่ในระดับมืออาชีพเลยด้วย แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าเขามีพรสวรรค์ระดับAไง
ถึงอย่างงั้น ในวินาทีต่อมา หลี่ไต้ก็รู้สึกว่านี้อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ ยิ่งเทคนิคของหยางแย่แค่ไหนก็หมายความว่าท่าทางการวิ่งนั้นมันไม่ได้ตายตัว ตอนนี้เขาก็เหมือนกระดาษเปล่า หลี่ไต้จะทำอะไรกับมันก็ได้
ยิ่งนักกีฬามีจุดอ่อนมากเท่าไร ก็ต้องยิ่งพัฒนาไปมากเท่านั้นแล้วก็เหลือที่ว่างให้กับการพัฒนาขนาดมหาศาลด้วย นั้นหมายความว่ายังอีกยาวไกลกว่านักกีฬาคนนี้จะถึงทางตัน
หยางนั้นยังเริ่งไม่ถึงความเร็วสูงสุดของเขา อีกทั้งเขายังเร่งอะไรไปไม่สุดสักทางทั้งกำลังและแรงระเบิดพลัง เขาควรจะได้รับการฝึกขั้นพื้นฐานมากกว่านี้
“หยางฉือจี๋ ออกมาข้างหน้า!”หลี่ไต้ตะโกน หยางออกมาข้างหน้าทันที
“นายมีปัญหาเยอะทีเดียว อย่างเช่นแรงระเบิดพลังของนายไม่มีพลังเลย อัตราเร่งของนายก็ยังแย่ ก้าวขาสั้น แรงออกตัวต่ำ ขาเหวียงไม่แรงพอ ความถี่ในการสับขาต่ำ การเคลื่อนไหวนายไม่ยืดหยุ่น การเคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่ำ เวลาที่นายใช้ลงเท้านานไป ระยะเวลาบินก็น้อย การตอบสนองต่ำ…”
ตอนที่หลี่ไต้กำลังไล่ชี้ข้อเสียอยู่นั้นเขาก็สังเกตสีหน้าของหยางไปด้วย หลี่ไต้คิดว่าหยางคงทำหน้าเหมือนตกใจคล้ายๆกับคนอื่นๆ หรืออย่างน้อยก็ตะลึงซักนิดก็ได้ แต่ที่เขาทำคือ ไม่ทำอะไรเลย ไม่แสดงสีหน้าอะไรด้วย
หลี่ไต้รู้สึกได้แค่ว่าหยางกำลังฟังอย่างตั้งใจ แต่หลี่ไต้ก็รู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับหยางคนนี้เหมือนกัน
“นี้เป็นแผนการฝึกที่ฉันเตรียมมาให้ เอาไปดูซิ”หลี่ไต้ยื่นแผนการฝึกให้กับหยาง หลังจากรับแผนการฝึกแล้ว เขาก็พูด ขอบคุณ แล้วหยางก็กลับเข้าไปในแถว เขายืนเงียบๆไม่สุงสิงกับใครทั้งนั้น
หยางฉือจี๋คนนี้มันเป็นพวกไม่เข้าสังคมเรอะ!หลี่ไต้พูดกับตัวเองเบาๆ เขามองหยางแล้วก็รู้สึกแปลกๆในใจ
…
ในวันต่อมาการฝึกของหลี่ไต้นั้นดำเนินไปด้วยความลื่นไหล ไม่มีอะไรมาขวางทางการเป็นโค้ชของเขาได้
นักกีฬาทุกคนในทีมเชื่อฟังหลี่ไต้เป็นอย่างดีแล้ว ไม่มีข้ออ้างหรือไม่ตั้งใจทำอะไรแล้ว แถมยังค่อนข้างให้ความร่วมมือในการฝึกตามตารางของหลี่ไต้อีกด้วย
