Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 170
ระหว่างการพักเบรกการฝึก นักกีฬาก็มักจะไปกินน้ำกินท่าเเล้วพูดคุยกัน ยกเว้ยหยางฉือจี๋ ที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ พร้อมด้วยน้ำเเก้วใหญ่ในมืิ หยางไม่พูดอะไรกับใครเลย เขาไม่สบตาใครคนอื่นด้วยซ้ำ
เขานี้เเม่งโคตรเก็บตัวจริงๆ เขาเเทบจะไม่คุยอะไรกับเพื่อนร่วมทีมเลย หลี่ไต้มองเขาเงียบๆ เอาจริงๆการเป็นพวกเก็บตัวเนี่ยมันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรสำหรับนักกีฬาเท่าไร เพราะมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความสามารถ ไม่ใช่ว่าการเป็นคนคุยง่ายเฟรนลี้จะช่วยให้การงานของเขาดีขึ้น สิ่งสำคัญคือความสามารถของเขามากกว่า
เเต่ดูเหมือนว่าหยางคนนี้จะ เก็บตัวเกินไปหน่อย เขาเเทบไม่ได้คุยกับใครเลย
หลี่ไต้ยังคงสังเกตพฤติกรรมของนักกีฬาเเล้วพบว่านักกีฬทุกคนนั้นต่างก็ไม่ได้คุยกับหยางเหมือนกัน ดูเหมือนกับว่าพวกเขาชินกับสถานการณ์เเบบนี้ไปเเล้ว พวกเขาเมินการมีตัวตนอยู่ของหยางไปอย่างสิ้นเชิง
เเละเมื่อการฝึกจบลง ยังเหลือนักกีฬาอยู่3-4คน หยางก็ยังคงเป็นหมาป่าเดียวดายเดินอยู่ด้านหลังกลุ่มนักกีฬาอยู่โดยไม่พูดไม่จาอะไรทั้งนั้น
หรือว่าเขาเป็นออทิสติกวะ?หลี่ไต้พึมพัมกับตัวเอง
ถึงเเม้ว่าการวิ่งจะเป็นกีฬาเดี่ยวเเละไม่มีการร่วมมือกันใดๆระหว่างเพื่อนร่วมทีมทั้งนั้น นักกีฬากรีฑาจากเเต่ละทีมก็มารวมตัวกัน เเละตามระบบของจีนทีมฝึกที่เลเวลสูงที่สุดก็ควรจะเป็นทีมชาติ รองลงมาก็ทีมเขต ทีมเมอง ทีมโรงเรียน ทีมฝึกที่เลเวลต่างกันนั้นจะอยู่เป็นกลุ่มเล็ก นักกีฬาก็มักจะอยู่ในกลุ่มเล็กๆนั้นจนกว่าจะเกษียร
เเต่ถึงอย่างนั้น หยางเหมือนเป็นไอ้เห่ยที่ออกจากกลุ่มไป เขาไม่คุยไม่เเตะไม่ทำอะไรทั้งนั้น
หลี่ไต้จำได้ว่าคำที่ออกมาจากปากหยางมากที่สุดคือคำว่า “โอ้” เขาตอบทุกอย่างที่หลี่พูดมาด้วยคำว่า”โอ้” ทันใดนั้น คำว่า”โดดเดี่ยว”ก็เด้งขึ้นมาในหัวของหลี่ไต้ซึ่งคำคำนั้นดูเหมือนจะเหมาะที่สุดในการอธิบายหยางฉือจี๋
ตอนนี้หลี่ไต้เริ่มสงสัยละว่าหยางต้องไปเจออะไรมาถึงทำให้หยางมาเป็นเเบบนี้
…
ในสนามฝึก