นักกีฬาทุกคนนั้นหวังว่าจะให้ความสามารถของพวกเขานั้นดีขึ้นและดีขึ้น นักศึกษามหาลัยชิงฮั่วก็เป็นพวกมุ่งมั่นและมีพรสวรรค์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พวกเขามีความทะเยอทะยานและไม่ค่อยพอใจในจุดที่ตัวเองยืนอยู่เท่าไร พวกเขาพยายามที่จะเอาชนะตัวเองให้ได้
ตลอดการฝึกหลากหลายรูปแบบ นักกีฬาหลายๆคนเริ่มสำผัสได้ถึงการพัฒนาการในฝีมือของตัวเอง หลี่ไต้ช่วยแก้จุดอ่อนทางเทคนิคของพวกเขา แล้วก็ช่วยให้พวกเขาวิ่งได้ไวขึ้น และด้วยการที่โค้ชระดับ1แล้วการฝึกของเขาเลยได้ผลมากกว่าเดิมถึง2เท่าแต่ลงแรงเพียงแค่ครึ่งเดียว
ตัวอย่างเช่นถ้านักกีฬาโดนสั่งให้ไปทำท่าออกกำลังกายกระโดดกบร้อยครั้ง ระบบโค้ชจะทำการช่วยพัฒนาแรงระเบิดพลังของพวกเขา และแน่นอนว่าผลนี้มันมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า การกระโดดกบ100ครั้งนั้นไม่ได้ทำให้นักกีฬาเห็นผลได้ในทันที แต่หลังจากทำได้หลายวันผลก็จะออกมาอย่างชัดเจน
การพัฒนาของความสามารถนั้นทำให้นักกีฬาเชื่อหลี่ไต้มากกว่าเดิม พวกเขาทุ่มเทให้กับแผนการฝึกที่หลี่ไต้จัดไว้ให้อย่างเข้มงวดเผลอๆจะพยายามฝึกให้หนักกว่าที่วางไว้ด้วย ด้วยเหตุนี้ทำให้ความสามารถพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลี่ไต้ค่อนข้างพอใจในวินัยของพวกเขา พวกนี้เป็นนักกีฬาที่มีพรสวรรค์ แล้วพวกเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรกับนักกีฬาในทีมชาติมากนัก แถมพวกเขายังฉลาดและเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ หลายๆครั้งที่หลี้ได้ไม่จำเป็นต้องสอนแบบลงรายละเอียดลึกอะไรเลย พวกเขาเข้าใจที่หลี่ไต้พูดเองได้ พวกเขามีไอคิวที่สูงและมีความรู้สึกดีๆต่อกีฬามากเช่นกัน พวกเขารู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไรเสมอ
ถึงแม้ว่าหลี่ไต้จะรับผิดชอบการฝึกรายวันของนักกีฬา8คนนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ต้องการความสนใจมากนัก งานเขาค่อนข้างที่จะง่ายๆด้วยซ้ำ ปัญหาหนักหัวสุดๆของหลี่ไต้ตอนนี้คือหยางฉือจี๋ นักกีฬาพรสวรรค์ระดับAคนนั้น
ในสนามฝึก หลี่ไต้ยืนต่อหน้าหยางแล้วหลี่ก็พูด “เหวี่ยงขาเร็วๆกว่านี้อีก!”
หยางตอบ “โอ้”
“พยายามควบคุมจุดศูนย์ถ่วงเอาไว้”หลี่ไต้บอก
หยางตอบ “โอ้”
“ใจเย็นๆ อย่าฝืนกล้ามเนื้อมากเกินไป เทคนิคการเคลื่อนไหวของนายมันเกร็งเกินไป พยายามทำให้มันเป็นธรรมชาติ”หลี่ไต้บอก
หยางตอบ “โอ้
“นี้..”
“โอ้”
“โอ้ พ่อง!!!”(หลี่ไต้ไม่ได้คิด ไม่ได้พูด แต่คนแปลพูดเอง)
หยางฉือจี๋ดูเหมือนจะยอมรับและฟังคำสอนของหลี่ไต้ แต่หลี่ไต้นั้นผิดหวังในตัวหยางอยู่ดี หลี่ไต้รู้สึกได้ว่าการฝึกของหยางนั้นยังมีปัญหาอยู่ แต่เขาไม่รู้ว่าปัญหานั้นมันมาจากไหน เขาสังเกตการณ์ฝึกของหยางอยู่นาน แล้วเขาก็รู้สึกทุกครั้งว่ามันมีอะไรขาดๆไป
แล้วอะไรละที่ขาดไป? หลี่ไต้คิดจนขมวดคิ้วซักพัก เขามองไปที่นักกีฬาคนอื่น จากนั้นก็มองกลับมาที่หยาง สุดท้าย เขาก็ได้คำตอบกลับมา
แรงใจไงละ! ที่เขาขาดไปคือแรงใจ! การฝึกของหยางฉือจี๋นี้มันขาดแรงใจอย่างแรงเลย มันดูไม่เหมือนกับว่าเขาเป็นคนฝึก แต่มันเหมือนกับหุ่นคนที่ทำๆไปให้เสร็จๆตามที่สั่งมากกว่า
แต่ทำยังไงดีกับนักกีฬาที่ขาดแรงใจละ
การฝึกของหยางนั้นขาดแรงใจอย่างเห็นได้ชัด หยางฉือจี๋ตอนนี้สภาพดูเหมือนซอมบี้ในสนามซ้อม ฝึกต้อยๆแบบไม่รู้สึกสนุก เศร้า เหนื่อย ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น หยางตอนนี้ฝึกแบบหุ่นยนต์เอามากๆ
หรือว่าเขาจะอู้วะ? ก็ไม่ นั้นเขาดูเวลารึเปล่า? ก็ไม่ หลี่ไต้ส่ายหัวกับการฝึกของหยางที่มันไม่กระฉับกระเฉงเอาซะเลย การฝึกของเขาตอนนี้ดูไม่กระฉับกระเฉงแบบแปลกๆ
ตอนที่หลี่ไต้ไปที่ศูนย์ฝึกเป๋ยโข่ว หลินเฟ่ยเหลียงก็ฝึกแบบคล้ายอย่างนี้เหมือนกัน เขาปล่อยตัวและจบการฝึกเร็ว มันเป็นการบอกกลายๆว่าเขานั้นฝึกอย่างไม่จริงจัง แต่หยางฉือจี๋นี้ต่างออกไป
ต่อมาตอนที่หลี่ไต้ไปคุมทีมทุ่มน้ำหนัก เจียงกังเฉินกับคนอื่นๆก็อู้กันเละเทะระหว่างการฝึก แต่หยางคนนี้ก็ไม่ได้เหมือนกับพวกนั้นเหมือนกัน
หยางไม่ได้ทั้งอู้และก็ฝึกได้ตรงเวลาเขาไม่เคยมาสายหรือกลับก่อนแต่อย่างใด เขาจบทุกการฝึกที่หลี่ไต้ได้มอบหมายไว้ให้ แต่ระหว่างการฝึกนั้นเองหยางดูเหมือนกับใจลอยไปกับอะไรบางอย่าง เขาไม่ได้ใจไปกับการฝึกเลย ดูเหมือนกับว่าเขาไม่เป็นตัวเองระหว่างที่ฝึก
นี้คงเป็นปัญหาเรื่องทัศนคติแน่ๆ หลี่ไต้ตัดสินใจในทันที
พรสวรรค์ของหยางฉือจี๋คือระดับA แล้วฉันเองก็ยังไม่เคยเจอนักกีฬาวิ่งเร็วระดับAในทีมชาติเลยด้วย เขาอย่างน้อยคงต้องเป็นนักกีฬาที่เก่งเป็นอันดับต้นๆแน่ๆ เขาไม่น่าเหมือนเจียงกังเฉิน ที่เสียความมั่นใจไปตอนที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเป็นเวลานาน
หยางคนนี้พึ่งจะอายุ19เอง การฝึกในตอนนี้ของเขาถือว่าเป็นระดับกึ่งมืออาชีพ นั้นหมายความว่าเขาไม่ได้เป็นเหมือนหลินเฟ่ยเหลียงที่ทำแบบนั้นเพราะอาการบาดเจ็บ
หลี่ไต้ยืนเท้าเอวด้วยความสิ้นหวัง เขารู้ว่าหยางนี้เป็นปัญหามากกว่าพวกอู้งานที่เข้าหลังออกก่อนเวลาซะอีก