“ฉินเฉี่ยวเทียน ทำได้ดีมากเเต่พยายามคุมจุเศูนย์ถ่วงให้ดีกว่านี้อีกหน่อย สังเกตรึเปล่าว่าตอนในลงพื้นขาสนับสนุนมันไม่เท่ากันอะ ตรงนั้นมันทำให้จุดศูนย์ถ่วงเสียเสถียรภาพ อย่าฝืนธรรมชาติ วิ่งให้เป็นธรรมชาติเข้าไว้ เเล้วก้าวขาอย่างมั่นใจ …”
ตอนที่หลี่ไต้กำลังสอนอยู่นั้นฉินก็ผงกหัวงึกๆเเล้วจดทุกอย่างที่หลี่ไต้พูดไว้ หลี่ไต้มักจะชี้ข้อเสียของฉินทันที ส่วนฉินเองนั้นก็เริ่มชินกับการสอนของหลี่ไต้เเล้ว เขาเลยชื่นชมหลี่ไต้มากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากสินเสร็จเเล้ว หลี่ไต้ก็เปลี่ยนประเด็นไปถามอย่างอื่น “ดูเหมือนว่านายจะไม่ค่อยถูกกับหยางฉือจี๋รึเปล่า ฉันเห็นนายไม่ได้คุยอะไรกันเลย มีปัญหาอะไรกันรึเปล่า?”
“กับมันเหรอ?”ฉินพูดอย่างหงุดหงิด “หยางฉือจี๋มันเข้ามาในทีมวิ่งทางประตูหลังไง ตอนที่เขาเข้ามา พวกเราก็นึกว่าความสามารถของเขาจะงั้นๆ เราเลยสงสัยว่าไอ้นั้นมันจะทำได้ซักกี่น้ำในทีมนี้ หลังจากนั้น เราก็ได้ยินมาว่า พ่อของมันเส้นใหญ่มาก มีตำเเหน่งใหญ่โตสุดๆ มหาลัยเลยรับเขาเข้ามาด้วยเส้นสายเนี่ยละ
เส้นเข้ามางั้นเหรอ หลี่ไต้ตกใจเล็กน้อย เขาคิดว่าสักกีฬาที่มีพรสวรรค์ระดับAอย่างงั้นคงเข้าทีมชาติได้ง่ายๆเเน่ๆ ทำไมเขายังต้องพึ่งเส้นสายในการเข้าทีมวิ่งเร็วมหาลัยชิงฮั่วอีกละ? เเต่ถึงอย่างนั้น พอคิดถึงความสามารถที่ต่ำต้อยของหยางเเล้ว หลี่ไต้ก็เริ่มเชื่อที่ฉินพูดขึ้นมา
“ถึงเเม้ว่าหยางเขาจะมาทางประตูหลังเเต่พวกนายก็ไม่ควรจะทิ้งเขาเเบบนั้นนะจริงไหม? ฉันเเทบจะไม่เห็นพวกนายคุยอะไรกับเขาเลย”หลี่ไต้พูดต่อ
“ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากคุยกับเขา เขานั้นแหล่ะที่ไม่อยากคุยกับเรา”ฉินเฉี่ยวเทียนส่ายหัว “ตอนเขาเข้ามา พวกเราก็อยากที่จะคุยกับเขานะเเต่เขาก็เมินเราตลอดเเล้วก็ไม่อยากตอบคำถามอะไรเราด้วย สุดท้ายเราก็ได้เเต่ปล่อยเขาทิ้งไว้นั้นละ ใช่ซี้ ไอ้เด็กเส้นเเบบนั้นกับเราไม่คงอยู่ห่างไกลเกินไปนี้ ฉันยังรู้สึกได้เลยว่าเราเเทบจะอยู่กันคนละโลก”
คำพูดสุดท้ายของฉินสะท้อนเข้าหัวหลี่ไต้สุดๆ เพราะเขาเป็นคนที่มักจะคิดว่าหยางเป็นคนนอก ถึงเเม้ว่าหยางจะฝึกจบตามตารางทั้งหมดเเต่เขาก็ทำเเบบเหมือนไม่อยากทำ หลี่ไต้ยังรู้สึกอีกว่าคนที่ฝึกอยู่ในสนามซ้อมนั้นไม่ใช่หยางฉือจี๋เเต่เป็นคนอื่น
หลี่ไต้ไม่เคยเจอนักกีฬาเเบบหยางมาก่อน หยางทั้งไม่มีไฟในใจเเล้วก็ยังนิ่งได้เหมือนน้ำ เขาฝึกตามที่บอกก็จริง เเต่เขาไม่ได้เเคร์เลยว่าจะฝึกไปเพื่ออะไร หลี่ไต้รู้สึกว่าเขาควรจะคุยกับหยางอย่างจริงจังซักที
…
หลังจากจบการฝึกของวัน นักกีฬาก็เริ่มทยอยออกจากสนามฝึก หลี่ไต้รีบเข้าไปหยุดหยางไม่ให้ออกไป
“หยางฉือจี๋ รอเดี๋ยวก่อน”หลี่ไต้เรียก
“หยางฉือจี๋ การฝึกเป็นไงบ้าง?”หลี่ไต้ถามหยั่งเชิง เเต่หยางไม่ได้ตอบเเต่อย่างใด ยังคงทำตัวเงียบๆต่อไป
หลี่ไต้พูดต่อ “ฉันรู้สึกได้ว่าทัศนคติในการฝึกของนายมันมีปัญหานะ”
“ผมก็ฝึกจบตามที่สั่งมาเเล้วนี้!”หยางพูดขึ้นมาทันที
“ใช่นายฝึกจบหมด เเต่นายก็ซักเเต่ว่าทำให้จบนั้นละ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลย นายนะมาฝึกทำไมละ หื้ม ฝึกเพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้นไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ฝึกให้มันจบๆไปวันๆ”หลี่ไต้หยุดเเล้วพูดต่อ “นายมีพรสวรรค์มากๆเลยนะ เเต่ความสามารถของนายตอนนี้มันดูขัดกับพรสวรรค์เอามากๆ”
หยางก้มหัวลงเเล้วกลับไปเงียบอีกครั้ง
“มีอะไรกับการฝึกรึเปล่า คิดว่าการฝึกมันไม่จำเป็นเหรอ หรือว่าเเค่ไม่อยากฝึกกันเเน่?”หลี่ไต้ถามต่อไป
หยางฉือจี๋ยังคงก้มหัวละก็เงียบ
“หยางฉือจี๋ ฉันไม่ได้อยากจะซักไซ้หรอกนะ ฉันเเค่อยากคุยกับนายบ้าง ตอนนี้ฉันบอกความรู้สึกของฉันไปเเล้ว ฉันก็รอของนายอยู่นะ”หลี่ไต้พูดจบ เขาก็มองหยาง หยางพยายามจะหลบตาหลี่ เขาอยากจะออกไปจากตรงนี้ด้วยซ้ำ
“เงียบอยู่อย่างงี้ปัญหามันก็ไม่ได้เเก้หรอกนะ ภาษาหน่ะเป็นการสื่อสารขั้นพื้นฐานของมนุษย์ นายควรจะบอกฉันมาว่านายคิดยังไงนะ”หลี่ไต้หยุดเเล้วพูดต่อ”ฉันไม่รู้หรอกว่าอะไรกวนใจนายอยู่ เเต่ถ้านายยอมบอกฉันละก็ บางทีฉันอาจจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็ได้นะ”
เเละสุดท้ายหลังจากที่รวบรวมความกล้าอยู่นานหยางก็ยอมปริปาก
“โค้ช ผมเกลียดการวิ่ง เเล้วผมก็ไม่ได้อยากเป็นนักกีฬาด้วย!”
หลี่ไต้เเทบจะอ้าปากค้าง เขาไม่คิดว่าจะได้คำตอบเเบบนี้